เรื่องเด่น ทำอะไร...อย่าทำให้ใครต้องลำบาก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 25 พฤษภาคม 2018.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    ผ่านมาแค่ให้จำ

    หลากหลายเรื่องราวในชีวิตเปลี่ยนมาจากความคิดผันแปรมาเป็นพฤติกรรมก่อเกิดเป็นที่มาแห่งกรรมของชีวิต
    มากมายหลายสาเหตุและหาคําตอบไม่ได้เพราะทุกอย่างมาจากความคิดที่เราจำ


    ไม่นานนี้มีลูกศิษย์สองคนมาขอคำปรึกษาจากหลวงตาเกี่ยวกับเรื่องการภาวนา
    หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า ทุกอย่างของปัญหามาจากความคิดเพราะเราคิดจึงก่อเกิดเรื่องราวถ้าเราสวดมนต์ไปนานๆเราจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของความคิด เปลี่ยนความเคยชินของความคิด ความจำจะค่อยๆหายไปคงเหลือแต่ความเป็นปัจจุบันและความเคยชินที่ดีแค่การสวดมนต์นี่แหละ !
    หลวงตาบอกสิ่งง่ายๆที่ทำได้โดยไม่ต้องคิด สิ่งง่ายๆที่คนมักมองข้ามแค่เราสวด สวดแล้วอย่าไปคิด สวดเพื่อคลายสวดเพื่อปล่อย สวดให้โล่ง สวดให้เบา และเราจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ขอแค่สวด เพราะทุกอย่างในชีวิต "ผ่านมาแค่ให้จำ" อยู่ที่ว่าเราจะจำมันไว้นานหรือไม่นาน? จำแล้วไปคิดหรือไม่คิด ? มันแค่ความจำกับความคิด
    หลวงตาหันมาแล้วพูดว่า ได้เวลาไปสวดมนต์แล้ว ไปสวดมนต์บริหารความคิด จัดการความจำ สร้างความเคยชินใหม่


    42347363_276781309828021_5997626116070703104_n.jpg
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    หมาวัด


    คนเราตีค่าสิ่งต่างๆจากภายนอกแต่ที่จริงไม่มีอะไร ทุกสิ่งล้วนเหมือนกันเท่าเทียมกัน 1f31f.png


    ไม่นานนี้หลวงตาเมตตาให้ติดตาม ไปหลายที่เพื่อต่อวิชาทิพยอำนาจและเชื่อมกระแสพลัง บันทึกเรื่องราวเพื่อมาถ่ายทอด

    1f601.png หลวงตาไปสถานที่แห่งหนึ่งเข้าไปกราบหลวงปู่ มีหมาน้อยชิวาวาวิ่งตาม 4 ตัว 5 ตัว 1f415.png หลวงตาหันมา ลูบหัวอย่างมีเมตตา ถามว่าไอ้นี่มันหมาวัดนี่หว่า ! ทำไมตัวมันเล็ก 1f436.png

    เราบอกว่าเขาเรียกว่าชิวาวา 1f415.png
    หลวงตาถาม มันแพงไหม ?
    เลยบอกว่าหลายพันอยู่

    หลวงตาบอกว่ามันก็คือหมาวัด ! ไม่ว่าจะเป็นหมาพันธุ์ไหน หมาพื้นเมือง หมามีราคาเมื่อมันอยู่วัดมันก็คือหมาวัดเหมือนกัน 1f415.png

    มันก็เหมือนคนไม่ว่าจะคนรวยคนจนคนมีฐานะการศึกษาสูงแค่ไหนเมื่ออยู่วัดมันก็แค่คนมาวัดภาวนา เมื่อมาอยู่วัดทุกอย่างเท่าเทียมกัน คนเราตีค่าให้ราคาจากภายนอก วัดจึงเป็นสถานที่ที่ยุติธรรมเมื่อคนมาอยู่รวมกัน บุญเป็นความยุติธรรมเพราะบุญเกิดที่ใจ ไม่ใช่ค่าราคา หลวงตาก้มลงกราบหลวงปู่

    เหล่าหมาน้อยชิวาวา 1f436.png
    นั่งมองด้วยดวงตาเป็นประกาย หลวงตาหันมายิ้ม แล้วบอกว่า หมา 1f415.png พวกนี้มันยังมีบุญมันยังได้อยู่ที่วัดฟังเสียงสวดมนต์บันทึกบุญทุกวัน มันไม่ใช่หมาธรรมดามันเป็นหมาจักรพรรดินะเนี่ย ! 1f436.png

    ทุกคนหัวเราะ ทุกเวลาที่อยู่กับหลวงตา 1f601.png มีแต่รอยยิ้มและอารมณ์ที่ดี เพราะท่านสอนให้เราบันทึกแต่บุญ ความดี ทุกลมหายใจ 1f600.png เพราะใจจะเบา เมื่อเบานิ่ง ทำอะไรก็ได้ เป็นทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ไม่มีประมาณนี่แหละคือพื้นฐานที่มาของวิชาทิพยอำนาจ อำนาจที่เกิดจากความเป็นทิพย์ แห่งใจ

    1f64f.png พลังแห่งจักรพรรดิ วิถีแห่งพรหมปัญโญ 1f64f.png
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    ?temp_hash=cdd7dc8de2bf6caac4b5461f1bbc50c5.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    เราจะไปไหนกัน ?



