ติดตามสถานะการณ์

เส้นทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีน
- ชอบเรื่องมีสาระ โหลดแอป Blockdit Blockdit.com/download -

 

#ตื่นตัวไม่ตื่นตูม ถ้าแผ่นดินไหวใหญ่มาตอนโควิด จะทำอย่างไรดี?

⚠️ โพสต์นี้มีไว้ให้ทุกคน “เตรียมพร้อม” ไม่ใช่ “แพนิก” นะคะ

ช่วงนี้เสียงเตือนแผ่นดินไหว (J-alert) ดังติดกันมา 2 คืน ชาวคันโต คงจะอกสั่นขวัญแขวนกันไปทีเดียว

แผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะในช่วง 30 ปีนี้มันจะเกิดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจจะเป็น พรุ่งนี้มะรืนนี้ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า ปีหน้า หรืออีก 30 ปีข้างหน้าก็ไม่รู้  

พอเตือนแผ่นดินไหวใหญ่ที สารพัดกูรูทั้งหลาย ก็จะคึกคักกันมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซเชียล

แอดจะสรุปข่าวลือ เฉพาะของเดือนนี้ให้ฟังว่า แผ่นดินไหวใหญ่มีข่าวลือว่า จะมาวันไหนบ้าง แล้วอยากให้ทุกคน “อ่าน” แล้วคิดว่าเราควรจะ “เชื่อแล้วกลัว” หรือ เราควรจะ “เตรียมตัวให้ดี” ดีกว่า ?? 

- 6 พ.ค. จากกราฟแผ่นดินไหว เหมือน กราฟชีวิตเวลาดูดวงนิดนึง

- 7 พ.ค. เพราะว่า เป็นวันพระจันทร์เต็มดวงจากสถิติส่วนใหญ่แผ่นดินไหวใหญ่จะเกิดในวันจันทร์เต็มดวงเยอะ (อ้างงานวิจัย นักธรณีวิทยาของไต้หวัน)

- 11 พ.ค. อ้างงานวิจัยจากนักธรณีวิทยาของไต้หวันเช่นกัน

✒️ ʅ(´⊙ω⊙｀)ʃ ทำไมนักธรณีวิทยาไต้หวัน เค้าทายไม่เหมือนกัน

- 20 พ.ค. อันนี้มาเป็นบทความเลย บอกนักวิชาการท่านหนึ่ง (ท่านไหน???)

✒️ประมาณนี้ค่ะ คาดว่า พอเลยเดือนนี้ไป เราก็จะมีกูรูโซเชี่ยลมาแสดงความเห็นกันต่ออีกมากมาย จำได้ว่า ตอนแรกเป็น 20 มีนา / 1 เมษา / 14 เมษา .... ฯลฯ .... สรุปว่า เกิดได้ทุกวันค่ะ ทุกคนสามารถเป็นกูรูได้

———

⚠️แล้วถ้าแผ่นดินไหวใหญ่มาจริง เราควรเตรียมตังอย่างไร

1. เตรียมของไว้สำหรับ 2 แผน คือ แบบไปศูนย์อพยพ กับ แบบไม่ไปศูนย์อพยพ

2. คิดเผื่อว่าถ้าไปศูนย์อพยพไม่ได้จะมีวิธีไหนบ้างในการใช้ชีวิต

3. เตรียมของตามในภาพที่ 2 ไว้ก็ดีนะคะ

————

ของที่ควรเตรียมไว้ หากแผ่นดินไหวใหญ่มาตอนโควิด (ภาพ 2)

กรณีไปศูนย์อพยพ : ให้ระลึกว่าจะป้องกันตัวเองยังไงไม่ให้ติดเชื้อ

กรณีไปที่อื่น (เช่น ที่บ้าน) : เน้นตามปรกติคือ เอาชีวิตรอดให้ได้

การอพยพแบบไม่ไปศูนย์อพยพ

มีได้ทั้ง บ้านเพื่อนบ้านญาติ / โรงแรมเต็นท์ /บ้านตัวเอง ฯลฯ

ควรคิดเผื่อไว้ว่า ถ้าเกิดขึ้นจริงจะทำอย่างไร และเตรียมตัวไว้สำหรับทั้ง 2 แผน

———-

✒️ขออย่าให้มาดีทีสุด แต่นอกจากการสวดมนต์แล้ว การเตรียมพร้อมก็เป็นเรื่องดีที่สุดค่ะ

ภาพ: Every

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #แผ่นดินไหว #โควิด

 

พบกระทิงฝูงใหญ่เสี่ยงสูญพันธุ์ ออกหากิน หลังปิดป่าแก่งกระจาน แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า

วันที่ 1 พฤษภาคม อุทยานแห่งชาติแห่งชาติแก่งกระจานเผยคลิปกระทิงป่าฝูงใหญ่กำลังกินดินโป่ง บริเวณห้วยแหล่งน้ำอาหารของสัตว์ป่า ที่มีสัตว์ป่าเข้ามาใช้ประโยชน์มากมาย อย่างช้าง และกระทิงอย่างในภาพที่เห็น ฝูงใหญ่ ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ผืนป่าของธรรมชาติ

โดยนี่คือภาพที่เกิดจากหลังอุทยานมีการปิดป่า ไม่มีการรบกวน

ทั้งนี้กระทิง หรือ เมย กระทิงเป็นสัตว์กีบ รูปร่างใหญ่โตล่ำสัน ซึ่งทางอุทยานเผยข้อมูลเกี่ยวกับกระทิงว่า

ตอนยังเด็กกระทิงจะมีสีแดงคล้ายกับวัวแดงจนกระทั่งเวลาผ่านไป มันก็จะถอดชุดสีแดงออกกลับกลายเป็นสีน้ำตาลปนดำเหมือนตัวพ่อแม่ของมัน ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าขาของกระทิงเหมือนกับสวมถุงเท้าขาวเอาไว้ แต่จะไม่ใช่สีขาวสะอาดเหมือนกับวัวแดง ขาของกระทิงจะออกสีเหลือง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เหงื่อของกระทิงมีสีแดง เวลามันเอาขาขึ้นมาไล่แมลงตามท้อง เหงื่อนั้นก็จะติดกับขาจนกลายเป็นสีออกเหลือง

ลูกกระทิงมีนิสัยชอบเล่นและวิ่งไล่กันอย่างที่ปรากฎในคลิป พวกลูกกระทิงจะรักแม่ของมันมาก หากว่าแม่มันถูกสังหาร มันก็จะเดินตามฝูงไปสักพักก่อนจะกลับมาแล้วใช้หัวดุนศพแม่ เมื่อหิวก็จะดูดนมแม่ต่อให้ไม่มีน้ำนม มันจะอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งแม่ของมันเริ่มเน่าส่งกลิ่น เสือหรือหมาในก็จะมาจัดการกับศพกระทิง แล้วก็ยังอาจจะได้กินลูกกระทิงอีกด้วย

