ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรกฎาคม นับเป็นเดือนแห่งเทศกาลสำรวจดาวอังคาร ที่ทั้งชาติอาหรับ จีน และสหรัฐฯ ล้วนมีตารางปล่อยยานสำรวจ ขึ้นสู่จักรวาลอันไกลโพ้น..

    โดยเมื่อวันพฤหัสบดี เป็นคิวของ “เทียนเวิ่น1” ของจีน ขึ้นไปทำภารกิจบนดาวเคราะห์แดง ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความก้าวหน้า ในเทคโนโลยีการลงจอดและการสำรวจ ที่ถือเป็นครั้งแรกของจีน สำหรับภารกิจดาวอังคาร และยังขับเคลื่อนให้อวกาศ กลายเป็นอีกสนามแข่งขัน ระหว่าง จีน – สหรัฐฯ ด้วย

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เห็นข่าวหนุ่ม เมีย 4 เงียบหายไปนาน เลยลองใช้google search หาข่าวดูเลนไปได้ข่าวนี้มา

    Monovichea-11-25-4-750x420.png
    สามี 1 เมีย 4 ล่าสุดเมียหลวงโพสต์เดือด ลั่นเลิกกันแล้ว
    On Nov 25, 2019

    เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ถูกโพสต์และถูกนำมาเผยแพร่กันอย่างมาก สำหรับ ผัว 1 มีเมียถึง 4 คนนั้น ที่สร้างความฮือฮามาแล้วในโลกออนไลน์ และยังช่วยกันทำมาหากิน ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งหลายๆครั้งในโลกออนไลน์ก็ยังมีการเอาข่าวดังกล่าวมาทำใหม่ และเผยแพร่ต่อๆไปโดยไม่ได้มีการเผยความคืบหน้าของครอบครัวดังกล่าวแต่อย่างใด

    จนล่าสุดเมียของชายคนดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ข้อความดังนี้

    ขยันรีโพส ขยันแชร์ ลูกชั่งรี เลิกกันจนมีผัวใหม่กันหมดแล้ว เหมือนว่างกันเนอ

    191125hf8tl.jpg

    โพสต์ดังกล่าว

    งานนี้ชัดเจนสุดๆว่าเลิกกันแน่นอนแล้ว ไม่ต้องทำซ้ำอีกแล้วจ้า

    191125ad46j.jpg

    เลิกกันแล้วจ้า

    191125o1wqn.jpg

    https://monovichea.com/archives/28710
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวดังทวีตญี่ปุ่น #ผับดูดนม #โควิด (25 ก.ค.) นมของเธอ ฆ่าเชื้อหรือยังจ๊ะ?

    ⚠️โพสต์นี้เป็นข่าวจากทวีตญี่ปุ่น ความสัปดนระดับ 100/100 ความน่าเชื่อถือของข่าวประมาณ 30/100 ดังนั้นขอให้อ่านเอาบันเทิงยกเว้นเรื่องคลัสเตอร์โควิดคือของจริงนะคะ

    เริ่มจากข่าวจริงก่อนนะคะ เขต Susukino ที่ซัปโปโร มีคลัสเตอร์จากร้านสาวนั่งดริ้งค์เกิดขึ้น (ข่าวทั่วประเทศ ออกข่าวใช้คำว่า キャバクラ kyabakura) โดยมีผู้ติดเชื้อแล้ว 12 คน และร้านยังเปิดทำการแม้จะรู้ว่ามีคนติดเชื้อ เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้

    ประเด็นก็คือ มีคนทวีตว่า คนฮอกไกโดเท่านั้นที่จะรู้ คำว่า キャバクラ ซึ่งใช้กันสำหรับคนโตเกียวนั้น สำหรับคนฮอกไกโดจะรู้กันว่าที่ susukino มันคือ おっぱいパブ (อปไปผะบุ หรือ เรียกชื่อสั้น ๆ ว่า อบผะบุ) แปลเป็นไทย ก็คือ “ผับดูดนม” นั่นเอง

    ผับดูดนม คือ ผับที่อนุญาตให้ลูกค้าสามารถทำอะไรกับส่วนบนได้หมด ดูด จับ เค้น คลึง ซุก แต่ไม่สามารถมีอะไรกันได้

    โดยข่าวจากบนเน็ต และข่าวในทวีตเขียนถึงความเป็นไปได้ดังนี้

    “การติดเชื้อโควิดอาจเกิดจากลูกค้าคนถัดไปดูดนมเดียวกันกับคนก่อนหน้า ทางร้านจะทำการฆ่าเชื้อหัวนมและเปิดทำการต่อไป”

    ในขณะที่บางความเห็นก็เอ่ยว่า “จะให้ฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ตรงนั้นทุกครั้ง ผิวหนังบอบบางมีหวังเสียหมด”

    บางคนก็เพิ่งนึกออกว่า “ที่ผ่านมาคือ จูบทางอ้อมกับลุงแก่ ๆ มาตลอดเลยเหรอ”

    ✒️แอด.... นี่เพิ่งรู้เหรอว่าที่ผ่านมาใช้ร่วมกับคนอื่น???

    ✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼

    ‍ ทวีตจากคุณพ่อคนหนึ่ง

    ข่าวภาคเย็นของทีวีท้องถิ่นถาม
    “มีบริการยังไงบ้างครับ?”
    “ก็ขึ้นไปนั่งบนตัก แล้วก็เปิดนม...”

    อธิบายละเอียดยิบ ผมนั่งกินข้าวกับครอบครัวมีลูกสาวด้วย นรกชัด ๆ

    ✒️โถ....คุณพ่อ

    ✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼

    ภรรยาผู้พบว่าสามีที่บอกว่าไปร้านนั่งดริ้งค์ (kyabakura) มาตลอด.... เมื่อรู้ความจริงเข้า.... (กรุณาอ่านภาพสุดท้าย)

    ✒️แอดคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิต 1 ea ( ̄▽ ̄;)

    ——————-

    ใครอยากไปเที่ยวกลางคืน ทนไม่ไหวช่วงนี้ นึกถึงภาพจูบทางอ้อมกับคุณลุง น่าจะทำให้ความอยากลดลงไปเยอะเลยนะคะ

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวทวีต #ข่าวญี่ปุ่น #ประเด็นร้อน



     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่เพียงแค่กรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส พ้นมลทินจากคดีขับรถเฟอร์รารี่ชนตำรวจจราจร สน.ทองหล่อเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ด้วยเหตุที่อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เท่านั้น

    ก่อนหน้านี้ ตระกูล “อยู่วิทยา” ก็เคยถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนักถึงการใช้อิทธิพลความร่ำรวย กดดันให้เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตัวเอง อย่างเช่น กรณีการเช่าป่าชุมชนที่สาธารณะห้วยเม็ก ใน ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เพื่อใช้เป็นพื้นที่กักเก็บน้ำสำหรับโรงงานน้ำดื่มและเครื่องดื่มในเครือกระทิงแดง โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่

    อ่านต่อ > https://news1live.com/detail/9630000076428
    ...........................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอกสารลับที่คนวงในส่งมาครับที่อธิบายว่าทำไมนายบอสถึงรอด

    เป็นหนังสือคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ที่ตำรวจปั้นพยานขึ้นมาสองคนหลังเหตุเกิดไป8ปีแล้ว พยานให้การว่าเห็นนายดาบขับรถตัดหน้า ทำให้นายบอสไม่ถือว่าประมาทเลยสั่งไม่ฟ้อง ประเด็นอยู่ที่ฝ่ายนายบอสร้องขอความเป็นธรรม แล้วอยู่ๆเดือนธันวาคม 2562 มีพยานโผล่มาสองคน ว่าขับรถตามกันมา ด้วยความเร็ว80 กม.ต่อชม. ประเด็นอยู่ที่ฝ่ายนายบอสร้องขอความเป็นธรรม แล้วอยู่ๆเดือนธันวาคม 2562 มีพยานโผล่มาสองคน ว่าขับรถตามกันมา ด้วยความเร็ว80 กม.ต่อชม. เอาคำให้การบุคคลมาหักล้างผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์มันใช้ไม่ได้

    นี่สาเหตุที่ผู้ตายคือผู้ต้องหาที่2
    FB_IMG_1595695402607.jpg FB_IMG_1595695405868.jpg FB_IMG_1595695408778.jpg FB_IMG_1595695411924.jpg
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ติดตามภัยพิบัติ
    TNN24 ซ้ำเติมน้ำท่วม! จีนเตือนภัยพายุฝนครั้งใหม่ในหลายมณฑล

    จีนประกาศเตือนภัยพายุฝนครั้งใหม่ระดับสีฟ้า ใน 7 เมืองและมณฑล อาจทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหม่ และดินโคลนถล่มได้. วันนี้ ( 25 ก.ค. 63 )ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีน ...
    25/07/2563

