ติดตามสถานะการณ์

คลิปวีดีโอที่ดรามาในสื่อออนไลน์ฝั่งตะวันตก
* วีดีโอ หมอ พยาบาลแบกศพผู้ป่วยโควิด ( ไม่แน่ใจศพจริงหรือปลอม ) ซึ่งคล้ายกับพิธีแบกโลงเต้นของกานาในงานศพ Coffin dance
# ในการตีความในสังคมออนไลน์ฝั่งตะวันตกจำนวนมาก ตีความต่างๆนาๆ ดุเดือดอาทิ
1. ลบหลู่คนตาย ล้อเล่นกับศพมากเกินไป
2. ควรถอนใบอนุญาต และฟ้อง
3. ดูคึกคะนองไม่ให้เกรียรติ
4. สื่อถึงการพิชิตไวรัสล้มเหลว นั่นคือศพที่แบกมา
# ความเห็นอีกฝั่ง
1. ไม่ควรตีความมากเกินไป
2. อาจจะดีให้คนกลัว
# และมีความคิดเห็นต่างๆจำนวนมาก

 

สหรัฐ : คลิป Tumbleweed-nado ในรัฐวอชิงตัน
ได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนผ่านถนน

 

อังกฤษ : ยังคงยืดมาตรการ ล็อคดาวน์ต่อจนกว่า
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลงต่ำกว่าร้อยราย /วัน
ซึ่งในวันที่ 30 เมษายนวันเดียวติดเชื้อถึง 6032 ราย
อังกฤษยอดติดเชื้ออันดับ 4 ของโลก ยอดเสียชีวิตอันดับ 3 จากยอดเสียชีวิต และ ติดเชื้อที่สูงขึ้นมากเพราะอังกฤษเริ่มเก็บข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตตามสถานที่ต่างๆที่ไม่ใช่โรงพยาบาล อาทิบ้าน สถานดูแลผู้สูงอายุ ประเภท Home health care ซึ่งก่อนหน้าไม่ได้เก็บตัวเลข
* ผู้ติดเชื้อล่าสุด171,253 ผู้เสียชีวิต 26,771 ราย
dailymail

 

บราซิล : โรงพยาบาล Abelardo Santos เกิดการประท้วงเนื่องจาก สถานการณ์โควิดในบราซิลมีผู้ป่วยจำนวนมากโรงพยาบาลไม่พอ โรงพยาบาลแห่งนี้ต้องปิดรับผู้ป่วยนอก และต้องย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลออกไปที่อื่น เพื่อทำเป็นโรงพยาบาลฉุกเฉินโควิดอย่างเดียว ทำให้ญาติและผู้ป่วยไม่พอใจพังรั้วประตูโรงพยาบาล
*ผู้ติดเชื้อตอนนี้ 87,187 เสียชีวิต 6006 ราย

 

อินเดีย : การล็อคดาวน์ ห้ามประกอบพิธี ทำให้เถ้ากระดูกล้นไม่มีที่เก็บ ปกติพวกเขาจะเอาเถ้ากระดูกไปลอยลงแม่น้ำเมื่อเผาเสร็จ หลังจากทางการสั่งล็อคดาวน์เผาเสร็จจะเก็บเถ้ากระดูกไว้ก่อน ปัญหาหลักสถานที่เก็บหลายแห่งล้นไม่เพียงพอ และจำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้น สถานการณ์ไวรัสในอินเดียตัวเลขล่าสุดติดเชื้อ 35,043 เสียชีวิต 1,154 ราย

 

เวียดนาม : ดาลัด ตลาดดาลัดผู้คนมาเดินเนืองแน่นอีกครั้งหลังจากผ่อนปรนจากปัญหาไวรัส และตรงกับวันหยุดยาวเวียดนาม อุณหภูมิดาลัดตอนนี้ กลางวัน 28 องศา กลางคืนประมาณ 20 องศา

Cr:cafebiz vn

 

Make America Great Again in [poor] Michigan

เสมือนว่าอเมริกันกำลังจะเป็นบ้า โดยเฉพาะพวกที่สนับสนุนทรัมป์ ที่ถึงขั้นพากันขนปืนไปเรียกร้องเสรีภาพจากการถูกกักกันที่ทำเนียบของข้าหลวงแห่งมิชิแกน จนเจ้าหน้าที่ต้องสวมเสื้อเกราะกันกระสุนเตรียมต้อนรับสถานการณ์ ในขณะที่อยู่ห่างกันหกนิ้วแทนหกฟุต ตะโกนกันเสียงดังกึกก้อง

ขอเรียนว่าหนึ่งอย่างที่สุดแสนอเมริกันในที่นี้ คือกฏของการมีปืนแล้วนำมันติดตัว ในที่นี้คือมิชิแกน

ที่ว่า หนึ่ง จะต้องให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่ามีปืนติดตัว เช่นในภาพ (ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะซ่อนมันท่าไหนหรือที่ตรงไหน)

และสอง มีความตั้งใจที่จะทำตัวถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ(คือฆ่าคนแล้วจงหาทางเลี่ยงกฏหมายให้ได้ เป็นต้นว่าป้องกันตัวเอง)

