เรื่องเด่น 13 ตุลาคม วันนวมินทรมหาราช / น้ำพระทัยราชวงศ์ ในวันนี้ และในอดีต

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 17 พฤศจิกายน 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    วันนี้ในอดีต"

    วันที่ 14 พฤษภาคม 2526 วันที่ 14 พฤษภาคม 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทอดพระเนตรการดำเนินงานของโรงงานนมผงสวนจิตรลดา ณ บริเวณโรงโคนม สวนจิตรลดา และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้นำสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง ทั่วราชอาณาจักร เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิดาลัย

    14 May 1980. His Majesty, in the company of Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindorn, inspecting the activities of Chitralada Dairy Plant Project and granting an audience to leaders of Agricultural Co-operative Communities and Self-help Settlements, at Dusidalai Hall of Chitralada Villa.




    [​IMG]




    https://www.facebook.com/infodivohm?fref=photo


    <object width="1" height="1"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/C9yf4eT6_es?version=3&amp;hl=th_TH&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/C9yf4eT6_es?version=3&autoplay=1&amp;hl=th_TH&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="1" height="1" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    "วันนี้ในอดีต"

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2518 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำเนินประทักษิณพระบรมสารีริกธาตุ ในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา เป็นการส่วนพระองค์ ณ วัดโฆษการาม อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม และทรงพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับราษฎรที่เฝ้า ฯ

    Sunday, 25 May 1975. Their Majesties during the Visakhapuja Ceremony at Wat Khosakaram, Pla Pak District, Nakhon Phanom Province, and visiting with the villagers who had come to greet Them.




    [​IMG]


    [​IMG]
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]



    [​IMG]




    วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม 2557 เวลา 10.18 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ บริเวณศาลพระชัยมงคล วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทรงบวงสรวงพระชัยมงคล เป็นการส่วนพระองค์

    เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรม ณ พระตำหนักปลุกกเสม สวนไกลกังวล เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2471 คืนหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุบินว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมี 4 แขน มากราบบังคมทูลว่า ตนเองเป็นเจ้าที่ ชื่อว่า "ทับทิม" ขอปวารณาว่าจะคุ้มครองให้ทั้งสองพระองค์มีความปลอดภัยระหว่างประทับ ณ สวนไกลกังวล วันรุ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงออกแบบรูปเคารพที่ "ศาลเจ้าแม่ทับทิม" หรือ "ศาลพระชัยมงคล" ตามนัยแห่งพระสุบิน ซึ่งรูปเคารพมีลักษณะตามคติโบราณ เป็น "พระภูม" หรือ "ภูเทวี" เทพีแห่งปฐพี มี 4 กร พระหัตถ์ถือ ดอกบัวหลวง อัญมณี เมล็ดพันธุ์พืชผัก และว่านยา ประทับบนช้าง 4 ช้าง ด้านขวาปรากฏรูปงู สัญลักษณ์แทนปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านซ้ายเป็นรูปเต่าบก ตามพระนามเรียกเล่นของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี คือ ท่านหญิงเต่านา แกะสลักรูปด้วยหินอ่อน ที่ฐานจารึกคาถาบาลี
    เขียนด้วยอักษรเขมร


    ครั้นเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงศาลพระชัยมงคล วังไกลกังวล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนเงิน เทียนทอง ธูป บูชาพระชัยมงคลที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง และทรงพระสุหร่ายตุ๊กตา ช้าง ม้า ละครรำชาย-หญิง ตุ่มทอง ตุ่มเงิน และผ้าสีชมพู ถวายพระชัยมงคล แล้วเสด็จเข้า "ศาลาจุกสาคร" ซึ่งเป็นที่ประทับ ณ มณฑลพิธี จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้โหรพราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวง
    และนำผ้าสีชมพูไปผูกที่ศาล ฯ เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรการแสดงละครชาตรีของคณะ พ.เทพประสิทธิ์ และละครลิง ของคณะประกิต ศิษย์พระกาฬ สมควรแก่เวลา จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักเปี่ยมสุข เมื่อเวลา 11.45 น.



    https://www.facebook.com/#!/infodivohm?fref=photo
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    แล้วก็ถึงวันที่ทรงเสด็จกลับ เพื่อพัก หลังจากทรงตรากตรำมาแสนนาน

    [​IMG]



    [​IMG]
    ......................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 52-4.jpg
      52-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.9 KB
      เปิดดู:
      126
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,828
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    เช้านี้ประเทศไทย Fri ศุกร์ 28 ตุลาคม 2559 ช่วงที่ 2 HD