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาระบุว่าแนวฝนตามฤดูกาลที่ลอยอยู่เหนือญี่ปุ่นกำลังก่อตัวเป็นพายุเมฆในบางพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่นไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม

    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นระบุว่าเมฆฝนได้ก่อตัวเหนือภูมิภาคคันไซ โทไก และคันโต-โคชินในวันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม เนื่องจากสภาพบรรยากาศแปรปรวน

    เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าอาจมีปริมาณน้ำฝน 50 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงหรือมากกว่านั้นทั่วภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่น ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม

    เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยากล่าวว่าในช่วง 24 ชั่วโมงนับจนถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม อาจมีปริมาณน้ำฝน 250 มิลลิเมตรในภูมิภาคโทไก, 200 มิลลิเมตรในภูมิภาคชิโกกุ, 180 มิลลิเมตรในภูมิภาคคันไซ และ 120 มิลลิเมตรในภูมิภาคโฮกูริกุ ภูมิภาคคันโต-โคชิน และตอนใต้ของภูมิภาคคิวชู

    นักพยากรณ์อากาศเตือนว่าอาจเกิดดินถล่ม น้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่ง น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงฟ้าผ่าและลมกระโชกแรง พวกเขากล่าวว่าในบางพื้นที่ ดินอุ้มความชื้นไว้เยอะแล้วจากแนวฝนตามฤดูกาลที่ไม่เคลื่อนตัว ดังนั้นแม้จะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดภัยพิบัติได้

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อวานนี้ (24/7/2563) ประชาไทเปิดรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นของ อนุฯกมธ.ศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วม CPTPP ทั้งด้านการเกษตรและพันธุ์พืช ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข

    โดยในด้านการเกษตรนั้น อนุฯ กมธ. ด้านการเกษตรและพันธุ์พืช ระบุว่ามีการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาจำนวน 7 ครั้ง โดยเชิญนักวิชาการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มเกษตรกร มาให้ข้อมูลและความคิดเห็น จำนวน 17 ราย

    แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ผลผลกระทบจากกรณีการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV) และ ผลกระทบด้านการเกษตร ที่ประกอบด้วย ด้านพืช ด้านปศุสัตว์ ด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร และด้านการเปิดตลาดสินค้าเกษตร ซึ่งมีความเห็นของ กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย สมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย สมาคมปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทยและสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์กรมหาชน) ฯลฯ

    โดยมีรายละเอียดสรุปผลการศึกษาเบื้องต้นดังนี้

    1. ผลกระทบจากกรณีการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV)

    การเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) เป็นผลให้ต้องเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV) ดังปรากฏตามข้อบทที่ ๑๘ ของความตกลง CPTPP กล่าวถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา โดยใน Article 18.7.2 (d) กำหนดให้เป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศด้านทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งอนุสัญญา UPOV เป็นหนึ่งในความตกลงระหว่างประเทศดังกล่าว

    อนุสัญญา UPOV มีวัตถุประสงค์ให้ความคุ้มครองแก่พันธุ์พืชใหม่โดยเฉพาะ เป็นการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยการให้สิทธิเด็ดขาดในพันธุ์พืชใหม่แก่นักปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งหากประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV จำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ให้สอดคล้องกับอนุสัญญา UPOV (โดยคำวินิจฉัยของสหภาพ UPOV)

    ดังนั้น คณะอนุกรรมาธิการจึงได้มีการรวบรวมผลกระทบจากการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV ซึ่งสามารถสรุปเบื้องต้นได้ ดังนี้

    ผลกระทบด้านบวกและความคาดหวัง

    1. กรมวิชาการเกษตร มีความเห็นว่า จะทำให้มีการคิดค้น วิจัย พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ มากขึ้น มีเมล็ดพันธุ์ ต้นพันธุ์ ที่ตรงตามพันธุ์ ตรวจสอบได้ จำหน่ายในประเทศมากขึ้น ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ในภูมิภาค มีการแข่งขันทางด้านการพัฒนาเมล็ดพันธุ์มากขึ้น โดยมีโอกาสที่พันธุ์ต่างประเทศจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มากขึ้น

    2. สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า เกษตรกรจะมีทางเลือกในการเข้าถึงพันธุ์พืชใหม่จากประเทศภาคีสมาชิกได้มากขึ้น และทำให้พันธุ์พืชใหม่ของประเทศไทยได้รับการยอมรับ

    3. ความเห็นจาก 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย สมาคมปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย และสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก มีความเห็นร่วมกันว่า การเข้าร่วมอนุสัญญา UPOV จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพันธุ์พืชของประเทศไทย พร้อมกับเพิ่มทางเลือกที่ดีในพันธุ์พืชและเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกรไทย ทั้งด้านคุณภาพ ปริมาณผลผลิต สิทธิในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ และราคาเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมผ่านกลไกการตลาดที่มีเกษตรกรเป็นส่วนสำคัญ

    ผลกระทบด้านลบและข้อกังวล

    1. จำเป็นต้องมีการแก้กฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ในหลายมาตรา เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไจการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV เนื่องจากมีข้อแตกต่างระหว่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ พ.ศ. 2542 และอนุสัญญา UPOV เช่น

    1.1 กฎหมายของประเทศไทยได้กำหนดให้มีการแสดงที่มาของพันธุ์พืชใหม่หรือสารพันธุกรรมที่ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์หรือพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ แต่อนุสัญญา UPOV ไม่ได้มีการกำหนดไว้ จึงอาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของประเทศไทยเพื่อให้มีความสอดคล้องกับอนุสัญญา UPOV โดยตัดมาตราที่กำหนดเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบในกรณี ดังนี้ 1) มีนักปรับปรุงพันธุ์พืชนำพันธุ์พืชดั้งเดิมของประเทศไทย ได้แก่ พันธุ์พืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป และพันธุ์พืชป่า มาขอรับความคุ้มครองเป็นพันธุ์พืชใหม่ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีฐานข้อมูลพันธุ์พืชดั้งเดิมของประเทศไทย ที่ครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอสำหรับการตรวจสอบ 2) มีผลต่อกลไกในการกำกับให้มีการขออนุญาตและทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ในกรณีที่มีการใช้พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป พันธุ์พืชป่า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธุ์พืชดังกล่าวในการปรับปรุงพันธุ์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมความพร้อมด้านกฎหมาย โดยการขอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว จากสหภาพ UPOV เพื่อขอคำยืนยันว่าประเทศไทยสามารถกำหนดให้ต้องระบุสารพันธุกรรมในการจดคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ เหมือนพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 มาตรา 19(3) ได้หรือไม่

    1.2 หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญา UPOV จึงต้องทราบความชัดเจนในเรื่องการเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการปลูกพันธุ์พืชใหม่ว่า เกษตรกรรายย่อยสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ ไปปลูกต่อเพื่อขายผลผลิต ซึ่งเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของเกษตรกร รวมถึงสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ได้หรือไม่ (ไม่เกี่ยวข้องกับการเก็บเมล็ดพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชดั้งเดิมที่เกษตรกรมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของอยู่ในปัจจุบัน)

    1.3 มีความเห็นเป็นข้อกังวลต่อการพัฒนาพันธุ์ขึ้นใหม่ โดยมีพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป พันธุ์พืชป่า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธุ์พืชดังกล่าว เป็นพ่อแม่พันธุ์หรือเชื้อพันธุกรรมในการปรับปรุงพันธุ์ อาจทำให้พันธุ์พื้นเมืองทั่วไป พันธุ์พืชป่า ด้อยค่าหรือไม่เป็นที่นิยม และผลตอบแทนที่ได้กับประเทศอาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับประโยชน์ทางธุรกิจที่ผู้พัฒนาไปต่อยอดจะได้รับ

    2. อนุพันธ์ของพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับการคุ้มครองแล้ว (EDV) มีข้อแตกต่างระหว่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ พ.ศ. 2542 และอนุสัญญา UPOV โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ไม่ได้มีการกำหนดให้สิทธิของนักปรับปรุงพันธุ์พืชผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์พืชใหม่ครอบคลุมถึงอนุพันธ์ของพันธุ์พืชใหม่ (EDV) แต่อนุสัญญา UPOV 1991 กำหนดให้สิทธิของ

