ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เรือหลวงจักรีนฤเบศร ​

​

จากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางต่อมาเที่ยวชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร นับเป็นเรือหลวงขนาดใหญ่ที่ประชาชนคนไทยภาคภูมิใจ ภารกิจในยามสงบนั้น เรือลำนี้ทำหน้าที่คอยปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติในท้องทะเล ได้แก่เส้นทางคมนาคมและทรัพยากรธรรมชาติของชาติ

นอกจากนี้เรือหลวงจักรีนฤเบศร ยังมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล สามารถค้นหาและใช้เป็นฐานปฏิบัติการลอยน้ำให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ได้ และยังสามารถใช้เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่คอยช่วยเหลือในกรณีการประสบภัยพิบัติทางทะเลได้อีกด้วย อีกทั้งสามารถอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ

ส่วนในยามสงคราม เรือหลวงจักรีนฤเบศรก็จะมีหน้าที่ควบคุมและบัญชาการกองเรือรบในทะเล ใช้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ มีขีดความสามารถในการปราบปรามเรือดำน้ำและสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหาร

ลักษณะทั่วไปของเรือ มีความยาวตลอดลำ 182.6 เมตรหรือประมาณสนามฟุตบอล 2 สนามต่อกัน กินน้ำลึกที่สูงสุด 6.12 เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด 11,485.5 เมตริกตัน เครื่องยนต์ดีเซล MTU จำนวน 2 เครื่อง ๆ ละ 5,516 แรงม้า เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบ 2 เครื่อง ๆ ละ 22,117 แรงม้า

ความเร็วสูงสุดที่ 48 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ความเร็วเดินทาง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อากาศยานประจำเรืออันได้แก่เครื่องบิน ขึ้น – ลง แนวดิ่ง แบบ AV-8S (SEA HARRIER) จำนวน 9 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์แบบ S-70B-7 (SEA HAWK) จำนวน 6 เครื่อง กำลังพลประจำเรือ 601 นาย

การเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร สามารถขึ้นเยี่ยมชมฟรี ติดต่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ เบอร์โทร ๐ ๒๔๖๖ ๑๑๘๐ ต่อ ๐๖๕-๑๓๗๑ เพราะเรืออาจมีภารกิจในพื้นที่ต่างๆ หรือกำลังอยู่ในช่วงการออกฝึกของกองเรือ ชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรกันแล้วหากยังมีเวลาเหลือ ก็อย่าลืมแวะเข้าไปเที่ยวชมหาดนางรำ ซึ่งเป็นหาดทรายที่อยู่ติดกับทางเข้าท่าเรือน้ำลึก จ.ชลบุรี

จุดที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไปเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรนั่นเอง ซึ่งเป็นหาดที่มีทิวสนร่มรื่นตลอดแนวชายหาด มีร้านอาหารของสโมสรให้บริการ นอกจากนี้บริเวณที่จอดรถยังมีร้านอาหารเล็ก ๆ เรียงกันเป็นสัดส่วน มีอาหารนาๆ ชนิดให้เลือกสรรกันอย่างหลากหลายอีกด้วย ผู้ที่ต้องการที่พักค้างคืน ก็มีบริการเต็นท์ให้เช่าในราคาย่อมเยาอีกด้วย

ที่มา http://www.marinerthai.com/sara/1200.htm

 

หือกัดซะเกือบขาด2ท่อน ถ้าใช่ก็น่ากลัวมากมาก ซึ่งก็น่าคิดมาก

 

มันอยู่ที่ใจ และการปล่อยวาง

สึนามิ 2004

มีคนพังงาคนหนึ่งชื่อคุณดุก เป็นหญิงชาวบ้านธรรมดา อยู่หมู่บ้านชาวประมงแถวๆเกาะนก เสียลูกสาวสองขวบเศษไปในซึนามิ เนื่องจากคิดว่าลูกเป็นของตัวจึงพิลาปรำพันไม่กินไม่นอน อยู่ในเต้นท์ก็ร้องไห้ทุกวันจนคนเขารำคาญไปทั่ว มัวแต่ร้องไห้คิดถึงลูกไม่หุงหาข้าวปลา สามีไปกินเหล้าดับทุกข์กลับมาไม่มีข้าวกินก็ด่าเมียและตบตี



ภาพเจน โลแพคก้า สุธาทิพ ภมรประวัติ และคณะกับชาวประมงเกาะนก 22 กพ 05 นิตยสารไทม์ มีนาคม 2005

วันหนึ่งคณะจิตบำบัดจากอังกฤษและอิสราเอลมาฝึกคนไทยให้รักษาแบบจิตบำบัด พาคณะลงไปในพื้นที่สึนามิ ไปบำบัดให้ชาวประมงเกาะนกเลิกกลัวทะเลและกลับลงทะเลได้ (ก่อนหน้านี้เขาหวาดกลัวไม่กล้าแตะน้ำ แล้วจะไปจับปลาหากินได้อย่างไร) หลังจากบำบัดแล้วทั้งกลุ่มหมอและคนไข้ก็จูงมือกันเดินลงทะเลทีละน้อยๆ ปรากฏว่าคนไข้คนหนึ่งเดินดุ่มๆ ลงทะเลไปลึกขึ้นๆ ไม่ยอมเดินถอยกลับเหมือนคนอื่น เจนสังเกตการณ์อยู่คว้าขึ้นมาเกือบแทบไม่ทัน กลายเป็นคุณดุกคนนี้ บอกว่าอยากตายตามลูกสาวไป

หลังจากนั้นไม่เท่าไหร่คุณดุกขับรถกระบะบนถนน มองไปข้างทางเห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาท่าทางคล้ายลูกที่ตายไป เลยลงไปคว้ามาเฉยเลยแล้วขับรถหนีพ่อแม่เขา เขาขับตามหนีไม่ทันรถชนต้นไม้ ดีพ่อแม่เด็กไม่เอาความ คราวนี้ต้องเสียเงินซ่อมรถกระบะอีก เรือพังอยู่ไม่ได้จับปลาไม่มีเงิน โอ๊ยอยากตาย

เลยต้องส่งรพ.จิตเวช ให้ยาระงับประสาทกันใหญ่ หมอเจนก็ไปเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง (จะมาตายคามือได้ยังไง ชื่อเสียงหมอก็ป่นปี้ซิ) คุณดุกนอนบนเตียงในห้องสามัญ มองพัดลมเพดานหมุนเป็นจังหวะ ใจก็ล่องลอย เห้นตัวเองเอาผ้าคล้องไหล่แขวนกับพัดลมผูกคอตัวเองห้อยลงมา จะได้ไปอยู่กับลูกเสียที...

แต่แล้วหน้าหมอเจนก็ลอยมา ถ้าเราตายฝรั่งคงเสียใจ เขาไม่ได้เป็นญาติเราสักหน่อยอุตส่าห์เป็นห่วงคอยมาเยี่ยม อย่ากระนั้นเลยนอนเฉยๆ นี่แหละ

หลังจากนั้นสองสามเดือนหมอเจนพบคนไข้ที่หมู่บ้าน คุณดุกสบายดี ถามว่าไม่ฆ่าตัวตายแล้วนะ เจ้าตัวยิ้มสดใสบอกว่าไม่แล้ว ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ดุกบอกว่าหนูไปเป็นคริสเตียน ถามว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย

ดุกบอกว่าก่อนหน้านี้หนูคิดทุกวัน คิดถึงลูกตายแล้วไปอยู่ไหน พรุ่งนี้จะอยู่กันอย่างไร เมื่อไหร่จะได้เงินช่วยเหลือ เมื่อไหร่จะได้ซ่อมเรือ เมื่อไหร่จะได้บ้าน ไม่มีคำตอบโอ๊ยอยากตาย พอไปเป็นคริสเตียนบาทหลวงบอกว่าหนูเป็นแค่ลูกแกะหลงทางของพระเจ้า บาทหลวงจะนำทางเองไปพบพระเจ้า การกำหนดโชคชะตาเป็นหน้าที่พระเจ้า ลูกแกะคิดแค่อยู่ไปทีละวันๆ ทำตามคำสอนพระเจ้าไปก็พอ พอได้ยินอย่างนี้คิดทีละวันค่อยยังชั่วหน่อยหนูพอทำได้ นี่คิดทีละวัน หุงหาอาหารซักผ้าปรนนิบัติสามีไปก็อยู่ได้มาจะเป็นเดือนแล้ว พอไม่กลุ้มก็ไม่ต้องตายก็ได้ค่ะ

แฮปปี้เอ็นดิ้ง

จากแฟ้มเรื่องจริงของอ.ไก่

ดังนั้นเมื่อได้รับการขยายระบบเรื่องการปล่อยวางอุปปาทานขันธ์ห้าเพื่อเผชิญ ภัยที่จะมาถึง จึงคิดว่าหลักการนี้เวิร์คแน่ๆ เมื่อภัยมาถึง เป็นทางรอด (จะได้ไม่บ้า) ทางเดียว บ้าน รถ เงิน เกียรติ ลูก สามีภรรยา พ่อแม่ ใครว่าของเรา แค่มาเข้าฉากเฉยๆ บทจัดให้แสดงร่วมกันก็ดี บทเลิกจ้างดาราคนไหนก็ต้องเป็นไปตามบท

อยู่กับปัจจุบัน ปล่อยระบบโฟลว์ แจ้งเพื่อทราบเผื่อไว้พิจารณา

 

รายการสำนึกรักแผ่นดิน
เรื่อง"มนุษย์กับสงครามเชื้อโรค"​

​

เทปเสียงรายการสำนึกรักแผ่นดิน เรื่อง"มนุษย์กับสงครามเชื้อโรค"
ตอนที่ 1-4​

 

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6910 ข่าวสดรายวัน


เผยซัดดัมเคยคิดแหกคุก



เมื่อ 29 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ในหนัง สือเรื่อง "ซัดดัม ฮุสเซน ภายนอกคุกสหรัฐ : เกิดอะไรขึ้น" เขียนโดยคณะทนายของซัดดัม เปิดเผยว่า ซัดดัมเคยวางแผนจะหนีจากคุกที่สหรัฐคุมอยู่ปี 2549 ตามแผนดังกล่าว กลุ่มนักรบจะโจมตีเขตกรีนโซน ในกรุงแบกแดด รวมถึงสำนักงานนาวิกโยธินสหรัฐที่สนามบิน จากนั้นมีอีกกลุ่มบุกเข้าไปชิงตัวซัดดัมในคุกแล้วพาหนีไปจังหวัดอันบาร์ ฝั่งตะวันตก แต่แผนล้มไปก่อนเพราะเกิดเหตุยิงกันหน้าเรือนจำขังซัดดัม ทำให้สหรัฐเพิ่มมาตรการคุ้มกัน

จีนผวาหวัด09 ฤดูหวัดแพร่



เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 29 ต.ค. รัฐบาลจีนประกาศเตือนภัยหวัด 2009 หลังจากพบผู้เสียชีวิตรายที่ 4 เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง และพบนักศึกษาในสถาบันนี้ติดเชื้ออีก 28 ราย ซึ่งปกติในช่วงปีใหม่จะมีคนติดหวัดธรรมดาในเมืองหลวงวันละ 12,000 ราย ครึ่งหนึ่งในนี้อาจติดหวัด 2009 ได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่และประชาชนป้องกันและควบคุมสถานการณ์ให้เคร่งครัดที่สุด

"โยคะ"โฮ่ง

เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>สองผัวเมียชาวเท็กซัส แดนมะริกัน นายแดนกับนางอเลฮันดรา บอร์ริส รักน้องหมาสุดชีวิต

พอคิดทำ "ปฏิทินปีใหม่ 2553" ขายทั้งที ก็เลยดึงสุนัขหลายสายพันธุ์มาเป็นนายแบบ-นางแบบจำเป็น

แต่ถ้าแชะภาพหมาเฉยๆ ก็ดูน่าเบื่อไปนิดส์ จึงใช้โปร แกรมตัดต่อภาพให้เจ้าโฮ่งวาดลวดลายเล่น "โยคะ" แบบหมาๆ เพราะอเลฮันดราเคยเป็นครูสอนโยคะมาก่อน

ใครอยากลอกเลียนแบบ ทำปฏิทินสารพัดสัตว์เล่นโยคะ ทั้งแมว หมู หนู ชะนี ฯลฯ ขายก็เชิญตามสะดวก ไม่สงวนความคิดจ้า

ฮิลลารีให้ปากีฯใจแข็งสู้ก่อการร้าย



เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 29 ต.ค. นางฮิลลารี คลินตัน รมว. ต่างประเทศสหรัฐ พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้ปากีสถานต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย ในการตอบคำถามยากๆ จากเหล่านักศึกษาปากีสถาน ในการเยือนกรุงอิสลามาบัดและเมืองละฮอร์ ช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ปากีสถานถูกก่อการร้ายด้วยระเบิดคาร์บอมบ์กลางตลาดในเมืองเปชวาร์ ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ คร่าชีวิตเหยื่อกว่า 105 ราย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

เมื่อนักศึกษาตั้งคำถามว่า สหรัฐรับรู้ถึงความล้มเหลวที่ผ่านมาหรือไม่ ฮิลลารีกล่าวว่า สหรัฐรู้ดีถึงความผิดพลาดในอดีต การป้อนแต่เงินและอาวุธให้ปากีสถานไปสู้กับผู้ก่อการร้ายคงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ราบรื่นนัก แต่ตอนนี้ปากีสถานก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับปล่อยให้กองโจรเขย่าพรมแดนอยู่ต่อไป

ระเบิดสังหารที่น่าสะพรึงกลัวครั้งล่าสุดนี้ย้ำเตือนว่า ปากีสถานอยู่กลางดงต่อสู้กับกลุ่มคลั่งลัทธิ แต่ปากีสถานไม่ได้ต่อสู้ลำพัง เพราะขณะที่รบอยู่ด่านหน้า สหรัฐก็ยืนเคียงข้างอยู่ด้วย

[FONT=Tahoma,]หน้า 12[/FONT]

สธ.อุดรฯเตือน โรคฉี่หนูระบาด



อุดรธานี - น.พ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า จากรายงานทางระบาดวิทยาระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยด้วยโรคฉี่หนูแล้ว จำนวน 138 ราย แต่โชคดีที่ยังไม่มีผู้ป่วยรายใดเสียชีวิต อำเภอที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อำเภอโนนสะอาด อำเภอสร้างคอม และอำเภอไชยวาน

หากจำเป็นต้องออกไปย่ำโคลน เพื่อจับปลาจับหนู หรือออกไปทำไร่ทำนาในตอนกลางวัน ก็ให้ระวังโรคฉี่หนูไว้ด้วย ป้องกันง่ายๆ ด้วยการสวมรองเท้าบู๊ตเมื่อลงน้ำย่ำโคลน หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน ในกรณีมีบาดแผลที่เท้าห้ามลงน้ำโดยเด็ดขาด แต่ถ้ามีความจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมรองเท้าบู๊ตหรือรองเท้ากันน้ำ

เตือนไวรัสหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ก่อโรค"ไข้สมอง"เด็ก-ผู้ใหญ่



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>สถาบันโรคติดเชื้อ ประเทศญี่ปุ่น พบประชาชนเกือบ 50 คนล้มป่วยเป็นโรคไข้สมองอักเสบ หลังติดเชื้อไวรัส ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 "เอช 1 เอ็น 1" ในจำนวนนี้กว่าครึ่งเป็นเด็กอายุ 5-9 ขวบ

"ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา พบคนไข้ 48 ราย มีอาการของโรคไข้สมองหลังติดเชื้อไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ในกลุ่มนี้เป็นเด็ก 19 คน หายป่วยแล้ว 15 คน อย่างไรก็ตาม มีเด็กวัย 5 ขวบเสียชีวิต และมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาอีก 3 คนป่วยด้วยอาการแขนขาอ่อนแรงและผลข้างเคียงอื่นๆ" สถาบันโรคติดเชื้อญี่ปุ่น ระบุ

ทั้งนี้ ตามปกติเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมักทำให้เด็กเล็ก อายุประมาณ 1 ขวบป่วยด้วยโรคไข้สมองอักเสบ แต่นักวิจัยญี่ปุ่นเตือนว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เอช 1 เอ็น 1 นั้นอาจทำให้เกิดโรคดังกล่าวขึ้นในเด็กโตและผู้ใหญ่ได้เช่นกัน