    [​IMG]
    NewsThai19;-Published on Oct 27, 2016

    Cr.ข่าว ท.ท.บ 5
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    ?temp_hash=d4b58d2b93b6642f3d495c2be21790c6.jpg
    ?temp_hash=d4b58d2b93b6642f3d495c2be21790c6.jpg

    ?temp_hash=d4b58d2b93b6642f3d495c2be21790c6.jpg





    รัชกาลที่ ๙ เสด็จประพาส
    โครงการหลวงแห่งแรก “ดอยอ่างขาง”
    -------------------------------
    ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ขึ้นครองราชย์ ท่านทรงงานโดยมิได้ว่างเว้น เสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนทั่วทุกภาคในประเทศ แม้จะเป็นที่ห่างไกลหรือทุรกันดารเพียงใด ท่านก็ไม่ทรงย่อท้อ พัฒนาพื้นที่จากที่ดินแห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก เสมอมา
    สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ที่จังหวัดเชียงใหม่ แห่งนี้ เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ที่ท่านได้สอนให้ชาวดอย ปลูกผัก พืชเมืองหนาว ผลไม้ และดอกไม้ แทนการปลูกฝิ่น และในปัจจุบัน ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาข้อมูลที่นิยมมากๆ แห่งหนึ่งของคนไทย
    สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริในพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ที่ว่า “ให้ช่วยเขา ช่วยตัวเอง” มีพระราชประสงค์ให้ชาวไทยภูเขาที่พักอาศัยอยู่ตามดอยต่างๆ ทางภาคเหนือเลิกปลูกฝิ่น และทำไร่เลื่อนลอย อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ป่าไม้ และต้นน้ำลำธารของประเทศถูกทำลาย
    “ผมขึ้นมาครั้งแรกเดือนเมษายนปี 2517 พื้นที่แถบนี้เป็นภูเขาหัวโล้นทั้งหมด ชาวบ้านแผ้วถางป่า ทำไร่ แล้วก็เผา”จำรัส อินทร เจ้าหน้าที่รุ่นแรกของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เท้าความหลังถึงสถานีเกษตรหลวงแห่งแรกในความทรงจำ “พวกเขาเผาทำไร่ฝิ่นครับ” ซึ่งในยุคนั้น ฝิ่นและข้าวไร่ถือเป็นพืชพื้นฐานสองชนิดที่ชาวเขานิยมปลูกบนพื้นที่สูงของไทย ข้าวไร่นั้นปลูกสำหรับบริโภคในครัวเรือน ส่วนฝิ่นนอกจากใช้แทนยาบรรเทาความเจ็บป่วยสารพัดแล้ว ยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญอีกด้วย
    พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จึงทรงมีพระราชดำริว่า พื้นที่นี้มีภูมิอากาศหนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลยและสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับพระองค์ทรงทราบว่าชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง
    และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่จากชาวเขาในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่งทำหารทดลองปลูก
    จากเดิมที่เป็นดอยหัวโล้นแปรสภาพเป็นขุนเขาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ด้วยการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้ผล กว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และดอกไม้เมืองหนาวกว่า 20 ชนิด เป็นถิ่นที่อยู่ของ ชาวไทยภูเขาเผ่าจีนยูนาน ไทใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง
    พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รับสั่งว่า “ไม่ใช่ทองคำหรอก แต่เป็นสามเหลี่ยมยากจน คนปลูกฝิ่นไม่ได้เงินเท่าไหร่ คนเอาฝิ่นไปขายต่างหากถึงรวย” หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงเล่าถึงที่มาของโครงการหลวง
    ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช มีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา” เป็นโครงการส่วนพระองค์ ขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่างๆ ทดแทนฝิ่น เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งนำไปสู่การแก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำอย่างเป็นระบบ
    ภายหลังโครงการนี้ได้พัฒนาต่อมาจนกลายเป็น “โครงการหลวง” ซึ่งเป็นรู้จักอย่างกว้างขวางในทุกวันนี้ และทรงได้พระราชทานนามว่า “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”
    หลายชั่วอายุคนมาแล้ว ชาวเขาเดินเท้าเปล่าหรือไม่ ก็ลากรองเท้าแตะขึ้นดอยจนกลายเป็นความเคยชิน รองเท้าบูตยางจึงเป็น “ของแปลกใหม่” ที่พวกเขาต้องใช้เวลาทำความรู้จักและรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ฉันใดก็ฉันนั้น การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนานอย่างการปลูกฝิ่นจึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยทั้งเวลา ความเข้าใจ และความอดทน
    นับแต่วันแรกที่มีการทดลองปลูกพืชทดแทนฝิ่น องค์ความรู้ที่สั่งสมจากการลองผิดลองถูกและการแก้ปัญหาสารพัดบนพื้นที่สูงตลอดกว่าสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ไม่เพียงเป็นแบบอย่างให้กับพื้นที่อื่นๆ ในประเทศ หากยังข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงต่างประเทศด้วย “เดิมอัฟกานิสถานเป็นแหล่งปลูกผลไม้ส่งยุโรป แอปริคอต เขาอร่อยมาก” ทุกวันนี้มูลนิธิโครงการหลวงมีสถานีเกษตรและศูนย์พัฒนาโครงการหลวงนับสิบแห่งกระจายอยู่ทั่วภาคเหนือ
    ---------------------------------
    เครดิต: jasminta โพสต์มื่อ 19 ต.ค. 2016 เว็บไซต์ Mthai
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    ?temp_hash=7224178b02640e5ccd2f0a2ce45f805e.jpg