    นักปรับปรุงพันธุ์พืชผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์พืชใหม่ครอบคลุมถึง EDV ซึ่งมีลักษณะสำคัญมาจากพันธุ์พืชใหม่ที่เป็นพันธุ์ตั้งต้น และมีลักษณะแตกต่างจากพันธุ์ตั้งต้น ซึ่ง EDV อาจถูกนำไปจดทะเบียนรับคุ้มครองได้ แต่หากจะทำการค้า ต้องขออนุญาตจากนักปรับปรุงพันธุ์พืชผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์ตั้งต้นก่อน หากเกสรจากพันธุ์พืชใหม่ปนเปื้อนไปผสมกับพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปในแปลงข้างเคียง อาจทำให้เกษตรกรในแปลงข้างเคียงมีโอกาสครอบครอง EDV ซึ่งละเมิดสิทธิ์ของนักปรับปรุงพันธุ์พืชผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์พืชใหม่นั้น และถูกดำเนินคดีได้

    3. กรมวิชาการเกษตร มีความเห็นว่า ระยะแรกราคาเมล็ดพันธุ์อาจจะแพงขึ้น เนื่องจากยังมีการแข่งขันไม่เพียงพอ รัฐจึงต้องผลักดันนโยบายส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์พืชอย่างเต็มที่และต่อเนื่องก่อนเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV และเกษตรกรต้องปรับตัวเพื่อแข่งขัน ต้องรู้และเข้าใจกฎหมายเพื่อจะไม่กระทำการละเมิดสิทธิ์ของนักปรับปรุงพันธุ์พืชผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์พืชใหม่

    4. กรมการข้าว มีความเห็นว่า การที่รัฐบาลได้ลดทอนงบประมาณและจำนวนบุคลากรที่เป็นนักวิจัย สำหรับงานวิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้หน่วยงานของรัฐไม่สามารถนำเชื้อพันธุกรรมข้าวของประเทศไทยที่มีอยู่กว่า 20,000 ตัวอย่าง มาใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มตามศักยภาพ ดังนั้นประเทศไทยจึงยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV แต่ควรพัฒนาระบบคุ้มครองพันธุ์ข้าวของประเทศไทย และจัดทำฐานข้อมูลพันธุกรรมข้าวให้ถูกต้องสมบูรณ์ (เหตุผลเพิ่มเติมในข้อ 2.1.1)

    5. สำนักงานที่ปรึกษาเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว ได้ส่งเอกสารแจ้งว่า พันธุ์ที่เกษตรกรญี่ปุ่นใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ทั่วไป โดยพันธุ์ทั่วไปของข้าวคิดเป็นร้อยละ ๘๔ ผักร้อยละ ๙๑ แอปเปิ้ลร้อยละ ๙๖ ส่วนพันธุ์ธัญพืช ผัก และผลไม้ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกว่าร้อยละ ๖๐ เป็นพันธุ์ที่พัฒนาโดยหน่วยงานราชการ ซึ่งเก็บค่าพันธุ์ในอัตราที่ต่ำ จึงทำให้การเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV ไม่มีผลกระทบต่อเกษตรกรมากนัก ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในลักษณะดังกล่าว

    6. กรมส่งเสริมการเกษตร มีความเห็นว่า ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV เช่น ด้านฐานข้อมูลพันธุ์พืชดั้งเดิมของประเทศไทย และด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชเกษตร โดยในขณะนี้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่พัฒนาและขยายพันธุ์พืชได้ถูกลดบทบาทและงบประมาณลงมาก ทั้งยังได้โอนย้ายศูนย์เมล็ดพันธุ์พืชซึ่งเคยทำหน้าที่ขยายพันธุ์พืชแจกจ่ายแก่เกษตรกร จำนวนกว่า 20 แห่งจากกรมส่งเสริมการเกษตร ไปสังกัดกรมการข้าวและลดบทบาทเหลือเพียงผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแจกจ่ายแก่เกษตรกร ทำให้การพัฒนาและผลิตส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่จากการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐเพื่อเผยแพร่ให้กับเกษตรกรนั้น เหลือในสัดส่วนที่น้อยมาก

    7. สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย มีความเห็นว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกร คือ การเข้าร่วมความตกลง CPTPP จะทำให้ประเทศไทยต้องเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV ซึ่งเพิ่มอำนาจการผูกขาดด้านพันธุ์พืช ห้ามเกษตรกรเก็บส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ไปปลูกต่อในฤดูถัดไป รวมทั้งขยายอำนาจการผูกขาดจากเดิมเฉพาะส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ไปยังผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ และกระทบต่อการพัฒนาขีดความสามารถของนักปรับปรุงพันธุ์รายย่อยและเกษตรกรรายย่อย ซึ่งรวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ส่งผลต่อต้นทุนการเพาะปลูกและราคาสมุนไพร การแข่งขัน การต่อยอด และการค้นคว้าวิจัย จึงเห็นว่าต้องไม่ให้ข้าวเป็นพืชพันธุ์ใหม่ที่จะได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญา UPOV นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลถึงผลกระทบที่ประเทศไทยจะได้รับหากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 คือจะมีผลกระทบต่อกลไกการแบ่งปันผลประโยชน์จากการขออนุญาตนำพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป พันธุ์พืชป่า ซึ่งเป็นพันธุ์พืชดั้งเดิมของประเทศไทย ในกรณีที่มีผู้นำไปปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยพัฒนาต่อยอดแล้วจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของตน

    8. สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์กรมหาชน) มีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย เนื่องจากอนุสัญญา UPOV จะส่งผลกระทบต่อกลไกการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพ โดยกฎหมายของประเทศไทยที่มีการบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน และมีการกำหนดในเรื่องของการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพ คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 กำหนดให้นักปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ต้องแสดงที่มาของพันธุ์พืชใหม่หรือสารพันธุกรรมที่ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ผูกพันให้มีการทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ทั้งนี้ หากเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV แล้ว จะทำให้ต้องตัดมาตราที่กำหนดเรื่องการแสดงที่มาของพันธุ์พืชใหม่ (อ้างอิงคำวินิจฉัยของสหภาพ UPOV ต่อกฎหมายของมาเลเซีย ซึ่งมีการกำหนดในลักษณะคล้ายคลึงกับกฎหมายไทย) และการขยายสิทธิ์ของนักปรับปรุงพันธุ์พืชผู้ทรงสิทธิ์ในพันธุ์พืชใหม่ ให้ครอบคลุมถึง EDV ของอนุสัญญา UPOV อาจส่งผลกระทบต่อการคัดเลือกและพัฒนาพันธุ์พืชของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนท้องถิ่น โดยอาจไม่สามารถทำตามวิถีของเกษตรกรที่มีมาแต่เดิมในการคัดเลือกเก็บพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งมีลักษณะที่ต้องการจากในแปลงปลูก มาปลูกได้
    2. ผลกระทบด้านการเกษตร

    2.1 ด้านพืช สำหรับ ข้าว กรมการข้าว มีความเห็นว่า ประเทศไทยเป็นถิ่นกำเนิดของข้าว จึงมีความสมบูรณ์และความหลากหลายของพันธุ์ข้าว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ แต่ยังมีการนำมาศึกษาวิจัยพัฒนาและต่อยอดน้อยมาก จึงมี

    ข้อกังวลว่าการเข้าร่วมความตกลง CPTPP จะทำให้ประเทศไทยสูญเสียความได้เปรียบในส่วนนี้ เนื่องจากจะเกิดการถ่ายเทพันธุ์ข้าวระหว่างประเทศภาคีสมาชิก โดยประเทศสมาชิกสามารถนำพันธุ์ข้าวของประเทศไทยไปพัฒนาต่อยอดได้ ส่งผลต่อเกษตรกรเรื่องต้นทุนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่จะสูงขึ้น ส่วนพืชอื่น ๆ นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษา

    2.2 ด้านปศุสัตว์ 1) กรมปศุสัตว์ มีความเห็น ในประเด็นด้านทรัพย์สินทางปัญญาว่า การที่จะมีการจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ของพืชอาหารสัตว์ตามอนุสัญญา UPOV ภายใต้ความตกลง CPTPP อาจทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น

    สำหรับประเด็นการเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์ โดยในส่วนของมาตรการ SPS และการเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์ เนื่องจากประเทศสมาชิกความตกลง CPTPP บางประเทศมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงในระบบการผลิตสินค้าปศุสัตว์ จึงมีความเป็นไปได้ที่สินค้าปศุสัตว์ที่ปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงจะถูกส่งออกจากประเทศสมาชิกความตกลง CPTPP มายังประเทศไทย และเนื่องจากประเทศสมาชิกความตกลง CPTPP บางประเทศมีกำลังการผลิตสินค้าปศุสัตว์บางชนิดมากกว่าประเทศไทย เช่น โคเนื้อและกระบือของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มปริมาณการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์จากประเทศสมาชิกความตกลง CPTPP ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงปศุสัตว์ภายในประเทศ