สถานภาพของกระทิงอยู่ในสถานะเสียงต่อการสูญพันธ์ุ นอกจากนั้นยังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายไทยด้วย เห็นภาพลูกกระทิงร่าเริงขนาดนี้แล้วยังจะทำร้ายมันลงอีกหรือยังไง ถ้าทำลง...ก็คงจะเรียกว่าคนไม่ได้แล้ว

#กระทิงน้อยแก่งกระจาน

ขอบคุณท่ีมาข้อมูล อุทยานแห่งชาติแห่งชาติแก่งกระจาน

ที่มา

https://m.facebook.com/Kaengkrachannationalparkofficial/

 

อ่าน “คำเตือน” จากนักระบาดวิทยา
Second Wave จะหน้าตาแบบไหน?
และจะทำอย่างไรให้ปลอดภัย
.
.
ถึงตรงนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ “หลักหน่วย” อาจแปลว่าไทย สามารถ Flatten the curve หรือลด “ความชัน” กราฟได้สำเร็จ จดจำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล เหลือเพียงหลักร้อยราย ซึ่งหากไม่พบ “คลัสเตอร์” ใหม่ๆ ในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า ก็อาจหมายความว่า เราได้ผ่านคลื่นระลอกแรก ของโควิด – 19 ไปเรียบร้อย
.
หากข้อมูลทั้งหมด ไม่มีอะไรผิดพลาด ก็หมายความว่าไทย กำลังอยู่ในสถานะเดียวกับ ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อรายวันน้อยมาก หรือไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ส่วนสถานการณ์ในยุโรป ก็ผ่านจุดพีคไปแล้ว และน่าจะสงบในไม่ช้า
.
อย่างไรก็ตาม ทั่วโลก ก็ยังอยู่ภายใต้ความหวาดระแวง ว่า Second Wave หรือคลื่นลูกที่ 2 ที่ตามมา อาจหนักหนาสาหัสกว่าลูกแรก ซึ่งโลก มีบทเรียนมาแล้วจาก “ไข้หวัดสเปน” เมื่อ 102 ปีก่อน ที่คลื่นลูกที่ 2 นั้น “กลายพันธุ์” หนักขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูร้อน เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ในสหรัฐอเมริกา และในฝรั่งเศส ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ใน 2 ประเทศ
.
ส่วนไทยนั้น ข้อมูลจากราชกิจจานุเบกษา 27 ก.ค. 2462 ก็ระบุว่า Second Wave ได้เข้ามาระบาดในบ้านเราเช่นเดียวกัน ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2461 จนถึงเดือน มี.ค. 2462 ในสมัยรัชกาลที่ 6 จนมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 8 หมื่นคนทั่วประเทศ
.
เพราะฉะนั้น Second Wave จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีน และยังไม่มีวิธีรักษาไวรัสที่หายขาด คลื่นลูกที่ 2 จะกลับมาได้เสมอ
.
คำถามก็คือ คลื่นลูกที่ 2 ของโควิด – 19 จะมี “หน้าตา” เป็นอย่างไร? และจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่?
.
แอนน์ กอฟฟอร์ด นักระบาดวิทยา ให้สัมภาษณ์ France Inter Radio บอกว่า หากมีคลื่นลูกที่ 2 จะใช้เวลาอีกนานหลายสัปดาห์ หรืออีกเป็นเดือนๆ กว่าที่จะกลับมาระบาดอีกรอบ โดยจากการคาดการณ์ คาดว่าน่าจะกลับมาเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือน ส.ค. แบบเดียวกับไข้หวัดสเปน
.
แต่สิ่งที่ยังถกเถียงกันในบรรดานักระบาดวิทยาก็คือ แล้วคลื่นลูกที่ 2 จะรุนแรงกว่าเดิมหรือไม่ ข้อมูลล่าสุดแบ่งเป็น 2 สาย สายเยอรมัน - สหรัฐฯ นั้นเตือนว่า อาจมีการระบาดที่รุนแรงกว่าช่วงนี้ และอีกสายที่มองโลกในแง่ดีกว่า ว่าการปรับพฤติกรรม ปรับวิถีการใช้ชีวิต จะทำให้การระบาดรอบใหม่ไม่รุนแรงเท่าคลื่นลูกแรก
.
พิเอราเชลลี ซานทัส ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ จากมิลาน อิตาลี ระบุว่า คลื่นลูกที่ 2 น่าจะ “เบา” กว่าลูกแรก เพราะทั่วโลกรู้แล้วว่า ควรจะ “ออกห่าง” จากไวรัสอย่างไร และรัฐบาลของแต่ละประเทศ ก็ยังต้องมีมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มข้น ซึ่งการแยกคนให้อยู่ห่างกัน ตามมาตรการ Social Distancing รวมถึงการลดกิจกรรมเสี่ยง ที่มีผู้คนรวมตัวกันมากๆ อีกอย่างน้อย 3-4 เดือน หากมีการระบาดรอบใหม่ ก็อาจไม่รุนแรงมากนัก
.
การศึกษาในยุโรปพบว่า การออกมาตรการ Social Distancing นั้น สามารถลด “อัตราตาย” ในฝรั่งเศสได้มหาศาล โดยหากไม่สวมใส่หน้ากาก ไม่มีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม คนฝรั่งเศส จะตายกันถึง 2 แสนคน แต่หากใช้มาตรการสวมหน้ากาก Social Distancing เข้มข้นนั้น ยอดตาย จะเหลือเต็มที่เพียง 8.5 หมื่นคน เท่านั้น
.
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิต อยู่ที่ระดับ 2.5 หมื่นคน ซึ่งก็ถือว่ายังห่างไกลกับ worst-case scenario ที่กำหนดไว้
.
ส่วนของไทย การใช้มาตรการ Social Distancing และการ “ล็อคดาวน์” หลายสถานที่ ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน จากเดิม ที่มีการประเมินว่า ปลายเดือน เม.ย. จะมีจำนวนผู้ป่วยพีคที่สุดนับแสน มีผู้เสียชีวิตหลักหมื่น ก็เหลือเพียงแค่ตัวเลขผู้เสียชีวิต 54 คน
.
เพราะฉะนั้น หากมีการระบาดระยะ 2 โดยที่ยังคงมาตรการเว้นระยะห่าง ให้การสวมหน้ากากเป็น “สภาพบังคับ” และยังปิดสถานที่เสี่ยงออกไปอีก 3-4 เดือน คัดกรองคนจากต่างชาติให้เข้มงวดมากขึ้น ก็น่าจะอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้
.
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีเพียง Second Wave ที่เป็นปัจจัยเสี่ยง แต่ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Mini Wave ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัย สะท้อนความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
.
นักวิจัยจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า หากเพิ่มกำลังการตรวจ “เชิงรุก” ให้มากขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่เจอ Mini Wave เป็นคลื่นลูกเล็ก ที่จะคอย “กวนใจ” ระบบสาธารณสุข
.
เหมือนกับที่สิงคโปร์ เจอคลื่นแบบนี้ที่แคมป์แรงงานต่างชาติ ซึ่งแม้จะมีผู้ติดเชื้อเยอะ แต่ก็จำกัดวง ไม่ให้แพร่ระบาดได้ หรือที่ไทย เจอคลื่นแบบนี้ในศูนย์กักกันโรคแรงงานต่างชาติ ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา วันหนึ่ง 41 คน และอีกวัน 18 คน
.
แต่คลื่นลูกเล็ก เอาเข้าจริงก็ไม่น่ากังวล หากสามารถแยกคนกลุ่มนี้ได้ทัน เข้าไปตามสอบสวนเส้นทางการระบาดของโรคได้ และควบคุมอัตราการแพร่เชื้อของผู้ติดเชื้อ 1 คน ให้แพร่ต่อได้ที่ 1 คน หรือค่า R0 ให้อยู่ที่ 1 หรือต่ำกว่า 1 ไม่ใช่ให้กระจายไปมากกว่านั้น ก็ไม่มีอะไรน่าวิตก
.
คำถามก็คือ ไทยสามารถ “ปิด” พื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะชายแดนใต้ได้มิดชิดหรือไม่ และยังมีเคสที่ตกหล่นมากกว่านี้อีกไหม ที่เรายังหาไม่เจอ
.
เพราะฉะนั้น อีก 3-4 เดือนข้างหน้า การป้องกันไม่ให้ Mini Wave เป็น Second Wave ด้วยการตรวจเชิงรุก ในพื้นที่ที่มีชุมชนแออัด จึงยัง “สำคัญ” อย่างมาก ต่อระบบสาธารณสุข
.
ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีใครตอบได้ ว่า Second Wave จะมาถึงเมื่อไหร่ และแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปที่เริ่มคลาย Lockdown ก็ยังไม่มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในระดับน่ากังวล เรื่องการคลายล็อค เพื่อปรับตัวให้ประชาชน สามารถหายใจหายคอ มีพื้นที่ยืนในการทำมาหากินตามปกติ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสนใจมากกว่า
.
หากสามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยง ทำเรื่องการสวมหน้ากากให้เป็น “สภาพบังคับ” การซีลชายแดนให้แน่นหนา ควบคุมจำนวนคนที่ใช้ระบบขนส่งมวลชน หรือการเว้นระยะห่างมากๆ ไม่ว่าจะ Mini Wave หรือ Second Wave ก็อาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าแต่ละประเทศ สามารถปรับนโยบายให้เข้ากับมาตรการป้องกันโรคได้แล้ว
.
ที่น่าห่วงมากกว่าคือเรื่องเศรษฐกิจ และจะเยียวยาอย่างไรอีกหลายธุรกิจ ที่จะ “ล้มหายตายจาก” ไป ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีวัคซีนใกล้ๆ นี้อย่างไร ไม่ว่าจะภาคบริการ หรือภาคท่องเที่ยว ให้มีชีวิตแบบนี้ไปอีกนานนับปี
.
เป็นเรื่องที่ยังต้องคิดหนักกันทั่วโลกจริงๆ