    #แม้พื้นที่อ่อนไหวในสมัยนั้น
    - ซึ่งมีพวกคอมมิวนิสต์
    - แทรกซึมอยู่ในหมู่บ้าน
    #พระองค์...
    ก็จะเสด็จฯ ไปเยี่ยมเยียน
    บางครั้งทางหน่วยรักษาความปลอดภัย
    #จะถวายคำแนะนำว่า
    - ไม่ควรเสด็จฯ ก็ตาม
    - หรือไม่ควรเสด็จฯ ตอนค่ำมืด
    #แต่เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว
    - ที่ทำให้ผมตื้นตันน้ำตาเอ่อ
    - ตลอดจนข้าราชการที่ร่วมตามเสด็จ
    ได้หายเหนื่อยและคลายกังวล
    คือ .."ไม่เป็นไร เราไปได้ "
    ทรงพระเจริญ พระพุทธเจ้าข้า
    อยากเปล่งเสียงชัดๆ ดังๆ
    #ที่อยู่ในใจออกมาเหลือเกิน
    #พระองค์ไม่ทรงเกี่ยง
    - ไม่มีข้ออ้างอันใดเลย
    - ที่จะไม่ไปหาประชาชน
    #ก็เพราะพระองค์ตระหนักดีว่า
    - ความทุกข์ ความเจ็บป่วย
    - ความหิวโหย ของประชาชน
    - หยุดรอความช่วยเหลือไม่ได้
    #คัดลอกจากหนังสือ
    การทรงงานของพ่อในความทรงจำ
    โดย ปราโมทย์ ไม้กลัด
    Cr. ตามรอยพ่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    ?temp_hash=084f9b31dff82d2f3518a1aebd781592.jpg


    ลองนึกภาพว่าตอนเราอายุใกล้เกษียณ ถ้าวันหนึ่งมีเทคโนโลยีสุดฮิตเข้ามาอย่างสมาร์ทโฟนที่ล้ำกว่ารุ่นล่าสุดตอนนี้สัก 10 เท่า ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตต่างไปจากเดิม ต้องกดปุ่มโน้นนี้เพิ่มเรียนรู้จดจำวิธีการใหม่ๆ เรายังจะขวนขวายอยากรู้อยู่หรือไม่ หลายคนอาจจะตอบว่าไม่เอาแล้ว ขอใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ปล่อยโลกหมุนไปดีกว่า แต่ในหลวง ร.9 กลับทรงไม่คิดอย่างนั้นเพราะทรงติดตามเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิดและทรงพยายามใช้ให้เกิดประโยชน์ วันนี้เรามีเรื่องในหลวงกับการใช้คอมพิวเตอร์มาเล่าให้ฟัง

    ในหลวง ร.9 เองก็เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ตอนพระชนมายุใกล้ 60 พรรษาแล้ว เมื่อ ม.ล.อัศนี ปราโมช จัดหาคอมพิวเตอร์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงใช้เพื่อคัดลอก บันทึกโน้ตเพลง แล้วพิมพ์ออกพระราชทานแก่นักดนตรีแทนการเขียนด้วยลายพระหัตถ์ซึ่งใช้เวลามาก เมื่อทรงได้มาก็สนพระทัยดี และเริ่มศึกษาวิธีใช้งานต่างๆ ด้วยพระองค์อย่างจริงจัง ทำให้ทรงสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ทำงานได้หลากหลายขึ้น ตัวอย่างเช่นในช่วงปีใหม่ของปีนั้น ก็ทรงเริ่มทดลองเขียนและวาดภาพในคอมพิวเตอร์จนออกมาเป็นบัตรอวยพร น่าเสียดายที่พอทำเสร็จแล้วกลับทรงลืมเซฟ ทำให้ข้อมูลหายหมด แต่ก็ไม่ทรงท้อ แบกเครื่องคอมพิวเตอร์ไปฝึกใช้ต่อที่เชียงใหม่ จนสามารถประดิษฐ์ ส.ค.ส. ด้วยคอมพิวเตอร์ใบแรกได้สำเร็จในปีถัดมาซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทันสมัยสุดๆในเวลานั้น

