ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    รัสเซีย
    น้ำท่วมฉับพลันที่ส่งผลต่อ sochi จากฝนที่ตกหนัก ในวันที่ 17 สิงหาคม


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    รัสเซีย
    น้ำท่วมอย่างรุนแรง น้ำทะเลเข้าสู่แผ่นดินใน sochi จากฝนตกหนักในวันที่ 17 สิงหาคม


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    กรีซ
    เงื่อนไขสำคัญสำหรับไฟป่าในเกาะ Evia ของกรีซ มีการประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ในสัปดาห์นี้ ไฟไหม้นานกว่า 3 วันก่อให้เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่ตามการประมาณการครั้งแรกไฟได้เผาที่ดิน 2,300 เฮกตาร์และ 10,000 ในพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ "ป่าแคบ" ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ NATURA 2000


    ไฟป่าก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไม่อาจประเมินได้ให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบนภูเขา ในพื้นที่กว่า 550 เฮกเตอร์ของ Agrilitsa และป่าสนโดยรอบ บริการจัดการเหตุฉุกเฉินของสหภาพยุโรปโคเปอร์นิคัส คาดการณ์ว่าไฟไหม้พื้นที่อย่างน้อย 2,300 เฮกตาร์ (เกือบ 5,700 เอเคอร์) ได้ถูกไฟไหม้


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สเปน
    ไฟไหม้ป่าใน valleseco เกาะ gran canaria วันที่ 17 สิงหาคม


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สเปน
    ไฟไหม้ป่าใน valleseco เกาะ gran canaria วันที่ 17 สิงหาคม


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี
    พายุลูกเห็บใน izmit ในวันที่ 17 สิงหาคม


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    รัสเซีย
    การระเบิดนิวเคลียร์ในรัสเซียทำให้ผู้เสียชีวิต 5 รายกรีนพีซกล่าวว่าระดับรังสีได้เพิ่มขึ้น 20 เท่า


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    รัสเซีย
    รัสเซียกล่าวว่าอาวุธใหม่ที่ระเบิดในอุบัติเหตุนิวเคลียร์


    การทดสอบขีปนาวุธที่ล้มเหลว ซึ่งสิ้นสุดลง โดยการระเบิดที่ฆ่านักวิทยาศาสตร์อะตอม5 คน ในทะเลรัสเซีย สีขาวนั้นเกี่ยวข้องกับแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่พวกเขาทำงานอยู่


    ชายผู้เสียชีวิตอนาถขณะทดสอบอุปกรณ์พิเศษใหม่ Alexei Likhachev ผู้อำนวยการบริหารการผูกขาดนิวเคลียร์ของรัฐ Rosatom ที่งานศพของเขาในวันจันทร์ที่ Sarov เมืองความปลอดภัยสูงที่อุทิศให้กับการวิจัยปรมาณูในระยะ 400 กิโลเมตร (250 ไมล์) ทางตะวันออกของกรุงมอสโกซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบัน


    ส่วนหนึ่งของศูนย์นิวเคลียร์แห่งชาติรัสเซีย (Vyacheslav Soloviev) ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ของสถาบันกล่าว ในแหล่งพลังงานขนาดเล็กว่าใช้ "วัสดุกัมมันตรังสีรวมถึงวัสดุฟิชไซล์และไอโซโทปรังสี" วิดีโอที่แสดงโดยโทรทัศน์ท้องถิ่น


    “ เรากำลังวิเคราะห์ห่วงโซ่เหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อประเมินทั้งขนาดของอุบัติเหตุและสาเหตุของเหตุการณ์” เขากล่าว


    การระเบิดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมในระหว่างการทดสอบเครื่องยนต์ขีปนาวุธที่ใช้แหล่งพลังงานไอโซโทปบนแพลตฟอร์มนอกชายฝั่งในภูมิภาค Arkhangelsk ใกล้กับ Arctic Circle, Rosatom กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ ในขั้นต้นมีรายงานจากกระทรวงกลาโหมว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งกล่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทดสอบเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงเหลว กระทรวงไม่ได้กล่าวถึงองค์ประกอบนิวเคลียร์


    รังสีสูงสุด


    มันทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นสั้น ๆ ในพอร์ตใกล้เคียงของ Severodvinsk ซึ่งถูกถอนออกในภายหลัง สถาบัน Sarov โพสต์วิดีโอเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าระดับรังสีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในระดับปกติ น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงและไม่พบการปนเปื้อนที่ยั่งยืน กองทัพรัสเซียกล่าวว่าระดับรังสีเป็นปกติ


    ข่าวการระเบิดทำให้เกิดไอโอดีนซึ่งเป็นรูปแบบที่เชื่อกันว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์ดูดซับรังสี นอร์เวย์กล่าวว่าทวีความรุนแรงมาก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากรมความปลอดภัยและการป้องกันสิ่งแวดล้อมของนอร์เวย์กล่าวว่าไม่มีการเพิ่มขึ้นของระดับรังสี


    ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐอเมริกา "กำลังเรียนรู้มากมายจากการระเบิดของขีปนาวุธที่ล้มเหลวในรัสเซียและเสริมว่า" เรามีเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันแม้ว่าจะสูงกว่านี้ "โดยไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม


    ลมใต้และการระเบิดทำให้ไม่น่าเป็นไปได้ที่ฟินแลนด์จะตรวจจับการแผ่รังสีใด ๆ Pia Vesterbacka ผู้อำนวยการการแผ่รังสีฟินแลนด์และหน่วยงานความปลอดภัยทางนิวเคลียร์กล่าวทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หน่วยงานไม่ได้ตรวจสอบตัวกรองอากาศ


    Avel ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงจริง ๆ เราจะได้เห็นการแผ่รังสีมากขึ้นไปอีก "Pavel Podvig นักวิจัยหลักที่สถาบันลดอาวุธแห่งสหประชาชาติในเจนีวากล่าว


    โฆษกหญิงของสถาบัน Sarov ไม่สามารถติดต่อได้ทันที


    อาวุธใหม่


    SSC-X-9 Skyfall ขีปนาวุธล่องเรือพลังงานนิวเคลียร์ที่รู้จักกันในนามซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินกล่าวสุนทรพจน์ระดับชาติเมื่อปีที่แล้ว


    Sergei Kiriyenko อดีตหัวหน้า Rosatom และปูตินรองหัวหน้าคนงานคนหนึ่งของเจ้าหน้าที่เข้าร่วมงานศพของ Sarov และกล่าวว่าประธานาธิบดีรัสเซียตัดสินใจที่จะให้เกียรติแก่รัฐสูงต้อ


    การระเบิดเป็นชื่อเสียงของกองทัพรัสเซีย


    เกิดการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อ 13 สัปดาห์ก่อนรวมทั้งบังคับให้มีการอพยพประชาชน 16,500 คนออกจากบ้าน ในเดือนกรกฎาคม ลูกเรือ 14 คนเสียชีวิตจากเพลิงไหม้เรือดำน้ำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทะเลเรนท์ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ในตอนแรกปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น เจ้าหน้าที่ทหารเรืออาวุโสคนหนึ่งกล่าวในภายหลังว่าผู้ชายยอมสละชีวิตเพื่อหลีกเลี่ยง "หายนะของดาวเคราะห์"


    ภัยพิบัติทางเรือหลังโซเวียตที่เลวร้ายที่สุดของรัสเซียก็เกิดขึ้นในทะเลเรนท์เมื่อสมาชิกลูกเรือ 118 คนเสียชีวิตในเรือดำน้ำนิวเคลียร์ Kursk ที่จมลงหลังจากการระเบิดในเดือนสิงหาคม 2543


    ที่มา: Bloomberg


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี
    พายุลูกเห็บที่มีฝนกระทบเมือง Kocaeli, Gebze และDilovası ทางตะวันออกของอิสตันบูล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี
    สายน้ำที่ไหลเหมือนแม่น้ำทุกแห่ง เนื่องจากน้ำท่วมฉับพลัน ในอิสตันบูลวันที่ 17 สิงหาคม


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี

    น้ำท่วมฉับพลันในอิสตันบูล ในวันที่ 17 สิงหาคม


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี
    รูปภาพเพิ่มเติมของเงื่อนไขที่รุนแรงที่พบในอิสตันบูล จากน้ำท่วมฉับพลันในอิสตันบูล ในวันที่ 17 สิงหาคม


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในเวลาแค่ 33 ปี จากปี 1986 (ภาพซ้าย) ธารน้ำแข็งละลายจนแทบไม่เหลือในปี 2019 (ภาพขวา) และนี่คือไอซ์แลนด์ ดินแดนที่หนาวเย็นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก็ยังเอาตัวไม่รอดจากภาวะโลกร้อน


    https://www.posttoday.com/world/598030


    วันที่ 18 สิงหาคม ชาวไอซ์แลนด์ร่วมไว้อาลัยการสูญเสียธารน้ำแข็งอ็อกโยคุลล์ (Okjokull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งแห่งแรกที่ละละลายจนหมดสิ้นเนื่องจากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าธารน้ำแข็งอีกราว 400 แห่งในไอซ์แลนด์เสี่ยงที่จะพบกับชะตากรรมเดียวกัน นั่นคือถูกโลกร้อนละลายจนหมด


    ภาพที่เผยแพร่โดยNASA จะเห็นได้ว่าธารน้ำแข็งละลายไปจนเกือบหมดในเวลาเพียง 33 ปี โดยภาพด้านซ้ายถ่ายในปี 1986 ส่วนภาพด้านขวาคือสภาพในปี 2019