    เกือบยี่สิบปีที่ติดตามหลวงตา สมัยก่อน 1f690.png รถคันเดียวเบียดกันทั้งคัน เดินทางทั่วไทย ตั้งแต่เหนือสุดจรดใต้สุด ในที่ที่คนไม่ไปหลวงตาต้องไป ท่ามกลางความมืดสนิท ข้างทางไม่มีแสงไฟ ล้อรถหมุนไป ถาม หลวงตาว่า เราจะไปไหนกัน ? หลวงตาหัวเราะ เราไปทุกที่ทีต้องไปเพราะทุกที่มีวิญญาณติดค้างอยู่มากมาย ไปเกิดไม่ได้! งานเราคือ สวดมนต์ ส่งวิญญาณ บันทึกบุญ ส.ส.บ ประโยชน์มันมหาศาลมาก นึกง่ายๆถ้าเอ็งตายไป เกิดไม่ได้ นั่งอยุ่คนเดียว รอเมื่อไรจะไปเกิด รอแบบไม่รู้ว่าจะได้เกิดเมื่อไร มันทรมานมาก ทุกข์สุดๆ ถ้าโชคดีมีคนผ่านมาแผ่เมตตาให้ก็ดีหน่อย แต่โอกาสมันน้อยมากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แต่ถ้าอยู่ดีๆมีคนมาส่งบุญให้ไปเกิดถึงที่ คิดสิว่าวิญญาณนั้นมันจะดีใจขนาดไหน ! 1f601.png นั่นแหล่ะงานเรา ไปในทุกที่ที่วิญญาณตกค้างไปส่งให้ไปเกิด มันคือที่สุดของการประโยชน์ ๛ ให้เค้าไปเกิด กลับมาทำความดี เกิดมาก็มาเป็นพวกเราช่วยกันสวดมนต์ทำแบบเรามันต่อกระแสความดีงามไม่มีที่สิ้นสุด ๏ เหมือนคนเคยทุกข์ย่อมเข้าใจดีเวลาเจอคนทุกข์ จึงรีบช่วยเพราะรู้ดีว่ามันทุกข์ขนาดไหน ! เราเดินตามทางหลวงปู่ ใช้บารมีท่าน ต่อประโยชน์ สืบกระแสต่อสัญญา ๏ มีเพียงใจล้วนๆ กับพละ5 คือ ศรัทธา วริยะ ขันติ สมาธิ ปัญญา ต่อกับกระแสหลวงปู่ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย ทำบารมีที่ได้ประโยชน์สูง ! ทำจากใจแล้วด้วยใจ หยุด! หลวงตาบอกมองไปด้านข้าง เป็นศาลเก่าๆที่รกร้างกลางป่า เอ้า ! สัพเพ ส่งไปให้หมด ช่วยเค้า เอาให้เกลี้ยงเรามาถึงที่แล้วส่งไปเกิดให้หมด นี่คือ สิ่งที่หลวงตาทำมาหลายสิบปี สิ่งที่หลายคนไม่ทราบและมองข้ามประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่ท่านทำ " หลวงตาม้า " ชื่อนี้ไม่ได้มาง่ายๆ แต่มาจากการ กระทำประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่และความเพียรมากมาย สมฉายาทางธรรม " วิริยะธโร " 1f60a.png 1f64f.png
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    39974401_260040371502115_4702764854388195328_n.jpg
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    จิตสาธารณะ


    หลายปีที่ติดตามหลวงตามาเห็นเหตุการณ์มากมาย ทั้งคนที่มาหาผลประโยชน์จากท่าน สร้างพระแล้วไม่นำเงินมาถวาย อ้างชื่อท่านทำมาหากิน เรี่ยไรหาเงินแอบอ้างท่าน มีเยอะหลายราย มีหลายคนหวังดีมาเล่าเรื่องเหล่านี้ให้หลวงตาฟัง ท่านรับฟังแต่ไม่สนใจ พอเค้ากลับไป ท่านหันมาพูดว่า พวกนี้เค้าไม่รู้หรอไง ว่าหลวงตาเป็นพระ ถือว่าเป็น สาธารณะ คนมาขอสร้างพระ ทำดี เราจะไปห้าม ขวางเค้ายังไง คนมาขอถ่ายรูป ขอนั่งใกล้ๆถ่ายไป ทำอะไร เราจะห้ามได้ไง ถ้าเค้าสวดมนได้ผลจริิง เค้าจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ จะสนใจแค่การสวดกับตัวเองไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น เพราะสิ่งเหล่านี้หลวงตาไม่สนใจ ไม่ใช่หน้าที่เรา หน้าที่เราทำตัวเองให้ดีพอ กรรมจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง กรรมยุติธรรมสุด กรรมจัดสรรเราถึงติดหน้าวัดว่าใครจะใหญ่เกินกรรม เอ็งจำไว้นะ ให้ทำจิตเป็นสาธารณะ เราไม่สามารถให้ใครชอบและพอใจได้ทุกคน เอ็งเห็น พื้นดิน แผ่นฟ้า อากาศ ท้องน้ำไหม สิ่งเหล่านี้เป็นของสาธารณะ คนเอาแต่ใช้แต่ไม่มีใครสนใจเห็นค่า แต่ แท้จริงสิ่งเหล่านี้ยิ่งใหญ่สุด หาสิ่งใดมาเปรียบ เพราะเป็นผู้ให้ โดยไม่ต้องการผลตอบรับ ไร้ค่าในสายตาคน แต่ ว่าขาดไม่ได้ คิดง่ายๆ ไม่มีดิน ไม่มีน้ำไม่มีอากาศเราใช้ชีวิตได้ไหม จำไว้นะ ทำจิตให้เป็นสาธารณะ ยิ่งใหญ่ ไร้ตัวตน แต่มีประโยชน์ อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ เป็นจิตที่เป็นผู้ ให้อย่างแท้จริง นี่คือ จิตโพธิสัตว์ อย่างแท้จริง เรายิ้มรับด้วยใจเบิกบานในใจ หลวงตาหันมาถามว่าเอ็งยิ้มอะไร ตอบท่านไป ว่า ยิ้มสาธารณะ ไงค่ะ ยิ้มด้วยใจค่ะ ท่านหัวเราะชอบใจ เป็นอีกรอยยิ้มจากหลวงตา ที่ทำให้เราสุขใจ ในใจคิดอธิษฐาน ขอหลวงปู่เมตตาให้หลวงตาสุขภาพแข็งแรง เป็นสาธารณะ ที่เป็นที่พึ่งของสามโลกธาตุไปนานๆ


    31949021_162055007967319_2976697861258870784_n.jpg
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    เพื่อนรัก