    ต่อมาทรงนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานพระอักษรต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ล้วนๆ แล้วให้เสมียนนำไปพิมพ์ทั้งเรื่องนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระหรือเรื่องติโต แต่พอถึงคราวหนังสือพระมหาชนก ก็ทรงใช้คอมพิวเตอร์ทั้งพิมพ์และวาดโดยโปรแกรมวาดรูป ทรงวาดภาพพระมหาชนกว่ายน้ำ แล้วมีนางมณีเมขลาเหาะมา พร้อมกับทรงวาดชมพูทวีปหรือประเทศอินเดียโดยเปรียบเทียบกับตำแหน่งบนแผนที่จริง และใช้แผนที่อุตุนิยมวิทยา คำนวณสภาพอากาศด้วยเป็นการเทียบชาดกกับความรู้สมัยใหม่ นอกจากนี้ทรงแปลและพิมพ์พระราชดำรัสที่พระราชทานทุกวันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี ไว้ในคอมพิวเตอร์เช่นกัน รวมไปถึงยังทรงพระราชนิพนธ์อัตชีวประวัติของพระองค์เองเก็บไว้ด้วย เพียงแต่ก็ไม่มีผู้ใดมีโอกาสได้อ่าน

    แต่ไม่ว่าจะทรงใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมากเพียงใด ก็ทรงย้ำเสมอว่าเราควรใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน อย่าตกเป็นทาสของเทคโนโลยีเป็นอันขาด ทรงยกตัวอย่างให้ว่า คนสมัยก่อนการศึกษายังไม่ก้าวหน้า แต่ก็ยังสื่อสารกันรู้เรื่อง แต่น่าแปลกคนยุคหลัง การศึกษาดีเทคโนโลยีทันสมัย ก็เลยปล่อยให้คอมพิวเตอร์คิดแทนหมด ก็เลยไม่ค่อยใช้ความคิด พอไม่ใช้ความคิดก็เลยพูดจากันไม่รู้เรื่อง เรื่องในหลวงกับการใช้คอมพิวเตอร์นี้สอนเราว่าคนเราควรเรียนรู้อยู่เสมอ อย่านำอายุหรือข้ออ้างอื่นๆมาเป็นอุปสรรค นอกจากนั้นยังควรที่จะปรับใช้ความรู้ใหม่ๆนั้นโดยไม่ละเลยความรู้เก่าด้วย

    เรียบเรียงจาก พระราชดำรัสในหลวง ร.9 พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้า ฯ ถวายชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดี ที่ 23 ธันวาคม 2542, บทความเรื่องสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนทนาเรื่อง ‘พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ’ วันที่ 12 พฤษภาคม 2538 และเว็บไซต์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จัดทำโดยสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

    ขอบคุณเพจ สานต่อที่พ่อทำ
    ภาพจากคุณวินทร์ เลียววาริณ

    ******************************

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    ?temp_hash=80fbc15db071bd2593a76f4eb22742d4.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    "พระป่า กับ พระราชา"