เพราะทรัมป์บวกกับโควิด เราจึงเห็นสิ่ง ...และประสาทที่วิปริตของอเมริกัน ซึ่งขอบคุณสวรรค์ เพราะแท้จริงแล้ว ในที่นี้ นี่คือคนประมาณสองร้อยคนของพลเมืองเกือบ ๑๐ ล้านคนของมิชิแกน หรือไม่ใช่จำนวนมาก

และหากไม่มีทรัมป์ เราอาจไม่เห็นคนพวกนี้เลย

ฉะนั้นการเลือกผู้นำสำคัญมากนะครับ

เลือกผิด คนตายไปแล้วกว่าหกหมื่นคนในสามเดือนที่อเมริกา

และยังจะตายกันอีกเยอะ เพราะติดกันเรียบร้อยแล้วในระดับล้าน

เครดิตคุณ Kiccha
Lawmakers were seen wearing bulletproof vests as armed protesters stormed Michigan's Capitol in Lansing just moments before the state's House of Representatives denied Gov Gretchen Whitmer's request to extend her state of emergency.

Photos from inside the Michigan House Chamber showed elected officials wearing bulletproof vests while men holding guns stood above them.

In Michigan, guns are permitted inside the state's Capitol as long as they are visible and carried with lawful intent.

Protesters, who weren't wearing masks, were seen yelling within inches of officers from the Michigan State Police.

 

เพราะคนตายเกือบสองหมื่นคนทั้งเดือนเมษายนที่นิวยอร์ก ประมาณ ๘๐๐ คนต่อหนึ่งวัน

นี่ยังไม่นับผู้ป่วยโควิดที่ตายกันที่บ้านโดยไม่ได้รับการตรวจตราเลย ซึ่งเชื่อว่ามีในจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ

และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจำนวนของคนตายที่นิวยอร์กลดน้อยลง

แต่ปัญหาที่มีเกี่ยวกับการจัดการศพของทั้งเดือน ...ทับถมจนนิวยอร์กหมดที่เผา ที่ฝัง

ทุกบ้านงานศพ (funeral home)และสถานเก็บศพ(morgue) มีแต่ศพรอคอยจัดการ

บ้างกองกันอยู่ใต้ถุน บ้างในห้องรับแขกและออฟฟิศของบ้านงานศพแล้วเปิดเครื่องทำความเย็นสูงสุด ...บ้างถูกทิ้งไว้ในรถตู้เย็นมาแล้วเป็นอาทิตย์ ๆ

และบ้างเน่ากันอยู่ในรถโกดังกลางถนน

...ว่าเป็นโหล ๆ ที่เน่ากันอยู่ในนั้น ที่แขวงบรูกลิน ...ตามข่าวจากนิวยอร์กไทม์ส

ทั้งนี้เพราะบ้านงานศพของฝรั่งนั้นคือบ้านธรรมดา ที่อยู่ติดกับบ้านอื่น ๆ หรือห้องแถวหรือกิจการอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่ว่ามีที่ทางกว้างขวางเหมือนวัดของเรา ฉะนั้นชาวบ้านที่อยู่ติดใกล้บ้านงานศพ จึงเหม็นกลิ่นศพกันอย่างช่วยอะไรไม่ได้เลย

ไม่นับว่าญาติของศพหาศพไม่เจอ หรือสับสนไปหมด ว่าศพใดอยู่ในห่อไหน ในรถคันไหน หรือสถานที่เก็บศพใด

หรือหากพบแล้วก็จะทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ประสาทเสีย โดยเฉพาะศพของครอบครัวเดียวกัน เช่นพ่อแม่และลูกที่ตายไล่เรี่ยกันเพราะโควิด ๑๙

แต่ศพอยู่กันคนละที่ละทาง หากันจากโกดังต่อโกดัง จากมอร์กต่อมอกร์ วุ่นวายเดือดร้อนกันไปหมด ทั้งคนเป็นและคนตาย

จึงหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดอีก ณ ที่ไหนทั้งสิ้นในโลกนี้

เพราะจำได้ไหมครับถึงเนื้อเพลงของนิวยอร์ก นิวยอร์ก ที่มีว่า
เครดิตคุณ Kiccha
IF YOU CAN MAKE IT THERE: YOU'LL MAKE IT ANYWHERE.

IT'S UP TO YOU >>> NEW YORK, NEW YORK.

With more than 18,000 announced fatalities and a total death toll that is almost certainly higher, the coronavirus crisis is the worst mass casualty event to hit New York since the Spanish flu pandemic a century ago.

At the height of the outbreak in April, a New Yorker was dying almost every two minutes — more than 800 per day, or four times the city’s normal death rate. And though the daily toll has recently slowed, hundreds of bodies are still emerging each day from private homes and hospitals.

While hospitals bore the initial brunt of the crisis as sick people flooded emergency rooms, the sheer volume of human remains has pushed the system for caring for the dead to its limits, too: Hospital morgues, funeral homes, cemeteries and crematories are all overflowing and backed up.

The scale of the problem was brought into sharp relief on Wednesday afternoon, when the police found dozens of decomposing bodies stashed inside two trucks outside a funeral home on Utica Avenue in Brooklyn.