    2) สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ มีความเห็นว่า จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและกว้างขวางต่อเกษตรกรรายย่อยที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงและห่วงโซ่การผลิตสุกรทั้งระบบ เนื่องจากสินค้าสุกรจากประเทศสมาชิกความตกลง CPTPP ที่ผลิตสุกรเพื่อการส่งออกเป็นหลัก ได้แก่ ประเทศแคนาดา มีศักยภาพเป็นอันดับ 3 ของโลกและต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าประเทศไทย โดยเฉพาะเครื่องในสุกรที่แคนาดาไม่บริโภค ซึ่งอาจมีการตกค้างของสารเร่งเนื้อแดงในปริมาณที่อาจก่ออันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคชาวไทย อาจถูกส่งมาขายในราคาถูก รวมทั้งยังจะส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชอาหารสัตว์ของเกษตรกรรายย่อยด้วย

    2.3 ด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร (SPS) สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ มีความเห็นเป็นข้อกังวลด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) คือ ข้อกำหนดด้านความโปร่งใสในการดำเนินขั้นตอน/กระบวนการ/มาตรการ SPS ของประเทศภาคีสมาชิก เช่น แนวทางวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงประกอบการนำเข้า การยอมรับความเท่าเทียมการตรวจประเมินและตรวจสอบกักกัน ทำให้ประเทศไทยต้องมีการปรับตัวตามความตกลงนี้ และกลไกระงับข้อพิพาท (Dispute Settlement) ของความตกลง CPTPP ที่เปิดโอกาสให้ภาคีสมาชิกยื่นระงับข้อพิพาทต่อการประเมินความเสี่ยงทางวิทยาศาสตร์ การยอมรับความเท่าเทียมของระบบงานการตรวจสอบกักกันสินค้านำเข้า ซึ่งเป็นข้อบทที่มีความครอบคลุมสูงกว่า WTO และสูงกว่าความตกลงทุกฉบับที่ผูกพันอยู่ในปัจจุบัน สำหรับข้อห่วงกังวลเรื่องการปฏิบัติตามมาตรการ SPS ว่าจะทำให้ประเทศไทยต้องเปิดให้มีการนำเข้าสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) ซึ่งปัจจุบันมติคณะรัฐมนตรีห้ามการปลูกพืชที่เป็น GMOs ในระดับไร่นานั้น มีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะต้องยอมอนุญาตให้มีการนำเข้า GMOs ตามที่มีความห่วงกังวล แต่หากรัฐบาลบังคับใช้มติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด อาจทำให้ประเทศไทยยังไม่มีการปลูกพืชที่เป็น GMOs ต่อไปได้

    2.4 ด้านการเปิดตลาดสินค้าเกษตร ข้อห่วงกังวลในการเข้าร่วมความตกลง CPTPP ด้านการเปิดตลาดสินค้าเกษตรคือ จะส่งผลให้ประเทศไทยต้องเปิดเสรีตลาดสินค้าเกษตร โดยอาจต้องลดภาษีเหลือร้อยละ 0 แก่สินค้าเกษตรถึงร้อยละ 95-99 ซึ่งจะทำให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรบางกลุ่ม นอกจากกลุ่มสินค้าปศุสัตว์ อาทิ พืชไร่ ผัก และผลไม้ ที่จะเผชิญกับการแข่งขันที่มากขึ้น เป็นต้น (อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษา)

    ทั้งนี้ ยังมีข้อกังวลต่อความจริงจังในการดำเนินนโยบายของรัฐเพื่อให้ความช่วยเหลือ-เยียวยาและสร้างเสริมความเข้มแข็งแก่เกษตรกรรายย่อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบหลังจากการเปิดตลาดเสรี เช่น ไม่มีการเสนอกฎหมายว่าด้วยกองทุน FTA ให้เป็นกองทุนหมุนเวียน ในปัจจุบันยังไม่มีการจัดตั้งกองทุนลักษณะดังกล่าว มีแต่การของบประมาณประจำปี (กรมการค้าต่างประเทศ) และบางกองทุนที่เป็นกองทุนหมุนเวียน เช่น ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งได้รับงบประมาณน้อย ก็เยียวยาเฉพาะเกษตรกร ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเกือบทั้งหมด ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

    ++++++
    สำหรับท่านที่สนใจอ่านรายงานผลกระทบฉบับเต็มซึ่งครอบคลุม ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข อ่านได้ที่ลิงค์
    https://prachatai.com/journal/2020/07/88754

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เบื้องหลังการพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ST25 ของเวียดนามจนกลายมาเป็นข้าวสายพันธุ์ดีที่สุดในโลก จากการประกวดในระหว่างการประชุมข้าวโลกเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาที่ฟิลิปปินส์นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเข้าเป็นสมาชิก UPOV1991 ของเวียดนามแต่ประการใด หากแต่เกิดขึ้นจากการสนับสนุนการวิจัยโดยหน่วยงานวิจัยของรัฐในระดับจังหวัดของรัฐบาลเวียดนามเป็นสำคัญ

    ST คือชื่อของจังหวัด Soc Trang ซึ่งอยู่บนดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงของเวียดนาม ตัวเลขที่ 25 คือหมายเลขสายพันธุ์ของข้าวตระกูล ST ที่ Ho Quang Cua ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการเกษตรและพัฒนาชนบทของจัหวัด Soc Trang และคณะเป็นผู้ผสมพันธุ์และคัดเลือกพันธุ์ขึ้น

    Cua ให้สัมภาษณ์ว่าแรงบันดาลใจของเขาในการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมของเวียดนามว่าเกิดขึ้นหลังจากกรมการข้าวของประเทศไทยประกาศความสำเร็จในการพัฒนาข้าวหอมปทุม ซึ่งเป็นข้าวหอมไม่ไวแสงปลูกได้ตลอดปีในพื้นที่เขตชลประทานเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาบอกกับตัวเองว่ามาตรฐานและคุณภาพของข้าวเวียดนามตามหลังประเทศไทยมาโดยตลอด ทำไมเราจะพัฒนาพันธุ์ข้าวหอมของตนเองให้เทียบเท่ากับประเทศไทยไม่ได้

    ในบทสัมภาษณ์สื่อฉบับหนึ่ง Cua เล่าว่าจุดเริ่มต้นการปรับปรุงพันธุ์ข้าวเกิดขึ้นโดยบังเอิญ จากการพบข้าวกลายพันธุ์ในระหว่างเดินศึกษาแปลงนา เขาพบข้าวต้นหนึ่งที่มีรากสีม่วง เมล็ดยาวเรียว เขารวบรวมสายพันธุ์เหล่านั้นมาปลูกทดสอบและคัดเลือกจนเป็นต้นกำเนิดของ ST25

    ในอีกบทสัมภาษณ์กับสื่ออีกฉบับเขาเล่าว่า พวกเขาเริ่มจากการรวมรวบสายพันธุ์ข้าวจากหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ไทย บังคลาเทศ สถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ และสายพันธุ์ข้าวของเวียดนามเองเพื่อเริ่มต้นหน่วยผสมพันธุ์ข้าว Soc Trang Rice Research Group (ST) ที่ตั้งขึ้นในปี 2002

    ตอนนั้นพวกเขาเริ่มต้นจากความขาดแคลนและผิดพลาด ไม่มีแม้แต่แนวทางการพัฒนาข้าวหอมของตนเอง จึง “หยิบยืม” “เกณฑ์ข้าวหอม พ.ศ 2541” ของกรมการข้าว ประเทศไทยเป็นคู่มือนำทาง ใช้เวลาเกือบ 10 ปีที่เริ่มเผยแพร่สายพันธุ์ข้าวหอมกลุ่ม ST ในเวียดนาม จนชนะการประกวดพันธุ์ข้าวหอมของจังหวัดในปี 2017 และได้อันดับสามในการประกวดข้าวโลกที่มาเก๊า ประเทศจีน ก่อนที่จะชนะอันดับ 1 ในการประกวดที่มนิลาเมื่อปีที่ผ่านมา

    ST25 มีเมล็ดเรียวยาว ไม่เป็นท้องไข่ หุงแล้วนุ่ม หอมเหมือนสัปปะรด ปลูกได้ตลอดปี ทนทานต่อความเป็นกรด และดินเค็ม เหมาะกับพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำโขง ซึ่งมีการเลี้ยงกุ้งในบริเวณเดียวกัน