    สมชายเดินถือเก้าอี้มาฝากภรรยา ซึ่งมีฐานะระดับเศรษฐี
    คุณดูสิผมบังเอิญไปเจอเพื่อนรักสมัยเด็ก เป็นช่างทำเก้าอี้ในตลาด แถมผมสามารถต่อรองราคาเหลือเพียงครึ่งเดียว โดยจ่ายเพียงห้าสิบบาทเท่านั้น ดูงานนี่สิฝีมือประณีตมาก เพื่อนผมเค๊าตั้งใจมากทำได้แค่วันละตัวเองนะ
    ภรรยาของสมชายปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นดูหดหู่ แล้วถามว่าเพื่อนรักกันเลยใช่ไม๊...
    สามีตอบใช่ แถมหัวเราะร่าสายตาก็ชื่นชมแต่
    ความงามของเก้าอี้...ภรรยาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง...สงบ...
    พี่ไปทำร้ายเพื่อนพี่ทำไม เค๊าทำเก้าอี้ได้แค่วันละตัว ห้าสิบบาทตรงนั้นคงไม่ได้ทำให้เค๊าร่ำรวยอยู่สุขสบาย แต่เค๊าถูกเพื่อนรักเอาเงินไปครึ่งนึงเค๊าจะมีความสุขเยี่ยงไร...
    สามีได้ฟังถึงกับจุก ว่าสิ่งที่เค๊าทำลงไปเป็นการทำร้ายเพื่อนแบบไม่ได้ตั้งใจ...
    ทำไมเค๊าถึงเอาเปรียบคนที่ด้อยกว่าเพียงเพราะความเป็นเพื่อน...
    สมชายน้ำตาซึมขึ้นมาทันที...
    วันรุ่งขึ้นสมชายเดินไปหาเพื่อนเก่าพร้อมภรรยา และสั่งเก้าอี้เพิ่มอีกสิบตัว โดยอ้างว่าขอปรับแบบนิดนึงเพื่อให้นั่งสบายขึ้น แต่จะจ่ายเพิ่มให้ในราคาตัวละแปดสิบบาทจากราคาเดิมห้าสิบบาทแทน...
    ภรรยาหันไปมองหน้าสามีแล้วยิ้มให้อย่างมีความสุข



    ปล.การเป็นเพื่อนคือการส่งเสริม มิใช่การเอาเปรียบ..



    43087143_281974802642005_1778799476308180992_n.jpg


    ******************************************


     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    กำไว้เอง


    หลากหลายเรื่องราวในชีวิต มาจากหลายเหตุและผล ต้นเหตุทั้งหมดทั้งมวล มาจากตัวเราทั้งนั้น จบที่ตัวเรา ดับที่เหตุผลไม่เกิด 1f31f.png


    ช่วงหน้าร้อนปลายปี 50 1f33b.png หลวงตา นั่งมองคนกวาดใบไม้อยู่ที่หน้าถ้ำ มีคนปฏิบัติธรรมเดินมาหาสอบถามหลวงตาว่าเขามาสวดมนต์อยู่ตั้งนาน แต่ทำไมยังไม่สามารถ ออกจากความทุกข์ที่อยู่ในใจ เขาติดกับความจำเดิมๆที่เจ็บปวดในชีวิต 1f601.png หลวงตายิ้ม แล้วให้เขากำมือ บอกว่ารู้สึกเช่นไร? อีกมือหนึ่งให้เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วกำ ถามว่ารู้สึกเช่นไร? ข้างที่ไม่มีหินเรากำมันก็ไม่มีอะไรให้เราต้องรู้สึกหรือเจ็บปวด 1f33b.png แต่ข้างที่มีหิน พอเรากำ ยิ่งเรากำแน่นเท่าไหร่ มือก็ยิ่งเจ็บรู้เท่านั้น 1f31f.png มันก็เหมือนความคิดและความจำที่เราผูกติดกับมันนั่นแหละ 1f506.png ทางออกง่ายๆ แบมือออก หิน มันหล่นไป ก็ไม่มีอะไรให้กำ มันแค่นั้นจริงๆ 1f64f.png ความทุกข์ของคน มาจากเรากำเอาไว้เหมือนหินนั่นเอง เรายึดเอาไว้เราผูกติดมันไว้ในจิตในใจ หากเรียนรู้ที่จะปล่อยวางปล่อยให้ความคิดให้หลุดหล่นไปเหมือนดังหินที่หลุดจากมือที่กำไว้ ทุกสิ่งมันก้อจะหายไปในพริบตา 1f33b.png คนที่มาถามก้มกราบพร้อมทั้งน้ำตา เขาบอกว่า มันแค่นั้นจริงๆค่ะ เพิ่งจะนึกออกว่าเกิดจากตัวเราเองเราจะไปกำให้มันเจ็บมันหนักทำไม 1f601.png หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า ดีแล้วล่ะ ไปสวดมนต์ต่อได้แล้ว สร้างความดี ที่ตัวเรา จบที่ตัวเรา ดับที่เหตุผลไม่เกิด เราสร้างเหตุที่ดีก็จะเกิดสิ่งที่ดีๆในชีวิต 1f64f.png 1f64f.png นี่คืออีกหนึ่งราวดีๆที่นำมาเล่าสู่กันฟังธรรมะ ปกติสุขที่เกิดขึ้นจากสิ่งต่างๆรอบตัว




    43112359_282270862612399_4089031645745643520_n.jpg




     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    " สมมติสัจจะ"


    หลากหลายเรื่องราวแห่งความขัดแย้ง มาจากสาเหตุแค่ สมมติสัจจะของตนเองเท่านั้นเอง

    หลวงตาพูดเสมอว่า ความขัดแย้งมันเกิดเป็นปกติโลก เพราะคนเรามีความเชื่อ ความคิดเห็น ไม่เหมือนกัน