The owner, Andrew T. Cleckley, said he had nowhere else to put them, adding simply: “I ran out of space.”

What happened in Brooklyn appears to be an extreme case, and state health officials said on Thursday they would investigate the matter.

But in the last two months, funeral home directors have begun to store bodies in viewing rooms and chapels, turning up their air-conditioning systems to avoid decomposition. Some are transporting bodies to other cities and states to be cremated.

Some hospitals ran out of body bags — the city has since distributed 20,000 — and others have used forklifts to transfer piles of corpses into makeshift mobile morgues. So many people have been dying at home that the medical examiner's office has turned to teams of soldiers working around the clock to pick them up.

Cemetery administrators have been scrambling to meet the need for burials, and the city’s four crematories are backed up for weeks. To stave off a secondary public health emergency, any bodies left unclaimed for 14 days were, for a time, being buried at a potter’s field on Hart Island in the Bronx.

For the families of the dead, the overloaded system has turned the already painful act of mourning into a kind of anxious torture. Some have found it hard to track the bodies of their loved ones as they move from morgue to morgue. Others have had trouble hiring hearses, which are now in high demand.

Text: The New York Times
Pictures: The DaillyMailUK.com

 

ปลัดคลังขู่โคววิดระบาดรอบสองหมดเงินจ่ายเยียวยา กู้ยากหนี้สาธาณะสูง



https://www.posttoday.com/finance-stock/news/622379

 

ทรัมป์ขู่ซาอุฯให้หยุดผลิตน้ำมันเพิ่ม ไม่งั้นถอนความช่วยเหลือทางทหาร
.
ช่วงนี้นอกจากเรื่องปัญหาโควิด19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักในสหรัฐอเมริการและหลายประเทศในยุโรปแล้ว ประเด็นปัญหาราคาน้ำมันเองก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะราคามันร่วงลงมาอย่างน่าตกใจ
.
แม้ผู้บริโภคแบบเราจะยิ้มล่าแฮปปี้เพราะกำลังจะได้ใช้น้ำมันในราคาที่แสนจะถูกในรอบหลาย 10 ปี แต่สำหรับผู้ผลิต และโรงกลั่นนั้น นี่มันคือหายนะชัดๆ และนักธุรกิจเหล่านี้ก็ไม่ได้ปลื้มนักกับราคาน้ำมันที่ตกลงมา
.
ทั้งนี้ปัญหาราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องเป็นผลสำคัญมาจากการเปิดศึกช่วงชิงตลาดน้ำมันระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกโดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย กับประเทศนอกกลุ่มอย่างรัสเซีย
.
สองประเทศนี้ต่างมีน้ำมันปริมาณมาก แน่นอนครับราคาน้ำมันก็เหมือนราคาสินค้าทั่วไปที่เดินไปตามกลไกตลาด ถ้าคนต้องการมาก แต่สินค้ามีน้อย แน่นอนสินค้านั้นก็มีราคาแพง ในทางตรงกันข้ามเมื่อคนผลิตทำออกมามาก แต่ไม่มีคนจะใช้ ของนั้นก็จะราคาถูก
.
ฉะนั้นหลายปีที่ผ่านมาเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันให้มันมีเสถียรภาพ และขายได้ในราคาสูง พวกประเทศผู้ผลิตน้ำมันเขาเลยคุยกันว่าแต่ละปีจะผลิตออกมาเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้มันล้นตลาด จนราคาตก
.
ซึ่งปีที่ผ่านมาความเห็นของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันกับประเทศนอกกลุ่มโดยเฉพาะรัสเซียนั้นเห็นไม่ตรงกันเรื่องการกำหนดสัดส่วนการผลิตน้ำมัน เพราะรัสเซียไม่ต้องการลดสัดส่วนการผลิตของตัวเอง
.
ทำให้เกิดเป็นศึกแย่งสัดส่วนการตลาดน้ำมันกันในโลกขึ้น เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดอัตราการผลิตน้ำมันของตัวเอง ในสภาพที่ความต้องการน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่องนี้
.
ส่งผลให้เกิดสภาพน้ำมันล้นโลก แน่นอนครับเมื่อคนผลิตของออกมามาก แต่คนใช้มีน้อย นั่นหมายถึงราคาที่ลดต่ำลงมา เพราะคนซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อจากใคร คนขายเลยต้องลดราคามาแข่งกันเพื่อให้ของตัวเองขายได้ เพราะมันผลิตออกมาแล้ว
.
ถึงแม้ว่าทั้งรัสเซียกับซาอุฯ จะรู้ตัวว่างานนี้เจ็บตัวทั้งคู่แน่ ๆ แต่ก็ยอมกันไม่ได้เพราะนั่นหมายถึงการเสียลูกค้าไปหากใครคนใดคนหนึ่งยอมถอย แต่เรื่องนี้ประเทศที่เป็นเดือดเป็นร้อนที่สุดกลับไปอยู่กับเหล่าประเทศผู้นำเข้าน้ำมันอย่างสหรัฐ และสิงคโปร์
.
เพราะประเทศเหล่านี้เป็นแหล่งซื้อขายน้ำมัน และการซื้อขายทำกันล่วงหน้า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ธุรกิจขายน้่ำมันของประเทศเหล่านี้จวนเจียนจะล้มไม่เป็นท่า เพราะตอนก่อนหน้าโน้นซื้อน้ำมันมาอย่างแพง แต่ตอนนี้ถูกลงสะอย่างนั้น ทำให้ต้องพยายามรักษาความเสี่ยงของราคาเอาไว้
.
เราจึงแทบไม่รู้สึกว่าราคาน้ำมันมันลดลงมากมายนัก เพราะประเทศเหล่านี้ไม่ยอมลดราคาน้ำมันลง เพราะมันหมายถึงการขาดทุนจำนวนมหาศาล แต่แรงกดดันจากผู้ซื้อก็เป็นส่วนสำคัญทำให้ราคาน้ำมันจะค่อย ๆ ขยับลงเรื่อย ๆ ไม่ใช่ลงทันที
.
ยิ่งราคาน้ำมันลงเยอะ โรงกลั่นและธุรกิจน้ำเข้าพลังงานก็ขาดทุนมากเท่านั้น ทำให้ตอนนี้หลายบริษัทน้ำมันในสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์จวนเจียนจะล้มละลายในไม่ช้านี้
.
สถานการณ์หนักสุดคงจะเป็นอเมริกา เพราะน้ำเข้าน้ำมันปริมาณมหาศาลจากประเทศอ่าว จนล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ของอเมริกา ต้องยกหูตรงไปที่มกุฎราชกุมารของซาอุฯ เพื่อคุยเรื่องปัญหาน้ำมัน
.
ทรัมป์บอกชัดว่า "ให้ตัดสินใจเอานะว่าจะหยุดสงครามนี้โดยหยุดผลิตน้ำมันเพิ่ม หรือแกจะให้ฉันผ่านกฎหมายเลิกสนับสนุนกำลังทางทหารในพื้นที่ตะวันออกกลาง"
.
งานนี้ก็ทำเอาซาอุ ต้องหนักใจเพราะสหรัฐอเมริกาถือเป็นหุ้นส่วนทางด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงที่สำคัญในภูมิภาคนี้ในการคานอำนาจกับประเทศอิหร่าน
.
ทั้งนี้ทางการซาอุฯ ยังไม่ได้ออกมาให้ข่าวอะไรเพิ่มเติม แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเรื่องนี้นั้น เพียงลำพังซาอุฯ ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ จำเป็นต้องมีความเห็นร่วมกันกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มและนอกกลุ่มด้วย
.
#กระแสเอเชียใต้ #พูดทั้งโลก #น้ำมัน #สหรัฐอเมริกา #ซาอุดิอาระเบีย #รัสเซีย