อ้างอิงจาก https://www.thelocal.de/20200504/as...row-over-potential-second-wave-of-coronavirus

#covid19 #โควิด19

 

ชมถ่ายทอดสด วันวิสาขบูชา
สวดมนต์ - เวียนเทียน - แสดงพระธรรมเทศนา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

 

เฮ!! ฉีดวัคซีนต้นแบบต้านโควิดใน "หนู" พบภูมิขึ้นดี ส่วนป้องกันโรคหรือไม่ ต้องรอศึกษาต่อ [NEWS HOUR]

 

รมว.แรงงาน เผย เร่งประกันสังคมเดินหน้าอนุมัติสิทธิว่างงานเหตุสุดวิสัย ให้ผู้ประกันตน ล่าสุดจ่ายไปแล้วกว่า 2.5 พันล้าน

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000047331
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

แห่ทิ้งหุ้น 'การบิน' ตามบัฟเฟตต์ ฉุดราคา 'บินไทย-บีเอ-เอเอวี' ดิ่ง 5-6%
: หุ้น “สายการบิน” ในไทยร่วงตามทั่วโลกกว่า 5-6% หลัง “บัฟเฟตต์” สั่งล้างพอร์ตขายหุ้นสายการบินทั่วโลก ชี้อนาคตยังมืดมน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมิน กลุ่มสายการบินปีนี้ ส่อขาดทุน 6.3 หมื่นล้าน เผย “บินไทย” หนักสุด 5.9 หมื่นล้านบาท

จากการประชุมผู้ถือหุ้นฉบับออนไลน์ของบริษัทการลงทุนยักษ์ใหญ่ 'เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway)' เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันภายหลังจากประชุมในครั้งนี้คือ การตัดสินใจเทขายหุ้นสายการบินออกไปรวมกันมากถึง 6.5 พันล้านเหรียญ หรือกว่า 2 แสนล้านบาท จากการเปิดเผยของผ่านปาฐกถาของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานฯ บริษัท

สำหรับเหตุผลที่ขายออกไปนั้น บัฟเฟตต์ เปิดเผยว่า เขาตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากธุรกิจสายการบินกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และวอร์เรน บัฟเฟตต์เองก็มองภาพไม่ออกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ภายหลังจากที่สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง
เมื่อประเด็นในเรื่องของการเทขายหุ้นสายการบินถูกหยิบยกมาพูดเช่นนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการในวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา หุ้นสายการบินหลายบริษัทต่างถูกเทขายจนราคาหุ้นลดลงไปกว่า 10%

ในขณะที่หุ้นสายการบินในประเทศไทยหลังจากตลาดกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้ง วานนี้ (5 พ.ค.) ต่างปรับตัวลดลง 5-6% จากวันทำการก่อนหน้า โดย บมจ.การบินไทย (THAI) ลดลง 6.12% บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ลดลง 5.35% บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ลดลง 5.08% และ บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) ลดลง 0.85%

นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์อาวุโส บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ภาพรวมของหุ้นกลุ่มสายการบินเมื่อมองไปข้างหน้า มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ภายหลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศน่าจะต้องใช้เวลาจนกว่าแต่ละประเทศพร้อมที่จะเปิดรับการเดินทางจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะต้องรอจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรค

“แม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มออกมาบอกว่าสามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคได้แล้ว แต่กระบวนการทดสอบเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา ทำให้กว่าจะใช้งานกันได้จริงก็อาจจะต้องรอไปจนถึงปีหน้า ขณะที่การเดินทางภายในประเทศ แม้จะเริ่มกลับมาให้บริการได้บ้างแล้ว แต่ภาพรวมยังมีมาตรการ Social distancing คอยเบรกอยู่ ซึ่งการให้บริการในขณะนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่การสร้างกระแสเงินสดเข้ามาบ้าง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประจำที่ยังคงมีอยู่”

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นสายการบินและสนามบิน 4 บริษัท ได้แก่ THAI, AAV,BA และ AOT ในปี 2563 คาดว่าจะมีผลขาดทุนรวม 6.3 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นสายการบินคาดว่าจะขาดทุนทั้งหมด โดยคาด THAI ขาดทุน 5.9 หมื่นล้านบาท AAV ขาดทุน 3.8 พันล้านบาท BA ขาดทุน 3 พันล้านบาท ส่วน AOT คาดว่าจะมีกำไร 3.1 พันล้านบาท แต่ก็ลดลงเกือบ 90% จากปีก่อน

“ผลกระทบจากโควิด-19 จะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาสแรกนี้ ส่วนไตรมาส 2 น่าจะเป็นช่วงหนักที่สุดของปี เพราะการเดินทางในประเทศหยุดชะงัก 1 เดือนเต็ม ส่วนระหว่างประเทศน่าจะไม่มีเลยทั้งไตรมาส ซึ่งภาพรวมของไตรมาส 2 อาจจะแย่กว่าที่ประเมินกันไว้อีกด้วย โดยหุ้นอย่าง AOT ก็มีโอกาสจะพลิกเป็นขาดทุนครั้งแรกในรอบหลายปี ขณะที่การบินไทยช่วงครึ่งปีแรกน่าจะขาดทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นจะพลิกเป็นติดลบ เพราะ ณ สิ้นปี 2562 ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่เพียง 1.17 หมื่นล้านบาท”

ส่วนการฟื้นตัวของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นผลจากการคาดหวังว่าสถานการณ์โควิด-19 น่าจะผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว แต่เมื่อมองไปในอนาคตจะเห็นว่าความเสี่ยงหลายอย่างยังมีอยู่ อาทิ ความเสี่ยงในเรื่องของสภาพคล่อง ซึ่งหลายบริษัทจำเป็นจะต้องหาแหล่งเงินทุนเข้ามาช่วยโดยเร็ว โดยภาพรวมการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ยังไม่น่าสนใจนัก เพราะผลประกอบการมีโอกาสจะแย่กว่าคาดได้

ทั้งนี้ AOT ได้เปิดเผย การดำเนินงานด้านการจราจรทางอากาศ ใช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. 2563 ว่า มีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่ง รวมทั้งสิ้น 27 ล้านคน ลดลง 30.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 15 ล้านคน ลดลง 35.5% และภายในประเทศ 12 ล้านคน ลดลง 22.7% สำหรับปริมาณเที่ยวบินผ่าน 6 ท่าอากาศยานของ AOT มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1.9 แสนเที่ยวบิน ลดลง 18.54%

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศขายตราสารหนี้เพิ่มเพื่อระดมเงินทุนให้รัฐบาลอีก 96 พันล้านเหรียญ ถือเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ

หลังจากที่รัฐบาลได้ออกเงินช่วยเหลือประชาชนและบริษัทต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัส Covid-19 ไปแล้วกว่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ #แต่ดูที่ท่าแล้วว่าอาจจะยังไม่พอ หลายๆฝ่ายยังเรียกร้องขอเงินช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเพราะไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ จนหลายฝ่ายเชื่อว่าทางรัฐบาลสหรัฐคงต้องปล่อยเงินช่วยเหลือเพิ่มอีกรอบแน่ๆ

รัฐบาลสหรัฐนำเงินจากไหนมาแจกจ่ายประชาชนเหล่านี้ ?

ส่วนนึงก็มาจากการออกขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อเป็นการระดมทุนนั้นเอง #หรือเป็นเรียกได้ว่าเป็นการกู้เงินของรัฐบาล

การอัดฉีดเงินเยียวยาครั้งใหญ่นี้ทำให้หนี้ของรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพื่อเป็นการรักษาสภาพคล่องและแบ่งเบาภาระหนี้เหล่านี้ทางกระทรวงการคลังสหรัฐจึงตัดสินใจที่จะกู้เงินจากตลาดหรือกลุ่มคนที่มีความต้องการซื้อพันธบัตรระยะยาวจากรัฐบาลสหรัฐ

โดยทาง Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐได้ประกาศในคืนนี้ว่ารัฐบาลจะออกตราสารหนี้เพิ่มครั้งใหญ่โดยมีรายละเอียดและเวลาดังนี้

1️⃣ พันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี - เป็นจำนวน 42 พันล้านเหรียญ (เตรียมออกวันที่ 11 พ.ค.)
2️⃣ พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี - เป็นจำนวน 32 พันล้านเหรียญ (เตรียมออกวันที่ 12 พ.ค.)
3️⃣ พันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปี - เป็นจำนวน 20 พันล้านเหรียญ (เตรียมออกวันที่ 20 พ.ค.)
4️⃣ พันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี - เป็นจำนวน 22 พันล้านเหรียญ (เตรียมออกวันที่ 13 พ.ค.)