    หลายปีก่อน ที่กุฏิหลวงตา หลายคนนั่งสนทนา เถียงกัน วุ่นวาย
    หลวงตา จึงเทศน์ให้ฟัง เป็นเรื่องที่น่าสนใจ หลวงตาบอกว่าอย่าเถียงกันเลยมันไม่มีอะไรหรอก ไม่มีถูกไม่มีผิด คนเราแค่" เชื่อ ใช่ ชอบ" ไม่เชื่อไม่ใช่ก็ไม่ชอบ มันก็แค่นั้น ถ้าเราเชื่อ เราก็คิดว่ามันใช่ และเราก็ชอบ แต่ถ้าคนอื่นไม่เชื่อ ในสิ่งที่เราเชื่อ เราก็คิดว่ามันไม่ใช่และเราก็จะไม่ชอบ
    ที่มาของปัญหาความขัดแย้งทั้งหมดทั้งมวลมันเกิดขึ้นแค่นี้ เกิดขึ้นจากสมมติสัจจะในใจคน คนที่แตกต่าง สมมติที่แตกต่าง ใจที่แตกต่างเพราะความต่างนี่แหละ เลยกลายเป็นความขัดแย้ง
    แต่ถ้าเราสวดมนต์ภาวนา ให้อยู่กับความเป็นจริง อยู่กับความที่ไม่ต่าง ไม่ไปก้าวล้ำ ในสมมติสัจจะของผู้ใดเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องจริงของโลก เราก็จะไม่มีความขัดแย้งกับผู้ใด เพราะเราปล่อยไปตามสมมติสัจจะของโลก คือมีทั้งชอบและไม่ชอบ เชื่อและไม่เชื่อ
    ถ้าคนสวดมนต์ภาวนาจริงๆ ๆปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดและหมดไป จะมีเมตตาล้วนๆ เมตตาบนความเป็นจริง เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง จะมีแต่ความโปร่งโล่งสบาย จิตจะไม่ขุ่นมัวและขัดแย้งกับผู้ใด
    หลวงตาหัวเราะแล้วพูดว่า เอาเวลาที่มาเถียงกันเนี่ยไปสวดมนต์ยังจะมีประโยชน์มากกว่า มานั่งเถียงกัน ว่ากัน มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำลายตนเองทั้งนั้น จำไว้! เขาสวดมนต์ปฏิบัติภาวนาเพื่อให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม มีพฤติกรรมที่ดีมีความเคยชินที่ดีขึ้น สังเกตง่ายๆของคนปฏิบัติก็จากพฤติกรรมนี้แหละชัดเจนที่สุด
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    " จะเอาอะไรกันมากกับชีวิต "




    คำพูดที่หลวงตาพูดบ่อย เพราะคนเราเกิดมาไม่ถึงร้อยปีก็ตายจากกันแล้ว ต่อให้มี 1 บาทหรือ แสนล้านก็เอาไปไม่ได้


    หลวงตาพูดให้คิดเสมอ ว่าจะเอายังไงกับชีวิต? จะไปทำอะไรให้มันยุ่งยากวุ่นวายทำไมมากกับชีวิต ในเมื่อจริงๆชีวิตของคนเราแทบไม่มีอะไรเลย เกิดแก่ เจ็บ ตาย หลายคน ดิ้นรน ไขว่คว้า ช่วงชิง เพื่อครอบครอง สิ่งต่างๆมากมาย เคยตั้งคำถามว่าไปเพื่ออะไร? สิ่งเหล่านี้เป็นปกติในวัฏสงสาร วงจรของความสงสารที่เวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีเว้น เพศ วรรณะ เผ่าพันธุ์ใดๆเป็นความเท่าเทียมกันที่ยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็น นักบวช คนธรรมดาก็ล้วนแล้วมาจากกรรมทั้งนั้น คำถามที่เราถามหลวงตาคือ แล้วทำไม คนเราถึงต้องทำกันขนาดนั้น ทำไมเราต้องแย่งชิงดิ้นรนแข่งขัน เอาชนะกันเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ทำไปเพื่ออะไร ? คนเรา สวดมนต์ภาวนาไปเพื่ออะไร ? คนเราสร้างบารมีไปเพื่ออะไร ? คนเรา บวชเรียนปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร? ถ้ายังเกิดพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ เพราะสิ่งที่เห็นชัดคือ พฤติกรรม พฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงภาวะภายในสู่ภายนอก การกระทำเป็นตัวพิสูจน์ภาวะธรรม นั่นเองหากเรากล่าวอ้างว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม สร้างบารมี แต่การกระทำกลับสวนทางมากด้วยกิเลส ตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น สร้างภาพแสดงตน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร หลวงตาตอบว่า " ใช่แล้ว "'''ถ้าคนมีปัญญาเขาจะพิจารณา พฤติกรรมและการกระทำที่แสดงออก จะแยกออกว่า ของจริงกับสิ่งลวง ธรรมะที่แท้จริงนั้น เบาสบาย เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ นอกนั้นคือมายาที่ปรุงแต่ง สิ่งลวงที่สร้างขึ้น เพราะว่าคนสมัยนี้ ติดอยู่ในเรื่องเล่า มายา ภาพพจน์ต่างๆ พิธีกรรมถึงมีผล ทั้งๆที่แท้จริง บุญคือการชำระล้าง คือความเบา สบายใจ ไม่ได้มีอะไรให้ต้องทำให้หนักเลย สิ่งเหล่านี้เลยเป็นวงจรของกรรมในปัจจุบัน ถ้า ทำแล้วเกิดประโยชน์ก็ดีไป แต่ถ้าทำแล้ว ก็เกิดโทษทำให้คนหลงทางไปทางมิจฉาทิฐิ ก็เป็นกรรมหนัก นี่คือเหตุปกติของ กรรม ถ้าเขาไม่ทำกรรมร่วมกันมา ก็คงไม่มาทำกรรมสืบต่อกัน แต่ถ้าสวดมนต์ภาวนา ก็จะสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงหลุดพ้นจากวงจรแห่งกรรมนี้ได้ หลวงตา หันมาตอบ แล้วยิ้ม พูดว่านี่ไงล่ะ ถึงบอกให้สวดมนต์ เพื่อให้หลุดจากวงจรกรรมเดิมมาสู่ในวงจรกรรมที่ดี มันไม่มีอะไรยากเลย


    *********************************************

     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    พระในใจ กายสิทธิ์



    หน้าร้อนปี 48 มีหลายคนนั่งล้อมวงคุยกับหลวงตาเรื่องวัตถุมงคลและของกายสิทธิ์แต่ละคนนำของที่ตัวเองมีออกมาโชว์กันทั้ง เหล็กไหล คด ปรอท พระเครื่องเกจิรุ่นต่างๆที่ล้วนแล้วแต่มีมูลค่า
    ทุกคนถกเถียงกันถึงเรื่องพลังงานและมูลค่าของวัตถุมงคลเหล่านั้นแล้วหันมาถามหลวงตาว่าพระรุ่นไหนที่หลวงตาคิดว่า ดีที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด


    หลวงตาหัวเราะ พูดว่า ไอ้คำว่า ดีที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอ่ะ มันแล้วแต่คนชอบ คนศรัทธา อะไรที่เราว่าดีมันก็ดีหมดนั่นแหละ ความศักดิ์สิทธิ์มันอยู่ที่ " ใจ"