ส่วนที่แคนาดา หน่วยงานสาธารณสุขนครโตรอนโต ออกแถลงการณ์แนะนำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 แม้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะล้มป่วยไม่รุนแรง หลังจากพบวัยรุ่นชายที่มีร่างกายแข็งแรงเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันเพราะติดเชื้อไข้หวัด 2009

นายเดวิด แม็กเคโอน เจ้าหน้า ที่สาธารณสุขโตรอนโต เปิดเผยว่า ผู้ตายมีชื่อว่า ด.ช.อีวาน ฟรัสตากลิโอ วัย 13 ปี ล้มป่วยด้วยอาการไข้และคลื่นไส้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ระหว่างร่วมการแข่ง ขันกีฬาฮอกกี้ วันรุ่งขึ้นจึงถูกนำตัวส่งคลินิกริมถนนแห่งหนึ่ง แต่แพทย์กลับวินิจฉัยอาการผิดพลาด โดยคิดว่าเขาป่วยเป็นไข้ หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และมีอาการไม่รุนแรง จึงจ่ายยาแก้ไข้ชนิดหนึ่ง และยาแก้อาการคลื่นไส้ที่ไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ส่งผลให้ด.ช.ฟรัสตากลิโอ เสียชีวิตที่บ้านพักในเวลาต่อมา

ปัจจุบันไข้หวัดใหญ่ 2009 หวนกลับมาระบาดรอบ 2 ในแคนาดา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 88 ราย รักษาตัวในโรงพยา บาลราว 1,500 ราย

"หิมาลัย"ละลาย

หมุนก่อนโลก

วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>วาบแรกที่ปรากฏในความคิดผู้คนที่ได้ยินคำว่า "ภูฏาน"

เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะมองเห็นภาพฝันภูมิประเทศอันสวยงาม

ล้อมรอบ-โอบอุ้มอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลนแห่ง "เทือกเขาหิมาลัย"

คิดแล้วช่างแสน "โรแมนติก"

ใครได้ไปเยือนคงประทับใจมิรู้ลืม

แต่ข่าวล่าสุดจากนิตยสารวิทยาศาสตร์ "เนเจอร์" บอกว่า

ถึงวันนี้ "มนตราหิมาลัย" อาจจะสร้างพิบัติภัยครั้งใหญ่แก่ "ประชาชนภูฏาน" ในอนาคตอันใกล้

ทำให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินนโยบายป้องกันโดยด่วน!

สาเหตุเพราะผลสำรวจทางธรณีวิทยา พบว่า บรรดา "กลา เซียร์" ทั้งธารน้ำแข็งและทะเลสาบน้ำแข็งนับพันจุดบนเขาหิมา ลัยนั้น..

กำลัง "ละลาย" ในอัตราที่น่าวิตกอย่างยิ่ง เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตการณ์ "โลกร้อน" ซึ่งลุกลามไปทั่วโลก

พูดกันตามสภาพความเป็นจริง ประเทศภูฏานถือว่ามีมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้าขั้นคุมเข้ม และแทบไม่มีส่วนพ่นก๊าซเรือนกระจกก่อโลกร้อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาพบรรยากาศ-อุณหภูมิของโลกในยุคปัจจุบัน มันวิปริตผิดธรรมชาติโดยพร้อมเพรียงกัน ก็ยากที่ภูฏานจะหลีกเลี่ยงวิกฤตครั้งนี้!

เบื้องต้นเท่าที่รัฐบาลภูฏานพอทำได้ คือ จัดทำแผนขอรับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เล็งเห็นถึงปัญหา อาทิ สหประชา ชาติ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในโครงการบรรเทาภาวะ "กลาเซียร์ละลาย" เช่น ขุดแหล่งพักน้ำเพิ่มเติมและขยายทางระบายน้ำจากภูเขา

เพราะถ้าปล่อยไว้ตามยถากรรม ยังไม่เร่งควบคุมดูแล จะส่งผลต่อเนื่องทำให้ "น้ำ" จำนวนมหาศาลกว่า 53 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลกระหน่ำราวกับคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดลงมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าบนพื้นราบภายในปีหน้า

นอกจากนั้น ยังจัดทำ "ระบบเตือนภัยน้ำหลาก" จากหิมาลัย ด้วยการติดเซ็นเซอร์คอยวัดระดับความเปลี่ยนแปลงของน้ำบนยอดเขา และตั้งสถานีวิทยุแจ้งเตือนให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงอพยพหนีอย่างรวดเร็ว

ประเมินกันว่า น้ำแข็งอาจละลายหมดจากหิมาลัยภายใน 26 ปีข้างหน้า

ถ้าแต่ละชาติ...ต่างฝ่ายต่างยังคงคิดว่า "โลกร้อน" ไม่ใช่ธุระของตัวเอง ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าจนไม่รู้จะหาถ้อยคำใดๆ มาบรรยายจริงๆ!!

Daily News Online > หน้ากทม. > โป๊ะริมเจ้าพระยาชำรุด5แห่ง
โป๊ะริมเจ้าพระยาชำรุด5แห่ง

วันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคม 2552 เวลา 8:12 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

<TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กทม. ลงเรือที่ท่าเรือกองการท่องเที่ยว กทม. เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของโป๊ะท่าเรือต่าง ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวภายหลังว่า จากการตรวจสอบโป๊ะท่าเรือตั้งแต่สะพานพระราม 8-สะพานพระราม 9 ระยะทาง 45.7 กิโลเมตร มีท่าเรือทั้งสิ้น 132 แห่ง พบอยู่ในสภาพชำรุดรวม 5 แห่ง แบ่งเป็นท่าสาธารณะ 3 แห่ง จากทั้งหมดจำนวน 52 แห่ง ได้แก่ ท่าหน้าวัดกลางดาวคะนอง ท่าเรือถนนตก และท่าเรือข้างสะพานพระราม 7 และท่าเอกชน 2 แห่ง จากท่าเอกชนจำนวน 80 แห่ง คือ ท่าเรือหน้าวัดกัลยาณมิตร และท่าเรือสะพานพุทธโป๊ะที่ 2 ขณะนี้สั่งให้ตรวจสอบแล้ว หากไม่ดำเนินการซ่อมแซมจะได้สั่งปิดห้ามใช้ทันทีก่อนวันลอยกระทง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลลอยกระทง กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย จำนวน 8,000 คน โดยเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใส่เสื้อชูชีพสีส้มประจำการอยู่บนโป๊ะท่าเรือจำนวน 2 คนต่อโป๊ะ และเจ้าหน้าที่เก็บกระทง จำนวน 3,000 คน พร้อมทั้งจัดเรือตรวจการณ์รวม 69 ลำ ทั้งของ กทม.และกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เพื่อดูแลความเรียบร้อยในแม่น้ำเจ้าพระยา หากเกิดอุบัติเหตุตกน้ำหรือโป๊ะล่มจะมีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือทางน้ำ จำนวน 3 ชุด คอยให้ความช่วยเหลือ ส่วนมาตรการป้องกันอันตราย จากดอกไม้เพลิง ในช่วงเทศกาลลอยกระทงในปีนี้ กทม.จะเข้ม งวดจริงจัง โดยดำเนินการตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 เพื่อควบคุมและขอความร่วมมือจากผู้ผลิต สะสม และจำหน่ายดอกไม้เพลิง ตลอดจนประชาชนทั่วไป ในการห้ามจำหน่ายและห้ามเล่นดอกไม้เพลิง 5 ชนิดเด็ดขาด ได้แก่ ประทัดจีนทุกชนิด ประทัดรูปทรงกลม ประทัดรูปไข่ ประทัดรูปสามเหลี่ยม และไดนาไมต์ อีกทั้งผู้ผลิต สะสมและจำหน่ายจะต้องรับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ.




อุทกภัยปี52ทำประมงเสียหาย14จังหวัด47อำเภอ

วันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคม 2552 เวลา 0:00 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

<TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>



นายสุรจิตต์ อินทรชิต รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยความเสียหายด้านการประมงจากอุทกภัย ตามรายงานเบื้องต้นที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 กันยายน - 4 ตุลาคม 2552 ว่าพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 14 จังหวัด 47 อำเภอ รวมพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 12,377 ไร่ 4,315 ตารางเมตร มูล ค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 71,149,531 บาท บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำเสียหาย 12,075 บ่อ กระชังเสียหาย 394 กระชัง เกษตรกรได้รับผลกระทบ 10,035 ราย

จากการสำรวจเบื้องต้น ในขณะนี้พบว่าจังหวัดซึ่งมีพื้นที่ประมงประสบภัยมาก ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา พื้นที่ประสบภัย 5,407 ไร่ จ.ชัยภูมิ 1,902 ไร่ จ.เลย 1,502 ไร่ จ.กระบี่ 1,155 ไร่ และ จ.ตาก 640 ไร่ ส่วนจังหวัดที่ประสบภัยอีก 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แพร่ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุดรธานี อุบล ราชธานี ศรีสะเกษ และฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ กรอบของการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบตามเกณฑ์ และอัตราการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือด้านประมง ด้านพืช ด้านปศุสัตว์ และด้านการเกษตรอื่น
คือ ปลาทุกชนิดในบ่อดินและนาข้าว (คิดเฉพาะพื้นที่เลี้ยง) อัตราการให้ความช่วยเหลือไร่ละ 3,406 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่ กุ้ง ปู และหอยทะเล อัตราการให้ความช่วยเหลือไร่ละ 9,098 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่ กรณีสัตว์น้ำที่เลี้ยงในกระชัง บ่อซีเมนต์ และ อื่น ๆ เช่น ปลาสวยงาม กบ ตะพาบน้ำ เป็นต้น อัตราการให้ความช่วยเหลือ ตารางเมตรละ 257 บาท รายละไม่เกิน 80 ตารางเมตร หากเกษตรกรรายใดคำนวณพื้นที่การเลี้ยงแล้วจะได้รับการช่วยเหลือคิดเป็นเงินต่ำกว่า 257 บาท ก็ให้ได้รับการช่วยเหลือในอัตรารายละ 257 บาท

สำหรับเกษตรกรรายใดที่ประสบปัญหาด้านการประมงจากอุทกภัย สามารถขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำจากนักวิชาการประมงได้ที่ ศูนย์ สถานี และสำนักงานประมงจังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมง กรมประมง โทรศัพท์ 0-2561-4740 โทรสาร 0-2558-0218.




เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ช่วยลดระดับ

วันพฤหัสบดี ที่ 29 ตุลาคม 2552 เวลา 0:00 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

<TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>



น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน และคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจากน้ำเหนือไหลหลากในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมแจกของบรรเทาทุกข์ และรับฟังสภาพปัญหา ณ วัดสีกุก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยในวันดังกล่าว นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้รายงาน ถึงสภาพน้ำว่า กรมชลประทานมีการบริหารจัดการน้ำเหนือก่อนไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ เจ้าพระยา ตามความสามารถที่จะรับน้ำ ได้ผ่านคลองต่าง ๆ อาทิ คลองชัยนาท- ป่าสัก คลองชัยนาท-อยุธยา คลองบางแก้ว แม่น้ำน้อย และคลองโผงเผง เป็นต้น โดยไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ ชลประทานทั้งสองฝั่ง

นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้นำน้ำส่วนหนึ่งไปเก็บไว้ในพื้นที่แก้มลิง เพื่อลดปริมาณน้ำเหนือ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการใช้ประโยชน์ เพื่อบริหารจัดการน้ำเหนือไหลหลาก โดยไม่ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ แก้มลิงทุ่งท่าวุ้ง และแก้มลิงหนองสมอใส จ.ลพบุรี ที่สำคัญยังได้ใช้ประโยชน์จากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ในการ ควบคุมปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสัก ให้ไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเกณฑ์น้อยที่สุด เป็นการลดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างได้เป็นอย่างมาก.

http://www.thaipost.net/x-cite/301009/12759
เตือนอากาศวิปริตขั้วโลกละลายไทยพายุถล่ม!

<!-- main-content-block --><!-- 30 ตุลาคม 2552 - 00:00 -->

• เรื่องปก

30 ตุลาคม 2552 - 00:00


นักวิชาการโลกร้อน เชื่อข้อมูลน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายหมดภายใน 20 ปีข้างหน้า สถิติย้อนหลังบ่งชี้ชัดเจน ปัจจุบันเหลือเพียง 10% ของมหาสมุทรอาร์กติก จับตาก๊าซมีเทนใต้ดินขั้วโลกแพร่สู่ชั้นบรรยากาศ ซ้ำเติมโลกร้อนหนักขึ้น ส่วนไทยให้เฝ้าระวังพายุรุนแรงในทะเลอ่าวไทย ซึ่งอั้นมานานหลายปี

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่อาคารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. จัดงานเสวนา "วิกฤติโลก เมื่อขั้วโลกเหนือไม่เหลือน้ำแข็ง" โดยมี ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นวิทยากร

ดร.อานนท์กล่าวว่า มีข้อมูลใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับผลกระทบภาวะโลกร้อนต่อน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกบริเวณขั้วโลกเหนือ จากผลการศึกษาของคณะสำรวจแคตลิน อาร์กติก เซอร์เวย์ ร่วมกับองค์กรกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ได้คาดการณ์ว่า น้ำแข็งขั้วโลกเหนือจะละลายกลายเป็นน้ำทะเลทั้งหมดในช่วงฤดูร้อนภายใน 20 ปีข้างหน้า โดยส่วนตัวคิดว่ามีความเป็นไปได้แน่นอน เพราะปัจจุบันช่วงฤดูร้อน แผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกมีเหลืออยู่เพียง 10% ของพื้นที่มหาสมุทรเท่านั้น หรือประมาณ 5 ล้านตารางกิโลเมตร เมื่อดูสถิติย้อนหลัง 30 ปี พบว่าแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จากที่เคยมี 8 ล้านตารางกิโลเมตร ทั้งนี้ ฤดูร้อนในปี 2550 น้ำแข็งละลายหายไปมากที่สุดเหลือ 4 ล้านตารางกิโลเมตร

"การที่แผ่นน้ำแข็งเหลือน้อยลงมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้การสะท้อนรังสีของดวงอาทิตย์กลับออกไปยิ่งลดลง ขณะที่พื้นที่ที่เป็นน้ำทะเลเพิ่มมากขึ้น ก็จะยิ่งดูดซับความร้อนได้มากขึ้น จึงยิ่งทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงมากขึ้น และเร่งให้น้ำแข็งที่เหลืออยู่ละลายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น" ดร.อานนท์กล่าว

อย่างไรก็ดี แผ่นน้ำแข็งที่จะละลายหายไปหมดไม่ได้หายไปอย่างถาวรดังที่หลายคนเข้าใจ แต่จะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงหน้าร้อนเท่านั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวผิวหน้าทะเลจะเย็นและกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งอีกครั้ง หากแต่ว่าชั้นน้ำแข็งหรือระดับความหนาของน้ำแข็งจะบางลง

นักวิชาการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระบุถึงผลกระทบน้ำแข็งขั้วโลกละลายกลายเป็นน้ำทะเลว่า สิ่งแรกคือระบบนิเวศ ที่เห็นชัดเจนคือหมีขาวจะไม่มีถิ่นที่อยู่อาศัย ทุกวันนี้มีหมีขาวจำนวนมากจมน้ำตาย เนื่องจากต้องว่ายน้ำหาแผ่นน้ำแข็งเป็นระยะทางไกล ซึ่งหากไม่มีแผ่นน้ำแข็งแล้ว โอกาสอยู่รอดคงมีน้อย แต่ก็มีหมีขาวบางสายพันธุ์ที่เริ่มอพยพและปรับตัวขึ้นมาอาศัยอยู่บนแผ่นดิน ตามขอบทวีปอะแลสกาและรัสเซียตอนเหนือ ซึ่งประชากรหมีขาวกลุ่มนี้น่าจะเป็นสายพันธุ์ที่อาจอยู่รอดได้