    แต่เบื้องหลังเคล็ดลับแห่งความสำเร็จที่อาจไม่มีใครทราบ คือข้าวสายพันธุ์ ST25 ที่ชนะการประกวดคราวนี้ ได้มาจากการปลูกแบบอินทรีย์ ดังนั้นสิ่งที่ Ho Quang Cua กำลังทำขณะนี้คือ การพยายามรักษาคุณภาพของข้าวสายพันธุ์นี้โดยส่งเสริมการปลูกและทำการตลาดแบบอินทรีย์ สร้างแบรนด์ข้าวหอมเวียดนาม เพื่อลบภาพจำข้าวหอมมะลิของไทยที่สร้างมาตรฐานตลาดของข้าวหอมของโลกมายาวนาน ก่อนที่จะถูกทาบรัศมีจากข้าวมาลีอังกอร์ของกัมพูชา และ Pearl Paw San จากพม่าเมื่อเร็วๆนี้

    พวกเขากำลังตั้งคำถามว่าทำไมราคาข้าวหอมของเวียดนามเฉลี่ยต่อตันจึงมีราคาต่ำกว่าประเทศไทย ทั้งๆที่เขาเพิ่งโค่นข้าวหอมมะลิจากประเทศไทยได้สำเร็จ คำตอบก็คือ ST25 เป็นพันธุ์ที่เพิ่งเปิดตัว ยังผลิตเมล็ดพันธุ์ได้น้อย พื้นที่ปลูกยังน้อย และการรักษามาตรฐานของการปลูกและอื่นๆยังเป็นเรื่องที่ท้าทายเวียดนามอีกสักระยะหนึ่ง

    ใครที่ติดตามเรื่องราวของข้าว จะเรียนรู้ได้ว่า ความสำเร็จในการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวนั้น อยู่ที่การสนับการวิจัยโดยสถาบันวิจัยสาธารณะ และการคัดเลือกพัฒนาสายพันธุ์ข้าวโดยชุมชนชาวนาเองเป็นสำคัญ มิใช่การมอบสิทธิผูกขาดให้กับบรรษัทเมล็ดพันธุ์ และทำลายสิทธิของชาวนาในการเก็บและคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวเพื่อปลูกต่อ อย่างที่บางกลุ่มกำลังจะผลักดันแต่ประการใด

    เพื่อให้มีมุมมองรอบด้าน ในตอนต่อไปเราจะมากล่าวถึงปัญหาอีกแง่มุมอื่น เกี่ยวกับแนวโน้มการผูกขาดของสายพันธุ์พืชบางชนิดในเวียดนามโดยบรรษัทข้ามชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าร่วม UPOV1991 ตามแรงกดดันของสหรัฐ

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไปลองหาเฟส น่าจะเป็นเมียหลวง น่าจะเลิกกับเมียหลวงแล้วแต่เห็นรูปสดๆหมดแล้ว ไม่ใช่รูปที่ข่าวเลือกมาลงให้ บอกไม่ถูกเหมือนกัน
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ส่องความคืบหน้า
    "วัคซีนโควิด-19" ทั่วโลก
    WHO เผยใช้ได้เร็วสุด ต้นปี 2021


    สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกก้าวสำคัญของ “วัคซีน” ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัท AstraZeneca หลังประสบความสำเร็จ พบว่าอาสาสมัคร 1,077 คนที่ทดลองวัคซีนนั้น มีความปลอดภัย และสามารถสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้สำเร็จ มีการสร้างแอนติบอดี และเม็ดเลือดขาวที่ต่อสู้กับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้
    .
    สำหรับวัคซีนดังกล่าว ใช้ชื่อว่า ChAdOx1 nCoV-19 พัฒนาขึ้นจากไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคหวัดในลิงชิมแปนซี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่ามีโครงสร้าง “โปรตีน” คล้ายกับโรคโควิด – 19 ซึ่งทำให้ภูมิคุ้มกันในมนุษย์ และที-เซลส์ สามารถเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองไปจัดการกับเชื้อโคโรนาไวรัส2019 ได้
    .
    แน่นอน นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการจัดการกับโควิด – 19 ต่างจากวัคซีนที่บริษัท Moderna ร่วมพัฒนากับสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ หรือ NIH ซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA นำโมเลกุลของไวรัสโดยตรงฉีดเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้เซลล์สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อขัดขวางการกระจายตัวของไวรัส โดยวัคซีนของ Moderna และ NIH นั้น เป็นความหวังสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ในโครงการ “วาร์ปสปีด” ที่มุ่งหวังให้มีวัคซีนใช้ ก่อนสิ้นปี 2020 นี้ โดย Moderna จะเริ่มต้นการทดลองเฟส 3 ในวันที่ 27 ก.ค.
    .
    ตัวเลขจากสำนักข่าว New York Times ระบุว่าทั่วโลก มีการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด – 19 รวม 165 วัคซีน โดย 27 ตัว อยู่ระหว่างทดลองในมนุษย์ ณ ขณะนี้ ที่อยู่ในเฟส 3 คือเริ่มทดลองในมนุษย์เป็นวงกว้างแล้ว มีวัคซีนของออกซ์ฟอร์ด และ AstraZeneca, วัคซีนของศูนย์วิจัยชีววิทยาอู่ฮั่น (Wuhan Institute of Biological Products) จากจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองในสาธารณรัฐอาหรับอิมิเรตส์, วัคซีนของบริษัท Sinovac จากจีน ซึ่งกำลังทดลองเฟส 3 ในบราซิล และจากวัคซีนโบราณ Bacillus Calmette-Guerin Vaccine ซึ่งใช้สำหรับรักษาวัณโรค ของสถาบันเมอร์ดอค เพื่อการวิจัยในเด็ก (The Murdoch Children’s Research Institute) ก็กำลังทดลองเฟส 3 อยู่เช่นกัน หลังนักวิทยาศาสตร์พบว่าวัคซีนวัณโรค อาจรักษาโรคโควิด – 19 ได้
    .
    นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติแล้วจากบริษัท CanSinoBio ของจีน โดยกองทัพจีนได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนในวงจำกัด ตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. เป็นต้นมา หลังเริ่มทดลองเฟส 1 เมื่อเดือน พ.ค. และเข้าสู่การทดลองเฟส 2 ตั้งแต่เดือน ก.ค. อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีผลการทดลองเฟส 3 ทางการจีน ก็อนุมัติให้ใช้งานในวงจำกัดได้ทันที เพราะถือเป็นเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน
    .
    สำหรับ 3 เฟสของวัคซีนนั้น ได้แก่ 1.การทดลองในอาสาสมัครด้วยสูตรที่แตกต่างกัน ว่าสูตรไหนได้ผลดีที่สุด 2.ทดลองในกลุ่มตัวอย่างที่มากขึ้น ในหลักร้อย หรือพันคน ในกลุ่มอายุ และเงื่อนไขสุขภาพที่แตกต่าง และ 3.เริ่มฉีดทดลองประชากรหลักพันคน โดยเริ่มจากกลุ่มเสี่ยง เพื่อหาว่าอัตราการติดต่อของโรคลดลงหรือไม่ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอนุมัติให้ใช้จริงในคน
    .
    ต้องไม่ลืมว่า “วัคซีน” คือการฉีดบางส่วนของไวรัสเข้าไป “กระตุ้นภูมิ” เพราะฉะนั้นอาจมีผลข้างเคียง และอาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในกลุ่มประชากร และในสายพันธุ์ของไวรัสที่ต่างกัน ขณะเดียวกัน วัคซีนบางตัว ก็อาจไม่ได้ผลเลย เพราะฉะนั้น ขั้นตอนจากเฟส 3 ไปยังการขออนุมัติ โดยปกติ ก็ต้องผ่านการรีวิว ผ่านการตรวจสอบอันยืดยาว แต่ในกรณีของ โควิด – 19 อาจมี “ทางลัด” พิเศษ เพื่อให้รีบนำวัคซีนออกมาใช้ก่อน ให้เร็วที่สุด
    .
    แต่ทั้งหมดนี้ ไมค์ ไรอัน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษขององค์การอนามัยโลก ได้ขอให้ทั่วโลก “เตรียมใจ” เพราะจากความคืบหน้าขณะนี้ วัควีนอย่างเป็นทางการตัวแรกที่จะเริ่มฉีดในคน จะไม่เร็วไปกว่าช่วงต้นปีหน้า หรือต้นปี 2021
    .
    “แต่ข้อดีก็คือขณะนี้ เรามีวัคซีนหลายตัวที่ก้าวไปถึงเฟส 3 แล้ว และไม่มีตัวไหนที่ล้มเหลว ทุกตัวมีประสิทธิภาพดี สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ และมีความปลอดภัย” ไรอันแถลงข่าว
    .
    และคำถามสำคัญหลังจากนั้น หลังจากวัคซีน สามารถเริ่มใช้งานได้จริงก็คือ หากมีวัคซีน 1-2 บริษัท ใช้งานได้จริง จะเริ่มนำไปใช้ที่ไหน และใช้กับใครก่อน เพราะจนถึงขณะนี้ สถานการณ์ทั่วโลก ยังเข้าขั้น “มั่ว” การระบาดยังพุ่งสูงทั้งในสหรัฐอเมริกา ในอินเดีย และในละตินอเมริกา ขณะที่การระบาดระลอก 2 ก็เกิดในหลายพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่ไม่มีการระบาดแล้วอย่างไทย ก็ต้องการวัคซีน เพื่อคลายความวิตกกังวล และเปิดการค้า การท่องเที่ยว การเดินทาง ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
    .
    คำตอบเรื่องนี้ไม่ง่ายนัก โรงงานวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ The Serum Institute เมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย สามารถผลิตวัคซีนได้ปีละ 1,500 ล้านโดส เท่านั้น ซึ่งเจ้าของโรงงานออกมาบอกแล้วว่า หากผลิตได้ จะเริ่มใช้กับคนอินเดียก่อน และแต่ละประเทศผู้ผลิตวัคซีนขณะนี้ ก็ยืนยันว่าหากวัคซีนได้รับการอนุมัติ จะเริ่มฉีดจากคนในประเทศตัวเองเป็นอันดับแรกเช่นกัน
    .
    โดยการฉีดวัคซีนจะเริ่มจำกัดวงในผู้ที่มีความจำเป็นสูง เช่น ในบ้านพักคนชรา ในเรือนจำ หรือในคนงานที่ทำงานในพื้นที่อากาศปิด เช่นโรงงานอาหาร โรงชำแหละเนื้อ ซึ่งเป็นจุดระบาดใหญ่ของหลายประเทศ ส่วนคนธรรมดา อาจต้องรอไปอีกหลายเดือน กว่าจะได้รับวัคซีนจนครบ ก็อาจปาเข้าไปถึงสิ้นปี 2021
    .
    นั่นทำให้ไทย ต้องเร่งพัฒนาวัคซีนของตัวเอง โดยองค์การเภสัชกรรม เริ่มต้นทดลอง โดยมีทั้งเทคโนโลยีแบบเดียวกับของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด แบบ mRNA และแบบ DNA ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ไม่นับรวมขั้นตอนการผลิต และการแจกจ่าย ซึ่งไทย ยังไม่เคยผลิตวัคซีนเองในสเกลที่ใหญ่ระดับนี้มาก่อน
    .
    เพราะฉะนั้น ความหวังเรื่องวัคซีน จึงยังไม่ง่ายนัก ทั้งในบริบทของโลก และในบริบทของไทย และอาจต้องใช้เวลาอีกนานนับปี กว่าคนไทย จะเริ่มได้รับวัคซีนกันจริงจัง..