    การไว้อาลัยครั้งนี้ มีการติดตั้งป้ายอนุสรณ์เขียนคำว่า Okjokull ซึ่งแปลว่า ธารน้ำแข็งอ็อก ปกคลุมภูเขาไฟอ็อกซึ่งอยู่ทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ แผ่นโลหะยังจารึกข้อความที่เรียกว่า "จดหมายถึงอนาคต" มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการลดลงของธารน้ำแข็งและผลกระทบของภาวะโลกร้อน


    ธารน้ำแข็งเมื่อปี 1986


    ใจความของจดหมายเขียนไว้ว่า "ในอีก 200 ปีข้างหน้าธารน้ำแข็งของพวกเราทุกคน คาดว่าจะพบกับชะตากรรมเดียวกัน อนุสรณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อยืนยันว่า เราตระหนักและเรารู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเราต้องทำอะไร มีแต่พวกคุณ (ในอนาคต) เท่านั้นที่จะรู้ว่าเราทำสำเร็จหรือไม่" พร้อมกันนี้มีข้อความ "415 ppm CO2" ซึ่งหมายถึงระดับคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่วัดได้ในเดือนพฤษภาคม


    ธารน้ำแข็งเมื่อปี 2019


    งานนี้ มีสักขีพยานคือนักวิจัยท้องถิ่นและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยไรซ์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ นอจากนี้นายกรัฐมนตรีคาทริน ยาค็อบสดอตทีร์ของไอซ์แลนด์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม และข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แมรี่ โรบินสัน ก็เข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน


    ไซมีน ฮาว รองศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาที่มหาวิทยาลัยไรซ์กล่าวไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า "นี่จะเป็นอนุสาวรีย์แห่งแรกของธารน้ำแข็งที่สูญเสียไปเพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ในโลกนี้" ซึ่งคำกล่าวนี้หมายความว่า แม้แต่ที่ไอซ์แลนด์ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นก็ไม่รอดพ้นจากวิกฤตเช่นกัน

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ประท้วงอาจจะยังไหว แต่เศรษฐกิจไปไม่ไหวแล้ว

    ขณะที่ชาวฮ่องกงยังใจสู้ รวมตัวกันครั้งใหญ่ในวันที่ (18 สิงหาคม) เพื่อเรียกร้องให้ถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนท่ามกลางสายฝนที่โปรายปรายลงมา แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฮ่องกงเตือนให้เตรียมรับมือกับ "ไต้ฝุ่นทางเศรษฐกิจ" อันเกิดจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ และการประท้วงที่ยืดเยื้อมานานถึง 2 เดือน ทำให้เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะติดลบ

    พอล เฉิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฮ่องกงเขียนบล็อกระบุว่า การที่รัฐบาลต้องอัดฉีดงบประมาณ 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจะชะงักอยู่ที่ 0% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะโต 2 - 3% ในปีนี้ เป็นสถานการณ์ที่เหมือนกับการที่ชาวฮ่องกงจะต้องกักตุนสิ่งของจำเป็นเพื่อรับมือกับพายุไต้หวันที่กำลังจะเข้าถล่ม

    เฉิน ชี้ว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงกำลังเผชิญกับความเลวร้ายในระดับที่ 3 ซึ่งเป็นการใช้ระดับความรุนแรงของไต้ฝุ่นมาเทียบ สำหรับระดับเลวร้ายที่สุดคือ ระดับ 8 ที่จะต้องปิดเมือง

    สาเหตุที่ฮ่องกงต้องประสบกับพายุเศรษฐกิจ เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทำให้การส่งออกมีปัญหา และการประท้วงยืดเยื้อรวมถึงการปิดสนามบินและจลาจลตามท้องถนน

    สำหรับบรรยากาศการประท้วงในวันนี้ มีฝนตกหนัก แต่การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบและโดยกลุ่มแนวร่วมพลเมืองสิทธิมนุษยชน (Civil Human Rights Front) เป็นผู้จัด และได้รับอนุญาตจากตำรวจแล้ว จากการประเมินคาดว่ามีผู้เข้าร่วมราว 476,000 คน โดยมารวมตัวกันที่สวนสาธารณะวิกทอเรีย ที่คอสเวย์เบย์

    https://www.posttoday.com/world/598022

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thai PBS Sci & Tech

    กรกฎาคมปีนี้ ทำลายสถิติ กลายเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในโลก ในรอบ 140 ปี !!!


    องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ NOAA ออกมายืนยันว่า เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 คือ เดือนที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีบันทึกไว้บนโลกใบนี้


    ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าอุณภูมิเฉลี่ยนของศตวรรษที่ 20 ที่มีอุณภูมิเฉลี่ย 60.4 องศาฟาเรนไฮต์ อยู่ 1.71 องศาฟาเรนไฮต์ ทำให้เดือนกรกฎาคมปีนี้กลายเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในโลกในรอบ 140 ปี ซึ่งทำลายสถิติความร้อนนี้ในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2016


    ----------------------------


    “รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBS

    อย่าลืมกด Like, Follow และ ⭐ See First

    เพจ Thai PBS Sci & Tech

    #ThaiPBSSmartLiving #ThaiPBSSciAndTech


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักธรณีวิทยาพบ เครือข่ายภูเขาไฟจากยุคจูราสสิก ถูกฝังเอาไว้ใต้แผ่นดินออสเตรเลีย
    By เหมียวศรัทธา - 18 August 2019

    ลึกลงไปใต้แผ่นดินออสเตรเลีย ทีมนักวิทยาศาสตร์และนักธรณีวิทยาของประเทศได้ทำการค้นพบเครือข่ายภูเขาไฟโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งหลับใหลอยู่ใต้ดินมาหลายล้านปี ตั้งแต่ในยุคสมัยจูราสสิก

    L8vCKHNAWdsKcacosepsJj-650-80.jpg

    ภูเขาไฟที่ถูกพบนั้น ถูกรายงานว่ามีอยู่ด้วยกันราวๆ 100 แห่ง โดยมีอายุตั้งแต่ 160-180 ล้านปี และครอบคลุมพื้นที่กว่า 7,500 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ Eromanga basin และ Cooper basin อันเป็นพื้นที่ทะเลทรายในตอนกลางของทวีป และมีชื่อเสียงเรื่องน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

    หลักฐานของเครือข่ายภูเขาไฟโบราณในครั้งนี้ ถูกพบครั้งแรกเมื่อราวๆ 30 ปีก่อน ในสภาพของหินที่เกิดจากลาวาเย็นตัวจากยุคจูราสสิกและข้อมูลสภาพธรณีใต้ดิน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการขุดเจาะเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกที

    Cooper basin ซึ่งพาดผ่านทะเลทรายในออสเตรเลีย
    4995262-3x2-700x467.jpg

    แต่แม้ว่าข้อมูลในจุดนี้จะถูกพบมานานมากแล้ว กว่าที่ทีมนักวิทยาศาสตร์จะให้ความสนใจข้อมูลดังกล่าวจนนำไปสู่การค้นพบในครั้งนี้ มันก็เมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น

    พวกเขาอาศัยเทคโนโลยีการถ่ายภาพใต้ผิวดินอย่าง เทคนิคการถ่ายภาพโดยอาศัยแรงสะท้อนของแผ่นดินไหวในการประเมินคุณสมบัติทางกายภาพในชั้นหินที่พบ ซึ่งเทคนิคนี้เองก็นำพวกเขาไปสู่การค้นพบแมกมาซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเชื้อเพลิงของภูเขาไฟมาก่อน ช่องทางของการไหลของลาวาโบราณ และปล่องภูเขาไฟจากยุคจูราสสิกในที่สุด

    TNCKzp5UYgG2tPiZLDFVeF-650-80.jpg

    อ้างอิงจากคุณ Simon Holford รองศาสตราจารย์ด้านธรณีศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแอดิเลดหนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์

    จริงอยู่ว่าภูเขาไฟที่พวกเขาพบนั้นน่าจะเคยเป็นภูเขาไฟที่มีพลังและระเบิดค่อนข้างถี่ในช่วงยุคจูราสสิกมาก่อน แต่ในปัจจุบันภูเขาไฟเหล่านี้ก็ได้สงบลงไปเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าในพื้นที่จะมีร่องรอยการระเบิดของภูเขาไฟครั้งล่าสุดราวๆ 5,000 ปีก่อนก็ตาม

    content-1565711925-warnie.jpg

    ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะพบชั้นหินที่เก่าแก่ขนาดนี้ก็ตาม แต่ในภูเขาไฟโบราณเหล่านี้ก็ไม่ได้มีร่องรอยใดๆ ของฟอสซิลไดโนเสาร์เลย อย่างน้อยๆ ก็จากการสำรวจในปัจจุบัน

    ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมภูเขาไฟเหล่านี้ถึงถูกฝังลงมาอยู่ใต้ดินได้นั้น นักธรณีวิทยาคาดว่าน่าจะมาจากการที่ภูเขาไฟเหล่านี้ค่อยๆ ถูกตะกอนทับถมไปเรื่อยๆ ตลอดช่วงเวลา 160 ล้านปี แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่อาจฟันธงได้ว่าเพราะเหตุใดในพื้นที่จึงมีตะกอนทับถมกันได้มากขนาดนี้ก็ตาม

    ทั้งนี้เองงานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกตีพิมพ์ไปในวารสาร Gondwana Research เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา และทางนักวิทยาศาสตร์เองก็คาดว่าใต้ดินประเทศออสเตรเลียนั้น ยังอาจจะมีเครือข่ายภูเขาไฟแทนนี้ฝังอยู่อีกมากเลยด้วย