ส่วนผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรคือ เมื่อน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น ความแตกต่างของอุณหภูมิน้อยลง การจมตัวของน้ำช้าขึ้น อาจส่งผลให้รูปแบบการไหลเวียนของกระแสน้ำเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเมื่อน้ำอุ่นมากขึ้น การระเหยของน้ำก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้ฝนหรือหิมะที่เกิดขึ้นในทวีปที่อยู่โดยรอบบริเวณอาร์กติกของขั้วโลกเหนือ รวมถึงยุโรปตอนเหนือ รัสเซีย แคนาดา อาจจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังมีความกังวลว่า หากน้ำทะเลในมหาสมุทรอาร์กติกมีความอุ่นขึ้น ก็จะเกิดพายุบ่อยขึ้น ซึ่งเป็นการถ่ายเทพลังงานความร้อนจากทะเลขึ้นสู่ชายฝั่ง จากสถิติในช่วง 10 ปีหลังสุด พบการเกิดพายุถี่ขึ้นจากในอดีต และเป็นพายุที่มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากกว่าในเขตอบอุ่นในระดับพลังงานที่เท่ากัน เนื่องจากเป็นบริเวณที่ใกล้กับขั้วโลก แรงที่ทำให้เกิดการหมุนจะมีกำลังมากกว่าบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร การหมุนเวียนของพายุจะปั่นป่วนมากขึ้น

ดร.อานนท์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่ทั่วโลกเฝ้าจับตาคือ เมื่อน้ำทะเลอุ่นมากขึ้นอาจส่งผลต่อเนื่องลงมาจนทำให้แผ่นน้ำแข็งที่อยู่บนแผ่นทวีปที่อยู่ในเขตทุนดรา ซึ่งอยู่ใต้จากขั้วโลกเหนือลงมาที่ระดับ 60 องศาเหนือเกิดการละลาย ทำให้ก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่าตัว และมีการสะสมอยู่ในชั้นดินที่ถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งเป็นเวลานานจะแพร่ออกมาสู่บรรยากาศอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภูมิอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมานั้นไม่มีใครคาดคิดได้

"การละลายของน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือไม่น่าจะส่งผลกระทบถึงประเทศไทยโดยตรง เนื่องจากมวลอากาศที่อยู่ในเขตขั้วโลกกับเขตศูนย์สูตร เป็นมวลอากาศที่มีขอบเขตแยกจากกันชัดเจน แต่โดยภาพรวมน้ำทะเลในบริเวณขั้วโลกเหนือก็จะเพิ่มสูงขึ้น มีผลให้เกิดการรุกรานของน้ำทะเลเข้ามาในแผ่นดิน จนเกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมากขึ้น"

ดร.อานนท์ชี้ว่า ผลกระทบต่อบ้านเรานั้นอาจจะเป็นผลทางอ้อม ที่เกิดจากการไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกและแอตแลนติก ที่อาจจะเปลี่ยนไปและไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถฟันธงชัดเจนว่า ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นผลกระทบจากโลกร้อนโดยตรงหรือไม่ เนื่องจากการศึกษาวิจัยต้องใช้ระยะเวลาและการเก็บข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ที่แน่ชัด แต่ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรเพิกเฉยและควรติดตามอย่างต่อเนื่อง

"สิ่งที่เราต้องมองไป 3-5 ปีข้างหน้าคือ พายุในอ่าวไทย ซึ่งไม่เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะจังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่เสี่ยงมากที่สุด อาจจะไม่เกี่ยวกับผลกระทบน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายโดยตรง แต่เป็นเรื่องของความไม่สมดุลในมหาสมุทรแปซิฟิกบวกกับมีภาวะโลกร้อนเข้ามาซ้ำเติม เป็นสิ่งที่เราต้องเฝ้าระวังกันให้ดี ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณเตือนบางอย่างแล้ว เช่น มีสัตว์น้ำบางชนิดโผล่ขึ้นตามชายฝั่งทะเลโดยไม่มีสาเหตุ" นักวิชาการด้านโลกร้อนผู้นี้สรุป.

 

เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงนอกชายฝั่งญี่ปุ่น​

​

โตเกียว 30 ต.ค. - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งตอนใต้ของญี่ปุ่น ในวันนี้ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายในชีวิต และทรัพย์สิน ทั้งยังไม่มีประกาศเตือนภัยการเกิดคลื่นสึนามิ

สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานเบื้องต้นว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.03 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 14.03 น.ในไทย และอยู่ลึกลงไป 50 กม. บริเวณหมู่เกาะริวกิว โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเกาะโอกินาวา ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 407 กม. ด้านศูนย์เตือนภัยการเกิดคลื่นสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก ระบุว่า ไม่มีภัยการเกิดคลื่นสึนามิ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ด้านแผ่นดินไหวของสำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ที่ระบุว่าไม่มีความเสี่ยงเกิดสึนามิ

อย่างไรก็ดี แรงสั่นสะเทือนสามารถรู้สึกได้ในเมืองคาโงชิมะ และอีกหลายสิบเมืองบนเกาะคิวชู ทางภาคใต้ แต่ไม่สามารถรับรู้ได้ในกรุงโตเกียว หรือพื้นที่อื่นของประเทศ. -สำนักข่าวไทย

2009-10-30 15:40:44

เกิดแผ่นดินไหวตื้นในปากีสถาน ​

​

อิสลามาบัด 30 ต.ค. - เจ้าหน้าที่ เผยว่า เกิดแผ่นดินไหวตื้นขนาด 5 ริกเตอร์ในหลายเมืองทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถานวันนี้ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน

หัวหน้ากรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถาน รายงานว่า แผ่นดินไหวรู้สึกได้ในหลายเมืองทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ รวมทั้ง เมืองเปชาวาร์ และกรุงอิสลามาบัด นครหลวง เมื่อเวลา 12.46 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 13.46 น. ในไทย มีศูนย์กลางอยู่ใกล้กับเมืองปาราชีนาร์ ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปทางตะวันตกราว 160 ก.ม.และอยู่ลึกลงไป 10 ก.ม.

ด้านสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ บันทึกขนาดแผ่นดินไหวครั้งนี้ที่ 5.1 ริกเตอร์ และมีศูนย์กลางห่างจากกรุงคาบูล นครหลวงของอัฟกานิสถานไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 87 ก.ม. ถือเป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 ในปากีสถานในช่วงไม่ถึง 24 ช.ม. หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ เมื่อคืนนี้ตามเวลาท้องถิ่น แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ในหลายเมืองของประเทศ แต่ไม่ทำให้เกิดความเสียหาย

พื้นที่ภาคเหนือของอัฟกานิสถาน และปากีสถานเผชิญแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่รอบแนวเทือกเขาฮินดูกูช ใกล้กับจุดบรรจบกันของแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย และแผ่นเปลือกโลกอินเดีย ซึ่งเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ริกเตอร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน และดินแดนแคชเมียร์ เมื่อเดือน ต.ค.2548 ทำให้มีผู้เสียชีวิติถึง 74,000 คน และไร้ที่อยู่ 3.5 ล้านคน. - สำนักข่าวไทย

2009-10-30 16:31:38

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของอินเดียพยายามดับไฟในคลังน้ำมัน​

​

อินเดีย 30 ต.ค. – เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทางตอนเหนือของอินเดียยังคงพยายามดับไฟซึ่งลุกไหม้มาเป็นเวลายาวนานกว่า 12 ชั่วโมงแล้วในคลังน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

คลังน้ำมันของบริษัท อินเดียน ออย คอร์ปอเรชัน ตั้งอยู่ชานเมืองชัยปุระ เมืองเอกของรัฐราชสถาน ยังคงมีไฟลุกท่วมและปกคลุมไปด้วยควันสีดำ หลังเกิดการลุกไหม้ตลอดคืน ด้านรัฐมนตรีน้ำมันเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังพยายามหาทางควบคุมเปลวเพลิงไว้ให้ได้ และคาดว่า สาเหตุของการเพลิงไหม้ดังกล่าวเกิดจากการรั่วของท่อส่งน้ำมัน

รายงานระบุว่า เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และทำให้เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินต้องอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากพื้นที่ใกล้เคียง และขณะนี้ มีประชาชนอย่างน้อย 80 คน เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลท้องถิ่นเนื่องจากถูกไฟลวก.-สำนักข่าวไทย

2009-10-30 15:36:53

ชาวกัมพูชา 5 คน เสียชีวิตเพราะไฟดูดในบ้านน้ำท่วม​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

​

พนมเปญ 30 ต.ค. - ชายกัมพูชาและลูกชายอีก 4 คน เสียชีวิตในวันนี้ หลังจากที่เขาจับประตูซึ่งเป็นโลหะโดยไม่ทันระวังสายไฟที่จมอยู่ในน้ำท่วมจึงถูกไฟดูดตาย

ตำรวจกัมพูชา กล่าวว่า ขณะที่ชายวัย 65 ปีถูกไฟดูด ลูกชายของเขาที่มีอายุตั้งแต่ 23-30 ปีได้กรูเข้ามาจับตัวเพื่อช่วยพ่อจึงถูกไฟดูดกันทั้งหมดเนื่องจากบ้านของพวกเขาที่อยู่ชานกรุงพนมเปญถูกน้ำท่วมหลังฝนตกหนัก ขณะที่ลูกสาววัย 19 ปี ถูกไฟดูดเช่นกัน แต่รอดชีวิตและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนหน้านี้พายุไต้ฝุ่นกิสนากระหน่ำกัมพูชาเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน และบาดเจ็บราว 100 คน รวมทั้งยังทำให้บ้านพังหลายหลัง .-สำนักข่าวไทย

2009-10-30 15:28:14

ฟิลิปปินส์เตรียมรับมือไต้ฝุ่นมิรีแน​

​

ฟิลิปปินส์ 30 ต.ค. - ทางการฟิลิปปินส์มีคำเตือนให้ประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน จากอิทธิพลของไต้ฝุ่น “มิรีแน” ที่คาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งในวันพรุ่งนี้

ชาวบ้านในพื้นที่ทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ ต้องเตรียมตัวรับมือกับไต้ฝุ่น “มิรีแน” หลังสำนักงานพยากรณ์อากาศ เตือนว่า พายุลูกดังกล่าวอาจทำให้มีฝนตกหนัก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มได้ ทำให้ชาวบ้านในบางพื้นที่เตรียมตัวจะอพยพในวันนี้ หากมีความจำเป็น

ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากยังคงพยายามซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากไต้ฝุ่นกิสนา ซึ่งพัดถล่มไปเมื่อเดือนที่แล้ว และคร่าชีวิตผู้คนไปถึง 929 คน มีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกว่า 7 ล้านคน และจนถึงขณะนี้ยังมีชาวบ้านที่ต้องอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงของทางการอีกกว่า 120,000 คน. - สำนักข่าวไทย

2009-10-30 15:10:38

ผู้นำไต้หวันเรียกร้องจีนเลิกเล็งขีปนาวุธมาที่ไต้หวัน​

​

ไทเป 30 ต.ค.- ประธานาธิบดีหม่า อิง จิ่ว ผู้นำไต้หวันเรียกร้องจีนถอนขีปนาวุธที่เล็งมายังไต้หวันเพื่อรับประกันสันติภาพ

จีนมีขีปนาวุธเกือบ 1,500 ลูกที่เล็งมายังไต้หวัน และยังไม่มีสัญญาณว่าจะยุติการเพิ่มจำนวนขีปนาวุธในเร็วนี้ ผู้นำไต้หวันแสดงความหวังว่าจีนจะพิจารณาเคลื่อนย้ายขีปนาวุธที่เผชิญหน้ากับไต้หวันเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งสันติภาพของทั้งสองฝ่าย

ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดในด้านความสามารถของขีปนาวุธไต้หวัน แม้เพิ่งมีการทดสอบขีปนาวุธแบบพื้นสู่พื้นสงเฟิง 2อี ซึ่งมีพิสัยยิงไกล 600 กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่ามีประสิทธิภาพมากเพียงใด ผู้นำไต้หวันหวังให้ช่องแคบไต้หวันเปลี่ยนจากสนามรบเป็นเขตแห่งสันติภาพ

ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไต้หวันดีขึ้นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ประธานาธิบดีหม่า ขึ้นดำรงตำแหน่งในปีที่แล้ว แต่ประธานาธิบดีหม่าพูดย้ำเสมอว่าขีปนาวุธยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปรับปรุงความสัมพันธ์.-สำนักข่าวไทย

2009-10-30 16:26:32

นายกฯ ยูเครนสั่งปิดเรียน 3 สัปดาห์สกัดหวัดใหญ่ 2009 ระบาด​

​

เคียฟ 30 ต.ค. - นายกรัฐมนตรียูเลีย ทีโมเชนโก ของยูเครนสั่งปิดทำการเรียนการสอนในสถานศึกษาทั่วประเทศ และห้ามจัดการชุมนุม รวมทั้งการไปโรงภาพยนตร์เป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกของประเทศ

นายกรัฐมนตรีทีโมเชนโก กล่าวต่อคณะรัฐมนตรีซึ่งมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ปิดทำการเรียนการสอนตามสถานศึกษาทั้งของรัฐ และเอกชนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ รัฐบาลยูเครน ยังห้ามการชุมนุมสาธารณะต่างๆ เช่น งานคอนเสิร์ต และการฉายภาพยนตร์ ขณะเดียวกันใช้มาตรการพิเศษเพื่อจำกัดการเดินทางของชาวยูเครนจากพื้นที่หนึ่งไปยังพื้นที่หนึ่งหากไม่มีเหตุเร่งด่วน

มาตรการเข้มงวดของรัฐบาลยูเครนมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีผู้ได้รับการยืนยันว่า เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่คนแรกของประเทศ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่ยังไม่ทราบสาเหตุอีกหลายสิบคนทางภาคตะวันตกของยูเครน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีทีโมเชนโก จะลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ในวันนี้. -สำนักข่าวไทย

2009-10-30 18:58:14

สวิตเซอร์แลนด์จำกัดการใช้วัคซีนหวัดใหญ่ 2009 ของแกล็กโซสมิธไคลน์​

​

เจนีวา 30 ต.ค.-สวิตเซอร์แลนด์จำกัดการใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ชื่อแพนเดมริกซ์ ของบริษัทยาแกล็กโซสมิธไคลน์ของอังกฤษ โดยไม่ใช้กับสตรีมีครรภ์ เด็ก และผู้อายุมากกว่า 60 ปี

องค์การอาหารและยาสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า ได้รับข้อมูลวัคซีนแพนเดมริกซ์สำหรับผู้ใหญ่จากแกล็กโซสมิธไคลน์ แต่ไม่มีการให้ข้อมูลสำหรับสตรีมีครรภ์ และมีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับวัคซีนสำหรับเด็ก ดังนั้น จึงไม่อนุมัติให้ใช้วัคซีนชนิดนี้กับสตรีมีครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป

นอกจากนี้ องค์การอาหารและยาสวิตเซอร์แลนด์แนะว่า วัคซีนโฟเซอเทรีย ซึ่งเป็นวัคซีน 1 ใน 2 ชนิดของบริษัทโนวาร์ตีส ผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์ ยังปลอดภัยสำหรับใช้กับผู้ใหญ่และเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ส่วนการให้วัคซีนนี้กับสตรีมีครรภ์ให้อยู่ภายใต้การพิจารณาจากแพทย์ ขณะนี้องค์การฯ กำลังตรวจสอบวัคซีนอีกชนิดของโนวาตีสที่ชื่อเซลทูรา.-สำนักข่าวไทย

2009-10-30 18:48:12

อินเดียเริ่มนำเข้าข้าวไทยหลังเผชิญภัยแล้ง​

​

นิวเดลี 30 ต.ค. - สำนักข่าวเพรสทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานว่า อินเดียเริ่มนำเข้าข้าวจากประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ รวมทั้งไทย เพื่อชดเชยกับภาวะขาดแคลนจากภัยแล้งที่รุนแรงสุดในรอบเกือบ 40 ปี

แผนการนำเข้าข้าวมีขึ้นจากการที่รัฐบาลอินเดียเกรงว่า ปริมาณการผลิตข้าวจะลดลงถึง 16 ล้านตันในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก หลังผลผลิตลดลงในปีที่ผ่าน ๆ มา เวลานี้อินเดียนำเข้าข้าวมาราว 400,000 ตันแล้ว และจะเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ราคาข้าวในประเทศพุ่งขึ้นร้อยละ 25 ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาตามความกังวลต่อภาวะขาดแคลนในอินเดียที่มีประชากรเกือบ 1,200 ล้านคน โดยเผชิญทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ปลูกข้าวช่วงที่ผ่านมา ผู้ค้าข้าวในอินเดียจะนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ รวมทั้งไทยเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลประกาศลดภาษีนำเข้าข้าวลงถึงร้อยละ 70 ทั้งนี้ อินเดียผลิตข้าวได้ 99.2 ล้านตัน เมื่อปีที่แล้ว. -สำนักข่าวไทย

2009-10-30 09:15:20

ที่มา http://news.mcot.net

 

ตุลาอาถรรพ์ ผ่านพ้นไปได้ด้วยพระบารมีของในหลวง !!!