รวมเป็นหนี้กว่า 96 พันล้านเหรียญถือเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ

⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#OilTradingKP

 

ฮ่องกงแจกหน้ากากอนามัยฟรี!ใช้ซ้ำได้ 60 ครั้ง

รัฐบาลฮ่องกงได้รายงานว่า มีการเตรียมสต๊อกหน้ากากอนามัยใช้ซ้ำได้ราว 10 ล้านชิ้น ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ โดยหน้ากากอนามัยนี้สามารถเปลี่ยนผ้าและฟิลเตอร์ได้ รวมทั้งนำไปฆ่าเชื้อเพื่อใช้ซ้ำได้มากถึง 60 ครั้ง

สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.qmask.gov.hk
ตั้งแต่วันนี้ - 6 มิถุนายน 2020

นอกจากนี้หลังจากที่ไม่มีเคสติดเชื้อเพิ่มจากในฮ่องกง ก็ยังได้เตรียมยืดหยุ่นกฏ social-distancing และจะค่อยๆ เปิดชายแดนระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่

ทั้งนี้ประชาชนบางส่วนได้แสดงความคิดเห็นไม่ค่อยพอใจที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือช้าเกินไปไม่ เพราะขณะนี้หน้ากากอนามัยในฮ่องกงหาได้ไม่ยากแล้ว

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


Source: https://asiatimes.com/2020/05/hk-wins-accolades-with-no-cases-for-14-days/,RTHK

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

❤️รักฉุกเฉินของนายพายุ❤️…มาตามนัด
ทะยอยๆแจก ค่ะ
#พายุฤดูร้อนวันต่อวัน

#กัปตันแอน
20:24 6พค63

 

#ทรัมพ์จะยุบศูนย์บริหารเฉพาะกิจCovid_19

วันนี้มีรายงานข่าวล่าสุดจากสหรัฐว่า เสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ มีแผนที่จะยุบ หน่วย Covid-19 Task Force หรือหน่วยงานเฉพาะกิจที่คล้ายกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์ Covid-19 ของบ้านเรา

ซึ่งหน่วยงานนี้มีคีย์แมนสำคัญ 2 ท่าน คือ ด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี ที่เป็นหัวหน้าศูนย์ และ ด็อกเตอร์ เดบอราห์ บริกซ์ ที่เป็นฝ่ายประสานงาน

ทั้งสองคน มีบทบาทสำคัญในการกำหนดแผนการรับมือสถานการณ์ Covid-19 ในสหรัฐ และเป็นคนที่ชาวอเมริกันคุ้นหน้ากันดี เพราะจะมาช่วยเสี่ยอ่างรายงานสถานการณ์ประจำวัน และแจ้งข้อมูลสำคัญให้ชาวอเมริกันทราบ

เมื่อมีนักข่าวสอบถามเหตุผลว่า ทำไมเสี่ยคิดจะยุบ ศบค. ของสหรัฐตอนนี้ทั้งๆที่ สถานการณ์ยังไม่ดีเลย และยอดผู้เสียชีวิตก็ทะลุไปมากกว่า 7 หมื่นรายแล้ว

เสี่ยทรัมพ์แกก็ยักไหล่ ตอบนักข่าวไปว่า "อ้าว! ก็ใครที่ไหนจะปิดประเทศได้นานถึง 5 ปีหล่ะครับ ทีมด็อกเตอร์เขาแนะนำอย่างนั้น แต่ผมว่าผมได้ข้อมูลเพียงพอแล้ว เราจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ"

คำตอบของเสี่ยทรัมพ์ เล่นเอานักข่าวงงกันทั้งห้องประชุม หรือว่าจะผิดที่เรา ที่ถามไม่ตรงคำตอบ?

นักข่าวบางส่วนเลยไปสอบถามกับ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี โดยตรง ที่เป็นคนรับผิดชอบ ฟอร์มหน่วยงาน ศบค. นี้มาตั้งแต่ต้น ซี่ง ไมค์ เพนซ์ ก็ได้อธิบายว่า เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงแล้ว และตอนนี้รัฐบาลกำลังเน้นไปที่การพัฒนาวัคซีน ในโครงการ Operation Warp Speed เพื่อผลิตวัคซีนนับ 100 ล้านชุดก่อนสิ้นปีนี จึงจำเป็นต้อง โยกย้ายบุคลากรด้านระบาดวิทยา และเชื้อไวรัส ไปลงที่โปรเจคเร่งด่วน

แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า หน่วยงานเฉพาะกิจ Covid-19 นี้จะถูกยุบเลยทันที แต่จะค่อยลดบทบาทลง ส่วนด็อกเตอร์ฟาวซี และ ด็อกเตอร์บริกซ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษารัฐบาลต่อ ไม่ได้หายหน้าไปไหน

ถึงจะยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่า ศบค-สหรัฐ จะเริ่มแยกวงกันเมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะเริ่มกันตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ที่ตรงกับวันระลึกทหารผ่านศึกของสหรัฐ

ถึงแม้ว่าหน่วยงานเฉพาะกิจนี้ ยังไงก็ต้องถูกยุบอยู่แล้วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย แต่มันจะเร็วไปหรือเปล่า ที่จะเริ่มถอยฉากเอาตอนนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะอ้างว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐจะลดลงแล้ว แต่ข้อมูลจากสำนักสถิติ เตือนว่า ยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตยังไม่สุด และอาจจะมีผู้เสียชีวิตสะสมสูงกว่า 130,000 รายในเดือนสิงหาคมนี้

ทางทีมแพทย์สหรัฐยังออกมาเตือนว่า ต่อให้รัฐบาลจะมั่นใจว่าสามารถผลิตวัคซีนได้ทันภายในสิ้นปี แต่การลดจำนวนผู้ติดเชื้อ และมาตรการเว้นระยะห่างยังไงก็สำคัญ เพราะกว่าจะถึงสิ้นปี ถ้าเราไม่ระวังตัวเลย สถานการณ์ก็จะเลวร้ายยิ่งกว่านี้

มีหลายสำนักข่าว ตั้งข้อสังเกตุว่า เป็นเพราะการเมืองหรือเปล่า เพราะด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี ก็มีความเห็นต่าง และมักให้สัมภาษณ์แย้งกับรัฐบาลบ่อยๆ แต่จะเสี่ยงเกินไปไหมที่จะเริ่มยุบ ศบค. ตั้งแต่ตอนนี้

ไม่ว่าจะเป็นการยุบโดยสถานการณ์ หรือ การเมืองเบื้องหลังอย่างไร กำลังวิเคราะห์กัน แต่มีคนที่เปิดหมัดมาก่อนใครเลยในวันนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคุณป้าฮิลลารี่ คลินตัน ของเรานี่เอง

วันนี้ ป้าฮิของเราโพสต์ Twitter สั้นๆ ตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมว่า

"It appears the plan is, shamefully, to have no plan.
Americans will suffer.
We must replace this administration in November."