 

โควิด-19 กระทบหนัก ยอดขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ แตะ 30 ล้าน

May 1, 2020
วอชิงตัน, 30 เม.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันพฤหัสบดี (30 เม.ย.) สำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ (BLS) ระบุว่าจำนวนการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.8 ล้านคน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั่วประเทศ ทำให้ยอดขอรับสิทธิในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมารวมอยู่ที่ 30 ล้านคน

สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 เม.ย. มีชาวสหรัฐฯ ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลง 603,000 คนจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 3,839,000 คน

ข้อมูลล่าสุดได้รับการเผยแพร่ 1 วันหลังกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ระบุว่าจีดีพีที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2020 หดตัวลงร้อยละ 4.8 ต่อปี เนื่องจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008

มาตรการปิดเมืองเนื่องด้วยโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคแรงงาน ทำให้ยอดการยื่นขอสวัสดิการว่างงานพุ่งสูงถึง 3 ล้านคน และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มี.ค. ด้วยตัวเลข 3.3 ล้านคน และเพิ่มอีก 3.34 ล้านคน ขึ้นมาอยู่ที่ 6.87 ล้านคนในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.

ยอดรวมของสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย.อยู่ที่ 6.62 ล้านคน และลดลงมาอยู่ที่ 5.2 ล้านคนในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 เม.ย. ก่อนจะลดต่อเนื่องมาอยู่ที่ 4.4 ล้านคนในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย.

รายงานใหม่ของสำนักงานฯ เผยว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในช่วง 4 สัปดาห์ ซึ่งประเมินเพื่อลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ลดลง 757,000 คน อยู่ที่ 5 ล้านคน

สำนักงานฯ ระบุว่าโรคโควิด-19 “ยังคงส่งผลกระทบต่อยอดการยื่นขอสวัสดิการว่างงานและการประกันว่างงานอย่างต่อเนื่อง”

รายงานระบุว่าอัตราประกันว่างงานฉบับปรับแก้ตามฤดูกาลของสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. อยู่ที่ร้อยละ 12.4 เพิ่มขึ้น 1.5 จุดจากอัตราเดิมของสัปดาห์ก่อน

การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในรอบครึ่งปีของสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน ซึ่งได้รับการเผยแพร่ช่วงต้นเดือนเมษายนระบุว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะหดตัวร้อยละ 8.0 ในปี 2020 และอัตราการว่างงานจะพุ่งสูงสุดราวร้อยละ 20 ช่วงต้นฤดูร้อน