    #COVID19 #โควิด19 #วัคซีนโควิด

    อ้างอิงจาก

    https://edition.cnn.com/2020/07/22/politics/coronavirus-vaccine-distribution-concerns/index.html

    https://www.reuters.com/article/us-...ions-until-early-2021-whos-ryan-idUSKCN24N2FM

    https://www.nytimes.com/interactive/2020/science/coronavirus-vaccine-tracker.html

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในภาคตะวันออกของจีน มณฑลอานฮุย ประกาศภาวะฉุกเฉินน้ำท่วมใน 12 เมืองริมฝั่งแม่น้ำแยงซี # 25 กรกฎาคม

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ท่านรู้หรือไม่ จีนกับอเมริกา “สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต” จากการเบิกร่อง “ถางทาง” โดยนัดดวลเดือด “ปิงปอง” เมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว
    แล้วมาวันนี้น่ะเหรอ ตบลูกด้วยโฟร์แฮนด์เข้าเบ้าตาของคู่ต่อสู้ หรือถึงขึ้นเขวี้ยงไม้ใส่กบาลฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ!! … อีกนิดก็โดดข้ามโต๊ะไปต่อยเสยคางแล้วจ้า … อืมม์ กีฬาย่อมมีการกระทบกระทั่งกันได้ เป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหม
    แต่อย่าให้เลยเถิดขนาด “ฉีกเน็ต” หรือ “ล้มโต๊ะ” เลิกเล่นกันไปเลยละกันครับท่าน
    ช็อตต่อช็อต: {อเมริกาสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่ของจีนที่เมืองฮุสตัน / จีนสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่ของอเมริกาที่เมืองเฉิงตู}
    ทว่าอย่าให้บานปลายระดับปิดสถานทูตนะครับท่าน!
    โพสต์นี้ จะขอ “ย้อนรอย” ความเป็นมาของ “ปิงปอง” นัดนั้น
    ---
    ปี 1971 มีปิงปองนัดพิเศษที่กรุงปักกิ่ง เป็นการปะทะกันระหว่างอเมริกากับจีน
    ลูกปิงปองใบจ้อยที่เคลื่อนโลกลูกใหญ่ทั้งใบให้สนั่นหวั่นไหวในกาลต่อมา …
    ---
    นัดนี้เกิดขึ้นได้แต่ใดมา?
    มันมาจากความบังเอิญหรือเป็นชะตาลิขิต
    แข่งปิงปองชิงแชมป์โลก ปี 1971 ที่เมืองนาโงยา ญี่ปุ่น นักตบชาวอเมริกานามว่า เกล็นน์ โคแวน ดันเซ่อซ่าขึ้นรถบัสผิดคัน และนั่นทำให้เกิดมิตรจิตมิตรใจกับดาวตบชาวจีนนามว่า จวงเจ๋อต้ง
    และใครเล่าจะคิดว่าการผูกสัมพันธ์ระหว่างนักกีฬาสองคน จักเป็นการจุดประกายแห่งมิตรภาพระดับประเทศ
    ---
    กระทั้นปิงปอง กระชับสัมพันธ์
    ทางการจีนถือโอกาสส่งสาสน์ท้าดวลนักปิงปองอเมริกา ..และนั่นจะเป็นการย่ำแผ่นดินจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษของชาวอเมริกา ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองชาติคุมเชิงกันอยู่ในยุค “สงครามเย็น”

    “ในเมื่อมิอาจหลบเลี่ยงใด ไยไม่สู้เผชิญพบ ให้รวบรัดหมดจด”
    ก่อนที่ปิงปองนัดนั้น จะเป็นใบเบิกทางให้ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของอเมริกา ไปเยือนจีน (ตามคำชี้แนะของยอดกุนซือสมองเพชร เฮนรี คิสซิงเจอร์) เพื่อพบปะประธานาธิบดี เหมาเจ๋อตง ในปีถัดมา (1972) นับเป็นหมุดหลักแห่งการเริ่มต้นสลายยุคสงครามเย็น
    การผูกมิตรครั้งนั้น ในทางหนึ่งเพื่อเปิดทางไว้ถอนตัวจากสงครามเวียดนาม และอีกทางหนึ่งเพื่อใช้คานอำนาจโซเวียต ซึ่งระยะหลังจีนกับโซเวียต สหายคอมมิวนิสต์ เริ่มระหองระแหงกันเอง

    (หมายเหตุ ปิงปองนัดนั้นถูกบันทึกในหนังอมตะ “ฟอเรสต์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม” ซึ่งเขียนบทให้ ทอม แฮงค์ แสดงเป็นหนึ่งในคณะตัวแทนไปเยือนจีนในฐานะนักปิงปองด้วย!)
    ---
    ทำไมต้องปิงปอง?
    เพราะมันคือกีฬามหาชนในค่ายกองทัพปลดแอกประชาชนของเหมาเจ๋อตง ไว้เล่นหย่อนใจกันยามค่ำคืนในยุคปฏิวัติ

    และยิ่งแพร่หลายขึ้นไปอีก เมื่ออิวอร์ มอนตากู ขุนนางอังกฤษผู้เป็นคอมมิวนิสต์ (ซึ่งหันมาเอาดีด้านปิงปอง! ก่อตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติแล้วเป็นประธานซะเอง) ส่งจดหมายถึงจูเต๋อ ผู้ก่อตั้งกองทัพแดง ช่วงต้นทศวรรษที่ 1950 เพื่อปลุกกระแสปิงปองให้ดังเป็นพลุแตกในจีน

    (หมายเหตุ ชีวิตของ อิวอร์ มอนตากู เปี่ยมได้ด้วยสีสัน ทั้งเป็นโปรดิวเซอร์ สร้างหนังให้อัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก / เป็นเพื่อนสนิทกับชาร์ลี แชปลิน / และเป็นสายลับให้โซเวียตโดยใช้ปิงปองเนี่ยแหละมาบังหน้า!)