​

ธ ทรงนำผองไทย พ้นวิกฤต

รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ อธิบายไว้ในหนังสือพระผู้ทรงปกเกล้าฯ ประชาธิปไตย : 60 ปีสิริราชสมบัติกับการเมืองการปกครองไทย ถึงที่มาของพระราชอำนาจว่า มาจาก 2 หลักการ คือ 1.มาจากการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่เอาแบบอย่างมาจากประเทศอังกฤษ 2.มาจากนิติราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม

ในส่วนของพระราชอำนาจที่มาจากการปกครองแบบประชาธิปไตย ยังแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ พระราชอำนาจทั่วไปในการให้คำแนะนำ ตักเตือน และให้กำลังใจ พระราชอำนาจพิเศษ และพระราชอำนาจสำรอง

ในสถานการณ์ปกติ พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจทั่วไปในการให้คำแนะนำ ตักเตือน และให้กำลังใจฝ่ายบริหาร ผ่านการเข้าเฝ้าของนายกรัฐมนตรี

แต่หากเมื่อใดที่สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในสภาวการณ์ที่ผิดปกติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอาจทรงใช้ “พระราชอำนาจสำรอง” ในการแก้ไขสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมืองให้ผ่านพ้นและคลี่คลายไปในที่สุด ดังเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้ ที่หากสังคมไทยไม่ได้พระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ไม่รู้ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะลงเอยเป็นเช่นใด...

14 ตุลา 2516 มหาวิปโยค

พลันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระบรมราชดำรัส เมื่อคืนวันที่ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ความขัดแย้งในสังคมที่กำลังเขม็งเกลียว ก็ค่อยๆ คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

“วันนี้เป็นวันมหาวิปโยค ที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตลอดระยะเวลา 6-7 วันที่ผ่านมา ได้มีการเรียกร้องและการเจรจากัน จนกระทั่งนักศึกษาและรัฐบาลทำข้อตกลงกันได้ แต่แล้วมีการขว้างระเบิดขวด และยิงแก๊สน้ำตาขึ้น ทำให้เกิดการปะทะกัน และมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน ความรุนแรงได้ทวีขึ้นทั้งพระนครถึงขั้นจลาจล และยังไม่สิ้นสุด มีคนไทยด้วยกันต้องเสียชีวิตนับร้อย

ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้ง เพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนสภาพปกติเร็วที่สุด

อนึ่ง เพื่อขจัดเหตุร้ายนั้น จอมพลถนอม กิตติขจรได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อค่ำวานนี้ ข้าพเจ้าจึงแต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันสนับสนุนเพื่อให้คณะรัฐบาลใหม่สามารถบริหารงานแผ่นดิน โดยมี ประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม และแก้ไขสถานการณ์ให้คืนสู่สภาพเรียบร้อยได้โดยเร็ว ยังความสงบสุข ความรุ่งเรืองให้บังเกิดแก่ประเทศ และประชาชนชาวไทยโดยทั่วกัน”

ลองจินตนาการดูเถิดว่า...

ภายใต้สถานการณ์ที่ฝูงชนเรือนแสนกำลังปะทุอารมณ์กราดเกรี้ยว จากความไม่พอใจในการกดขี่ข่มเหงของระบอบเผด็จการ “ถนอม ประภาส ณรงค์”

ขณะที่รัฐบาลก็สั่งเคลื่อนรถถัง กำลังพล และอาวุธหนักเตรียมพร้อมเพื่อใช้ “ความรุนแรง” ในการตอบโต้

หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงพระราชทานสติให้กับทุกฝ่าย ตัวเลขผู้บาดเจ็บล้มตายคงไม่หยุดอยู่ที่หลักร้อยเป็นแน่แท้

พฤษภาทมิฬ

กระแสแห่งความไม่พอใจของประชาชน ที่เริ่มตั้งเค้านับตั้งแต่พลเอกสุจินดา คราประยูร ยอม “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจของ รสช. อย่างไม่สง่างามนั้น

ได้แปลไปสู่รูปธรรมแห่งการอดอาหารประท้วงโดย ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง ตามมาด้วยการชุมนุมประท้วงของประชาชนภายใต้การนำของสมาพันธ์ประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้องนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ในที่สุดทหารก็อดรนทนไม่ได้ สั่งใช้แผนไพรีพินาศล้อมปราบประชาชนอย่างรุนแรง จนถนนราชดำเนินต้องเจิ่งนองไปด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ที่มีหัวใจรักประชาธิปไตยอีกครั้ง

พลันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระบรมราชโอกาสให้พลตรีจำลอง ศรีเมืองและพลเอกสุจินดา คราประยูร เข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 และทรงมีพระราชดำรัสว่า

“...ประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่า บ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง...”

ทุกฝ่ายต่างก็ถอย ส่งผลให้ประชาธิปไตยไทยสามารถอภิวัฒน์ไปข้างหน้าได้อีกครั้งก่อนยุบพรรค

แม้การปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จะสามารถยับยั้งความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในสังคมไว้ได้ชั่วขณะ แต่ความแตกแยกทางความคิดซึ่งเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของความรุนแรงยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง

ก่อนการตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทยโดยศาลรัฐธรรมนูญไม่นานนัก ได้เกิดคลื่นลมที่ดูเหมือนจะโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง หากคำตัดสินไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายตน

แต่พลันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะตุลาการศาลปกครอง ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2550
ทุกฝ่ายต่างก็น้อมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอย่างสงบนิ่ง

“…2 วัน 2 คืนนี้ มีการวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวข้องกับศาล ท่านต้องคิดวิธีที่จะป้องกันตัว แทนเพื่อนผู้พิพากษาศาลต่างๆ ทั้งหมด... ท่านมีความรับผิดชอบที่จะทำให้บ้านเมืองไม่ล่มจม หรือตักเตือนประชาชนที่มีความรู้ให้มีความรู้มากขึ้น และแม้แต่ประชาชนที่ไม่มีความรู้ให้เกิดความรู้ขึ้นมาว่าบ้านเมืองควรจะไปทางไหน ท่านทำได้ ท่านพูดได้ ท่านคิดได้ เพราะท่านมีความรู้ เพราะฉะนั้นขอร้องให้ท่านพยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์ต่อไป เพราะว่าสถานการณ์ปีนี้ไม่ดีเลย...

“...เชื่อว่าท่านตั้งใจที่จะทำงานเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ และขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายสมบูรณ์ เพื่อที่จะปฏิบัติงาน หน้าที่ได้ และก็ขอขอบใจท่านที่จะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลปกครอง และขอให้สามารถตักเตือนคนอื่นให้เขาทำหน้าที่ให้ดี โดยเฉพาะทางฝ่ายตุลาการ ก็ขอให้ท่านมีร่างกาย จิตใจแข็งแกร่ง เพื่อให้ทำหน้าที่มีความสำเร็จ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ”

จะเห็นได้ว่า แม้ประชาธิปไตยของไทยจะสะดุดล้มลุกคลานเพียงใด แต่ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองก็รอดพ้นจากบ่วงของวิกฤตการณ์ต่างๆ มาได้เสมอมา ไม่ว่าวิกฤตนั้นจะหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตามที...

ที่มา http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=75869

หมายเหตุ

ในความเชื่อส่วนตัวของผม ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ร้ายๆ ตามคำทำนายที่ไม่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ก็เนื่องด้วยพระบารมีของในหลวงท่าน ที่พระองค์ทรงใช้พระวรกายของพระองค์ท่าน เข้าต้านรับเคราะห์กรรมแทนคนไทยทั้งชาติ จนพระองค์ต้องทรงพระประชวรอย่างหนัก นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยทั้งชาติอย่างหาที่เปรียบมิได้

เมื่อคนไทยทั้งประเทศได้ทราบข่าว ในหลวงทรงพระประชวร ทำให้คนไทยลืมความโกรธแค้นกันไปได้ขั่วขณะหนึ่ง ทุกดวงจิตต่างก็มุ่งความห่วงใยไปที่พระองค์ท่าน ด้วยความสำนึกในความเป็นคนไทยด้วยกัน ที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนไทยทั้งชาติ จึงทำให้เรื่องร้ายๆ ในเดือนตุลาคมนี้ สามารถเลื่อนออกไปได้ในที่สุดครับ

**************************************************

ขอเชิญโหลดเพลง "เดินตามพ่อ" ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

​

 

สวัสดีค่ะชาวโลก...
เมื่อวันงานครอบครูวิชาทรงครูธรรม เพื่อรับดวงธรรม โดยมีท่านตากัมมัฏฐานแพง คุณตาของยายผีป่าเป็นผู้เชิญพิธี
เย็นวันก่อนลา (มีงานสามวันค่ะ) ปู่ใหญ่ท่านเสด็จมาโปรดสนทนาธรรมกับสำเร็จลุนท่านและหลวงปู่อีกรูป ลืมถามฉายาท่าน
มีการบันทึกเสียงไว้ผ่านมือถือแต่อาจฟังไม่ค่อยชัด จะนำไปลงที่กระทู้ตามลิ้งค์ข้างล่าง
แต่มีสิ่งหนึ่งจะเตือนโดยไม่มีในการอัดเสียงคือ
"อีก ๔๐ -๔๒ ปี ระวังภัย อาจลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ ๓ เกิดจากการแบ่งแยก ชิงอำนาจกันนั่นเอง"
และโรคระบาดที่อันตราย ที่เกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ผิดพลาด ยายผีป่าโชคดีเป็นโรคตาแดงแล้ว จึงมีภูมิต้านทานเชื้อที่เขาว่ามันจะระบาด
มีสมุนไพรรักษา แต่ต้นตัวยาสองสามตัวหายากมาก เพราะมีการตัดโค่นทำลายป่า
บุญที่ยิ่งใหญ่เพื่อช่วยสงเคราะห์โรค ระงับภัย ตอนนี้คือ ทำบุญกับในหลวงของเรา
ทำง่ายมากๆ คือ "สามัคคีกัน อดทน อดออม มีน้ำใจให้กันและกัน"

 

40 ÷ 2 = 20


​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ดูท่านอยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1020389", true); </SCRIPT> สมาชิก

ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นภายใน 40 ปีหาร 2 นี้ ได้ข่าวสารมาจากอาจารย์ปริญญา ตันสกุล เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2552 ขอให้ 20 ล้านคนไทยรู้เรื่องที่อาจารย์สื่อสอนอยู่นี้ครับ (อ.ปริญญา บอกว่าหลังวันชำระโลกแล้วจะมีคนไทยเหลือรอดอยู่ประมาณ 19-20 ล้านคน)

วันสิ้นยุคถูกกำหนดเป็นปี ค.ศ.2030 ครับ(วันเวลาอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่จะไม่เกินภายใน 20 ปีนี้) จะเกิด 56 วัน 7 ราตรี จากนั้นอีก 5 ปี จะได้พบเจอพระศรีอริยะเมตไตรย จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ยุคแห่งชาวศรีวิไล

จากนี้ไปถึง ปี ค.ศ. 2030 มนุษย์ทุกคนจะต้อง เจอกับภัยต่างๆ จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าสำนักต่างๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ใครที่ยังหลงงมงายเชื่ออยู่ก็จะได้รู้จะได้เห็น ภัยเศรษฐกิจจะไม่มีวันฟื้น ทุกอย่างจะค่อยๆเดินเข้าสู่จุดเริ่มต้น เชื้อโรคต่างๆจะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการดัดแปลงของเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่หวังยึดโลกเรา

จาก 1 ตุลาคม ค.ศ.2009 ถึง 31 ตุลาคม ค.ศ.2012 จะเห็นการณ์วุ่นๆ ทางการเมืองของเมืองไทย จะมีเห็นการณ์ที่จะเล่าขานไปอีกนานครับ ผมไม่สามารถนำมาพิมพ์ให้อ่านได้ครบ อาจารย์บอกไว้ทุกอย่างละครับ ทุกสีที่ออกมาอยู่นี้ ล้วนเกิดจากบุคคลเก่าๆ ของเมืองไทยและศัตรูเก่ากันทั้งนั้นแหละครับ ส่วนคนที่ออกมาสนับสนุน ก็ล้วนเป็นกองกำลังเก่าของเขาทั้งนั้นครับ พอมาภพชาตินี้ก็ละวางความโกรธแค้นไม่ได้ ก็เลยยิ่งแค้นกันไปใหญ่ สุดท้ายก็หยุดที่ความตาย จองจำ ประหารชีวิต ให้ตายไปข้างหนึ่งถึงจะหยุดกันครับ จงภาวนาให้พวกเขาหยุดกันเถิด

ความแตกแยกของเผ่าพันธ์มนุษย์จะมากขึ้นๆๆๆๆๆ เพราะการแก้แค้นเอาคืนของเจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรจะมาแบบหลากหลายรูปแบบมากขึ้น​

​

ช่วงวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2552 ถึง 18 มกราคม พ.ศ.2553 จะเป็นยกที่ 2 ยกนี้ต้องจบ จักรวาลจะไม่ยอมให้ทำลายประเทศไทยไปมากกว่านี้ เพราะปี ค.ศ.2011 จะต้องเจอภัยที่หนักยิ่งขึ้น เลข 11 จักรวาลถือว่าอันตรายสุดๆ<!-- google_ad_section_end -->

ช่วงธันวาคม พ.ศ.2552 อาจจะมีการเลือกตั้งใหม่แต่หานายกไม่ได้ อาจมีการสูญเสียชีวิตของบุคคลสำคัญ เหตุเกิดทางภาคใต้ แต่ละกลุ่มแต่ละสีจะเอาข้ออ้างนี้ ออกมาเพื่อลุยกันใหม่ ทีนี้ละครับตัวใครตัวมัน จนกว่าจะถึงมกราคม พ.ศ.2553 จึงจะยุติ การสูญเสียมากมายเกินคำบรรยายได้ทางโลกมนุษย์ แต่ทางจิตวิญญาณถือว่าพวกเขาเป็นครูให้พวกเรา ได้ศึกษาว่าการโกรธแค้นข้ามภพข้ามชาติ ถ้าไม่รู้จักละวางความโกรธแค้นได้สุดท้ายมันจะเป็นอย่างไร<!-- google_ad_section_end -->

เหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น มีโอกาสเปลื่ยนแปลงได้ครับ ถ้ามนุษย์กลุ่มนี้ รู้จักการให้อภัยร่วมแรงร่วมใจกัน

เหุตการณ์แต่ละปีที่เขียนมา อาจารย์บอกว่า มีโอกาสคลาดเคลื่อนให้เร็วขึ้นและช้าลงได้ ตามความพร้อมที่จะเกิดขึ้น แต่คำว่าไม่เกิดจะไม่มี เพราะโดนพิพากษาไว้แล้ว ยังไงก็ต้องเกิดครับ เพราะถ้าไม่เกิดการแก้แค้นเอาคืนของเจ้ากรรมนายเวรจะไม่มีวันจบสิ้น หมุนเวียนกันแก้แค้นกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้ก็ไม่มีวันจบปล่อยไว้อีกหมื่นๆปีก็ไม่จบครับ

56 วัน 7 ราตรีที่จะเกิดขึ้น ท่านพญายมได้แจ้งกับอาจารย์ปริญญาว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเลื่อนอีกแล้ว (ไม่เลื่อนออกไปไกลเกินกว่าปี ค.ศ. 2030 อย่างที่คุณยายผีป่าได้รับข่าวสารมา)