    ดีที่สุดคือ พระในใจตน
    ทำใจตนเองให้มีพระอยู่ตลอดเวลา
    สวดมนต์ภาวนาให้ธาตุตัวเองกลายเป็นธาตุกายสิทธิ์
    สร้างตัวเองให้เป็นพระ นั่นแหละดีที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
    ไม่ต้องกลัวด้วยว่าพระจะหาย คนจะมาขโมยหรือมาแย่งชิงเอาไป
    เพราะพระอยู่ในใจตน กายเรา

    ภายนอกเป็นคนแต่ข้างในเป็นกายสิทธิ์

    ใจเป็นพระนั่นแหละคือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และดีที่สุด

    ของทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีเรื่องเล่าตำนาน ขึ้นอยู่กับความชอบ ความเชื่อของแต่ละบุคคลจะมาตัดสินไม่ได้เพราะมันเป็นสมมติสัจจะของแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่เป็นความจริง ที่แน่นอนคือ กรรม ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นกรรมนี่แหละแน่นอนชัดเจนที่สุด มีพระเป็น 10 ล้านแต่ประพฤติกรรมชั่วก็หลีกหนีนรกไม่พ้น อย่างที่หลวงตาบอก สร้างพระในใจตน ใจเป็นพระ กรรมต่างๆก็ออกมาเป็นพระเป็นกุศล มาร่วมกันสร้างพระในใจตนดีกว่า ไปสวดมนต์ได้แล้วมัวแต่มานั่งถกเถียงกันอยู่ได้ มันมีประโยชน์อะไรเสียเวลาไปสวดมนต์ได้ประโยชน์กว่าเยอะ หลวงตาหัวเราะ แล้วเดินนำขึ้นถ้ำไปสวดมนต์
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    " พอหมดอยาก ก็จากกันไป แล้วเราจะเจอกันใหม่ "


    ธรรมะง่ายๆแต่ลึกซึ้งถึงแก่นสัจธรรมแน่แท้จากหลวงตา ☀ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ก่อเกิดจากสรรพสิ่งรอบกาย ☀ เมื่อ ปลายปี 42 หลวงตาพาพวกเราไปกินอาหารร้านโปรดที่ชายทะเล ร้านนี้เป็นร้านที่ไปกันบ่อยมากเพราะมีคนนิมนต์บ่อย พอไปถึงทุกคนแค่มองเห็นอาหารก็เกิดอาการ อาการออกชัดเจนถึงความอยาก พอกินกันเสร็จยิ้มกันถ้วนหน้า หลวงตาพูดขึ้นมาว่า " พอหมดอยาก ก็จากกันไป แล้วเจอกันใหม่ " หลวงตาบอกว่ามันก็แค่นี้จริงๆ ก่อนจะมา มันก็มีความอยาก อยากจะกินที่นี่เลยต้องมาพอกินเสร็จมันหมดอยาก มันก็จากไปและเดี๋ยวมันก็อยากใหม่กลับมากินใหม่ วนเวียนแบบนี้ ไปไม่มีจบ เป็นสัจธรรมในวัฏสงสาร ☀ ความอยากนี้มันมีแรงดึงดูดสูงจริงๆ ทำให้เราจากเชียงใหม่มากินได้ถึงที่ชายทะเล จากภูเขามากินที่ทะเลเพราะความอยากล้วนๆเลย มันถึงก่อให้เกิดแรงดึงของภพชาติได้ ลองสังเกตสิ ความอยาก มาจากตาหูจมูกลิ้นกายใจทั้งนั้น อยากเสร็จแล้วมันก็เบื่อแล้วก็เปลี่ยนไปอยากอย่างอื่น วนเวียนอยู่แบบนี้มี ใครกินอาหารเดิมเดิมๆได้ทุกวัน ไม่มีใครฟังเพลงเดิมได้ทุกวัน มันเกิดการสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความอยากพอจิตมันหาย อยากมันก็คลายทุกอารมณ์และความคิดป็นเช่นนี้เองวนไปวนมา อยู่ที่ว่าเราจะไปติดในความอยากมากน้อยเพียงใดแค่นั้น ถ้าเป็นผู้ที่รู้และเท่าทันความอยาก ค่อยๆปรับความอยากความเคยชินนั้นให้น้อยลงได้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นมงคลกับชีวิตที่ได้เกิดมา แต่ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามความอยากเพิ่มพูนความอยากมากเรื่อยๆมันก็ไม่มีทางที่จะหลุดออกมาได้ วันนี้พวกเรากินที่นี่ก็ไปแล้ว หมดความอยากที่นี่เราไปอยากอย่างอื่นต่อ ☀ แต่เราตั้งสัจจะว่าเราจะไม่มาที่นี่ต่อไปดีไหม? ทุกคนพูดออกมาว่าไม่ดี ! ☀ หลวงตาหัวเราะแล้วพูดว่าเห็นไหม เพราะมันยังต้องอยากอยู่ เพราะเราต้องเกิด งั้นเดี๋ยวเดือนหน้าเราค่อยมากันใหม่ถ้าอยาก ถ้าไม่อยากแล้วก็ไม่มา ☀ ทุกคนหัวเราะด้วยน้ำเสียง และสีหน้าอย่างมีความสุข นี่คือธรรมะที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงไร้มายาและสิ่งปรุงแต่ง ธรรมของ "ครอบครัวพรหมปัญโญ "
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    " ลมปาก "