    ศาลาหลังนี้ "ในหลวง" (รัชการที่๙) ท่านก็ขึ้นมาสนทนาธรรมกับสมเด็จพระสังฆราช(สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) (เจริญ สุวฑฺฒโน) เมื่อปี ๒๕๒๖
    สมเด็จพระสังฆราชฯท่านชอบปฏิบัติในป่าในเขา เมื่อก่อนไม่มีวัดญาณฯ ท่านก็จะไปปฏิบัติทางภาคอีสาน ไปอยู่กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เช่น หลวงตามหาบัว พระอาจารย์ฝั้น พระอาจารย์วัน ท่านชอบไปวัดป่า ไปภาวนา แล้วพอท่านมาสร้างวัดญาณฯ ก็มีพระปฏิบัติมาสร้างกระต๊อบถวายให้ท่านอยู่บนเขานี้ ท่านก็ชอบ กระต๊อบเล็กๆไม่ใหญ่
    เวลาที่ท่านมาทำภาระกิจที่วัดญาณฯ ตกตอนเย็นตอนค่ำท่านก็จะขึ้นมาปฏิบัติพักค้างแรมบนเขา ในหลวงท่านก็เคยมาเฝ้ามาสนทนาธรรม ท่านก็มารับเสด็จฯที่บนศาลาหลังนี้ ในหลวงท่านก็เลยดำริอนุญาตให้พระอยู่อาศัยบนนี้ได้ เพราะทรงประกาศเขตป่านี้ให้เป็นเขตอุทยาน เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามกฏหมายนี้เขาไม่ให้ใครขึ้นมาอยู่ ไม่ให้ใครมาใช้ประโยชน์ แต่เนื่องจากพระมาอยู่ก่อนที่จะประกาศเขต ท่านก็เลยอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ
    แล้วท่านเองก็เคยดำริว่า ท่านอยากจะสละราชสมบัติแล้วมาบวชอยู่บนเขานี้ ตอนที่ท่านครบอายุ๖๐ แต่เนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองมันมีเรื่องราวอยู่เรื่อยๆ ท่านจึงไม่สามารถสละราชสมบัติได้ ท่านเคยปรารภเคยพูดถึงอยู่ ก็เลยมีการเตรียมสถานที่ทำถนน ลาดยางเอาไฟฟ้าขึ้นมาเตรียม
    แต่พระเราไม่ได้ใช้ไฟฟ้ากันเพราะว่า วัดป่าพระป่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้า ไฟฟ้านี้เป็นพิษเป็นภัยมากกว่าเป็นประโยชน์ เพราะมันเป็นช่องให้กิเลสมาได้ พอมีไฟฟ้าเดี๋ยวก็มีเครื่องเสียง มีทีวี วิทยุ โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องอำนวยความสุขต่างๆ ซึ่งเป็นความสุขทางร่างกาย ที่เป็นภัยต่อจิตใจ แม้แต่น้ำปะปาก็ไม่ต้องมี อยู่กันแบบอยู่ธุดงค์ในป่า อาศัยรองน้ำฝนใส่แท็งค์น้ำใว้ใช้
    พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
    ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
    วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
    วันที่ 23 มิถุนายน 2559
    ภาพ_Cr : เพจพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
    9ge7dwoCF5XsyrkCBHPr8TKX5ZSdW0TIs1PyH9nZqrV4&_nc_ohc=3baR8BPFbXsAX8gEAjg&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    Do4b93Jz73I5F3sILGeIGosCX6Uxfec3y3BuA6EnFF-V&_nc_ohc=VelSkgKW_M4AX8kNVG9&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    UFvwlC9fEwl-LfDZ4CmFa7Se0m0dCmzp7VbOwCv6WVrG&_nc_ohc=g7f2R6eYVEoAX-7d-8p&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    #ถึงเด็กๆที่เกิดไม่ทันแผ่นดินรัชกาลที่๙

    ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้หลังจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคตแล้ว..........
    พวกเธอ รู้อะไรไหม ว่ามันคือช่วงวันเวลาที่ฉันทรมาน กับความเสียใจที่สุดในชีวิตคนไทยอย่างฉัน เพราะอะไร...นั่นคือคำถามที่พวกเธอคงอยากจะรู้จากฉันใช่ไหม ?
    และทำไมฉันกับคนไทยอีกหลายล้านคนต้องร้องไห้กับเหตุการณ์ครั้งนี้ ! ...
    มาสิ ฉันจะเล่าให้ฟัง...
    เพราะฉันเกิดในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
    ตอนฉันเกิดมา ไม่เคยมีใครบอกฉันว่า ฉันต้องรักพระเจ้าอยู่หัว แต่ฉันรักด้วยตัวของฉันเอง ด้วยสายตาที่ฉันมองเห็น และหัวใจของคนไทยคนหนึ่ง
    ฉันเห็นพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินไปในที่ไกลแสนไกล ทุรกันดาร น้ำไฟเข้าไม่ถึง ทางรถไม่มี เดินเท้า หลายสิบกิโลเมตร ฉันเห็นท่านนั่งลงกับพื้นดินเพื่อสอบถามความทุกข์ร้อนของประชาชน ฉันเห็นภาพพระเสโทของพระองค์เต็มพระปฤษฎางค์และพระพักตร์ ฉันเห็นสิ่งที่พระองค์ดำริกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น
    พระองค์สร้างเขื่อนเพื่อกั้นน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อการประมง สร้างอาชีพให้พสกนิกรของพระองค์ และป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองหลวง ทรงคิดค้นโครงการแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามที่น้ำแล้ง และป้องกัน น้ำท่วมในยามที่น้ำมีมาก ทรงทำให้น้ำเสียกลายเป็นน้ำดีได้ ด้วยการเติมออกซิเจนลงไปในน้ำ สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญ ของโลก อันมีลักษณะเป็นทุ่นหมุนลอยน้ำได้ที่เรียกว่า “กังหันน้ำชัยพัฒนา”
    พระองค์เสกฝนได้ ใครๆก็ว่ากันว่าฝนคือสิ่งที่เทวดาสั่งให้เกิด แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ท่านทำฝนให้เกิดขึ้นได้จริงๆ พวกเราเรียกว่า “ฝนหลวง” ท่านเสกฝนเพื่อให้พื้นที่แล้งได้มีน้ำ เพื่อให้เกษตรกรได้ทำมาหากิน เพื่อให้คนจนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
    ไม่ใช่แค่เสกฝนนะ พระองค์ยังเปลี่ยนดินได้ด้วย เปลี่ยนดินเปรี้ยวให้เป็นดินดีได้ด้วยการ “แกล้งดิน” ทรงดำริและค้นคว้าจนรู้ว่า “น้ำ” สามารถเปลี่ยนดินเปรี้ยวให้เป็นดินดีได้ ให้น้ำล้างความเป็นกรดของดินเปรี้ยว แล้วใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟต ก็จะปลูกพืชให้ผลผลิตได้
    หรือแม้แต่ดินเสื่อมโทรมพระองค์ก็เสกให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ด้วย “หญ้าแฝก” ที่สามารถป้องกันการชะล้าง ของหน้าดิน และทำให้ดินเป็นดินร่วนได้เหมาะสมกับการทำเกษตรกรรมได้
    เวลาราษฎรเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆนาๆ พระองค์ก็จะส่งถุงยังชีพขนาดใหญ่ไปให้ เพื่อให้ทุกคนได้มีกิน ประทังชีวิตในยามทุกข์ยาก หรือบางครั้งพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยม ไปทอดพระเนตร ไปแก้ปัญหาด้วยพระองค์เอง
    ทั้งยังทรงสร้างโรงเรียนให้เด็กด้อยโอกาสได้มีโอกาสเรียน ทำให้คนบนดอยมีอาชีพที่มั่นคงยั่งยืน ให้โอกาสคนจนได้เรียนรู้วิชาชีพแบบฟรีๆไม่มีค่าใช้จ่าย ให้ทุนของผู้ที่เรียนดีไปศึกษาหาความรู้ที่ต่างประเทศให้กลับมาพัฒนาประเทศไทย ของเรา ไม่เพียงแต่วิชาความรู้นะ พระองค์ยังให้ที่พัก เสื้อผ้าและอาหารอีกต่างหาก
    ยังมีเรื่องปากท้องอีก พระองค์ทำการทดลองโครงการส่วนพระองค์ พระราชทานพันธุ์ปลาเศรษฐกิจ เพื่อให้ราษฎรของพระองค์มีกิน มีอาชีพ มีรายได้ มีขนมและนมที่อร่อยที่สุดในโลกได้ดื่มกินเพื่อสุขภาพที่ดี ถูกสุขลักษณะและปลอดสารพิษ ในราคาย่อมเยา
    และทรงแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตแบบพอเพียงและยั่งยืนอีกด้วย เพราะทรงห่วงว่าพสกนิกรของพระองค์จะไม่มีกินในยามที่เศรษฐกิจของโลกกำลังแย่ เพราะระบบเศรษฐกิจพอเพียงนี้จะทำให้คนไทยอยู่ได้
    ยังมีเกษตรทฤษฎีใหม่อีกนะ เป็นระบบที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเองได้ ทุกอย่างในครัวเรือนเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันทั้งหมด
    นี่ยังไม่นับรวมเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่พระองค์ทำเพื่อคนไทยอีก
    ทุกพื้นที่ในประเทศไทยพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นทุกที่ เพราะทรงมีแผนที่ประเทศไทยในพระหัตถ์ มีกล้องคอยบันทึกภาพ ตลอดเวลา ดินโคลน เดินทางลำบากขนาดไหนพระองค์ก็จะไป เพื่อนำความเจริญไปให้ประชาชนของพระองค์ ร้อนแค่ไหน เหงื่อออกมากเท่าไหร่ท่านก็ไม่บ่น ทำทุกทางเพื่อให้พื้นที่ตรงนั้นเจริญ ทำพื้นที่แห้งแล้งให้อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เพื่อให้ประชาชนของพระองค์...พึ่งพาตัวเองได้
    ตลอดรัชกาลของพระองค์ เกิดเรื่องมากมายของคนในประเทศ ราษฎรทะเลาะกัน หนีตายเข้าไปในวังพระองค์ ทรงเปิดประตูรับ ออกมาเยี่ยม ออกมาห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน หรือตอนที่พระองค์ประชวรและเข้าประทับที่โรงพยาบาล พอทรงทราบว่ามีราษฎรไปเฝ้า ก็พระราชทานขนมและอาหารเลี้ยง
    ทรงเป็นพระราชาที่พอเพียง ไม่ใช้ของหรูหราทั้งที่พระองค์จะซื้อเท่าไหร่ก็ได้ แม้แต่ตอนประชวรก็ยังให้หมอไทยรักษาเพราะเชื่อในฝีมือแพทย์ไทย ช่างตัดฉลองพระองค์สูทก็คนไทย ช่างตัดฉลองพระบาทก็คนไทย ทั้งยังเคยให้ช่างซ่อมฉลองพระบาทอีกครั้งแล้วครั้งเล่าจนซ่อมไม่ได้ แม้พระองค์จะเป็นพระราชา จะซื้อฉลองพระบาทแพงเท่าไหร่ก็ได้ จะตัดฉลองพระองค์ราคาแพงขนาดไหนก็ได้ แต่พระองค์เลือกจะซ่อม เลือกจะใช้ฝีมือช่างไทย ไม่ฟุ่มเฟือย
    . ทรงเป็นนักดนตรี เป็นคีตราชา เพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ไพเราะทุกเพลง ขนาดที่ว่าจะมีการสวนสนามของมหาดเล็กรักษาพระองค์ หรือสวนสนามราชวัลลภ พระองค์ยังพระราชนิพนธ์เพลงมาร์ชราชวัลลภ เพื่อให้ทหารมาสวนสนามถวายพระองค์ ทั้งเพลงพรปีใหม่ เพื่อให้คนไทยได้ใช้ในงานรื่นเริง คนไทยบางคนร้องเพลงนี้ได้ เป็นเพลงประจำปีใหม่ ให้คนไทยได้มีความสุข