    ที่มา livescience, iflscience และ sciencedaily

    https://www.catdumb.tv/jurassic-era-volcanoes-in-australia-378/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2019
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่ง อยู่ที่ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ที่ทำให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี

    ร่องรอยของมนุษย์ในสมัยดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแล้วในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา อันเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยให้ผู้คนเหล่านั้นสามารถดำรงชีวิตและสร้างสังคม-วัฒนธรรมของมนุษย์ได้สืบเนื่องต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน วัฒนธรรมบ้านเชียงได้ครอบคลุมถึงแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่ง ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีมนุษย์อยู่อาศัยหนาแน่นมาตั้งแต่หลายพันปีแล้ว ด้วยเหตุนี้องค์การยูเนสโกจึงได้ยอมรับขึ้นบัญชีแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียงไว้เป็นแห่งหนึ่งในบรรดามรดกโลก

    ศิลปะเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียงนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุค ได้แก่

    ภาชนะดินเผาสมัยต้น อายุ 5,600–3,000 ปี มีลายเชือกทาบ ซึ่งคาดกันว่าเป็นปอกัญชา ทั้งยังมีลายขูดขีด และมีการเขียนสีบ่า โดยพบวางคู่กับโครงกระดูก บางใบใช้บรรจุศพเด็ก และยังมีประเพณีการฝังศพ โดยการฝังสิ่งของเครื่องใช้ลงไปเช่น ขวาน ใบหอก เป็นต้น

    ภาชนะดินเผาสมัยกลาง อายุ 3,000–2,300 ปี สมัยนี้เป็นสมัยที่เริ่มมีการขีดทาสีแดง

    ภาชนะดินเผาสมัยปลาย อายุ 2,300–1,800 ปี เป็นยุคที่มีลวดลายที่สวยงามที่สุด ลวดลายพิสดาร สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมที่สงบสุข ก่อนที่จะกลายมาเป็นการเคลือบน้ำโคลนสีแดงขัดมัน

    การค้นพบโบราณวัตถุที่มีความสำคัญทางโบราณคดีและก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณหมู่บ้านเชียงนั้น เริ่มต้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2500 เมื่อราษฎรชาวบ้านเชียงบางคนสังเกตเห็นและมีความสนใจเศษภาชนะดินเผาที่มีลวดลายเขียนสีแดงที่มักพบเสมอ เมื่อมีการขุดพื้นดินในบริเวณหมู่บ้าน จึงได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงเรียนประชาบาลประจำหมู่บ้านและจัดแสดงให้ผู้คนสนใจได้เข้าชม

    ชุมชนที่อาศัยอยู่ที่ ต.บ้านเชียง อ.หนองหานจ.อุดรธานี พบว่าใต้พื้นดินในหมู่บ้านมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณฝังร่วมกับวัตถุมากมายโดยเฉพาะภาชนะเขียนลายสีแดงสวยงามแปลกตา ใบที่สมบูรณ์ถูกนํามาใช้ประโยชน์

    พ.ศ.2503 โรงเรียนบ้านเชียงจัดห้องพิพิธภัณฑ์เพื่อรวบรวมวัตถุที่พบในหมู่บ้าน เมื่อมีเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงเรียนก็มักจะมอบภาชนะเขียนลายให้เพื่อหวังให้มีคนสนใจ

    พ.ศ. 2508 ภาชนะเขียนลายสีแดงใบสุดท้ายของโรงเรียนมอบให้กับเจ้าหน้าที่จังหวัด และถูกส่งต่อไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

    พ.ศ. 2509 นายสตีเฟน ยัง นักศึกษาวิชาสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ได้เดินทางมาศึกษาเรื่องราวของวิถีชีวิตชาวบ้านเชียง จึงได้พบเห็นเศษภาชนะดินเผาเขียนสีกระจายเกลื่อนอยู่ทั่วไปตามผิวดินของหมู่บ้าน จึงได้เก็บไปให้ศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ประจำกองโบราณคดี กรมศิลปากร ศึกษาวิเคราะห์และได้ลงความเห็นว่าเป็นเศษภาชนะดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคหินใหม่ (Neotelhic Period)

    ใน พ.ศ. 2510 กองโบราณคดี กรมศิลปากร จึงดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านเชียงอย่างจริงจัง และส่งโบราณวัตถุไปหาอายุโดยวิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนส์ (C-14) ที่มหาวิทยาลัยเพนซินเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า โบราณวัตถุเหล่านั้นมีอายุ ประมาณ 2,600 ปีมาแล้ว