    ลมพายุรุนแรงขนาดไหนก็ไม่สามารถสู้ลมปากจากมนุษย์☀ ในช่วงที่มีข่าว พายุที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก
    ย้อนนึกถึงคำสอนเก่าๆที่หลวงตาเคยพูดไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นเป็นหน้าฝนลมพัดแรงที่หน้าถ่ำ หลายคนกลัวแรงลมที่พัดอย่างรุนแรง ☀หลวงตาหัวเราะแล้วพูดว่า ลมพายุลมอะไรในโลกนี้จะรุนแรงขนาดไหน มันก็ไม่น่ากลัวเท่ากับลมปากจากคน ☀ ลมปากที่เกิดขึ้นจากการนินทาว่าร้ายอิจฉาริษยานินทากัน ลมนี้มันแรงกว่าลมไหนๆ ☀ลมพายุหรือลมใดๆที่เกิดจากธรรมชาติมันมาแล้วมันก็หายไป ความเสียหายใดๆก็แก้ไขและสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ลมปากของคนที่นินทาว่าร้ายกันนี่มันบันทึกไปในจิตใจผ่านไปข้ามภพข้ามชาติได้เลย บางคนถึงขนาดฆ่ากันเลยก็มีโกรธกันไม่มองกันทั้งชาติก็มี แค่ลมปากของคนที่พูดนี่แหละน่ากลัวที่สุด กับร้ายกลายเป็นดี หรือจากดีกลายเป็นร้าย ก็มาจากปากของคน จะพูดบรรลุธรรมหรือไปหลงทางทางธรรมก็มาจากลมปากคน มันรุนแรง อย่างที่เราคิดไม่ถึง ถึงขนาดสูญสิ้นแผ่นดินก็ยังมี เสียชีวิตก็ยังมี ทำให้คนจากคนร้ายกลายเป็นคนดีก็มี ทำให้คนดีๆกลายเป็นคนร้าย ถูกคนเกลียดก็มีเพราะลมปากจากคน เพราะฉะนั้น วจีกรรมนี่แหละ มันหนักมาก☀ จงจำไว้ ลมอะไรก็ไม่สู้ลมปากคน จะเกิดคุณหรือโทษก็เกิดจากลมปากจากคน ให้มีสติพิจารณา อย่าไปว่าใคร อย่าไปนินทาใคร ทำตัวเองให้ดี เอาตัวเองให้ดีก่อนค่อยไปว่าคนอื่น พิจารณาทุกครั้งก่อนพูดว่าตัวเรามีดีอะไร ดีพอหรือยัง
    ถ้าเราสวดมนต์ภาวนา แล้วรับรองว่าลมปากที่ออกจากปากเรามันจะเป็นกุศลมากกว่าอกุศล ☀ แต่ถ้าเรายังสวดมนต์ภาวนาแล้วยังนินทาว่าร้ายคนอื่น ☀ จงพิจารณาไว้เถอะว่าสิ่งที่เราทำมันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย มันเหมือนที่ผ่านมาเราปฏิบัติโกหกตัวเราเอง ให้ไปปรับปรุงแก้ไขตัวเองใหม่ จำเอาไว้แล้วไปคิดเอาเอง ☀ สำคัญแค่ว่าจะมี สติระลึกรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองพูดหรือกระทำไปหรือเปล่า จะมีสติยับยั้งในสิ่งตัวเองกำลังจะทำหรือเปล่า นี่สิมันน่าคิดแต่ถ้าคนสวดมนต์ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไปเอง
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    49948326_341373260035492_7247113273064030208_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_ht=scontent.fbkk5-4.jpg
    49339010_341373266702158_1837997637614174208_n.jpg?_nc_cat=108&_nc_ht=scontent.fbkk5-7.jpg
















    " เมตตาอย่างไม่มีประมาณ ไร้ซึ่งตัวตน "



    ตลอดเวลาหลายปีที่ติดตามหลวงตา สิ่งหนึ่งที่ทำให้ศรัทธา ก่อเกิดจากพฤติกรรมของท่านที่ทำให้เรา เคารพ ศรัทธาอย่างหมดหัวใจ☀ เรื่องเล่านิทานคำพูดใครๆก็พูดได้ แต่พฤติกรรมกับสิ่งที่กระทำ มันทำได้ยาก☀ ล่าสุดหลวงตาพาพวกเราไปสวดมนต์ ขณะที่ไปถึงสถานที่ บนพื้นมีแต่ฝุ่นผงสกปรก หลายคนไม่ยอมนั่ง ☀ หลวงตาเอาผ้าคลุมไหลออกมาปัดบนพื้นทำความสะอาด แล้วบอกว่า ให้ทุกคนนั่งลง หลวงตาปัดให้แล้วมันจะได้ไม่เป็นฝุ่น ☀ ทุกคนอึ้ง ! ☀ นี่คือความเมตตาอย่างไม่มีประมาณ☀ เราถามตัวเองว่าจะมีคนในโลกนี้สักกี่คน ที่ได้ชื่อว่าเป็น
    " อาจารย์ "แล้ว มีเมตตาและไร้ซึ่งตัวตนในอัตตา " กล้าที่จะเอาผ้าคลุมไหล่ของตัวเองปัดบนพื้นที่สกปรกเพื่อให้ ลูกศิษย์ได้นั่งสวดมนต์ร่วมกัน " นี่คือการกระทำที่เกิดขึ้นจริง การกระทำที่มาจากภาวะภายในอย่างแท้จริง ของผู้ที่ได้ชื่อว่าอาจารย์ที่มีต่อลูกศิษย์ ภาวะธรรมที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่ง เมตตาอย่างไม่มีประมาณอย่างไร้ตัวตน

    หากเราสังเกต เวลาเราอยู่กับหลวงตาเราจะไม่รู้สึกอึดอัด มีแต่ความสบายใจ เพราะท่านละลายขอบเขตความเป็นตัวตน และรูปสมมุติของท่านเองได้เยอะมาก คงมีแต่ความสบายและความเมตตา ☀นี่คือผลจากการปฏิบัติจากภายในล้วนๆที่สู่ภายนอก☀ ความจริงที่สัมผัสด้วยใจ เห็นได้ด้วยตา รู้ได้โดยทุกอาการที่สัมผัส
    ความจริงที่เกิดจากการปฏิบัติอย่างแท้จริง ของพระอาจารย์ที่เราท่านทั้งหลาย กราบไหว้บูชาได้อย่างหมดใจ """"" หลวงตาม้า """" ทายาทธรรม แห่งหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ


    ☀ เราเป็นแค่เพียงเงา เงาที่สื่อสารเรื่องราวดีๆที่ไม่มีใครรู้ เพื่อบอกสู่ ท่านทั้งหลาย ให้เห็นถึงความดีงาม ความโชคดียังไม่มีประมาณที่ได้เกิดมาพบกับครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐเช่นนี้


    https://www.facebook.com/nittaya.au...2gToBtXqxL-mOO5EmZMVgKiL4Ec4Mv2t0qs&tn-str=*F
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    " น่าสงสาร "