    และแล้วเหมาเจ๋อตงก็แผ่ขยายปิงปองให้กลายเป็นกีฬาของชนชั้นกรรมาชีพ จนกระทั่งเปรี้ยงสุดๆเมื่อ หยงกั๋วถวน คว้าแชมป์โลกในปี 1959 ที่ดอร์ทมุนด์ เยอรมัน
    เหมาเจ๋อตงถึงกับยกย่อง หยงกั๋วถวน เป็น “อาวุธนิวเคลียร์ทางจิตวิญญาณ” ของจีน
    ---
    และแล้ว ล่วงถึงทุกวันนี้ในยุคโลกาภิวัตน์ “การทูตปิงปอง” ก็พัฒนารูปแบบไปเป็น “การทูตคาราโอเกะ”
    ครั้งโดนัลด์ ทรัมป์ เยือนจีนในปี 2017 ถึงกับพกเอาวิดีโอที่หลานสาวร้องเพลงจีนไปฉายให้ครึกครื้นกันทั่ว
    หรือนี่เป็น “อาวุธนิวเคลียร์ทางจิตวิญญาณ” ของอเมริกา
    แต่ต้องถามว่าสุดท้ายแล้วมันมีอานุภาพทำลายล้างความหมางใจระหว่างกันได้หรือไม่?
    ---
    นับจากวันนั้นจวบจนทุกวันนี้
    อเมริกากับจีนแข่งกีฬากันอีกมากมายไม่รู้จบ ประธานาธิบดีก็พบปะกันอีกนับครั้งไม่ถ้วน
    ทุกวันนี้ หาได้ยากเข็ญไม่ ถ้าจะจัดกีฬาให้เล่นสักนัด หรือผู้นำประเทศจะโทรข้ามทวีปคุยกันสักคำ แต่นั่นก็ไม่ได้นำไปสู่ความปรองดองแต่อย่างใด

    สงครามเย็นจบไป ทว่าสงครามชนิดใหม่เกิดขึ้นไม่หมดสิ้น
    วันนี้สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี พรุ่งนี้สงครามค่าเงิน สงครามไซเบอร์ แล้วเดี๋ยวสงครามอะไรผุดขึ้นมาอีกในวันต่อๆไป
    ---
    ปิงปองสะท้านโลกที่ฮือฮากันในวันนั้น ว่าจะพลิกฟื้นความหวังแห่งสันติภาพโลก
    ลงท้ายแล้ว กระชับมิตรได้แน่นแฟ้นยาวนานเพียงไร มีคำตอบแล้วในยามนี้
    “ทุกเรื่องราวในใต้หล้า ไหนเลยสันนิษฐานล่วงหน้าได้”
    ---
    ที่มา: South China Morning Post, Red Star Over China – Edgar Snow, Ping-Pong Diplomacy – Nicholas Griffin
    บางสำนวนหยิบยืมจากนิยายกำลังภายในของโก้วเล้ง (หลั่งเลือดสะท้านภพ, ราชายุทธจักร)
    ---
    นี่คัดลอกจากโพสต์สมัยเขียนเพจใหม่ๆ
    คาดไม่ถึง วันนี้รื้อออกมาในยามที่ “การทูต” ซึ่งเพาะปลูกในวันนั้น นอกจากจะไม่งอกเงยเท่าที่ควรแล้ว ยังสุ่มเสี่ยงโดนทุบกระถางแตกเป็นที่สุด …
    อีกสักนัดมั้ย … สงสัยสมัยนี้จะต้อง “มวยกรง” ซะแล้วครับท่าน

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรงรวย! ชนิดที่อะไรก็กั้นไม่อยู่จริงๆ โดยเฉพาะสมบัติล้ำค่า 3 สิ่งนี้ของ 'มูฮัมมัด บิน ซัลมาน' มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เรือยอช์ตก็มา งานศิลปะก็มี

    https://praew.com/luxury/royal-update/328133.html

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    4 วิธี ทำงาน ‘อิสระ’ ให้เป็นงาน ไม่ใช่เป็นชีวิตทั้งชีวิต อย่างมีความสุขและได้งานสูงสุด
    .
    สำหรับผู้ทำงานประจำที่มีกำหนดเวลาเข้างานและเลิกงานชัดเจน แม้ว่าจะทำงานอยู่บ้านแบบ WFH ก็ยังสามารถจัดการบริหารเวลาได้ เพราะมีเส้นแบ่งเวลางานกับเวลาอื่นๆ แต่สำหรับคนที่ทำงานอิสระ หรือธุรกิจส่วนตัว คงจะประสบปัญหา ‘รู้สึกยุ่งตลอดเวลา’ จนมีภาวะเครียด เพราะเสมือนทำงานทุกวัน ไม่มีเวลาพักผ่อน
    .
    ถ้าหากใครกำลังเผชิญปัญหาเช่นนี้ ลองปฏิบัติตาม 4 ข้อซึ่งสามารถทำได้โดยง่าย ดังนี้
    1.กำหนดตารางเวลาให้ชัด
    มันอาจจะดูเหมือนการกล่าวแบบกำปั้นทุบดินไปนิด แต่มันเป็นความจริง เพราะเมื่อปัญหาคือเวลาที่ไม่ชัดเจน เราก็ต้องกำหนดให้มันเป็นตารางงานเสมือนทำงานออฟฟิศ อย่างน้อยก็กำหนดคร่าวๆว่า ช่วงเวลาไหนเป็นเวลาพักผ่อน ปลีกวิเวกออกจากงาน
    .
    2. จัดสรรแผนสำหรับผ่อนคลายและพักเบรกระหว่างงาน
    คนที่ทำงานอิสระ หรือทำงานส่วนตัว มีแนวโน้มเครียดและปัญหาสุขภาพจิตสูงกว่าคนทำงานออฟฟิศเสียอีก เนื่องจากอยู่กับงานตลอดเวลา ขาดการพักผ่อนและช่วงเวลาผ่อนคลาย ดังนั้น การจัดแผนเพื่อผ่อนคลายและพักเบรกจากงานเสียบ้าง เป็นสิ่งควรทำ อย่าคิดว่าการคิดแต่เรื่องเที่ยวหรือทำเรื่องสนุกๆนอกจากเรื่องงาน เป็นสิ่งไร้สาระและจะทำให้เสียงาน แต่รู้หรือไม่ ถ้าเราเปลี่ยนจากคิดเรื่องงานอย่างเดียว มาวางแผนเรื่องเหล่านี้บ้าง จะทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นและลดภาวะเครียดได้ดีทีเดียว
    .
    3. ทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้ารวมถึงบุคคลอื่นให้เข้าใจถึงเวลาติดต่องานของคุณ
    การที่ LINE และแอปแชท รวมถึงโทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทเป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อติดต่อหรือดีลงานจนกลายเป็นวิถีปกติ ก่อให้เกิดการติดต่อสื่อสารได้สะดวกจนเกินไป ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลก หากมีคนโทรหรือแชทหาเราในช่วงเวลาหลังเลิกงาน หรือแม้กระทั่งยามดึกหลัง 22.00 น. แต่มันเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและทำให้เราติดอยู่กับงานตลอดเวลา
    สิ่งควรทำ คือ กำหนดเวลาติดต่อให้ชัดเจน เช่น ระบุว่า กรุณาติดต่องานเวลา 9.00 -18.00 น. หากเกินเวลานั้น ขออนุญาตตอบกลับหลังเวลา 9.00 น. (เวลาทำงาน) ของวันถัดไป
    .
    4. เวลางาน ทำให้เต็มที่ นอกงาน พักผ่อนให้สุด
    จาก 3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น เป็นการกำหนดตารางและแผนการทำงานของเราให้ชัดที่สุดเท่าที่ทำได้ ดังนั้นข้อสุดท้าย เราต้องตั้งข้อตกลงหรือพันธะสัญญากับตนเองว่า ‘เคารพตารางงาน’ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ แต่ต้องอยู่ในกรอบความคิดทำงานเฉพาะเวลาทำงานเท่านั้น หลังจากนั้นพักให้เต็มที่
    .
    อ้างอิงจาก:
    https://hbr.org/2020/02/how-to-leave-work-at-work

    #OnUFO #HowToLeaveWorkAtWork #WorkLifeBalance

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมีขาวใกล้สูญพันธุ์จากโลกร้อน
    .
    มีการประมาณว่าหากเราหยุดโลกร้อนไม่ได้ หมีขาว polar bear จากสูญพันธุ์ภายในปี 2100
    เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นพื้นที่น้ำแข็งลดลงซึ่งกระทบกับพื้นที่หาอาหารของบรรดาหมีขาวขั้วโลกทั้งหลายจนนำไปสู่การสูญพันธุ์ได้