    พระองค์ทรงงานทั้งที่ทรงเสียพระเนตรไปข้างหนึ่งจากอุบัติเหตุ และใช้พระเนตรข้างเดียวนั้นทรงงานกว่า ๔,๐๐๐ โครงการ เพื่อคนไทยมาตลอดเจ็ดสิบปี โดยไม่มีวันหยุดพักแม้แต่วันเดียว
    แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันรักพระองค์ได้อย่างไร...
    ฉันหวังว่าพวกเธอจะได้คำตอบนั้นแล้ว เพราะฉันได้คำตอบของฉันมาตั้งแต่จำความได้แล้วว่าฉันรัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ รักโดยไม่มีเงื่อนไข....
    และฉันก็คิดว่าพวกเธอก็คงจะรักพระองค์เหมือนที่ประชาชนคนไทยในยุคสมัยของฉัน ... รักพระองค์.
    ขอบคุณที่มา Cr : กานท์ชญา.
    " ฉันเขียนถึงพวกเธอ ในวันที่สิ้นแผ่นดิน รัชกาลที่ ๙.
    และ ฉันเกิดในสมัย รัชกาลที่ ๙. "
    1f1f9_1f1ed.png
    ขอบคุณเจ้าของเครดิต
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    “ที่เห็นชัดๆเลยนะครับ จำคลิป นึงได้ไหม ที่นักข่าวต่างชาติตามถ่าย ร.๙ ออกเยี่ยม ปชช. เขายั่วท่านด้วยคำถามว่า ท่านคิดว่า #จะชนะคอมมิวนิสต์ไหม. ท่านตอบว่า "เราไม่ได้สู้กับใคร เราสู้กับความยากจน" : นั่นละชัดเลย

    #อยากบอกคิดถึงพ่อหลวงมากครับ 1f64f_1f3fb.png 2764.png
    6LA4B7BBrDt95otyNd-CFtps2bUghAk0PQFXPKqn-88u&_nc_ohc=QMqIu3ixtF8AX_hiSF3&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    พระอาจารย์( ท่านทื้งสังขารไปแล้ว) เล่าให้ฟัง ตอนไปกราบท่านที่ป่าต้นน้ำในป่าเขาทางภาคเหนือว่า...

    เราคิดว่าเราเดิน(ธุดงค์)มาในป่าลึกกันดารแบบนี้ คงยากที่ใครจะเข้ามาถึง เรากลับพบว่า
    ในหลวงสมเด็จพระภูมิพลท่านมาก่อนเราตั้งนานแล้ว มาดูป่าต้นน้ำและโครงการฯลฯของพระองค์ท่าน......