    นั่งสนทนากับหลวงตาว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญเหมือนประเทศอื่น หลวงตาบอกว่าประเทศเราพัฒนาช้าเพราะว่าคนของเรายังมีความอิจฉาริษยาอยู่เยอะ ดูเรื่องการเมืองหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ถ้าคนไหนเป็นคนที่ทำอะไรได้ดีก็จะมีคนอิจฉาเพราะเสียผลประโยชน์ เราเลยปรึกษาหลวงตา อยากเลิกทำ "ใต้เงาวิริยธโร "เพราะว่าเราทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ เสียสละ และไม่มีตัวตน เพื่อต้องการให้เป็นแบบอย่างที่ดีของการทำความดีในยุคนี้ แต่ก็มีกลุ่มคนและหลายคนที่เสียผลประโยชน์และอิจฉาริษยาที่ปล่อยข่าวเป่าหูคนที่ไม่รู้หลายคนทำหลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเราทั้งทั้งที่เราไม่มีตัวตนใดๆให้จับต้อง หรือไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ที่นี่เราลง บทความเรื่องราวของหลวงตาที่เป็นข้อธรรมที่หลายๆคนอยากจะเลียนแบบแต่ทำไม่ได้ เราเน้นทางปัญญา ไม่เน้นให้คนหลงงมงาย เราแจกแลกสวดให้คนสวดมนต์เพื่อให้คนทำความดีทุกกิจกรรมโปร่งใส ชัดเจน เงินทุกบาททุกสตางค์เข้าสู่บัญชีหลวงตาโดยตรงเงินค่าใช้จ่ายเราออกเองทำบุญ หลายท่านจึงให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม ซึ่งทำให้หลายคน ที่ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้เกิดความอิจฉาริษยาปั่นหู ปล่อยข่าวทำลายเยอะมาก จนเรารำคาญว่า คนที่บอกว่าตัวเองทำบารมี สวดมนต์ ไหว้พระ ทำไมถึงมีจิตใจสกปรกโสมมเช่นนี้มันสวนทางกับภาพพจน์ที่แสดงออก เราเน้นเสมอว่าการปฏิบัติให้ดูที่พฤติกรรม เพราะกลุ่มคนและคนเหล่านี้หลอกลวงคนอื่นมานาน แต่เราก็ไม่ได้สนใจเพราะเราถือว่าเราทำความดีแต่ก็คิดในใจว่าคนที่เขาว่าเรา อยากให้เขามองย้อน สักนิดว่าเขามีความดีงามแค่ไหน? มีประโยชน์แค่ไหน? จริงใจกับตัวเองและผู้อื่นไหม ? กล้าที่จะเสียสละเงินทอง วัตถุสิ่งของทำเช่นเราหรือไม่ ? เป็นคำถามที่น่าคิด สำหรับคนที่คิดจะว่าคนอื่นว่ามีความดีเพียงพอหรือเสียสละแล้วหรือยัง ? หลวงตาหันมายิ้มและหัวเราะว่า ก็นี่แหละโลกมนุษย์ คนมันก็แบบนี้แหละ ถ้าเราไปมองเป็นความโกรธแค้นก็ไม่จบเป็นเรื่องเป็นราว จิตขุ่นมัวเปล่าๆ สอบตกนะทำแบบนั้น แต่ให้เรามองเป็นความน่าสงสารของคนเหล่านี้ที่เขายังคิดไม่ได้ คิดไม่ออกยังอยู่ในวังวนของกรรม ยิ่งเราทำดีมากเท่าไหร่และเขายิ่งว่าเรามาก กรรมเขาก็ยิ่งหนักมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเราเป็นผู้มีประโยชน์ส่วนเขาจะกลายเป็นผู้ก่อให้เกิดโทษในทันที สิ่งนี้สำคัญถ้าคิดไม่ออกก็เสียใจตกอบายภูมิวงเวียนอยู่ในวิบากกรรมไม่มีจบสิ้น ถ้าคิดแบบนี้มันน่าสงสารจริงๆนะ อย่าไปโกรธเขาเลยให้ สัพเพ แผ่เมตตา หลวงตาหัวเราะและพูดว่าเห็นไหมล่ะ มันต้องฝึกแบบนี้เป็นนักมวยมันต้องขึ้นชก จะชกลมแล้วไม่เคยขึ้นเวทีมันจะไม่แข็งแกร่ง อย่างนี้แหละดีแล้วจะได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด ถ้าเรามั่นใจในสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์จงทำต่อไปที่เหลือมันแค่ลมปากของคนมันก็เป็นเรื่องกรรมของเขา ใครทำอะไรย่อมได้ผลนั้น
    ก็บอกแล้วว่า " ใครจะใหญ่เกินกรรม "



    *******************************************

     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,456
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,477
    หลวงตาม้ากล่าวถึงกุศโลบายการนอน ที่เกิดประโยชน์กว่าที่คิด

    พลังงานบุญ หลวงตาม้าอธิบายให้ฟังถึงพลังงาน ที่เราหากฉลาดในการกำหนด จะมีพลังงานหลายประเภท ที่มาเสริมกันให้แก่จิตของเรา ทั้งด้านไตรสรณาคม กำลังพระจักรพรรดิ กำลังพรหมวิหารสี่ ผู้ที่รักและศรัทธาหลวงปู่ หลวงตา ฟังให้เข้าใจ แล้วนำไปใช้ตอนก่อนจะนอนทุกๆวัน พิสูจน์สิ่งที่หลวงตานำมาแจกแจงให้ลูกหลานได้รับประโยชน์ ในการบันทึกพลังงานบุญ ในจิตของเราเพิ่มขึ้นทุกๆวันมากมายมหาศาล หรือว่าเราต้องการขอให้หลวงปู่พาไปชมอะไรที่ไหน ที่เราติดใจต้องการจะไป ก็บอกหรือขอกับหลวงปู่ก่อนที่เราจะนอนหลับก็ได้ หรือขอหลวงปู่ในทุกๆเรื่อง เนื่องจากรูปหลวงปู่มีชีวิต ตามที่หลวงตาได้เล่าให้ฟัง เมื่อจิตเรานิ่งมีความเหมาะสมก็จะสามารถคุยกับภาพหลวงปู่ได้เสมือนหลวงปู่มีชีวิตอยู่ใกล้ๆกับเรานั่นเอง