 

กลัวซะที่ไหน... ปชช.ไม่สนโควิด-19 แห่กลับบ้านหยุดยาว
“ถ.มิตรภาพ” มุ่งหน้าอีสานรถแน่น
.
กลัวซะที่ไหน...ประชาชนไม่สนโควิด- 19 แห่กลับบ้านช่วงหยุดยาวหลายวัน ทำถนนมิตรภาพ ผ่านโคราชมุ่งหน้าอีสานรถหนาแน่นทั้งวัน เช่นเดียวกับทางหลวง 304 ผ่านวังน้ำเขียว มุ่งสู่อีสาน
.
วันนี้ ( 1 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนมิตรภาพ ช่วงกิโลเมตร (กม.) ที่ 35 หน้าองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค) อ. มวกเหล็ก จ. สระบุรี รอยต่อเข้าสู่ประตูอีสาน ขึ้นมอกลางดง อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา มุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน มีปริมาณรถยนต์เป็นจำนวนมาก หลังจากตลอดช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ภาครัฐได้รณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติและเข้มงวดการเคลื่อนย้ายเดินทาง ทำให้ถนนมิตรภาพ มีปริมาณรุน้อยมาก สามารถวิ่งกันได้อย่างสบายและใช้ความเร็วได้ตามกฎหมายกำหนด
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/local/detail/9630000045820
#mgronline #ไม่สนโควิด-19 #กลับบ้าน #วันหยุดยาว #รถแน่น

 

ตลาดมหาชัยแน่น! แห่ชอปอาหารทะเลรับวันหยุดยาว
คนพื้นที่หวั่นโควิด-19 ระลอกใหม่
.
พบตลาดมหาชัย สมุทรสาคร มีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของอาหารทะเลคึกคัก หลังไม่เห็นบรรยากาศแบบนี้มานานกว่าเดือน คนสมุทรสาครส่วนหนึ่งกังวลว่าจะเกิดโรคระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่
.
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่ตลาดมหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาจับจ่ายซื้อของ โดยเฉพาะอาหารทะเลสด เกิดการจราจรหนาแน่นในเขตเทศบาลนครสมุทรสาคร หลังตรงกับวันหยุดยาว 4 วัน ได้แก่ วันแรงงานแห่งชาติ 1 พ.ค. วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันฉัตรมงคล 4 พ.ค. ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเดินทางท่องเที่ยว โดยไม่สนใจมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000045724
#mgronline #ตลาดมหาชัย #ชอปอาหารทะเล #วันหยุดยาว #จราจรหนาแน่น #โควิด-19

 

#อัปเดตยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19
ไทยติดเชื้อเพิ่ม 6 ราย
เสียชีวิต 0 ราย
เสียชีวิตสะสม 54 ราย
1 พฤษภาคม 2563
.
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวประจำวัน ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย ตัวเลขต่ำสุดและหลักเดียวต่อเนื่อง ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,960 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยแล้วรวมทั้งสิ้น 2,719 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้นอีก 32 ราย และวันนี้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงอยู่ที่ 54 ราย
.
สำหรับยอดผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาลนั้นเหลืออยู่ 187 ราย ถือเป็นยอดต่ำสุดของ โดยตั้งแต่เมื่อวานนี้ - วันนี้ มีรายงานผู้ที่เดินทางในหลายเส้นทาง บางสายรถติดด้วย เนื่องจากสถานการณ์หยุดยาว
.
กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ พบไปตลาดใน กทม. 1 ราย และการค้นหาเชิงรุกที่ ยะลา บันนังสตา 5 ราย สำหรับ ผู้ป่วย 1 รายใน กทม. นั้นเป็นชายไทย 60ปี ประวัติไปตลาดแห่งหนึ่งในกทม. - กลุ่มจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมาก ยังคงเป็นกลุ่มเดิม และ 9 จังหวัดไม่พบผู้ป่วยยังคงเดิม กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ หนองคาย ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 28 วันที่ผ่านมา
.
#mgronline #covid19

 