"เป็นแผนงานที่ไร้ทิศทางอย่างน่าอับอายขายขี้หน้าสิ้นดี ชาวอเมริกันต้องรับเคราะห์
เราต้องเปลี่ยนรัฐบาลให้ได้ภายในพฤศจิกายนนี้"

แม้ว่าวันนี้ ป้าฮิ จะไม่ได้เป็นตัวเต็งเข้าชิงตำแหน่งเจ้าเมืองมะกันแข่งกับเสี่ยอ่างแล้ว แต่วาจาฟาดฟันยังแรงดี ไม่มีตก แถมไม่ลืมหาเสียงให้พรรคอีกต่างหาก

ถึงเราจะไม่อาจจะคาดเดาได้ในอนาคตว่าการตัดสินใจของเสี่ยอ่าง จะออกมาไปผลดีตามที่ได้วางแผนไว้จริงๆหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ล้วนแต่มีผลต่อคนอเมริกันทั้งประเทศอย่างแน่นอน

แหล่งข้อมูล

https://www.theguardian.com/us-news/2020/may/05/white-house-coronavirus-taskforce-winding-down-why
https://edition.cnn.com/2020/05/05/...oronavirus-task-force-winding-down/index.html
https://thehill.com/homenews/admini...-on-white-house-winding-down-virus-task-force

 

#ปฏิบัติการล่าวัคซีนเหนือแสง
#เดิมพันครั้งสุดท้ายของทรัมพ์

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมพ์ ได้ออกมายืนยันว่า เขามีโครงการเร่งผลิตวัคซีนป้องกัน Covid-19 ให้สำเร็จ และผลิตวัคซีนครอบคลุมกว่า 100 ล้านคนภายในเวลาไม่เกินสิ้นปีนี้

โครงการที่เสี่ยอ่างได้ฝากความหวังไว้ มีชื่อปฏิบัติการว่า "Operation Warp Speed"

โครงการนี้ เป็นความร่วมมือกันระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงกลาโหม เพื่อเร่งวิจัยพัฒนาวัคซีน รวมถึงผลิตออกมาให้ทันใช้ ส่วนชื่อโครงการนี้ เสี่ยเขาไม่ได้เป็นคนคิดนะคะ แต่มาจากทีมวิจัย ที่ดูแลโครงการนี้ ที่บังเอิญเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนัง Sci-Fi เรื่อง Star Trek ที่ต้องการสื่อว่า เป็นปฏิบัตการที่ต้องเร่งมือกันสุดฤทธิ์ยิ่งกว่าความเร็วแสง

เป้าหมายของ Operation Warp Speed คือ

- ต้องผลิตวัคซีนให้ได้ 100 ล้านชุดแรก ภายในเดือนพฤศจิกายน
- ผลิตเพิ่มเป็น 200 ล้านชุดภายในธันวาคม
- และ 300 ล้านชุดในเดือนมกราคม 2021

เสี่ยทรัมพ์แกยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า ไม่ได้โม้ สามารถทำได้จริง เพราะหากเป็นคำสั่งตรงจากประธานาธิบดี นั่นหมายถึง "ใส่สุด" ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อทำให้สำเร็จให้ได้

ซึ่งถ้าทำได้จริง นับเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งวัคซีนได้ผลจริง ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ถึงแม้จะมีข้อกังขาจากผู้เชี่ยวชาญว่า ระยะเวลาแค่นี้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย

เพราะโดยปกติแล้ว การผลิตวัคซีนในจำนวนมากมายขนาดนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 12-18 เดือน ที่แบ่งขั้นตอนการพัฒนาวัคซีน ออกเป็น 3 เฟส

ในช่วงทดลองวัคซีน เขาจะเริ่มทดลองฉีดให้กับสัตว์เพื่อศึกษาผลก่อนที่จะเข้าสู่เฟสที่ 1

เฟสแรก จะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มทดลองกลุ่มเล็กๆ - รอผล

เฟสสอง เพิ่มกลุ่มทดลองเป็นหลักร้อยคน รวมถึงผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง - รอผล

เฟสสาม ที่เป็นขั้นสุดท้าย หลังจากที่ผลทดลองทั้ง 2 เฟสแรกออกมาเป็นที่มั่นใจแล้ว ก็จะฉีดให้กับกลุ่มทดลองในจำนวนหลักพันคน ถึงหลักหมื่นคน - รอผล

หลังจบทั้ง 3 เฟส จึงเริ่มกระบวนการผลิตวัคซีน

และถ้าต้องการวัคซีนอย่างน้อย 100 ล้านชุดให้ทันสิ้นปี คือต้องเริ่มผลิตกันแล้ว แต่บริษัทยาหลายแห่งยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองยาระยะแรกๆอยู่เลย แม้แต่ดอกเตอร์ เดบอร่า บริกซ์ ผู้ประสานงานทีมฉุกเฉิน Covid-19 แกยังบอกเลยว่ามันเป็นไปได้แค่ในกระดาษเท่านั้นหล่ะค่า

ถึงแม้จำนวน 200-300 ล้านชุดจะเป็นตัวเลขเกินเอื้อม แต่เป้าหมาย 100 ล้านชุดแรกก่อนสิ้นปียังพอเป็นไป ได้ เพราะล่าสุดมีข่าวยืนยันว่า ตอนนี้สหรัฐมีวัคซีนอยู่ในมือแล้ว 14 ตัวยา ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะน็อคเจ้า Covid-19 นี้ได้ เสี่ยอ่างถึงมั่นใจ ยอมเซ็นเช็คเปล่าให้เร่งการผลิตแบบ Fast-Track ออกมาให้ได้ตามแผน Warp Speed ที่วางไว้

"Fast-Track" ในที่นี้ตามความเข้าใจทั่วไป คือ วิธีลัด ตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าวิธีดั้งเดิม

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะตัดขั้นตอนไหน ลัดขั้นตอนไหนนะคะ เอาเป็นว่าขอให้ได้ผล ปลอดภัย และที่สำคัญ วัคซีน 100 ล้านแรก ต้องได้ภายในพฤศจิกายนปีนี้

เพราะเลือกตั้งใหญ่ชิงตำแหน่งเจ้าเมืองมะกัน คือวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020

จึงนับว่าวัคซีนเป็นผลงานเดิมพันครั้งสุดท้ายในสมัย Trump 1 นะคะ อย่างน้อยก่อนงานเลือกตั้งใหญ่ต้องมีข่าวดี

แต่ถ้าไม่ได้ เสี่ยแกก็มีสิทธิ์ End Game ได้เหมือนกัน

ก็มาลุ้นกันว่า Operation Warp Speed ปฏิบัติการล่าวัคซีนเหนือแสง ของเสี่ยอ่างจะทำสำเร็จหรือไม่ และจะช่วยให้เสี่ยอ่างแกไปต่อใน Trump 2 ได้หรือเปล่านะคะ

แหล่งข้อมูล

https://edition.cnn.com/2020/05/01/politics/donald-trump-vaccine-operation-warp-speed/index.html

https://edition.cnn.com/2020/05/04/politics/operation-warp-speed-coronavirus-vaccines/index.html

https://www.biospace.com/article/operation-warp-speed-highlights-14-covid-19-vaccines/

https://www.nbcnews.com/politics/wh...-potential-coronavirus-vaccines-fast-n1198326

https://thehill.com/policy/healthca...new-vaccine-timeline-met-with-deep-skepticism