    ต่อมาใน พ.ศ. 2513 หน่วยศิลปากรที่ 7 จังหวัดขอนแก่น ได้เข้าไปสำรวจโบราณวัตถุที่บ้านเชียง แต่เนื่องจากช่วงเวลานั้นเรื่องราวทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่เข้าใจกันมากนัก จึงไม่มีการค้นคว้าทางโบราณคดีอย่างต่อเนื่อง

    พ.ศ. 2515 กองโบราณคดี กรมศิลปากร ได้ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านเชียงอีกครั้งหนึ่งบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน และบริเวณบ้านนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ โดยได้ปรับปรุงหลุมขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์สถานกลางแจ้งแห่งแรกในประเทศไทย

    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการขุดค้นที่บ้านเชียง เมื่อวันที่20 มีนาคม พ.ศ. 2515

    ลักษณะทั่วไป

    วัฒนธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียง แบ่งออกเป็น ๓ ระยะใหญ่ ตามลักษณะการฝังศพและภาชนะดินเผาที่บรรจุลงเป็นเครื่องเซ่นในหลุมฝังศพ ดังนี้
    1. สมัยต้นบ้านเชียง อายุระหว่าง 5,600-3,000 ปีมาแล้ว
    2. สมัยกลางบ้านเชียง อายุระหว่าง 3,000-2,300 ปีมาแล้ว
    3. สมัยปลายบ้านเชียง อายุระหว่าง 2,300-1,800 ปีมาแล้ว

    จากการวิเคราะห์วิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์บ้านเชียงโดยนักวิชาการพบว่า คนบ้านเชียงสมัยนั้นได้เลือกที่จะตั้งหมู่บ้านในพื้นที่เนินสูงปานกลางใกล้จุดที่ทางน้ำธรรมชาติสองสายมาบรรจบกัน และมีพื้นที่ราบลุ่มผืนใหญ่รอบๆ มีการปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์กันแล้ว แต่ก็ยังล่าสัตว์ทั้งสัตว์ป่าและสัตว์น้ำมาเป็นอาหาร บ้านพักอาศัยมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างอยู่บนเสาสูงทำให้มีใต้ถุนบ้าน สามารถใช้ทำกิจกรรมอื่นๆ หรือเป็นคอกเลี้ยงสัตว์ได้

    Cr https://www.baanchiang.com/15506681/ประวัติความเป็นมาบ้านเชียง

    และ https://th.m.wikipedia.org/wiki/แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง

    และ https://museum.socanth.tu.ac.th/knowledge/past-exhibition/บ้านเชียง-โบราณคดี-ไทย/

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    55.

    ฝันร้ายของฮ่องกง


    วันที่9 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นวันครอบรอบ121ปีที่ จักรวรรดิอังกฤษเซ็นข้อตกลงเช่าดินแดนของฮ่องกงกับราชวงศชิงของจีน Convention between the United Kingdom and China, Respecting an Extension of Hong Kong Territory (中英展拓香港界址專條) หลังจากที่จีนไม่สามารถต้านทานกองทัพอังกฤษที่มีอาวุธที่ทันสมัยและระบบการรบที่เหนือกว่ามาก


    ในช่วงนั้นจีนอ่อนแอ ทุกรุมทึ้งโดยมหาอำนาจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส รัสเซียรวมทั้งญี่ปุ่น


    พื้นที่ของฮ่องกงอยู่ภายใต้การครอบครองของจักรวรรดิอังกฤษหลังจากสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ. 1839-1842) ซึ่งเป็นสงครามการรุกรานที่ริเริ่มโดยอังกฤษ หลังจากพระเจ้ากรุงจีนสั่งให้อุปราชหลิน จู่ซุเผาทำลายฝิ่นอังกฤษจำนวน 1,000 ตันที่ยึดมาได้ อังกฤษใช้เวลาหลายสิบปีในการลักลอบค้าฝิ่นที่ปลูกในอินเดียแล้วส่งต่อไปยังตลาดจีน รายได้จากการค้าฝิ่นทำให้ช่วยลดการการขาดดุลการค้าของอังกฤษ และทำให้บริษัทBritish East India Companyของอังกฤษที่ราชวงศ์อังกฤษถือหุ้นใหญ่ กลายเป็นบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดในโลก


    อังกฤษส่งกองทัพเข้าไปจีนเพื่อตอบโต้การ"ดูหมิ่น"ของจักรพรรดิจีนที่มีต่อสินค้าที่มีค่าของอังกฤษ คนจีนเมาฝิ่นจนไม่ต้องทำมาหากินอะไร ฝิ่นของอังกฤษทำให้จีนอ่อนแอลงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม อังกฤษส่งกองทัพเรือที่เกรียงไกร แล่นเรือเข้าไปในแม่น้ำ ปิดกั้นท่าเรือสำคัญของจีนและขัดขวางการค้า