    เดินทางลัดในชีวิตที่เหลือ เมื่อได้ลองปฏิบัติดูแล้ว ได้รับประสบการณ์ดีๆ สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเราก็จะเจริญงาม ออกไปในอีกหลายๆมิติทั้งภารกิจทางโลกปัจจุบัน และทางจิตสู่ความเป็นหนึ่งหรือเอกคตา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าที่ปรึกษาอะไรเลย เพียงแต่ให้จิตของเราตั้งอยู่ในบุญกุศล อยู่ในสายตา และความปรารถนาดีของหลวงปู่ หรืออยู่บน 'ทาง' ของเราก็แล้วกัน ใครจะมุ่งทำมรรคให้สมบูรณ์ถึงสภาวะนิพพานก่อนหลวงปู่ หลวงปู่ก็ยินดีด้วยไม่ว่าอะไร โมทนาด้วยกับทุกๆคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตสุดท้าย

    ปรับใช้สติปัญญา (ที่เหนือชั้นยิ่งกว่าสิ่งที่เกิดจากเซลล์สมองของมนุษย์) เมื่อพิจารณาตามที่หลวงตาม้าอธิบายอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับหลวงปู่แล้ว ทำให้มีความดำริขึ้นว่า เมื่อเรายังต้องใช้สมองคิด ในเรื่องต่างๆบนโลกนี้ ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพเท่าใดนัก ผิดบ้างถูกบ้าง บางคราวเสียทั้งเงินและเวลาและโอกาส ปัญญาโลกๆที่ได้จากการเรียนรู้วิชาต่างๆ ยังไม่ได้ออกมาจากจิตเดิมแท้โดยตรง หรือได้คำตอบจาก ญาณทัสสนะ หรือการหยั่งรู้

    ทางลัดของชีวิตที่สุดประเสริฐ ถ้าหากมนุษย์เราส่วนใหญ่ ที่จิตยังไม่ถึงระดับการหยั่งรู้ เราก็พึ่งพาขอพลังสติปัญญาจากดวงจิตของหลวงปู่ จุดประกายต่อเชื่อมเข้าสู่จิตของเรา ออนไลน์กับหลวงปู่ตลอดเวลา โดยเราขอคำแนะนำในเรื่องต่างๆจากหลวงปู่ในแต่ละเรื่องโลกและธรรมที่เราต้องการ จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตของเรา ครอบครัว หมู่ชน หรือประเทศชาติ หรือมนุษยชาติ และต่อจิตวิญญาณทั้ง 3 โลกก็ตาม หลวงปู่มีอยู่พร้อมมูล พร้อมช่วยเหลือให้เราได้เดินทางลัดทางตรงของธรรมชาติ ด้วยเหตุปัจจัยที่ดีงาม ยิ่งโดยเฉพาะท่านผู้ใดที่ได้ฝากจิตฝากใจฝากชีวิตเอาไว้ ขอเป็นลูกของหลวงปู่ด้วยแล้ว ท่านผู้นั้นก็จะมีพ่อ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ผู้ประเสริฐคอยดูแลช่วยเหลือ ให้เดินถูกทางอยู่ตลอดเวลาไปตลอดชีวิต

    ผู้ใดนึกถึงหลวงปู่ หลวงปู่จะคิดถึงไปกลับเป็น 10 รอบ ส่วนใครที่ไม่นึกถึงหลวงปู่หลวงปู่ก็คิดถึงเขาแผ่เมตตาไปให้ หากเรายังไม่ได้ขอร้องหลวงปู่ หลวงปู่ก็จะรอ เนื่องจากตัวเรายังไม่มีดำริ หรือยังไม่ถึงจังหวะโอกาส หรือยังไม่รู้วิธีนั่นเอง วันนี้ หากทุกคนได้ฟังหลวงตาให้เข้าใจ และเข้าถึงแล้ว ชีวิตทีเหลือของเราก็จะมีแต่ความสว่างไสวไปตลอดทีเดียว พร้อมๆกับตั้งจิตของเราให้อยู่ในสภาวะจิตเดิม ได้เกือบตลอดเวลา สำหรับผู้ที่ถึงทางของตนแล้ว โดยใช้ หมวดหนึ่งหมวดใดของมหาสติปัฏฐาน ให้จิตสะสมพลังงานคลื่นความถี่สูงจนบรรลุถึง 'ทาง' แห่งตนแล้ว ไม่ต้องไปใช้ความคิดฟุ้งซ่านอันใด

    เมื่อมีเหตุปัจจัยสิ่งใดเกิดขึ้น ก็สามารถนำมาปรารภถามหาคำตอบจากหลวงปู่ จิตของเราก็จะมีเวลาสะสมพลังงานคลื่นความถี่สูง อยู่บน 'ทาง' ของเราได้มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องไปเสียเวลาใช้ชีวิตทางโลกเกินความจำเป็น ที่สะสมสมบัติโลกเอาไว้เท่าใด ตายไปต้องก็ทิ้งไว้บนโลกนั่นเอง ก็มันเป็นสมบัติของโลกเขา หาใช่ของใครคนใดคนหนึ่งไม่ เราไปอุปทานยึดเอาเองว่ามันเป็นของเรา

    เมื่อมีความสมบูรณ์บนทางของตนได้ระดับหนึ่ง ก็จะพึ่งพาจิตเดิมของตนเองได้ เริ่มพึ่งตนเองได้ เมื่อจิดเดิมเริ่มได้เห็นภาพคำตอบต่างๆด้วยตนเองแล้ว หากจะนำมาหารือกับหลวงปู่ เป็นการตรวจสอบทานคำตอบนั้นๆก็ไม่เสียหายอันใด

    โอกาสดีของชีวิต หลายๆท่านคงจะได้รับโอกาส และแสงสว่างในชีวิต ที่ยังเหลืออยู่ในอายุขัย นำไปส่งเสริมประยุกต์ใช้ทั้งงานทางโลก และงานพัฒนาจิต ให้อยู่บนทางของตน จากคำแนะนำหลวงตาม้า ผู้ชำนาญทางและอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่มาก่อน ชี้แจง ให้เราเกิดปัญญา ได้รับโอกาสดี ยังเหลือแต่ให้เราพิจารณานำไปใช้ ในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งกลางวันและกลางคืน ก่อนที่จะหลับนอน ให้ธาตุขันธ์พักผ่อนนอนหลับ แต่ให้จิตทำภารกิจของจิตอยู่กับหลวงปู่ตลอดเวลาต่อไป

    . . .

    เรียบเรียงเนื้อหาจากคติธรรมคำสอนของ
    พระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)
    วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
    ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


    ******************



     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...