 

ดาวหาง C/2020 F8 Swan

 

มหาวิทยาลัยในจีนจัดกิจกรรมสมัครงานแบบออนไลน์ ช่วยเหลือบัณฑิตในการหางานทำ
#โควิด19 #หางาน
อีกหนึ่งเดือนเท่านั้น ประเทศจีนก็จะมีบัณฑิตที่จบการศึกษาจำนวนถึง 874,000 คน เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 บัณฑิตใหม่เหล่านี้ต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการ ทั้งความต้องการแรงงานที่ลดน้อยลง และไม่สามารถไปสัมภาษณ์งานได้ ฯลฯ
เพื่อช่วยเหลือบัณฑิตใหม่ให้มีงานทำ ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านอาชีพการงานของสถาบันภาษาต่างประเทศที่สอง (BISU) ในกรุงปักกิ่ง ได้กิจกรรมจัดหางานแบบออนไลน์ขึ้น ซึ่งมีวิสาหกิจเอกชน 68 ราย ได้จัดตำแหน่งงานให้แก่บัณฑิตใหม่ถึง 284 ตำแหน่ง
เจ้าหน้าที่ของศูนย์ให้คำปรึกษากล่าวว่า ศูนย์ใจะนำข้อมูลของบัณฑิตส่งไปยังหน่วยงานผู้ว่าจ้าง และแจ้งบัณฑิตให้ทราบถึงความต้องการด้านต่าง ๆ ของทางผู้ว่าจ้าง ทำให้ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้จัดทำไฟล์การจ้างงานส่วนบุคคลสำหรับบัณฑิตแต่ละคน ทั้งยังจัดอาจารย์ไว้คอยติดตามดูแลและให้คำปรึกษาตลอดเวลา เพื่อให้อัตราการมีงานทำถึง 100%
กดไลก์และติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

เปี๋ยง เปี๋ยง เมี่ยน | บะหมี่เส้นเปี๋ยง
มันคืออะไร? หน้าตาเป็นยังไง?
.
1/ พูดถึงอาหารจีน เราคนไทยคงได้ชิมได้กินมาแล้วหลายอย่าง แต่ถ้าพูดถึงเมนู ‘เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยน บะหมี่เส้นเปี๋ยง’ นึกไม่ออกเลยครับว่า มันคืออะไร? หน้าตาเป็นยังไง?
.
2/ เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยน เป็นเมนูขึ้นชื่อของจีน มีถิ่นกำเนิดมาจากมณฑลส่านซี เป็นสตรีทฟู้ดที่เห็นได้ทั่วไปในเมืองซีอาน
.
3/ องค์ประกอบสำคัญของเปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยนคือ ‘เส้นเปี๋ยง’ แตกต่างจากเส้นก๋วยเตี๋ยวอื่นๆตรงที่มีความกว้างกว่า เหนียวกว่า มีความหนึบกว่า กินแล้วเคี้ยวมัน เต็มปากเต็มคำ
.
4/ เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยน เป็นอาหารจีนที่ไม่เคยเห็นร้านไหนในไทยทำขายมาก่อน จึงมั่นใจได้ครับว่า เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยนของ ‘ร้านยุ้งฉาง’ เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย
.
5/ เจ้าของร้านคือ เชฟแอ๋ กุลพล สามเสน บอกว่า เดินทางไปถึงจีน เพื่อไปลองชิมลองกินอาหารจีนหลายๆอย่าง และหนึ่งในเมนูที่นำกลับมาลองทำคือ เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยน
.
6/ อีกหนึ่งเมนูคือ ‘เกี๊ยวน้ำลายไหล’ ซึ่งเชฟแอ๋ มาทำเมนูนี้ให้ชมกันสดๆเลยครับ
.
7/ ทั้ง เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยนและเกี๊ยวน้ำลายไหล เห็นแล้วน้ำลายไหลจริงครับ ไปลิ้มลองกันได้ที่ ร้านยุ้งฉาง ซอยอารีย์สัมพันธ์ 6 นะครับ ^^
.
8/ นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว จะได้รูปถ่ายสวยๆอีกด้วย เพราะร้านยุ้งฉางสวยมากครับ แต่งร้านสไตล์โรงเตี๊ยมจีนโบราณยุคฮั่นยุคฉิน สวยคลาสสิคจริงๆ
.

 

ภูมิคุ้มกันขึ้นดี หลัง "หนู" รับวัคซีนต้านโควิดต้นแบบ

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลตรวจเลือด #หนูทดลอง หลังรับ #วัคซีนต้านโควิด ต้นแบบจากจุฬาฯ พบภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีขึ้นได้ผลดี

จุฬาฯ เตรียมศึกษาการฉีดหลายรูปแบบ เช่น 1 เข็ม 2 เข็ม เพื่อดูแบบไหนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด

จากนั้นค่อยศึกษาในสัตว์ใหญ่ เช่น ลิง เพื่อดูความปลอดดภัย และศึกษาในคนตามลำดับ

โดยจะศึกษาทั้งความปลอดภัย กระตุ้นภูมิดีหรือไม่ และป้องกันโรคได้หรือไม่

#Qol #MGROnline #โควิด19

https://mgronline.com/qol/detail/9630000047359

 

#ข่าวภัยพิบัติ
#DROUGHT #ความแห้งแล้ง
06/05/20
สะพานมิตรภาพระหว่างประเทศเหนือแม่น้ำปารานา น้ำตก #Iguazú, #Paraná ประเทศ #Paraguay และประเทศ #Uruguay อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 90 ปีที่ผ่านมา

ภัยแล้งได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ น้ำตกอีกวาซู Iguazu - ภาพแรกเปรียบเทียบ ปี2019 กับ ปี2020
https://www.radioprogresso.com.br/1estiagem-transforma-paisagem-das-cataratas-do-iguacu/

ระดับน้ำส่วนใหญ่ของน้ำตก Iguazú แห้งแล้งมาเป็นเวลานาน พอประมาณ
ในภาพที่ไม่สามารถจินตนาการได้ซึ่งมาจากความแห้งแล้งอันน่าทึ่งที่เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากเส้นทางน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ #อาร์เจนตินา

แม่น้ำIguazú, Paraná, Paraguay และ Uruguay ดำเนินการต่อด้วยระดับการไหลที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ
https://www.analisisdigital.com.ar/...an-casi-secas-y-no-crece-el-caudal-del-parana

น้ำตกอีกวาซูตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า และขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกา

ส่วน แม่น้ำปารานา (Río Paraná) เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับสองในทวีปอเมริกาใต้รองจากแม่น้ำแอมะซอน แม่น้ำปารานา ต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ในประเทศบราซิล ไหลผ่านปารากวัยและอาร์เจนตินา ก่อนที่จะไหลออกมหาสมุทรแอตแลนติก
#Watchers

 

#Space #Jupiter
พื้นผิวน้ำแข็งของดวงจันทร์ยูโรปา
บริวารดาวพฤหัสที่คาดว่าอาจเจอชีวิต
หากสำรวจลงไปข้างใต้ผิวน้ำแข็งนี้
ซึ่งมีมหาสมุทรที่มีน้ำจริงๆอยู่
ในปริมาณมากกว่าน้ำบนโลกเรา
Via: mrvob

 

#สังเกตพฤติกรรมสัตว์
// นกทะเลหลายร้อยตัวพร้อมกับหอยแมลงภู่และปลานับพันตัวตายอย่างลึกลับในออสโล ฟยอร์ด นอร์เวย์ //

เมื่อ 15 เมษายน 2020
มีบางอย่างผิดปกติกับ Oslo Fjord และดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจว่าทำไม ปลาและหอย ทั้งสองหายไปในขณะที่นกทะเลที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของฟยอร์ดที่รู้จักกันในชื่อ ærfugl (อีเดอร์ทั่วไป) ถูกพบตาย ตั้งแต่ภูมิภาคทางตอนใต้ Agder ไปจนถึง ทางเหนือของ Østfold ในนอร์เวย์

หนังสือพิมพ์ Dagsavisen รายงานว่านกที่ตาย นั้น เชื่อว่าไม่ได้อดตาย
ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่แน่นอน: ระบบนิเวศของออสโล,ฟยอร์ดได้รับแรงกดดันอย่างหนักแม้จะพยายามทำความสะอาดสิ่งปฏิกูลและมลพิษทางอุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วก็ตาม

+พบนกที่ตายแล้วประมาณ 240 ตัวในช่วงกลางเดือนเมษายน 2020
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Norwegian Broadcasting (NRK) รายงานว่าขณะนี้มีนกราว 400 ตัวที่ไร้ชีวิตตามแนวชายฝั่ง Per Espen Fjeld จากหน่วยงานอนุรักษ์ Statens naturoppsyn (SNO) บอก Dagsavisen เมื่อเดือนที่แล้วว่าเขากลัวว่าจำนวนที่แท้จริงคือหลายพันตัว

พวกนกสูญเสียแหล่งอาหารที่สำคัญของพวกเขา สังเกตเห็นหอยแมลงภู่ที่เรียกว่า blåskjell ในนอร์เวย์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพบเฟื่องฟูไปตามฟยอร์ดและยังถูกมองว่าเป็นอาหารอันโอชะสำหรับการบริโภคของมนุษย์ Fjeld ตั้งข้อสังเกตว่า ' ปลาค็อด ' ในน่านน้ำนอกภาคเหนือของนอร์เวย์ก็หายไปพร้อมกับปลาสีขาวยอดนิยมอื่น ๆ เช่น sei, lyr และ hvitting (ทั้งหมดคล้ายกับว่าจากมลพิษ)

ในขณะเดียวกัน ก่อนหน้านั้นมีสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่ไม่ต้องการในระบบนิเวศ ย้ายเข้ามารวมทั้งหญ้าทะเลและสาหร่ายชนิดใหม่และหอยนางรม( oysters )ที่มีเปลือกแหลมที่คมกริบ >https://www.newsinenglish.no/2016/11/21/oyster-invasion-both-blessing-and-curse/
และซึ่งมีปัญหามาตลอดคือ เฟินริกไม่น้อยในบริเวณรอบ ๆ Fredrikstad และ เกาะ Hvaler Fjeld กล่าวว่า "นำเสนอความท้าทาย" ให้กับนกและสัตว์สายพันธุ์อื่น ๆ ที่ทำให้เมนูของพวกมันแย่มากขึ้น

+สิ่งที่คาดเดาอีกอย่าง คือ
พลาสติก ระบาด

น้ำของ Oslo Fjord ได้รับการทำความสะอาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากอุตสาหกรรมสำคัญ ๆ ถูกยกให้บริเวณริมน้ำราคาแพงแก่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แทนที่จะเป็นอู่ต่อเรือและโรงงาน

อย่างไรก็ตามยังมี“ พลาสติกจำนวนมากในน้ำ” Fjeld กล่าวกับ Dagsavisen แม้จะมีความพยายามระดับชาติในการควบคุมและทำความสะอาดขยะพลาสติก แต่ก็พบว่ามี เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลทุกชนิดที่บริโภคโดยไม่ตั้งใจและเสียชีวิตเนื่องจากการขาดสารอาหาร
plastic in the water >https://www.newsinenglish.no/2017/02/08/whale-and-birds-killed-by-plastics/

ชายฝั่งของ Oslo Fjord และ Skaggerak ที่อยู่ไกลออกไปทางใต้ก็ถูกทิ้งร้างในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยเม็ดพลาสติกเล็ก ๆ หลายล้านเม็ดที่หกรั่วไหลออกมาจากภาชนะที่ชำรุดบนเรือระหว่างพายุในปลายเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทการเดินเรือและ บริษัท ประกันภัย ที่ทำขึ้นเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาด แต่จะไม่ช่วยสัตว์ทะเลที่อาจได้รับผลกระทบ
plastic pellets > https://www.newsinenglish.no/2020/04/30/plastic-pellet-spill-tied-to-container-ship/

ความอดอยากของเหล่าสัตว์

Malin Rokseth Teiten จากสถาบันสัตวแพทย์ของนอร์เวย์ยืนยันว่านกที่ตายแล้วที่ส่งไปทำการทดสอบโดยเจ้าหน้าที่ใน Telemark นั้นตายอย่างแน่นอนจากความอดอยาก “ พวกเขาขาดสารอาหารไม่มีไขมันเหลืออยู่และกล้ามเนื้อของพวกมันไม่สามารถรองรับปีกของมันได้อีกต่อไป” Teiten บอก Dagsavisen “ ระบบย่อยอาหารของพวกเขาว่างเปล่า” เธอบอกว่าหลายตัวถูกปรสิตจากพยาธิในขณะที่การทดสอบโรคไข้หวัดนกและการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นเป็นลบ

https://www.vg.no/nyheter/i/1n9ell/mystisk-aerfugl-doed-i-oslofjorden

https://www.newsinenglish.no/2020/05/04/oslo-fjord-ailing-as-birds-die-fish-gone/

นี่เป็นอีกแห่งที่ นก และ สัตว์ในระบบนิเวศน์ที่ตายอีกจากหลายๆแห่งในปี 2020 นี้
#Watchers