    จักรพรรดิจีนไม่มีอำนาจต่อต้านอาวุธสมัยใหม่ของอังกฤษ และไม่ได้มีการเตรียมตัวรัฐศึกสงครามอย่างเต็มรูปแบบจากการรุกรานของกองทัพเรืออังกฤษ เมื่อสู้ไม่ได้ ก็ต้องยอมแพ้ อันนำไปสู่สนธิสัญญานนานกิงที่ลงนามกันระหว่างทั้ง2ฝ่ายเพื่อยุติสงคราม


    นอกเหนือจากต้องจ่ายค่าชดเชย การเปิดท่าการค้าให้อังกฤษได้ค้่าขายเสรี และการรับประกันสิทธินอกอาณาเขตสำหรับชาวต่างชาติ อังกฤษฮ่องกงยังได้ครอบครองเกาะฮ่องกงโดยไม่จำกัดระยะเวลา


    เป็นที่ชัดเจนว่า ฮ่องกงถูกอังกฤษยึดเป็นอาณานิคมโดยการใช้กำลังนำไปสู่สงครามเพื่อเปิดตลาดของจีน และเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้ายาฝิ่นที่เป็นเสพติดของอังกฤษในประเทศจีน


    ในยุคแรก ๆ ของอาณานิคม อังกฤษมองอนาคตของฮ่องกงในแง่ดีแต่ไม่สมจริง โดยต้องการเห็นฮ่อกงเป็นศูนย์กลางอำนาจของอังกฤษในประเทศจีน หรือเป็นเมืองหลวงของแองโกล - จีนเทียบเคียงกับคาร์เธจ เมืองไทร์ และโรมในสมัยโบราณ


    แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ฮ่องกงดึงดูดอาชญากร คนจรจัด คนนอกกฎหมายจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาแสวงหาโอกาสหรือชีวิตที่ดีกว่า จนคนจีนที่ไม่พึงประสงค์มีจำนวนประชากรมากกว่าคนฮ่องกงที่เป็นอาณานิคมดั้งเดิม


    The Friend of Chinaรายงานในปี 1848ว่าถ้ามีคนจีนแผ่นดินใหญ่อาศัยอยู่ในอาณานิคมฮ่องกง ปัญหาจะลดน้อยลงมาก ยกเว้นคนจีนที่ทำมาค้าขาย เป็นคนรับใช้ และเป็นนายช่างฝีมือ การไม่มีชาวจีนเลยจะดีกว่า


    ในทศวรรษที่1850s ฮ่องกงกลายเป็นคลังสำหรับกักตุนฝิ่น และเป็นศูนย์กลางของการค้ามนุษย์ หรือพวกกุลีขายแรงงาน ฮ่องกงเกิดความยากจน ได้เห็นความโหดร้ายและความแออัดยัดเยียด


    ยิ่งเมื่อเกิดกบฏไทปิง (ค.ศ. 1850-1864)ในจีน ซึ่งเป็นกบฏที่เปื้อนเลือดมากที่สุดครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ทำให้พ่อค้าจีนจำนวนมากอพยพไปยังอาณานิคม ท่าเรือวิคตอเรียกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่มีปริมาณการหมุนเวียนขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับท่าเรืออื่นๆ


    ในขณะที่จีนเกิดวิกฤติอย่างรุนแรง อังกฤษกลับรวยเอาๆจากการผูกขาดการค้าที่ฮ่องกง


    สงครามฝิ่นครั้งที่สองตามมาเพื่อเพ่ิมความเข้มแข็งให้กับการค้าฝิ่นของอังกฤษ ในขะที่ราชวงศ์ชิงอ่อนแอลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สาหัส และเกิดกบฎไทปิง อังกฤษฉวยโอกาสก่อสงครามอีกคร้ังกับราชวงศ์ชิง จีนพ่ายแพ้ต่อกองทัพอังกฤษอีก ทำให้ต้องขอมยกดินแดนเกาลูนให้อังกฤษในปี1869


    ในปี 1865 อังกฤษก่อตั้งธนาคารHSBC (ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น) ขึ้นที่ฮ่องกงเพื่อทำหน้าที่ทางการเงินในการสนับสนุนการบริหารรายได้จากการค้าฝิ่น ทุกวันนี้HSBCยังคงเป็นธนาคารที่สำคัญที่สุดของอังกฤษ โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจต่างประเทศ


    จนกระทั่งปี 1898 อังกฤษขยายพื้นที่อาณานิคมไปครอบครองNew Territories หรือดินแดนใหม่ทางตอนเหนือของฮ่องกง


    ชาวจีนในฮ่องกงต้องอยู่ภายใต้เคอร์ฟิวทุกคืน ถูกตีตราลงทะเบียน มีการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี และตำรวจสามารถเข้าไปตรวจค้นในบ้านได้ทุกยามเวลา