คนที่จะรอดจะต้องมีปณิธานว่าจะนิพพานเท่านั้น ถึงจะรอดและมีรหัสกรรมไม่เกิน 30 % เท่านั้นจึงจะอยู่รอด

ประเทศหรือจังหวัดใดที่จะโดนภัยพิบัติมากหน่อยจะมี การเกิดฟ้าผ่าที่สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่นั่นก่อน เพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้ากรรมนายเวรได้เริ่มทำการชำระแค้น

จังหวัดมุกดาหารพื้นที่จะหายไป 20 % นครพนมพื้นที่จะหายไปมากกว่าหนองคาย ข้อความจากนี้ไปให้ข้อคิดเอาไปคิดเป็นการบ้าน

- รวยแล้วเป็นไง
- ยิ่งใหญ่เหนือใครแล้วเป็นไง
- สวย หล่อ แล้วเป็นไง
- จนแล้วเป็นไง

56 วัน 7 ราตรี ท่านจะได้เรียนรู้และผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร

- ซากปรักหักพังเกลื่อนไปหมด

- ซากศพนอนเกลื่อนกลาดไปหมด

- การที่ต้องอยู่อย่างโดดเดียวเดียวดาย

การปรากฏตัวของพระศรีอาริยเมตไตรย ถ้าไม่เป็นตามนี้ปลอม หลอกหลวงทั้งสิ้น

- หลังจาก 56 วัน 7 ราตรีผ่านไป 5 ปี ท่านจะปรากฏพระองค์ในลักษณะอายุ 18 ปี รูปร่างใหญ่ สวมชุดขาว เมื่อปรากฏตัวขึ้นมาทุกคนบนโลกนี้จะรู้ได้เลยว่าเป็นท่าน โดยไม่ต้องมีใครคอยแจ้งข่าว ความรู้ที่นำมาสื่อสอนจะสอนต่อจากที่อาจารย์ปริญญา สอนไว้แล้วเพื่อนำพามนุษย์ทุกคนที่รอดให้เข้าสู่พระนิพพาน และเพื่อการดำรงชีวิตต่อไปของจิตวิญญาณที่มาจากฟ้าสีคราม<!-- google_ad_section_end -->

ประมาณปี 2012 กรุงเทพน้ำท่วม 3 เดือน

ปี 2012 พายุใหญ่ที่จะเข้ากรุงเทพ จะคล้ายๆพายุนากิสของพม่า จะเข้าที่อ่าวไทย เริ่มจากชลบุรีเรื่อยมา เข้่าแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานแขวนอาจขาด จะมีคนตายและบาดเจ็บหลายหมื่นคน ที่เหลือจะถูกช่วยเหลือโดยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น ดูแผนที่สีแดงเอาเองครับ

ปี 2515 ด้ามขวานหัก กม. ที่ 346 ประมาณ ตี 2 (จมทะเลไปประมาณ 1.8 กิโลเมตร ทำให้ทะเลฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ต่อเชื่อมถึงกันโดยไม่ต้องขุดคอคอดกระ)

ปี 2018 จะมีเขื่อนในไทยแตกเป็นแห่งแรกทางภาคใต้<!-- google_ad_section_end -->

ตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 เป็นต้นไปทั้งโลกจะเจอกับภัยธรรมชาติทุกรูปแบบ แต่ละประเทศก็จะเจอแบบหนักๆกันทั้งนั้น จนไม่มีเวลามาช่วยคนอื่นอีกต่อไป ให้ทุกคนพยามคิดถึงความดีงามของตนเองและผู้อื่นเข้าไว้ คิดให้มากๆ ใครจะชั่วจะเลวยังไงปล่อยเขา ให้เรานึกถึงแต่ความดีงามของตัวเองและคนอื่นไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลานั่งสมาธิ ไม่ต้องไปนึกไปภาวนาอะไร ให้นึกถึงความดีงามที่บอกนี้อย่างเดี่ยว คำภาวนาใดๆจะไม่สามารถช่วยได้เลยครับ นึกถึงพระอาทิตย์ดวงใหญ่ สื่อจิตถึงสิ่งที่ดีงามเข้าไว้ครับ

เศรษฐกิจไทยจะได้รับพิษจากทางสหรัฐอีกรอบ คราวนี้รุนแรงมากกว่าทุกครั้ง จากแค่คนๆเดียวเท่านั้น สามารถทำให้ทั้งโลกมีปัญหา น่าจะเกี่ยวกับระบบธนาคารครับ หมายถึงคนที่เป็นผู้นำเกี่ยวกับการเงินละครับประมาณปี ค.ศ.2012 นี้ละครับ<!-- google_ad_section_end -->

สำหรับปีนี้หน้าหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 ไทยจะมีเชื้อโรคใหม่ที่รุกลามมาจากทางมาเลเซีย จะตายภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าจะรอดอย่าเป็นคนขี้ใจน้อย อย่าโมโห อย่าโกรธแค้น เพราะเชื้อโรคจะกินเม็ดเลือดแดงที่มีประจุไฟฟ้าลบจากอารมณ์เหล่านี้เป็นหลัก ใครมีเยอะก็จะโดนก่อนทันที<!-- google_ad_section_end -->

ที่มา http://palungjit.org/threads/วันสิ้นยุคเป็นปี-2030-56วัน7ราตรีจะเกิดในช่วงนี้2012-2015-2018-เกิดอะไรหน้า14-หน้า-17-แจ้งข่าวจนถึงปี-2030-a.117174/​

 

ไต้ฝุ่นมิรีแนขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมแรง ​

​

มะนิลา 31 ต.ค. - พายุไต้ฝุ่น “มิรีแน” ซึ่งเป็นลูกที่ 4 ในรอบ 1 เดือน ที่พัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดฝนและลมแรงบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออก และจะมุ่งตรงสู่กรุงมะนิลา ตามเส้นทางเดียวกับพายุโซนร้อนกิสนา ซึ่งทำให้นครหลวงแห่งนี้ยังมีบางส่วนจมน้ำอยู่ถึงปัจจุบัน

ประชาชนหลายพันคนอพยพออกจากบ้านเรือนในจังหวัดเกซอน ซึ่งเป็นจุดที่ไต้ฝุ่นมิรีแนขึ้นฝั่งหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านเกรงว่าพายุจะทำให้เกิดโคลนถล่ม แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

สถานีวิทยุในฟิลิปปินส์ รายงานว่า ลมแรงทำให้ต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้ม อีกทั้งชะลอการจราจรบนทางหลวงบางสาย มีรายงานว่าเกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่จำนวนมากรอบกรุงมะนิลาและพื้นที่ใกล้เคียง

ส่วนที่กรุงมะนิลา ฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งคืน ทำให้ประชาชนหลบอยู่แต่ในบ้าน ตามท้องถนนดูเงียบสงบ คาดว่าไต้ฝุ่นมิรีแนจะผ่านพื้นที่ตอนใต้ของกรุงมะนิลาในวันนี้ ด้วยความเร็วลม 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจจะมีลมกรรโชกแรงถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้

ไต้ฝุ่นมิรีแนอยู่ในเส้นทางเดียวกับพายุโซนร้อนกิสนา ซึ่งทำให้กรุงมะนิลาเกิดฝนตกหนักที่สุดในรอบ 40 ปี ประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยคนและเกิดน้ำท่วมหนัก อย่างไรก็ตาม พายุมิรีแนกำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะออกจากฟิลิปปินส์ไปยังเวียดนามในเย็นวันนี้.- สำนักข่าวไทย

2009-10-31 08:44:30

เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวซานฟรานซิสโก​

​

ซานฟรานซิสโก 31 ต.ค.-เกิดเหตุน้ำมันเตาจากเรือบรรทุกน้ำมันจดทะเบียนในในปานามา รั่วไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวซานฟรานซิสโก

หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า น้ำมันรั่วไหลมากเรือน้ำมัน ชื่อ“ดูไบ สตาร์” ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วและกำลังเก็บกวาด แต่ยังไม่ชัดเจนว่าปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเลมีมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ การรั่วไหลเกิดขึ้นในระหว่างการเติมน้ำมันระหว่างเรือดูไบ สตาร์กับเรือลำเลียง ใกล้กับท่าอากาศยานโอ๊คแลนด์ ตรงข้ามนครซานฟรานซิสโก

ไมค์ แฮนสัน โฆษกของบริษัทที่ดูแลเรือดูไบ สตาร์ กล่าวว่าเรือลำนี้สร้างขึ้นในปี 2550 เป็นเรือที่มีลำตัว 2 ชั้น กำลังบรรทุกน้ำมันเครื่องบินไปส่งในเขตพื้นที่ซานฟรานซิสโก ไม่มีลูกเรือได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายแม้มีน้ำมันรั่วไหลที่ดาดฟ้าเรือ

ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีก่อน เคยเกิดเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันชื่อ คอสโก ปูซาน ชนสะพานซานฟรานซิสโก-โอ๊คแลนด์ เบย์ บริดจ์ ทำให้น้ำมันเตา 53,000 แกลลอนรั่วไหลลงสู่อ่าว เกิดเป็นคราบน้ำมันบริเวณกว้างพัดเข้าสู่ชายหาดซานฟรานซิสโกและตามแนวชายฝั่งติดมหาสมุทรแปซิฟิก.-สำนักข่าวไทย

2009-10-31 09:11:46

ศาลเนเธอร์แลนด์ไม่อนุญาตเด็กหญิงวัย 14 ปีล่องเรือรอบโลก​

​

อูเทรชต์ 31 ต.ค.-ผู้พิพากษาศาลเมืองอูเทรชต์ในเนเธอร์แลนด์ เชื่อมั่นว่า ลอรา เดคเกอร์ วัย 14 ปี มีความพร้อมด้านจิตใจที่จะสร้างสถิติเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดที่จะล่องเรือรอบโลกตามลำพัง แต่ยังมีความวิตกกังวลในประเด็นความปลอดภัยของเธอ รวมถึงการศึกษาของลอร่า ที่ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีในการล่องเรือ

นอกจากนี้ ผู้พิพากษายังถอดถอนพ่อแม่ของลอราซึ่งสนับสนุนแผนของลูกสาวจากสิทธิ์ในการเป็นผู้ปกครองชั่วคราวและประกาศให้เธอ อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของศาลไปจนถึงเดือนกรกฎาคมปีหน้า เพื่อยับยั้งหนูน้อยรายนี้จากการแล่นเรือรอบโลก

โฆษกของครอบครัวเดคเกอร์ เผยว่าลอร่ารู้สึกผิดหวังกับคำสั่งของศาล แต่เชื่อว่าลอร่าจะสามารถเริ่มต้นการล่องเรือรอบโลกได้ หลังจากเดือนกรกฎาคมปีหน้า.-สำนักข่าวไทย

2009-10-31 09:08:03

ยูเครนพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากหวัดใหญ่ 2009​

​

ยูเครน 31 ต.ค. - เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กำลังแพร่ระบาดในยูเครน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรายแรก ส่งผลให้ทางการสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

นายกรัฐมนตรียูเลีย ทีโมเชนโก ของยูเครน สั่งปิดทำการเรียนการสอนในสถานศึกษาทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ รวมถึงห้ามการชุมนุมสาธารณะต่าง ๆ เช่น งานคอนเสิร์ต และการฉายภาพยนตร์ มาตรการเข้มงวดของรัฐบาลยูเครนมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากมีผู้ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่คนแรกของประเทศ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่ยังไม่ทราบสาเหตุอีกหลายสิบคนทางภาคตะวันตกของยูเครน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

ที่กรุงเคียฟ ประชาชนจำนวนมากเข้าแถวรอซื้อหน้ากากกันเชื้อโรคจากร้ายขายยา รวมถึงซื้อมะนาวกักตุน เนื่องจากเชื่อกันในท้องถิ่นว่า มะนาวมีคุณสมบัติสามารถรักษาโรคหวัดได้ โดยนายกรัฐมนตรีทีโมเชนโก จะลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ในวันนี้. -สำนักข่าวไทย

2009-10-31 05:06:04

จีนพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 อีก 2 คน​

​

ปักกิ่ง 31 ต.ค.- เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขจีนรายงานวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดเพิ่มเป็น 6 คน

แม้จีนมีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นับพันคน แต่เพิ่งมีรายงานการเสียชีวิตเมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ทางการจีนยังคงออกคำเตือนว่าฤดูไข้หวัดในปีนี้อาจทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก โดยคำเตือนที่ออกมาล่าสุดมาจากคณะรัฐมนตรีจีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

รายงานของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า เมื่อนับถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา จีนมีรายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกือบ 45,000 คน.- สำนักข่าวไทย

2009-10-31 10:42:42

เม็กซิโกยกระดับมาตรการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ขึ้นเป็นสีเหลืองแล้ว ​

​

เม็กซิโก 31 ต.ค. - เม็กซิโกยกระดับมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ขึ้นเป็นสีเหลืองแล้ว พร้อมวางมาตรการมากมายเพื่อมิให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยอีก

รัฐบาลเม็กซิโกเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันสร้างวัฒนธรรมเพื่อสุขภาพ เพื่อความปลอดภัย โดยส่วนรวมโดยเฉพาะในสถานที่ซึ่งมีผู้คนรวมตัวกันอย่างหนาแน่น และสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดิน และโรงเรียนด้วยการทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน รวมทั้งมีการแจกจ่ายเจลฆ่าเชื้อโรค และใบปลิวเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้ที่ใช้บริการรถไฟใต้ดินทุกคน รวมทั้งมีการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ให้มากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ นายมาร์เซโล เอบราร์ด นายกเทศมนตรีของกรุงเม็กซิโกซิตี้ กล่าวว่า เด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุด. -สำนักข่าวไทย

2009-10-31 11:14:01

ข่าวภายในประเทศ

นายทุนเหิมบุกรุกป่าสงวนแนวชายแดนด้านท่าแซะ กว่า 2 หมื่นไร่​

​

ชุมพร 30 ต.ค.-ผู้ว่าฯ ชุมพร บินสำรวจพื้นที่ พบนายทุน-นักการเมืองท้องถิ่น จ้างแรงงานต่างด้าวแผ้วถางบุกรุกป่าสงวนชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.ท่าแซะ กว่า 2 หมื่นไร่ เตรียมประสานหน่วยทหารเข้ามาทำโครงการปลูกป่าถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่ถูกตัดโค่นไม้ขนาดใหญ่จนพื้นที่เตียนโล่ง

วันนี้ พ.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 กองกำลังป้องกันชายแดนไทย-พม่า ค่ายเทพสตรี ประสานนายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนถูกบุกรุกแผ้วถาง ทั้งกำลังภาคพื้นดินและทางอากาศ โดยในส่วนการขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่แนวชายแดนไทย-พม่า บริเวณบ้านสะตงบน บ้านช่องไทร ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ ซึ่งอยู่ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรฯ พบว่ามีกลุ่มนายทุน นักการเมืองท้องถิ่น ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเข้าไปบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าหลายจุด บางแห่งไม้ใหญ่ถูกตัดโค่นกลายเป็นพื้นที่โล่งเตียน เพื่อยึดครองที่ดินเป็นบริเวณกว้างรวมกว่า 2 หมื่นไร่ โดยมีร่องรอยการนำต้นกาแฟ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ไปปลูกไว้ได้ไม่นาน เพื่ออำพรางตบตาเจ้าหน้าที่

ขณะที่การสำรวจของกองกำลังภาคพื้นดิน พบว่า มีการตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ชนิดต่าง ๆ นำออกไปส่งขายให้กับโรงเลื่อย และยังพบซากค่าง ลิงเสน และค่างแว่น ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่แรงงานต่างด้าวออกล่ายิงด้วยอาวุธปืน มาเก็บไว้ในขนำที่พัก เพื่อเตรียมส่งไปขายให้กับลูกค้าอีกจำนวนมาก