จังหวัดฮอกไกโดทางตอนเหนือของญี่ปุ่นกำลังพบการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สอง โดยคาดว่าสืบเนื่องจากที่รัฐบาลท้องถิ่นคลายมาตรการล็อกดาวน์ เร็วเกินไป โดยทางการท้องถิ่นฮอกไกโดได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยการให้ภาคธุรกิจ และโรงเรียนกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อรายวันเหลือเลขหลักเดียว
.
จนเมื่อกระทั่งวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ฮอกไกโดตั้งประกาศปิดเมืองอีกครั้ง จาก 26 วันให้หลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ฮอกไกโดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในสัปดาห์เดียวเพิ่มขึ้น 135 ราย โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีตัวเลขผู้ป่วยใหม่เพิ่มสูงถึง 38 ราย มากสุดในรอบหลายสัปดาห์หลังจากคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้เกาะฮอกไกโด ซึ่งมีประชากรทั้งหมดราว 5.3 ล้านราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 767 ราย เสียชีวิตแล้ว 27 คน
.
โดยนายแพทย์ Kiyoshi Nagase ประธานสมาคมแพทย์ฮอกไกโด ได้เผยกับสื่อว่า รัฐบาลท้องถิ่นผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไป โดยมาตรการเหล่านี้ควรใช้ไปจนถึง อย่างน้อยปีหน้า จึงสามารถคลายล็อกดาวน์ลงได้
.
สอดคล้องกับ Yoko Tsukamoto ศาสตราจารย์ด้านการควบคุมการติดเชื้อจากมหาวิทยาลัย Health Sciences University of Hokkaido กล่าวว่า เข้าใจถึงความต้องการคลายล็อกดาวน์ของภาครัฐ เพื่อลดผลกระทบด้านต่างๆ แต่ในเวลานี้้ยังถือว่าเร็วเกินไป เพราะยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ และยังขาดความเข้าใจอีกมากเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19
.
ทั้งนี้ คาดว่าปัจจัยที่ทำให้ฮอกไกโดกลับมาพบการระบาดรอบสองเนื่องจาก รัฐบาลท้องถิ่นประเมินเฉพาะปัจจัยจากผู้อพยพเข้าเมือง จะทำให้ไวรัสระบาดบนเกาะหรือไม่ แต่ไม่ได้คำนึงถึงการอพยพโยกย้ายของพลเมืองบนเกาะด้วยกันเอง

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.posttoday.com/world/622345
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

เดือดร้อนกันถ้วนหน้าในช่วงนี้วิกฤตไวรัสโควิด-19 ไม่พ้นแม้กระทั่งคนที่ทำงานประจำ หรือมีประกันสังคมมาตรา33 อยู่ แต่ตอนนี้กลับว่างงานโดนพักงาน จนต้องแจ้งกับประกันสังคมว่าว่างงานเพื่อรับมาตรการช่วยเหลือจากประสังคม ปรากฏว่าล่าสุด ประกันสังคมได้ออกมาชี้แจงว่า ตอนนี้มีเงินจ่ายแค่ 3 แสนคนเท่านั้น ส่วนอีกกว่า 1 ล้านคนที่แจ้งว่าว่างงาน ต้องรอทางนายจ้างส่งหนังสือรับรองมากก่อน ถึงจะสามารถดำเนินตามมาตรการได้
.
โดยประกันสังคมชี้แจงว่า ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้เร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือในการจ่ายสิทธิประโยชน์ กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในกรณีนี้ ผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ และไม่ได้รับค่าจ้าง ไม่ว่านายจ้างจะหยุดประกอบกิจการเอง หรือหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งของทางราชการ ผู้ประกันตนมีสิทธิรับเงินกรณีว่างงาน 62% ของค่าจ้างรายวันไม่เกิน 90 วัน
.
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้เปิดช่องทางให้บริการขอรับสิทธิประโยชน์ว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย เพื่อรองรับมาตรการดังกล่าวเป็นการเฉพาะ โดยผู้ประกันตนจะต้องยื่นขอรับสิทธิ และนายจ้างมีหน้าที่รับรองการหยุดงานของลูกจ้างอันเนื่องเหตุสุดวิสัยผ่าน e-form บนหน้าเว็บไซต์ www.sso.go.th
.
ผลปรากฎว่าขณะนี้มีผู้ประกันตนยื่นคำรองรับสิทธิจำนวนกว่า 1 ล้านราย สำนักงานประกันสังคมได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูล และวินิจฉัยสั่งจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนไปแล้วจำนวนกว่า 300,000 ราย ทั้งนี้เป็นผู้ประกันตนที่เข้าข่ายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 75 ของกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานอีก 200,000 ราย

-------------------------------
แหล่งที่มา

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/878691
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

วันนี้ ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีของประเทศสิงคโปร์ ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันแรงงาน เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 และนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ ที่ในวันแรงงานแบบนี้ต้องกล่าวสุนทรพจน์ทางระบบไลฟ์ สตรีมมิ่ง
.
โดยลีเซียนลุง นายกสิงคโปร์ ได้เตือนว่า “หลายสิ่งจะไม่กลับไปเป็นดังเดิม เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว บางอุตสาหกรรมได้ถูก disrupt ไปอย่างอย่างถาวร หลายบริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยน business model ของตนเอง และอาชีพบางอาชีพกำลังจะหายไป คนงานต้องยอมรับการลดเงินค่าจ้างเพื่อให้บริษัทสามารถไปต่อไปได้”
.
ลีเซียนลุง ระบุเพิ่มเติมว่า บางทีกลุ่มแรงงานต้องยอมปรับตัว และเข้ารับการเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมครั้งใหม่ เพื่อหางานทำในภาคส่วนอื่นๆ โดยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ ในช่วงนโยบายล็อกดาวน์ ทำให้คนในประเทศต้องปรับตัวสู่การทำงาน และใช้ชีวิตในระบบสื่อสารทางไกล การซื้อสินค้า รวมถึงการเรียนผ่านระบบออนไลน์ และทุกคนควรมองหาโอกาสใหม่ๆ ในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มากกว่ากลับไปอยู่ในความคุ้นชินแบบเดิม
.
ลีเซียนลุง กล่าวต่อว่า ภาคอุตสาหกรรมบางส่วนของสิงคโปร์ยังคงเติบโต เข้มแข็ง และต้องการแรงงานมากขึ้น อาทิ การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ การผลิต และขนส่ง อาหาร รวมถึงไอที โดยรัฐบาลมีแผนที่จะ เริ่มต้นใหม่อย่างก้าวหน้า หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง โดยเขายืนยันว่ารัฐบาลจะยังคงเฝ้าดูติดตาม และตรวจหาผู้ติดเชื้อ เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเริ่มต้นอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
.
นายกฯ สิงคโปร์ ทิ้งท้ายว่า ไวรัสโควิด-19 คือความท้าทายของยุคสมัย เชื้อตัวนี้มันเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ มองไม่เห็นแต่กลับน่าหวาดเกรง แต่มันเป็นคราวของเราแล้ว ที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า ชาวสิงคโปร์คู่ควร และพร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความท้าทายเบื้องหน้า และผมหวังว่าชาวสิงคโปร์ทุกคนจะมีสุขภาพที่แข็งแรง และมีความสุขในวันแรงงาน