    กฎหมายของอังกฤษมีความไม่แน่นอน แล้วแต่จะบังคับใช้ ทหารอังกฤษมักปลดปล่อยความหงุดหงิดในหน้าที่การงานผ่านการใช้กำลัง และความรุนแรงทางเพศกับชาวจีนในท้องถิ่น เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าใครเป็นเจ้านายและเป็นทาส


    ความสัมพันธ์นี้ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ชาวยุโรปสื่อสารกับชาวจีนเป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีความพยายามที่จะเรียนรู้ภาษาของชาวท้องถิ่น เจ้าอาณานิคมจะเสริมบารมีของตัวเองที่ร้ำรวยขึ้นจากการค้า และหน้าที่การงานด้วยการมีคนรับใช้กุลีจีนจำนวนมาก มีพ่อครัวแม่ครัวปรุงอาหาร มีกุลียกเสลี่ยง และคอยเปิดปิดประตูให้ ดูแลจนถึงการส่งเข้านอน เนื่องจากชาวอาณานิคมหลายคนเป็นผู้ชายจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีความสัมพันธ์กับโสเภณีจีน และมีนายหญิงจีนอาศัยอยู่ในบ้านโดยได้รับการเลี้ยงดูคุ้มครองเป็นอย่างดี


    https://afakv.home.blog/2019/06/09/an-extension-of-hong-kong-territory/


    นี่คือประวัติศาสตร์ของอาณานิคมฮ่องกงที่คนฮ่องกงในปัจจุบันโหยหาการกลับคืนสู่อ้อมกอดของเจ้าอาณานิคมอังกฤษอีกครั้ง


    17/8/2019


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    56.

    ฝันร้ายของฮ่องกง


    บริษัทบริตทิสอินเดียตะวันออก (British East India Company) ที่มีบทบาทสูงในการยึดเกาะฮ่องกง ได้รับการก่อตั้งขึ้นมาในสมัยพระราชินีเอลิซาเบทที่ 1 ในรูปแบบบริษัทหุ้นส่วน (joint stock company) เพื่อใช้เป็นมือไม้ในการค้าในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย เริ่มต้นกับราชวงศ์โมกุลของอินเดียและอินดี้ตะวันออกก่อนที่จะค้าขายกับราชวงศ์ชิงของจีน


    อังกฤษใช้แสนยานุภาพของกองทัพเรือเพื่อเปิดทางธุรกิจให้British East India ที่เข้าไปค้าขายโดยตรงกับราชวงศ์ หรือรัฐบาลของประเทศต่างๆ โดยตรง ทำให้เป็นการค้าขายระหว่างบริษัทกับรัฐบาล แทนจะจะเป็นการค้าขายระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อความสะดวกของราชวงศ์อังกฤษนั่นเองในการบริหารเงินทอง แต่เป็นที่ทราบกันว่าBritish East Indiaเป็นของราชวงศ์ ขุนนาง และพวกแบงเกอร์ที่ลงขันกันทำการค้าแบบเอาปืนไปจ่อคอหอยคู่ค้าให้ตกลงตามที่เองต้องการ


    British East India Company (คศ 1600-1874) กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยทำการค้าเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของการค้าทั้งหมดของโลก และมีส่วนร่วมในการยึดครองทวีปอินเดีย และบางส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอาณานิคม รวมท้ังดินแดนบางส่วนของสยามที่ต้องเสียไปเพื่อแลกกับเอกราช และยึดครองฮ่องกงหลังจากทำสงครามชนะราชวงศ์ชิงของจีน


    British East India Companyค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานเช่น ฝ้าย ผ้าไหม สีย้อม เกลือ, เครื่องเทศ, เกลือดิน, ชาและฝิ่น


    แม้ว่าจะถูกยุบไปในปี 1874 แต่British East India Companyไม่ได้ตายหายจากโลกไปเลย แต่เป็นบริษัทแม่ที่ก่อให้เกิดบริษัทในทำเนียบของFortune 500 หรือ500บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน


    กองทัพอังกฤษล่าอาณานิคมเพื่อความมั่งคั่งให้กับBritish East India Company ก็เหมือนกับเพนตากอน และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐที่ทำงานด้านการทหารและการเมืองเพื่อจุดประสงค์หลัก คือสร้างความมั่งคั่งให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ในทำเนียบFortune500


    ส่วนผลประโยชน์ของประชาชนรอคอยเศษเนื้อก็แล้วกัน


    17/8/2019


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    57.

    ฝันร้ายของฮ่องกง


    สื่อจีนCGTN (China Global Television Network) ได้รายงานว่า แก็งค์สี่สหายอยู่เบื้องหลังม็อบฮ่องกง โดยเป็นตัวตั้งตัวตีในการชักศึกเข้าบ้าน หรือชักชวนให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในฮ่องกงเพื่อต้านทานปักกิ่ง


    ใครเป็นใครให้ดูในวิดีโอ




    18/8/2019


     

แชร์หน้านี้

Loading...