นายการัณย์ กล่าวว่า พื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกดังกล่าว เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องนี้ต้องให้ฝ่ายทหารเข้ามากันพื้นที่ไว้ จากนั้น ประสานกองทัพภาคที่ 4 เพื่อปลูกป่าถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อให้ผืนป่ากลับมามีสภาพอุดมสมบูรณ์ดังเดิม โดยจะดำเนินการควบคู่กับการพิสูจน์เขตแดน เพราะประเทศเพื่อนบ้านได้ทำหนังสือประท้วงไปที่องค์การสหประชาชาติ ว่าราษฎรไทยแผ้วถางผืนป่ารุกล้ำเข้าไปในดินแดนประเทศของเขา ทำให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความมั่นคงของประเทศ

ส่วนพื้นที่ที่มีราษฎรเข้ามาทำกินเกินกว่า 10 ปี ตามมติ ครม. ก็ต้องมีการพิสูจน์กัน โดยให้ประชาชนมีสิทธิในผลอาสิน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่ที่ดินยังเป็นของรัฐอยู่ และต้องขึ้นทะเบียนจัดระเบียบจำกัดการเข้าออกในพื้นที่ เพราะเป็นเขตแนวชายแดนที่ประกาศกฎอัยการศึกอยู่ สำหรับกลุ่มนายทุนก็จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

2009-10-30 14:58:11

ยะลาพบศพชาวบ้านถูกยิงในสวนยาง ​

​

ยะลา 30 ต.ค.- เมื่อเวลา 07.30 น. วันนี้ (30 ต.ค.) พล.ต.ต.สายันต์ กระแสแสน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในสวนยาง ม.2 ต.สะเต็งนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและกองวิทยาการเขต 4 ยะลา เข้าตรวจสอบพบศพนายสะดี สาแล๊ะ อายุ 30 ปี ถูกกระสุนปืนเข้าที่ศีรษะหลายนัด ใกล้กันมีรถจักรยานยนต์ ป้ายแดง ของนายสะดี ล้มอยู่

ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็น จากปัญหาความไม่สงบ และความขัดแย้งส่วนตัว เพราะเบื้องต้นทราบว่านายสะดี เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่กี่วัน.-สำนักข่าวไทย

2009-10-30 09:54:46

เพลี้ยกระโดดบุกพิจิตร ​

​

พิจิตร 30 ต.ค. - เพลี้ยกระโดดกำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวพิจิตร เพราะนอกจากจะกัดกินต้นข้าวเสียหายแล้ว ยังสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้รถสัญจรไปมา

ขณะนี้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลกำลังระบาดอย่างหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดพิจิตร นอกจากจะกัดกินต้นข้าวของชาวนาได้รับความเสียหายแล้ว ยังสร้างความรำคาญให้กับประชาชนในเขตเมืองพิจิตร โดยเฉพาะในช่วงตอนกลางคืน จะบินเข้ามาเล่นแสงไฟตามเสาไฟและย่านการค้า สร้างความรำคาญให้กับผู้ที่สัญจรไปมา โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ รวมไปถึงร้านอาหารที่ต้องปิดไฟบางดวง เพื่อลดแสงสว่าง เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองพิจิตรต้องเร่งออกตระเวนเพื่อทำลายเพลี้ยกระโดด. -สำนักข่าวไทย

2009-10-30 00:07:52

ที่มา http://news.mcot.net

 

เมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) ได้ดูรายการข่าว 3 มิติ ทางช่อง 3 ตอนท้าย
คุณกิตติ สิงหาปัด ได้นำเสนอสกู๊ปจากต่างประเทศ ที่รายงานผล
การติดตามสถานการณ์น้ำแข็งขั้วโลก ล่าสุด ว่า หากไม่มีการแก้ไข
อย่างใด อย่างหนึ่ง

"น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายหมด ภายใน ปี 2013"

ใคร ที่สามารถ หาข้อมูล สกู๊ป ที่ว่า ลองค้นหา ข้อมูล รายละเอียด
มาฝากเพื่อนๆ ด้วยนะครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อนาถเขมรพ่อกับลูกชายอีก 4 ถูกไฟดูดตายกองกัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 ตุลาคม 2552 11:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

หญิงชาวเขมรที่เป็นทั้งภรรยาและแม่ของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน โผเข้ากอดพร้อมร่ำไห้กับร่างที่ไร้ชีวิตของครอบครัว ในวัดแห่งหนึ่งที่กรุงพนมเปญ

เอเอฟพี - เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรในบ้านของชาวเขมรรายหนึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 4 คน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาในกรุงพนมเปญ

พ่อชาวเขมรและลูกชาย 4 คน เสียชีวิตโยงกันเป็นลูกโซ่เพราะไฟฟ้าลัดวงจรหลังจากผู้เสียชีวิตคนพ่อ นาย Mok En อายุ 65 ปี เปิดประตูบ้านไปเกี่ยวโดนสายไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นบอกกับเอเอฟพี

"เมื่อนาย Mok เปิดประตู บานประตูได้ไปเกี่ยวเข้ากับสายไฟที่เชื่อมต่อเข้ากับตัวบ้านทำให้เขาถูกไฟฟ้าดูดทันทีและล้มลงทั้งๆ ที่มือข้างซ้ายของเขายังจับประตูอยู่" นายตำรวจคนเดิม กล่าว

"ลูกชายทั้งหมดของเขาเห็นพ่อล้มลง พวกเขาเลยพยายามเข้าไปช่วยทำให้ทั้งหมดถูกไฟดูดไปพร้อมกันทันทีที่พวกเขาเอามือไปแตะตัวพ่อ"

4 ใน 5 ของชาวเขมร ยังไม่มีการเชื่อมต่อไฟฟ้าเข้ากับอุปกรณ์การใช้งานอย่างถูกต้อง และหลายคนใช้ไฟฟ้าอย่างไม่ปลอดภัยด้วยการต่อสายไฟเข้ากับหม้อแปลงไฟฟ้าโดยตรงด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000130289

 

ทะเลไทยวิกฤต-ปลาหายากลดอื้อ ​

​

วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6845 ข่าวสดรายวัน

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. นายอภิชัย ชวเจริญพันธุ์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และพล.ร.ท.นิคม หอมเจริญ รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสำรวจมรดกทะเลไทยเพื่อสำรวจทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลไทย ระหว่างนายวิชาญ ทวิชัย อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนายปรีชา ศุภลักษณ์ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

นายวิชาญ กล่าวว่า จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีความห่วงใยปะการังในท้องทะเลไทย โดยทรงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอย่างเร่งด่วนนั้น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับบริษัท ปตท.สผ. จัดทำโครงการสำรวจมรดกทะเลไทยขึ้น เพื่อสำรวจทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลไทย และผลิตสื่อในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยาทางธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายให้ท้องทะเลกลับมามีความอุดมสมบูรณ์เช่นเดิม

ทั้งนี้ จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของกลุ่มดำน้ำ องค์กรอนุรักษ์และภาคประชาชน ในการสำรวจแนวปะการังโดยใช้เทคนิค Reef Watch ซึ่งเป็นเทคนิคการสำรวจสถานภาพแนวปะการังที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับนักดำน้ำอาสาสมัคร สามารถเรียนรู้ได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และใช้เวลาไม่นาน การดำเนินโครงการจะจัดประกวดเลือกพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 20 แห่ง โดยดูจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความพร้อมของนักดำน้ำ ความห่างไกลของพื้นที่ สถานภาพและชนิดของแนวปะการัง ลักษณะการใช้ประโยชน์ และความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศก่อนจะอบรมเทคนิควิธีการสำรวจปะการังโดยวิธีดังกล่าว แล้วจึงจะนำนักดำน้ำลงสำรวจปะการังในพื้นที่เป้าหมาย

ด้านดร.ฐาพล สมสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการประดาน้ำ กล่าวว่า จากการที่ทหารเรือลงดำน้ำสำรวจทรัพยากรในท้องทะเลไทยช่วงระยะหลังที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์ของทรัพยากรใต้ท้องทะเลมีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก เช่น จำนวนของสัตว์น้ำ ชนิดพันธุ์ รวมถึงความสมบูรณ์ของปะการัง ทั้งนี้ เชื่อว่าเกิดจากสาเหตุสำคัญๆ ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปรากฏการณ์เอลนิโญ่ และเกิดจากน้ำมือมนุษย์

จากการสำรวจในพื้นที่สำคัญๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือในเขตท้องทะเลภาคตะวันออก ปัญหาที่น่าเป็นห่วงมากขณะนี้คือ จำนวนชนิดพันธุ์ปลาหายากในธรรมชาติลดน้อยลง จากเดิมที่นักประดาน้ำเคยพบเห็นอย่างมาก เช่น ปลากระเบนยักษ์ ปลาโรนิน ปลาโรนัน จากเดิมเคยพบเห็นเป็นประจำตามธรรมชาติ ขณะนี้หาพบได้ยากขึ้น แต่กลับมาเจอที่สะพานปลาหลังจากถูกชาวประมงจับขึ้นมาได้ และพบปลาเหล่านี้อีกครั้งในสถานที่แสดงพันธุ์ปลาเอกชนที่กำลังเกิดขึ้นมากมาย

ดร.ฐาพล กล่าวต่อว่า กองทัพเรือจัดทำโครงการเพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชน โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมประมง รวมถึงองค์กรอื่นๆ ที่จะเข้ามาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเรื่องการดูแลความปลอดภัยให้กับนักประดาน้ำ ทั้งนี้ กองทัพเรือเตรียมจัดตั้งศูนย์เพื่อจัดให้ผู้ประกอบการด้านการดำน้ำที่จะนำนักท่องเที่ยวลงดำน้ำในทะเล จะต้องจัดส่งรายละเอียดต่างๆ ทั้งรายชื่อ จำนวนนักดำน้ำ จุดที่จะลงดำน้ำ เพื่อจัดทำเป็นข้อมูลไว้ หากเกิดปัญหาขึ้นจะสามารถให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที โดยจะเริ่มนำร่องตามจุดดำน้ำสำคัญๆ ได้แก่ ช่องแสมสาร, ชุมพร, ภูเก็ต, เกาะพีพี, สิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นต้น

ที่มา http://www.khaosod.co.th

 

*** เตือนตนทุกชนชาติ ทุกศาสนา ****

ศีล สัญญา ปฏิญาณ ฯลฯ ที่รับไว้ กล่าวเอาไว้
ถ้าขาดสัจจะ คือทำไม่ได้...ก็เหมือนเป็นไฟเผาตัว ไม่มีใครช่วยท่านได้
ท่านต้องช่วยตัวเอง ....คือแก้ไขตนเอง ให้รักษาสัจจะ รักษาความจริงทั้งกายวาจาใจ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

(ข้อมูลเก่าที่เคยลงในกระทู้แล้วนำมาให้อ่านกันใหม่นะคะ)

หลวงพ่อทูล ได้กล่าวถึงภัยธรรมชาติ

หาอ่านได้จากลิงค์ืด้านล่างค่ะ

ขอบพระคุณ แหล่งที่มา
http://watpabankor.com/webboard/index.php?topic=6.0

 

<!--coloro:#8B0000--><!--/coloro--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->หลวงพ่อทูล ขิปฺปปัญโญ <!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->
<!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านค้อ<!--colorc--><!--/colorc-->​

<!--coloro:#008080--><!--/coloro-->ตัวท่านหลวงพ่อทูลนี้ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ขาว อนาลาโยแห่งวัดถ้ำกลองเพล
เป็นการสนทนาระหว่าง<!--coloro:#8B0000--><!--/coloro-->หลวงปู่ขาว<!--colorc--><!--/colorc--> กับ <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->หลวงพ่อทูล<!--colorc--><!--/colorc--> <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->เรื่องคำทำนายของหลวงปู่มั่น <!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->
เกี่ยวกับช้างเผือก ซึ่งมีเนื้อความดังนี้

หลวงปู่ขาวเล่าเรื่องช้างเผือกให้ฟัง

เมื่อเสร็จธุระจากกฐินวัดป่าหนองแซงแล้ว ก็ได้กลับไปวัดถ้ำกลองเพล
ได้พูดคุยธรรมกับหลวงปู่ตามปกติในวันหนึ่งได้อยู่กับหลวงปู่สององค์ หลวงปู่ได้ถามข้าพเจ้าว่า

<!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->"ทูล เคยนิมิตว่าได้ขี่ช้างเผือกไหม"<!--colorc--><!--/colorc-->

ขอโอกาสหลวงปู่
กระผมเคยนิมิตว่าได้ขี่ช้างเผือกครั้งหนึ่ง

หลวงปู่พูดว่า
<!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->"ขี่อย่างไร เล่าให้เฮาฟังซิ"<!--colorc--><!--/colorc-->

ก็ขอโอกาสเล่าให้หลวงปู่ฟังดังนี้
<!--coloro:#800080--><!--/coloro-->ในคืนหนึ่งเมื่อเข้าสมาธิได้ที่แล้ว
ในโลกนี้มีความสว่างเห็นไปหมดทุกที่ มองขึ้นไปบนอากาศก็มีความสว่างไสวเช่นกัน
ในขณะนั้นเห็นหลวงปู่มั่นนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกขนาดใหญ่
และมีครูอาจารย์องค์อื่น ๆนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกยืนเรียงแถวกันอยู่หลายองค์
จากนั้นช้างเผือกที่หลวงปู่มั่นนั่งอยู่ก็ลอยขึ้นสู่อากาศ
และช้างเผือกตัวอื่น ๆก็พาครูอาจารย์ลอยขึ้นสู่อากาศเช่นกัน
จากนั้นก็มาถึงตัวช้างเผือกที่กระผมนั่งอยู่ ก็ได้ลอยขึ้นไปตามช้างเผือกกลุ่มใหญ่
ได้ลอยอยู่บนอากาศเป็นวงกลม ช้างเผือกแต่ละตัวมีการประดับประดา
ด้วยเครื่องเพชรนิลจินดา ประดับด้วยผ้าสีทองที่มีความสวยงามมาก
ในท้องฟ้าอากาศมีรัศมีระยิบระยับแพรวพราว สว่างเต็มท้องฟ้าไปหมด
แล้วมีเสียงประกาศว่า<!--colorc--><!--/colorc-->

"นี้เป็นกลุ่มคณะช้างเผือก ที่หลวงปู่มั่นได้พาหมู่คณะไปสู่พระบรมสุข คือ <!--coloro:#9932CC--><!--/coloro-->วิมุตตินิพพาน<!--colorc--><!--/colorc-->ในกาลครั้งนี้"

จากนั้นจิตก็ได้ถอนออกจากสมาธิ ก็ได้พิจรณาว่า เป็นเรื่องปกติี่ที่ผู้ปฏิบัติได้มาถึงจุดนี้แล้ว
ถือเป็นความสมบูรณ์ เป็นอุดมมงคล เพราะช้างเผือกเป็นช้างทรงของพระราชา
จะตีความว่า ราชาธรรมนี้ก็เป็นได้ หมายถึงผู้จบในภาคการศึกษา คือจบในอาตยนะนั่นเอง
หรือจะเรียกว่าเป็นผู้ที่เรียนจบในประโยค ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้แล้วอย่างสมบูรณ์

<!--coloro:#800080--><!--/coloro-->จากนั้นหลวงปู่ขาวเพียงแต่ยิ้ม แล้วพูดว่า<!--colorc--><!--/colorc-->

<!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->"ในสมัยเฮาอยู่กับหลวงปู่มั่น
หลวงปู่มั่นเคยประกาศให้คณะสงฆ์ทั้งหลาย ได้รับรู้ไว้ว่า
เมื่อเราได้ตายไปแล้ว จะมีช้างเผือกหนุ่มตัวหนึ่ง เหาะไปมา
แสดงอภินิหาร ให้คนทั้งหลายได้รู้เห็นในความสามารถต่างๆ มากมาย
พระเถระทั้งหลายได้ฟังแล้ว ก็มีความเข้าใจความหมายว่า
ในยุคต่อไป จะมีพระอรหันต์หนุ่มเกิดขึ้น
จะได้แสดงความรู้ึความสามารถ
เผยแผ่ธรรมให้คนทั้งหลายได้รับรู้ความจริงในสัจธรรม
จะมีผู้ปฏิบัติตามได้รับผลมากทีเดียว"<!--colorc--><!--/colorc-->

ข้าพเจ้าก็ถามหลวงปู่ขาวว่า ขอโอกาสหลวงปู่
<!--coloro:#9932CC--><!--/coloro-->ช้างเผือกหนุ่มเชือกนั้นเกิดขึ้นหรือยัง<!--colorc--><!--/colorc-->