-------------------------------
แหล่งที่มา

https://www.scmp.com/week-asia/poli...sappear-coronavirus-speeds-digital-disruption

https://www.channelnewsasia.com/new...panies-workers-take-long-view-pm-lee-12692086
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

อิหยังวะ! WHO มาแปลก
ชื่นชม "สวีเดน" เป็นตัวอย่าง New Normal
ไม่ล็อกดาวน์ ให้ประชาชนตัดสินใจกันเอง
ในขณะที่ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต
สูงกว่าประเทศสแกนดิเนเวียหลายเท่า
-------------------------
เว็บไซต์ นสพ.New York Post สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว WHO lauds lockdown-ignoring Sweden as a ‘model’ for countries going forward อ้างความเห็นของ ไมค์ ไรอัน (Mike Ryan) หรือ ไมเคิล ไรอัน (Michael Ryan) ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉินด้านสุขภาพ องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ระบุว่า สวีเดนเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการให้ประชาชนดูแลตนเองท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 แทนที่จะใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์ (Lockdown)” ปิดสถานที่ต่างๆ เพื่อตัดกิจกรรมรวมกลุ่มอันเป็นช่องทางการระบาดอย่างประเทศอื่นๆ
.
“แทนที่จะล็อกดาวน์ สวีเดนเลือกใช้การวางนโยบายสาธารณะที่เข้มแข็งเกี่ยวกับการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และปกป้องผู้คนที่อยู่ในสถานพักฟื้นระยะยาว สิ่งที่แตกต่างคือมันต้องอาศัยความสัมพันธ์กับพลเมือง ขณะที่ประชาชนเองก็ต้องควบคุมและดูแลตนเอง ในแง่นั้น รัฐบาลสวีเดนดำเนินนโยบายสาธารณะผ่านการเป็นหุ้นส่วนกับประชากร ผมคิดว่าถ้าจะกลับไปสู่วิถีชีวิตปกติรูปแบบใหม่ (New Normal) สวีเดนเป็นตัวอย่างสำหรับสังคมที่ไม่มีการล็อกดาวน์” ไรอัน กล่าว
.
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ถึงกระนั้น ณ วันที่ 30 เม.ย. 2563 ประเทศสวีเดนที่มีประชากร 10.3 ล้านคน ก็มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมถึง 20,300 คน และเสียชีวิต 2,462 ราย สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มสแกนดิเนเวียที่ใช้มาตรการจำกัดพฤติกรรมต่างๆ ของประชาชนที่เข้มงวดกว่า อาทิ เดนมาร์ก มีประชากร 5.8 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อ 9,206 คน เสียชีวิต 443 ราย นอร์เวย์ มีประชากร 5.4 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อ 7,680 คน เสียชีวิต 207 ราย และ ฟินแลนด์ มีประชากร 5.5 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อ 4,906 คน เสียชีวิต 206 ราย
.
อนึ่ง ที่ผ่านมานโยบายไม่ปิดเมืองในสวีเดนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เช่น มีนักวิชาการ 2,300 คน ลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลสวีเดน เรียกร้องให้ทบทวนมาตรการรับมือกับไวรัสโควิด-19 ที่หละหลวมเกินไป อาทิ ศ.เซซิเลีย โซเดอเบิร์ก-น็อคเลอร์ (Cecilia Soderberg-Naucler) นักวิชาการจากสถาบัน Karolinska กล่าวว่า ต้องควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามไปสู่ความสับสนวุ่นวาย ในเมื่อไม่มีที่ใดได้ทดลองแนวทางนี้มาก่อน แล้วเหตุใดสวีเดนต้องกลายเป็นที่แรกโดยปราศจากความยินยอมด้วย
.
ส่วน "ทรัมป์" เหน็บ "สวีเดน-WHO" ปล่อยระบาดจนคนตาย ส่วนสหรัฐฯตัดสินใจถูกต้องแล้ว
.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี(30เม.ย.) เหน็บแนมสวีเดนที่ไม่ออกคำสั่งล็อกดาวน์สกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) อ้างสหรัฐฯตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว หลังจากองค์อนามัยโลกยกย่องประเทศแถบสแกนดิเนเวียแห่งนี้ต่อการใช้แนวทางสายกลางรับมือกับวิกฤตโรคระบาดใหญ่