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    July 26, 2020 ด่วน! เกาหลีเหนือเจอติดโควิด-19 คนแรกของประเทศ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

    ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิมจองอึน ประกาศกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเกาหลีเหนือ หลังจากพบชายชาวเกาหลีเหนือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งนับเป็นคนแรกของเกาหลีเหนือที่ติดโรคโควิด-19 และเป็นครั้งแรกที่พบผู้ติดโรคโควิด-19 ท่ามกลางการระบาดของโรคดังกล่าวทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีนี้

    สื่อเกาหลีเหนือ รายงานอ้างว่าผู้ติดโรคโควิด-19 คนดังกล่าวเดินทางไปยังกรุงโซล เกาหลีใต้ ในปี 2017 หรือเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา และได้ลักลอบกลับเข้าเกาหลีเหนืออย่างผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีเหนือสั่งปิดทุกพื้นที่ในเมืองแกซอง โดยให้มีการกักกันผู้ติดโรคโควิด-19 คนดังกล่าว พร้อมกับบุคคลที่ใกล้ชิดผู้ติดโรคโควิด-19 คนแรกอีกด้วย

    #เกาหลีเหนือ #โควิด19 #btimes

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ประธานาธิบดีบราซิลดี๊ด๊าผลตรวจเชื้อเป็นลบ
    #โกงตายด้วยHydroxy

    หายใจโล่งเลยทีเดียว สำหรับท่านชาร์อี โบลโซนาโร ประธานาธิบดีบราซิล ที่มีข่าวว่าติดเชื้อ Covid-19 เข้าจนได้ สมใจกองแช่ง เมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา

    จนต้องกักตัวนาน หายซาส์มาหลายอาทิตย์ตามคำสั่งหมอ เพื่อรักษาและดูอาการ และจะมีการตรวจเชื้อเป็นระยะ

    หลังจากที่ก่อนหน้านั้นตรวจเชื้อมาแล้วถึง 3 ครั้ง ยังพบเชื้อ Covid เล่นเอาท่านชาร์อี ใจแป้ว ยิ้มไม่ออก

    แต่พอมาวันนี้ ตรวจเชื้อเป็นครั้งที่ 4 ผลออกมาเป็นลบ ไม่พบเชื้อ Covid แล้วจ้า

    เมื่อมีข่าวดี มีหรือที่ท่านชาร์อี จะเก็บอาการอยู่ จัดแจงโพสต์ข่าวมิตรรัก แฟนคลับแต่เช้า ผลตรวจเชื้อผ่านแล้วนะทุกคน

    ไม่ได้ทักเปล่า ยังโชว์กล่องยาให้ดูด้วย ซึ่งมันก็คือ Hydroxychloroquine หรือยาต้านมาลาเรีย ที่แกเคยออกมาประกาศว่าใช้ต้านเชื้อ Covid-19 ได้ แถมกินโชว์ออกสื่อให้ดูอีกต่างหาก ระหว่างกักตัว Covid อยู่

    โพสต์ของท่านชาร์อี ผู้อ้างว่า โกงตายด้วย Hydroxy มีคนเข้ามากด Like กดแชร์กันกระหน่ำ มากกว่า 4 แสนคนทีเดียว

    ถึงแม้ว่ายาตัวนี้ จะเป็นข้อถกเถียงกันมาก และนักวิทยาศาสตร์ และทีมแพทย์ได้เคยทดลองใช้ยานี้กับผู้ป่วย Covid-19 แล้ว ต่างสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า มันไม่ได้ผลก็ตาม

    แต่ท่านชาร์อี แห่งเมืองแซมบ้า แกก็ศรัทธายา Hydroxy ของแกมาก เชียร์เอง ลองเอง แมนพอ แถมดูเหมือนจะหายเสียด้วย

    ถ้าผลสรุป Final ออกมาว่าท่านชาร์อี แกหายจริงๆ กระแส Hydroxy อาจจะกลับมาใหม่ก็ได้ โดยมีคนระดับผู้นำประเทศเป็นพรีเซนเตอร์เต็มตัว ในฐานะผู้เจ็บจริง ใช้จริง

    ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ สงสัยว่า Covid-19 อาจแพ้ทางคนบ้าระห่ำก็ได้นะคะ

    ว่าแต่ชักจะเชื่อเหมือนกันแล้วนะคะ ว่ายาอาจจะใช้ได้ผลจริงๆก็ได้ ด้วยเหตุ และปัจจัยบางประการ ที่ทำให้ผลลัพธ์มันออกมาเวิร์ค ถึงจะไม่ใช่ทุกเคสที่จะประสบความสำเร็จก็ตาม น่าสนใจนะคะ

    แหล่งข้อมูล

    https://www.aljazeera.com/news/2020...eopen-coronavirus-latest-200725000907772.html

    https://time.com/5871754/brazil-jair-bolsonaro-negative-coronavirus/

    https://globalnews.ca/news/7217307/jair-bolsonaro-negative-coronavirus/

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จอมละเมิดกฎหมาย

    สหรัฐบุกเข้ากงสุลจีนในเมืองฮูสตันทันที หลังขับไล่เจ้าหน้าที่จีนออกจากพื้นที่

    เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐบุกรุกเข้าไปยังสถานกงสุลจีนในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัสทันที คล้อยหลังคณะทำงานจีนเคลื่อนย้ายออกจากอาคารเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หลังถูกรัฐบาลสหรัฐสั่งปิดในช่วงต้นสัปดาห์

    โดยมีผู้บันทึกภาพและคลิปวิดีโอซึ่งถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลและตำรวจสหรัฐล้อมรอบสถานกงสุลจีน และใช้เครื่องมืองัดแงะเพื่อเปิดประตูด้านหลัง หลังไม่สามารถงัดประตูทางเข้าหลักของสถานกงสุลจีนทั้ง 3 จุดได้

    ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล 1963

    มาตรา 27 ระบุว่า
    1 ) ในกรณีที่มีการตัดความสัมพันธ์ทางกงสุลระหว่าง 2 รัฐ
    (a) แม้ในกรณีเกิดความขัดแย้งกันถึงขั้นใช้อาวุธ รัฐผู้รับ(เจ้าบ้าน) จะเคารพและคุ้มครองสถานที่ทำการทางกงสุล พร้อมทั้งทรัพย์สินและเอกสารทางการของสถานกงสุลของรัฐผู้ส่ง

    2 ) ในกรณีที่มีการปิดสถานที่ทำการทางกงสุลเป็นการชั่วคราวหรือถาวร ให้นำบทบัญญัติของอนุวรรค (a) ในวรรค 1 มาใช้

    และมาตรา 31
    2 ) เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับไม่สามารถรุกล้ำเข้าไปในส่วนใดๆ ของสถานกงสุล ที่ใช้เพื่อปฏิบัติงานของสถานกงสุลโดยเฉพาะ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากหัวหน้าสถานกงสุล หรือจากผู้ที่หัวหน้าสถานกงสุลแต่งตั้ง หรือจากหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตของรัฐผู้ส่ง

    (Article 27)
    1 ) In the event of the severance of consular relations between two States:
    (a) the receiving State shall, even in case of armed conflict, respect and protect the consular premises, together with the property of the consular post and the consular archives.

    2 ) In the event of the temporary or permanent closure of a consular post, the provisions of subparagraph (a) of paragraph 1 of this article shall apply.

    (Article 31)
    2 ) The authorities of the receiving State shall not enter that part of the consular premises which is used exclusively for the purpose of the work of the consular post except with the consent of the head of the consular post or of his designee or of the head of the diplomatic mission of the sending State. The consent of the head of the consular post may, however, be assumed in case of fire or other disaster requiring prompt protective action.

    ข่าวโลกที่ 3
    https://www.rt.com/usa/495809-china-consulate-houston-entry/

    https://legal.un.org/ilc/texts/instruments/english/conventions/9_2_1963.pdf

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มเสรีเทยพลัสจัดกิจกรรมม็อบไม่มุ้งมิ้งแต่ตุ้งติงค่ะคุณรัฐบาล ประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องสามประการสืบเนื่องจากม็อบเยาวชนปลดแอกและเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดันร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อให้บุคคลทุกเพศสามารถสมรสกันได้อย่างถูกกฎหมาย ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย Copyright © 2020 All Right Reserved ผู้จัดการรายวัน 360˚/ MGR Online ภาพโดย ธัชกร กิจไชยภณ #ธัชกรกิจไชยภณ #MGRPhoto #เสรีเทยพลัส #ม็อบไม่มุ้งมิ้งแต่ตุ้งติงค่ะคุณรัฐบาล

     

แชร์หน้านี้

Loading...