หลวงปู่ก็พูดว่า
"เกิดขึ้นแล้ว"

ข้าพเจ้า ก็ถามหลวงปู่ต่อไปว่า
ช้างเผือกหนุ่มนั้นอยู่ที่ไหน กระผมอยากรู้ อยากไปกราบท่าน

หลวงปู่ยิ้มๆแล้วพูดว่า
<!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->"ไม่บอก หาเอาเองแล้วกัน" <!--colorc--><!--/colorc-->
<!--colorc--><!--/colorc-->


<!--coloro:#48D1CC--><!--/coloro-->เรื่องช้างเผือกหนุ่มนั้น พระอาจารย์วัน อุตฺตโม และพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ<!--colorc--><!--/colorc-->

ขอบพระคุณ แหล่งที่มา

http://forum.ampoljane.com/index.php?showtopic=57&mode=threaded&pid=1709

ขอบพระคุณ ข้อมูลเพิ่มเติม จากลานธรรมเสวนา

http://larndham.net/index.php?showtopic=23663<!--IBF.ATTACHMENT_1709-->

 

*** ศาสนศาสตร์คู่โลก ****

แก่นศาสนา...อยู่ที่ความหมายของหลักสัจจะธรรม
ค้นหาเอาเอง

แก่นปฏิบัติ....อยู่ที่สัจจะ
ทำเอาเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ไต้ฝุ่นลูกที่ 4 กระหน่ำฟิลิปปินส์ ​

​

มะนิลา 1 พ. ย. - ไต้ฝุ่นมิรีแนพัดกระหน่ำกรุงมะนิลาและจังหวัดโดยรอบที่ยังคงเผชิญกับน้ำท่วมขัง ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่บางแห่งต้องปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคา เพื่อหนีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีผู้เสียชีวิต 7 คน ส่วนใหญ่เป็นเพราะจมน้ำ และมีผู้สูญหายอย่างน้อย 5 คน

ศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์ รายงานว่า พายุมิรีแนนับเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 4 ที่เข้าถล่มทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน และทำให้พื้นที่ประสบภัยจากพายุลูกก่อนลำบากมากขึ้น โดยมีผู้อพยพออกจากบ้านเรือนเกือบ 95,000 คนที่ยังคงต้องอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวขณะไต้ฝุ่นมิรีแนพัดผ่านเมื่อวันเสาร์ และมุ่งหน้าลงทะเลก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน โดยมีทิศทางเคลื่อนตัวไปยังเวียดนามต่อไป

เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้ระงับบริการสายการบินทั้งในและระหว่างประเทศหลายเที่ยวที่สนามบินกรุงมะนิลา รวมทั้งให้เรือโดยสารราว 8,000 ลำ กลับเข้าฝั่ง ส่งผลให้ผู้โดยสารตกค้างอยู่ตามสนามบินและพยายามหาเที่ยวบินเพื่อเดินทางต่อโดยเร็วที่สุด หลังเจ้าหน้าที่สายการบินและชายฝั่งประกาศให้บริการขนส่งได้ตามปกติแล้ว .- สำนักข่าวไทย

2009-11-01 08:20:38

ยอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นมิรีแนถล่มฟิลิปปินส์เพิ่มเป็น 14 คน​

​

ฟิลิปปินส์ 1 พ.ย.-ยอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นมิรีแนที่พัดถล่มฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นเป็น 14 คนแล้ว ขณะที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง หลังจากพายุเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์

ไต้ฝุ่นมิรีแนที่เริ่มพัดถล่มจังหวัดเกซอนทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน ตั้งแต่คืนวันศุกร์ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่กรุงมะนิลาเมื่อวานนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 4 คน ที่จังหวัดลากูนาทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ระดับน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ของเมืองแห่งหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านต้องพากันหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน ขณะที่รัฐบาลได้ส่งทหารและตำรวจออกไปช่วยเหลือที่ผู้ประสบภัยแล้ว

ส่วนสถานการณ์ด้านการคมนาคมขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สายการบินหลายแห่งประกาศตารางบินใหม่ ขณะที่เรือเฟอร์รี่ก็เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งหลังกรมอุตุลดระดับการเตือนภัยลง ส่วนไต้ฝุ่นมีรีแนขณะนี้กำลังเคลื่อนไปทางประเทศเวียดนาม.-สำนักข่าวไทย

2009-11-01 10:10:30

ฤดูหนาวที่จีนเริ่มเร็วกว่าปกติ​

​

จีน 1 พ.ย.-ปีนี้ประเทศจีนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวเร็วกว่าปกติ โดยที่กรุงปักกิ่งเริ่มมีหิมะตกลงมาอย่างหนักแล้ว

อุณหภูมิในกรุงปักกิ่งลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดหิมะตกหนักปกคลุมตามอาคารบ้านเรือนและต้นไม้ ขณะที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากพากันไปชมหิมะที่บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน กลางกรุงปักกิ่ง หัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยากรุงปักกิ่งระบุว่าในปีนี้ หิมะตกเร็วกว่าปีที่แล้วถึง 2 เดือน ขณะที่ชาวกรุงปักกิ่งบางคนก็บอกว่าปีนี้ฤดูหนาวมาถึงเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน บางส่วนเชื่อเป็นผลกระทบมาจากภาวะโลกร้อน ส่วนคนเฒ่าคนแก่เห็นว่าสภาวการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลก และเห็นว่าน่าจะส่งผลดีต่อพืชผลทางการเกษตรด้วย.-สำนักข่าวไทย

2009-11-01 15:21:13

คลินตันเร่งอิหร่านยอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์​

​

เยรูซาเลม 1 พ.ย. - นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า อิหร่านควรตอบรับข้อตกลงของสหประชาชาติ เกี่ยวกับกระบวนการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้แล้ว เพราะสหรัฐและชาติพันธมิตรมีขีดความอดทนจำกัด

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าวที่อิสราเอลว่า ทุกฝ่ายยินดีที่จะร่วมมือเพื่อให้ผลลัพธ์ในทางสร้างสรรค์ เช่น การให้อิหร่านส่งยูเรเนียมคุณภาพต่ำไปเสริมสมรรถนะในต่างประเทศและจึงส่งกลับมา แต่ก็ไม่สามารถอดทนรอคำตอบจากอิหร่านได้ตลอดไป นางคลินตัน กล่าวว่า ความอดทนมีขีดจำกัด และถึงเวลาที่อิหร่านต้องทำตามข้อกำหนดและรับผิดชอบต่อประชาคมโลก รวมทั้งยอมรับข้อตกลงเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อกัน .- สำนักข่าวไทย

2009-11-01 08:44:48

ชาวเมืองปาดังของอินโดฯ ยังไร้ที่อยู่อาศัยแม้เหตุแผ่นดินไหวผ่านเกือบเดือน​

​

31 ต.ค. - แม้เหตุการณ์แผ่นดินไหว 7.6 ริกเตอร์ ที่เมืองปาดังของอินโดนีเซียจะผ่านพ้นไปแล้วราว 1 เดือน แต่ชาวเมืองปาดังก็ยังไร้ที่อยู่อาศัยและหิวโหยเช่นเดิม

ชาวบ้านในเขตปาเรียมานซึ่งเสียหายหนักที่สุดจากแผ่นดินไหวเมื่อเดือนที่แล้ว ยังคงต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นและโรคทางเดินหายใจ และต้องอาศัยอยู่กลางแจ้งเนื่องจากบ้านที่เคยอยู่อาศัยพังทลายไม่มีชิ้นดีและทางการอินโดนีเซีย จะเริ่มต้นการบูรณะในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้น ขณะนี้อยู่ที่ 985 คน และยังคงสูญหาย 250 คน

ชาวบ้านที่ยังต้องอาศัยอยู่ในกระโจมอย่างแออัด กล่าวว่า รัฐบาลไม่ค่อยสนใจให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง มีแต่องค์กรเอกชน หรือเอ็นจีโอ เท่านั้นที่คอยหยิบยื่นอาหารให้ แม่ลูกอ่อนคนหนึ่ง กล่าวว่า เป็นเรื่องเลวร้ายมากที่ต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ ที่เต็มไปด้วยยุงที่ชุกชุม. -สำนักข่าวไทย

2009-10-31 16:10:03

เครื่องบินตกใส่บ้านผู้เคราะห์ร้ายในเมืองแอตแลนต้าของสหรัฐ​

​

สหรัฐ 31 ต.ค. - เครื่องบินเล็กตกใส่บ้านผู้เคราะห์ร้ายในเมืองแอตแลนต้าของสหรัฐ เกิดระเบิดและเพลิงไหม้คลอกเจ้าของบ้านและนักบินเสียชีวิต

ร้อยเอกทอมมี่ รัตเลดจ์ แห่งสำนักงานดับเพลิง และบรรเทาภัยฉุกเฉินของเขตกวินเนตต์ ในเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจียเผยว่านักบินซึ่งยังไม่เปิดเผยชื่อนั้นขับเครื่องบินมาเพียงลำพังก่อนตกลงสู่บ้าน 2 ชั้น หลังหนึ่งแล้วเกิดระเบิดและตามมาด้วยเพลิงไหม้อย่างรุนแรง สามีภรรยาซึ่งอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ขณะเครื่องบินตกใส่ภรรยาเสียชีวิต ส่วนสามีหนีเอาตัวรอดจากการถูกไฟคลอกได้อย่างหวุดหวิด ทางด้านโฆษกสนามบินกวินเนตต์ เผยว่า เครื่องบินลำดังกล่าวขึ้นมาจากสนามบินกวินเนตต์จะมุ่งหน้าไปยังเมืองสปาร์ตา ในรัฐเทนเนสซี่. -สำนักข่าวไทย

2009-10-31 13:08:11

ที่มา http://news.mcot.net

 

ดอกไม้วิเศษถูกเด็ดเกลี้ยงต้น ​

​

ลพบุรี 2 พ.ย. - หลังสมเด็จพระสังฆราช โปรดให้นำดอกมณฑาทิพย์ รอบอุโบสถวัดไลย์ จ.ลพบุรี ไปทำพิธีถวายสังฆทานพิเศษ ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวร ปรากฏว่า ดอกมณฑาทิพย์ถูกเด็ดจนเกลี้ยงต้น

เจ้าอาวาสวัดไลย์ ต.เขาสมอคอน อ.เมือง จ.ลพบุรี ให้พระลูกวัดนำป้ายห้ามเด็ดดอกมณฑาทิพย์ไปติดไว้รอบอุโบสถ หลังสมเด็จพระสังฆราชโปรดให้นำดอกมณฑาทิพย์ ซึ่งปลูกอยู่โดยรอบอุโบสถวัดไลย์กว่า 50 ต้น ไปทำพิธีถวายสังฆทานพิเศษ ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวร ปรากฏว่า ดอกมณฑาทิพย์ถูกเด็ดจนเกลี้ยงต้น

พระครูวิลาสพัฒนคุณ เจ้าอาวาสวัดไลย์ เผยว่า ดอกมณฑาทิพย์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นดอกไม้วิเศษอยู่คู่กับวัดไลย์เป็นระยะเวลานานแล้ว ซึ่งสำนักพระราชวังนำไปถวายเป็นพุทธบูชา หลังประชาชนทราบข่าว ต่างเด็ดไปบูชา หรือนำไปเป็นยารักษาโรค ทำให้ขณะนี้เหลือดอกมณฑาทิพย์อยู่เพียงดอกเดียวเท่านั้น. - สำนักข่าวไทย

2009-11-02 03:20:14

พบเต่าสีแปลกย่านสมุทรสาคร-เตรียมส่งพิสูจน์สายพันธุ์​

​

สมุทรสาคร 31 ต.ค.- น.ส.วันทนา แตงมณี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พันท้ายนรสิงห์ หมู่ 5 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เปิดเผยถึงชาวบ้านพบเต่าประหลาดในพื้นที่วานนี้ (30 ต.ค.) ว่า เต่าตัวดังกล่าวอยู่บ้านของนางมยุดา คืนอุระ อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นผู้พบขณะซักผ้าอยู่ท่าน้ำหน้าบ้าน

ลักษณะของเต่ามีความยาวประมาณ 1 ฟุต มีสีเหลืองทอง และมีลายแบ่งเป็นช่อง คล้ายกับเต่าเดือย หรือเต่าควะ อย่างไรก็ตามในวันจันทร์ที่ 2 พ.ย.นี้ จะส่งเต่าตัวดังกล่าวไปให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง จังหวัดสมุทรสาคร ตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาสายพันธุ์ที่แท้จริงและอนุรักษ์ไว้.- สำนักข่าวไทย

2009-10-31 17:58:59

งานประเพณีลอยกระทงหลายจังหวัดคึกคัก​

​

ภูมิภาค 2 พ.ย. - ประเพณีมหัศจรรย์วันลอยกระทง บริเวณสวนสาธารณะบึงราชชนก จ.พิษณุโลก ประชาชนส่วนใหญ่ขอพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวร

นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าหลอมใจเป็นหนึ่งเดียว ร่วมพิธีเทิดพระเกียรติ กล่าวอาศิรวาทราชสดุดี ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี บริเวณสวนสาธารณะบึงราชนก ก่อนพิธีเปิดงาน “มหัศจรรย์วันลอยกระทง” อย่างเป็นทางการ โดยมีการปล่อยโคมลอย 82 ลูก พร้อมจุดพลุเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 9 ชุด สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ประชาชนยังนำกระทง ซึ่งส่วนใหญ่ประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ มาลอยรอบบึงราชนก โดยประชาชนตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวร

ส่วนที่ จ.พิจิตร ประชาชนและนักท่องเที่ยวนำกระทงไปลอยบริเวณบึงสีไฟ และเข้าร่วมกิจกรรมประกวดกระทงสวยงาม ประกวดหนูน้อยนพมาศ นอกจากนี้ ยังมีการชกมวยทะเล ทำให้บรรยากาศโดยรอบบึงสีไฟเป็นไปอย่างคึกคัก

ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีการจัดงานลอยกระทง โดยนักท่องเที่ยวนำดอกทานตะวัน ซึ่งกำลังเริ่มบาน มาทำเป็นกระทง เนื่องจากย่อยสลายง่ายและเป็นอาหารของปลา

ส่วนที่เทศบาลตำบลพะวง อ.เมือง จ.สงขลา มีการจัดงานเทศกาลกินปลาท่องเที่ยวเมืองพะวง ร่วมลอยกระทงประเพณี สืบสานตำนานลอยกระทงและส่งเสริมการท่องเที่ยว

ด้านกลุ่มนักศึกษาอาสาพิทักษ์ชีพ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมองค์กรภาคีเครือข่าย แต่งชุดยมบาลออกรณรงค์เมาไม่ขับ ช่วงประเพณีลอยกระทง ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บริเวณบึงศรีฐาน ป้องกันอุบัติเหตุ. - สำนักข่าวไทย

2009-11-02 02:21:42

นักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่เที่ยวเกาะที่พังงา หลังเปิดเป็นวันแรก​

​

พังงา 1 พ.ย.- นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก แห่เดินทางไปท่องเที่ยวยังหมู่เกาะในจังหวัดพังงา หลังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะได้ วันนี้ (1 พ.ย.) เป็นวันแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 พ.ย.) เป็นวันแรกของการเปิดเกาะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลของจังหวัดพังงา พบว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศกว่า 1,000 คน เดินทางไปท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นที่หมู่เกาะสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ ขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งใช้เวลาฟื้นตัวช่วงปิดเกาะ ถึง 7 เดือน กลับมาสมบูรณ์และสวยงามอีกครั้งหนึ่ง สำหรับหมู่เกาะสิมิลันได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความงดงามติด 1 ใน 10 ของโลก

นายภานุมาศ สามสีเนียม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เปิดเผยว่า ได้เตรียมพร้อมการบริการด้านอาหาร ความสะดวกและความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวไว้แล้ว ส่วนบ้านพักรับรองจะเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่งภายในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมกับขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางไปยังหมู่เกาะสิมิลัน ขอให้งดนำกล่องโฟมและขยะพลาสติกเข้าไปในพื้นที่อุทยาน หรือทิ้งในทะเล ขณะเดินทางไปท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังขอให้นักท่องเที่ยวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดจากสัตว์น้ำในทะเล ไม่ควรเข้าใกล้สัตว์ดุร้าย เช่น ปลาไหลมอเรย์.- สำนักข่าวไทย