    ทุกครั้งที่ผมร่วมปลูกป่าถวายเป็นพระราชกุศล ทุกต้น ผมยิ่งรักพระองค์และเหล่าผู้ดำเนินตามรอยพระบาทที่จะอนุรักษ์ป่า ไว้เพื่อประโยชน์สุขต่อมหาชน
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    สมัยที่หลวงตาพระมหาบัวท่านมีดำริทำผ้าป่าช่วยชาติ ได้รับรู้รับทราบเรื่องลึกๆบางประการที่บางทียากจะให้ครูอาจารย์ท่านออกมาเล่าให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจ เพราะท่านเวทนา
    สงสารคนที่จะปรามาส เป็นบาปเป็นกรรมให้ตนตกนรก เป็นจำนวนมาก ขอย้ำว่า" มาก "

    ท่านก็ต้องทำ เพื่อแผ่นดินไทยที่จะเป็นแผ่นดินรองรับพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนาต่อไปจนครบ 5,000 ปี

    บาปกรรมของคนปัจจุบัน และจากอดีต หลากหลายปัจจัยกลุ้มรุมจะทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์
    ท่านมองดูด้วยจิตบริสุทธิ์และเปี่ยมด้วยพรหมวิหาร พบเห็นว่า มีความมืดมิดครอบงำ มากจนน่ากลัว การออกมายิืนยันมรรคผลนิพพาน ยืนยันความรู้พิเศษในพระพุทธศาสนา และ ให้
    ประชาชนได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญ เพื่อแผ่นดิน จะเป็นกรรมดีอันยิ่งใหญ่ที่จะกระตุ้นรักษาแผ่นดินนี้ได้


    ตอนนี้สิ้นกายสังขารแห่งท่านและเหล่าพระอริยะเจ้าหลายท่านแล้ว ขอกราบวิงวอนสาธุชนทั้งหลาย
    ร่วมแรงร่วมใจ รักษาชาติศาสน์กษัตริย์ไว้ จะเป็นมหากุศลที่ยิิ่งใหญ่ไม่รู้จบสิ้น
    เพื่อตน เพื่อลูกหลาน เพื่อประโยชน์สุขของสรรพชีวิต ที่จะได้พิ่งพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนาต่อไป
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    คนรุ่นหลังจำนวนมาก ที่เกิดไม่ทัน สมัยการรบทั้งสงครามเปิดเผยและสงครามเย็นกับคอมมิวนิสต์ในไทย หลายครั้งที่ต้องเสี่ยงชีวิต ในหลวงและพระราชินีท่านยังเสด็จมาเป็น
    กำลังใจในพื้นที่ที่กำลังยิงกัน สู้รบกัน จนคนใกล้ชิดเสียชีวิตก็ยังมี ระเบิดข้างๆพลับพลาที่ประทับก็ยังมี การประชวรด้วยโรคหลายโรค พระวรกายบางอย่างไม่สมบูรณ์เพราะเสด็จออกเยี่ยมออกช่วยประชาชนในป่าเขาทุรกันดารที่ข้าราชการไม่เคยไปถึง ก็มี ฯลฯ

    วันนี้ ภัยที่มารูปแบบใหม่ตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี่มีมาก แม้คนที่เรียนมามาก
    ก็ยังหลงไปตามข้อมูลผิดๆจำนวนมาก หลายประการมีการซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ ยากที่คนทั่วไปแม้เรียนทางโลกมาสูง คิดเก่ง จะแทงตลอดในความเป็นไป จึงหลงเป็นเครื่องมือ ก่อกรรมทำอกุศลให้กับตนเองและผู้เกี่ยวข้องอันจะเป็นบาปกรรมติดไปเป็นอนันต์ เพราะ สิ่งที่ทำไป ไม่ได้มองลึกๆด้วยญาณทัศนะ จะพบว่าส่งผลอะไรบ้าง

    ได้แต่ขอให้ผู้มีบุญบารมีที่แฝงตัวในทุกสังคมได้ช่วยกันตามกำลัง ทั้งลับและแจ้ง
    ช่วยกันตามกำลังแห่งบุญบารมีสติปัญญาด้วยเทอญ
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,453
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    ๒๓ ตค. ๖๓

    "วันปิยะมหาราช"
    "อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ปกปักษ์อภิบาล ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้พ้นภัยจากศัตรูหมู่มารทั้งหลาย"


    คาถาหลวงพ่อโอภาสี
    นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓จบ)

    อิติสุขะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง


    rfwai6cw0kiknrq8nx4rzcusyz1qjoycd9cffncq-_nc_ohc-ybwaagdt_f8ax_popaa-_nc_ht-scontent-fcnx3-1-jpg.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...