"แม้รายงานข่าวต่างๆจะออกมาในทางตรงกันข้าม สวีเดนกำลังชดใช้อย่างแสนสาหัสต่อการตัดสินใจไม่ล็อกดาวน์ จนถึงวันนี้มีคนตายที่นั่นแล้ว 2,462 คน มากกว่าบรรดาประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก นอร์เวย์(207คน), ฟินแลนด์(206คน) หรือ เดนมาร์ก(443คน) ทรัมป์ทวีต "สหรัฐฯตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว!"

สวีเดนกำหนดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมโดยสมัครใจจำนวนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วได้ปล่อยให้เศรษฐกิจและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปตามปกติ โดยโรงเรียน ภาคธุรกิจต่างๆและกิจกรรมสันทนาการต่างๆยังคงเปิดตามปกติ แต่ไม่อนุญาตให้จัดการแข่งขันกีฬาและการรวมตัวของคนหมู่มากเกิน 50 คน
..
แม้มีเสียงเตือนจากบรรดาพวกผู้เชี่ยวชาญว่ายุทธศาสตร์อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์แห่งการสังเวยชีวิตผู้คน แต่แนวทางของประเทศแห่งนี้กลับได้รับการเชิดชูจากกลุ่มคนที่เคลือบแคลงใจต่อมาตรการล็อกดาวน์ ด้วยคนเหล่านี้มองว่าคำสั่งล็อกดาวน์เป็นยุทธศาสตร์ผิดๆและก่อความเจ็บปวดโดยไม่จำเป็น
.
ในขณะที่ชาวอเมริกันและชาวยุโรปส่วนใหญ่ได้รับคำเตือนว่าข้อจำกัดอันเข้มข้นอาจยืดเยื้อนานกว่าที่เคยสัญญาไว้ในทีแรก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกสอง แต่เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำสหรัฐฯกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นโยบาย 'Herd Immunity' หรือ ภูมิคุ้มกันหมู่ (เป็นวิธีการสร้างภูมิต้านทานเชื้อโรค โดยปล่อยให้ประชากรกลุ่มหนึ่งติดเชื้อ และสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้เอง) น่าจะบรรลุเป้าหมายในสตอกโฮล์มในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.naewna.com/inter/489977
- https://mgronline.com/around/detail/9630000045577
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

วันนี้ในเฟซบุ๊กของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ยาต้านไวรัสรักษาโควิด-19 “ยาเรมเดซิเวียร์” โดยระบุว่า
.
ยาต้านไวรัสรักษาโควิด-19 Remdesivir ยานี้เป็นยาใหม่ ที่ยังไม่ได้ผ่านการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในการรักษาโรค เคยมีการมารักษาโรคปอดบวมตะวันออกกลาง ยาจะไปขัดขวางการเพิ่มจำนวน RNA ของไวรัส

ยานี้เป็นยาของบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการศึกษานำมาใช้รักษาโควิด-19 ที่มีการเผยแพร่ครั้งแรกในประเทศจีน แต่การศึกษายังไม่สมบูรณ์เพราะผู้ป่วยน้อยลง และได้มีการเผยแพร่ผลของการรักษา แบบเปรียบเทียบกับยาหลอกจำนวน 237 คน ในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก
.
ผลการรักษาไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ ระหว่าง Remdesivir กับยาหลอก จากการศึกษาเพิ่งออกมาใหม่ ที่ทำในหลายประเทศ โดยมีผู้วิจัยหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกา ทำการศึกษาเปรียบเทียบการให้ยา Remdesivir กับยาหลอกในผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 และมีอาการหนัก
.
ในจำนวน 1,063 คน พบว่าผู้ป่วยหายเร็วขึ้น และลดอัตราการตายจาก 11.6 เปอร์เซ็นต์ ลงเหลือ 8% ผู้ป่วยที่หายสามารถกลับบ้านได้เร็วกว่า ยานี้ต้องรอขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ และเป็นยาที่ใช้สำหรับฉีดเข้าเส้น ไม่ใช่ยารับประทาน
.
ข้อมูลต่างๆ ที่ยังเป็นความหวัง สำหรับผู้ติดเชื้อและมีอาการหนัก ยานี้ยังไม่มีใช้ในประเทศไทย ยังคงต้องรอและจะมีข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน ถ้าเราสามารถรักษาผู้ป่วยลดอัตราการเสียชีวิต ลดอัตราการ เป็นปอดบวมได้ ความวิตกกังวลต่างๆ ก็จะน้อยลง

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.facebook.com/yong.poovorawan
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

อินเดีย : ความหิวโหยในศูนย์กักโรค อิลลาฮาบาด
เจ้าหน้าที่กำลังแจกกล้วยให้พวกเขาทาน