2009-11-01 10:58:47

ตำรวจนครศรีฯรวบแก๊งชาวจีนตระเวนลักเด็กไปบังคับเรี่ยไร่เงิน​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

นครศรีธรรมราช 1 พ.ย.-ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รวบแก๊งชาวจีนตระเวนลักเด็กในจังหวัดเพื่อบังคับเรี่ยไรเงิน แต่ชาวบ้านเห็นช่วยรอดหวุดหวิด พบหลักฐานเดินสายทั่วประเทศ

ศูนย์วิทยุ “เมืองนคร” สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งจากชาวบ้านย่านชุมชนมะขามชุม ทางเข้าสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ว่ามีคนร้ายพยายามลากเด็กขึ้นรถตู้ แต่ญาติเด็กและผู้ที่มาเที่ยวในสวนสาธารณะเห็นเหตุการณ์สามารถช่วยเด็กไว้ได้รวม 2 ราย และคุมตัวหญิงชราที่พยายามลากเด็กขึ้นรถไว้ได้ 1 คน เมื่อ พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมือง พร้อมด้วยสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เข้าทำการตรวจสอบ พบว่าชาวบ้านได้คุมตัวหญิงชราไว้ 1 ราย หวิดจะถูกรุมประชาทัณฑ์เจ้าหน้าที่จึงเข้าคุมตัวและกันชาวบ้านจากนั้นจึงสอบสวนเบื้องต้น พร้อมทั้งเชิญตัวผู้ปกครองให้นำตัวเด็กผู้เสียหายที่ถูกหญิงดังกล่าวพยายามฉุดลากขึ้นรถมายืนยันตัว

ทั้งนี้ ผู้เสียหายทราบชื่อต่อมาคือ ด.ญ.สมฤทัย ภักษา อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่ พร้อมด้วยบิดาคือนายสมัย ภักษา อายุ 30 ปี และ ด.ญ.ลาลิต้า ละหมัด อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงค์ และบิดาคือนายไพโรจน์ ละหมัด อายุ 33 ปี ขณะที่หญิงชราคนดังกล่าว ในหนังสือเดินทางระบุชื่อ นาง ZHOU MEIXIANG อายุ 62 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน แผ่นกระดาษเขียนข้อความขอเรี่ยไร่เงินรักษาโรคมะเร็งให้กับลูก 1 ฉบับ เงินเหรียญชนิด 10 บาทหลายร้อยเหรียญ ชนิด 20 บาท จำนวนมาก และไม่ยอมที่จะพูดจาใด พยายามส่งสัญญาณมือว่าพูดไม่ได้ และเจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่า นาง ZHOU MEIXIANG พักอยู่ที่โรงแรมเพชรไพลิน เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบพบชายชาวจีนอยู่ภายในอีก 1 คน จึงเชิญตัวมาสอบสวนทราบชื่อระบุในหนังสือเดินทางคือ นาย HUANG CHUANFA อายุ 63 ปี ค้นในกระเป๋าพบหลักฐานการเดินทางเข้าพักในโรงแรมต่างๆ หลายจังหวัดในทั่วทุกภาคของประเทศไทย เช่นอุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา กทม. กระบี่ สุราษฎร์ธานี

ขณะที่ ด.ญ.สมฤทัย และ ด.ญ.ลาลิต้า ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินเที่ยวอยู่บริเวณทางเข้าสวนสาธารณะ โดยมีญาติไปหาของเก่าในที่ทิ้งขยะของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เจอกับหญิงคนดังกล่าวลงจากรถตู้เดินมาหาพร้อมทั้งจูงมือและทำมือบอกว่าพูดไม่ได้ และให้ถือแผ่นกระดาษที่มีข้อความเรี่ยไรเงินให้กับผู้ที่มาเที่ยวในสวนสาธารณะ แต่ได้พยายามที่จะสะบัดมือหนี ปรากฏว่าหญิงคนนี้ได้จับมือไว้แน่นมากจนดิ้นไม่หลุด และถูกมัดมือติดกับ ด.ญ.ลาลิต้า พยายามที่จะลากขึ้นรถตู้สีขาว ซึ่งเห็นว่ามีผู้ชาย 2 คนนั่งอยู่ตอนหน้า และมีเด็กอีกหลายคนนั่งอยู่ในรถ แต่ลุงของ ด.ญ.ลาลิต้า มาเห็นเหตุการณ์ หญิงคนนั้นจึงแก้เชือกออกและปล่อยไปโดยที่หญิงคนนั้นขึ้นรถไม่ทันรถตู้ที่ได้ขับหนีออกไป

พ.ต.ท.สมชาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ติดต่อล่ามมาพูดคุยกับผู้ต้องหาทั้งสองคน โดยตั้งข้อหาเบื้องต้นคือ 1.ข่มขืนใจให้ผู้อื่นปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตาม 2.ข้อหาพรากผู้เยาว์ ส่วนในการค้ามนุษย์นั้นยังไม่ครบองค์ประกอบของความผิด แต่ทราบข้อมูลผ่านล่ามว่า นาย HUANG CHUANFA ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องนี้ รวมทั้งรถตู้ที่เด็กยืนยันนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่รู้เรื่อง แต่จากหลักฐานที่ปรากฏเชื่อได้ว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกันและพักห้องเดียวกัน ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลตามขั้นตอนรวมทั้งประส่านงานกับจังหวัดที่มีข้อมูลว่าทั้งสองเดินทางไปว่ามีเด็กหายหรือไม่อย่างไรเพื่อเป็นข้อมูลขยายผลอีกครั้ง.- สำนักข่าวไทย

2009-11-01 16:51:24

คนร้ายก่อเหตุยิงผู้ใหญ่บ้านที่ยี่งอดับคาที่​

​

นราธิวาส 1 พ.ย.- เกิดหตุคนร้ายอุกอาจขับรถประกบยิงผู้ใหญ่บ้านละหาร ในอำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เสียชีวิตคารถกระบะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกันยังเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงชาวบ้านบาดเจ็บที่อำเภอศรีสาครด้วย

พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู ผู้กำกับการ สภ.ยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ชาวบ้านบนถนนสายยี่งอ - นราธิวาส บริเวณ หมู่ 7 ตำบลละหาร จึงได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่นายมะนาเซร์ แวหะมะ อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้านละหาร หมู่ 1 ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีทอง ทะเบียน บห 3130 สงขลา โดยมีนายมะสะเฟียน อูมาเจ๊ะโด อายุ 35 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านละหารนั่งคู่มาด้านหน้าไปยังเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส มาบนถนนสายเพชรเกษม

เมื่อมาถึงบ้านกาเด็ง ถูกคนร้าย 2 คน ใช้รถเก๋งฮอนด้า สีบรอนด์ ขับประกบใช้ปืนเอ็ม 16 กราดยิงใส่ ทำให้รถยนต์เสียหลักพุ่งชนต้นไม้เกาะกลางถนนเสียหาย ส่วนนายมะนาเซร์ถูกกระสุนที่ลำคอ 1 นัด เสียชีวิตคาพวงมาลัย ส่วนนายมะสะเฟียน ถูกกระสุนที่ลำตัวบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จากการตรวจที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็น ทั้งเรื่องส่วนตัวและสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

ในวันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนลูกซองยิงนายซอบรี หะมะ อายุ 46 ปี ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะนายซอบรี หะมะ ขับขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านพักเลขที่ 2/15 หมู่ 9 ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร ไปกรีดยางพารา แต่เมื่อมาถึงถนนในหมู่บ้านไอร์บือแก หมู่ 9 ตำบลศรีสาคร ถูกคนร้ายลอบยิง จนได้รับบาดเจ็บ.- สำนักข่าวไทย

2009-11-01 14:16:17

ลูกประสาทกำเริบก่อเหตุมาตุฆาต ก่อนจุดไฟเผาบ้าน​

​

พัทลุง 1 พ.ย.- เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (1 พ.ย.) ร.ต.ท.นิติคม ขุนรอง ร้อยเวร สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกทำร้ายและเพลิงลุกไหม้บ้านเลขที่ 199 ม.9 ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมหน่วยดับเพลิงเทศบาลเขาชัยสนนำรถน้ำเข้าระงับเหตุอีก 5 คัน โดยใช้เวลากว่า 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้

พบว่าบ้านได้รับความเสียหายและลุกลามไปบ้านข้างเคียงอีก 2 คูหา การตรวจสอบบริเวณหน้าบ้านพบรอยเลือดและนิ้วมือของนางปราณี ทวีวิทย์ อายุ 59 ปี ที่ญาติได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเขาชัยสน แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตเวลาต่อมา เนื่องจากถูกฟันด้วยขวานเป็นแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายสมภพ ทวีวิทย์ อายุ 35 ปี มีอาการทางประสาทและเป็นลูกชายของนางปราณี โดยก่อนเกิดเหตุนายสมภพ เกิดคลุ้มคลั่งระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย จึงหยิบขวานทำร้ายนางปราณี พร้อมกับจุดไฟเผาบ้าน ชาวบ้านจึงช่วยกันจับตัวนายสมภพส่งให้ตำรวจดำเนินคดี.- สำนักข่าวไทย

2009-11-01 13:06:59

ปศุสัตว์ศรีสะเกษ ลุยรณรงค์กำจัดแหล่งเพาะเชื้อไข้หวัดนก​

​

ศรีสะเกษ 1 พ.ย.- นายวิสุทธิ์ สารพัฒน์ ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จังหวัดศรีสะเกษ ได้ดำเนินโครงการรณรงค์ทำความสะอาดและทำลายเชื้อโรคไข้หวัดนกในพื้นที่เสี่ยง โดยสำนักงานปศุสัตว์อำเภอทุกอำเภอ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินโครงการพร้อมกันเต็มพื้นที่ ในวันที่ 2 – 13 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนและฤดูหนาว เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้สัตว์ปีกอ่อนแอและมีภูมิคุ้มกันโรคลดลง ประกอบกับในช่วงดังกล่าวจะมีนกอพยพจากซีกโลกตอนบน เข้ามาอาศัยในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไข้หวัดนก

จึงขอความร่วมมือประชาชน ผู้ประกอบการและเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ปีก โดยเฉพาะสัตว์ปีกที่เลี้ยงแบบปล่อยให้หากินที่มีความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนก ได้ร่วมกันทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในสถานที่เลี้ยงสัตว์ปีก รวมทั้งหมั่นสังเกตและดุแลสุขภาพสัตว์ปีกอยู่เสมอ และหากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อสม. หรือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อที่จะเข้าไปตรวจสอบโดยเร่งด่วน.- สำนักข่าวไทย

2009-11-01 12:14:31

รถบรรทุกแก๊สแอลพีจีพลิกคว่ำหน้าโรงเรียนที่ราชบุรี​

​

ราชบุรี 1 พ.ย.-เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกแก๊สแอลพีจีพลิกคว่ำหน้าโรงเรียน หลังจากคนขับหลับใน โชคดีแก๊สไม่รั่วไหล

เจ้าหน้าที่กู้ภัยและมูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์จังหวัดราชบุรี ต้องเร่งกันประชาชนออกห่างจากจุดที่เกิดเหตุรถบรรทุก 10 ล้อบรรทุกแก๊สแอลพีจี ทะเบียน 82-2225 กาญจนบุรี ของบริษัทเงินแสนปิโตรเลียม จำกัด ที่เสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางบริเวณหน้าโรงเรียนวัดหนองบัว ถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อกระดาน อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โชคดีที่ไม่เกิดแก๊สรั่วไหลออกมา

จากการสอบสวนนายกัลยากร ลิมตะคุ คนขับให้การว่า ได้ขับรถบรรทุกแก๊สมาเติมก๊าซที่อำเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงครามเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ก่อนนำไปส่งให้กับปั๊มแก๊สที่ตำบลห้วยไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุ รี แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้หลับในจนรถเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการของบริษัทได้นำรถยก 2 คันมาช่วยกันยกรถแก๊สออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนแล้ว.-สำนักข่าวไทย

2009-11-01 10:11:20

ที่มา http://news.mcot.net

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หอยแครง-หอยแมลงภู่เมืองชลฯ ตายเกลื่อนเสียหายนับ 1,000 ล้าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 พฤศจิกายน 2552 19:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

ชาวบ้านเริ่มนำหอยมาเทกองบนท้องถนน เพื่อไม่ให้รถผ่านไปมา และรอผู้ว่าฯมาช่วยเหลือโดยด่วน

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ประกอบการเลี้ยงหอยแครงและหอยแมลงภู่ ในเขต อ.เมือง ชลบุรี ประสบภาวะสิ้นเนื้อประดาตัว หลังหอยตายเรียบกว่า 4,000 ไร่ สร้างความเสียหายกว่า 1,000 ล้าน พร้อมนำหอยตายมาเทกองบนถนน รอผู้ว่าฯ ช่วยเหลือโดยด่วน

วันนี้ (1 พ.ย.) ที่บริเวณสะพานตัดใหม่ถนนเลียบชายทะเล หน้าปากซอยไกรเกรียงยุค ต.มะขามหย่ง อ.เมือง จ.ชลบุรี นางมะลิ ดวงชื่น แกนนำชาวประมงพื้นบ้านผู้เลี้ยงหอยหอยแครงและหอยแมลงภู่ ในทะเลอำเภอเมืองชลบุรี 8 ตำบล ประกอบด้วย ต.แสนสุข, อ่างศิลา, บ้านสวน, มะขามหย่ง, บ้านโขด, บางทราย, หนองไม้แดง และคลองตำหรุ กว่า 300 ราย ได้ส่งตัวแทน 80 ราย นำหอยแครงและแมลงภู่ ที่ตายแล้ว เหลือแต่เปลือกเก็บมาจากทะเลอ่าวไทยชลบุรี นำมาวางกองบนถนนฝั่งขาเข้า กทม.เพื่อเรียกร้องขอให้ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ชลบุรี เห็นถึงความเดือดร้อน และเข้าไปตรวจสอบเพื่อแก้ไขโดยด่วน เนื่องจากผู้เลี้ยงหอยสิ้นเนื้อประดาตัวกันทั้งหมด

สาเหตุเนื่องจากในช่วง 5 วันที่ผ่านมา หอยแมลงภู่และหอยแครง ที่เลี้ยงปักไม้ไผ่ ระยะ 3 ไมล์ทะเลจากฝั่ง เพื่อจำหน่ายของชาวประมงพื้นบ้านกว่า 300 ราย ใน 8 ตำบล มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้นกว่า 4,000ไร่ทะเล ซึ่งมีอายุ 1 ปี เหลืออีกแค่ 2 เดือนก็จะจับขายกันแล้ว แต่กลับมาตายเรียบ สร้างความเสียหายรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากในน้ำทะเล อาจมีสารปนเปื้อนที่ถูกกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานต่างๆ แอบปล่อยลงสู่ทะเล ทำให้หอยตายเป็นจำนวนมากในครั้งนี้ โดยทุกคนยังปักหลัก รอจนกว่า นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ชลบุรี จะเดินทางมาพบเพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว จนเป็นที่น่าพอใจซะก่อน จึงจะสลาย

ด้าน นายสำเภา วงศ์บุปผา ผู้นำชุมชนไกรเกรียงยุค ผู้เลี้ยงหอย กล่าวว่า ตนคิดว่าน้ำเสียที่ทำให้หอยตาย ถูกปล่อยมาจากโรงงานในแถบ แสมขาว คลองขุด คลองด่าน บางปู จ.สมุทรปราการ และ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีสารปนเปื้อน หรือน้ำเสียลงสู่ทะเลอ่าวไทย ไหลลงมาทะเลชลบุรี จึงอยากจะขอร้องให้กรมโรงงานหรือส่วนที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้ปล่อยน้ำเสียลงมาอีก นอกจากชาวประมงพื้นบ้านจะได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างเมืองพัทยา และชายหาดบางแสนในอนาคตอีกด้วย

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000130828