ติดตามสถานะการณ์

ไม่ใช่ยุคน้ำแข็งเล็ก แต่มีความผิดปรกติเกิดขึ่นกับ กระแสน้ำวนขั้วโลก

Clima Extremo 24


สหรัฐอเมริกา


กระแสน้ำวนขั้วโลกจะทำให้พื้นที่ 75% ของสหรัฐอเมริกามีอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์


ผู้คนราว 220 ล้านคนจะได้สัมผัสกับอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์ในสัปดาห์นี้ในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากความหนาวเย็นของอาร์กติกที่จะส่งผลกระทบต่อศูนย์กลาง และทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่อาจทำให้เกิดหิมะตกทางตอนใต้ ตามบริการอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (NWS) 75% ของประเทศจะมีสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงเช่น "สภาพการเดินทางที่เป็นอันตรายหรือเป็นไปไม่ได้ (เดินทางไม่ได้)" จะถูกนำเสนอ


ระหว่างคืนวันอังคารและเช้าวันพุธ คลื่นขั้วโลกจะทำให้อุณหภูมิในชิคาโกลดลงถึง -30 ° C


ไมค์ ดอลล์ นักอุตุนิยมวิทยาอาวุโสจาก AccuWeather กล่าวว่า“ คนในรุ่นเดียวกันใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่ต้องเผชิญกับความหนาวเย็นเช่นนี้ ในเขตชิคาโก” มันอาจทำลายสถิติของ -32 ° C ที่เมืองมี ภูมิอากาศนั้นจะคงอยู่จนถึงวันศุกร์


Richard Bann นักอุตุนิยมวิทยาที่ศูนย์พยากรณ์อากาศ NWS Climate Predict ในคอลเลจพาร์ก "ผิวหนังที่สัมผัสจะสูญเสียความร้อนด้วยความเร็วสูงสุดโดยที่คุณไม่สังเกตเห็น" หน่วยงานเตือนประชาชนให้ใช้มาตรการต่อต้านภาวะอุณหภูมิซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียความร้อนเร็วกว่าที่มันสามารถผลิตได้


ความหนาวจัดได้ทำให้ผู้เสียหายในไอโอวา: คอเรย์ บราวน์ วัยรุ่นวัย 13 ปี เสียชีวิตที่มาร์แชลทาวน์หลังจากหนีออกจากบ้านหลังจากทะเลาะกับครอบครัวของเขาเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงพายุหิมะ .


ในช่วงวันพฤหัสบดีที่อุณหภูมิจะต่ำถึง -40 ° C ในใจกลางของประเทศและพื้นที่ของlos grandes lagos (ทะเลสาบ) เดฟเฮนเน็น นักอุตุนิยมวิทยาของซีเอ็นเอ็นโดยประมาณมีลมที่จะรู้สึก -50 องศาเซลเซียส


ในรัฐเซาท์ดาโคตาและนอร์ธ ดาโคตา นอกจากนี้จะมีพายุเตือน NWS ซึ่งประกาศหิมะใน los grandes lagos (ทะเลสาบ) ในพื้นที่เหล่านั้นมันจะยากมากและเป็นอันตรายอย่างยิ่งที่จะย้าย

 

Clima Extremo 24


สหรัฐอเมริกา


การระบาดของโรคหัดทำให้เกิดการประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา


ผู้ป่วยโรคหัด 35 คนที่ได้รับการยืนยันจำนวน 35 รายได้รับการจดทะเบียนจนถึงวันอาทิตย์ในรัฐวอชิงตันของสหรัฐซึ่งเป็นโรคระบาดที่กระตุ้นให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน โดผู้ว่าการรัฐ Jay Inslee


“ หัดเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ในเด็กเล็ก” Inslee กล่าวในแถลงการณ์ของเขาเมื่อวันศุกร์ โดยเสริมว่ากรณีเหล่านี้สร้าง“ ความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพของประชาชน


มีผู้ป่วยโรคหัด 34 รายในเขตคลาร์ก ซึ่งตั้งอยู่บนชายแดนทางใต้ของรัฐ เพียงข้ามแม่น้ำโคลัมเบีย จากพอร์ตแลนด์ ออริกอน เจ้าหน้าที่กล่าวว่า 30 ราย ในกรณีที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด; อีกสี่ไม่ได้ตรวจสอบ จากทั้งหมด 34 คดี 24 คนเป็นเด็กอายุระหว่าง 1 ถึง 10 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีกเก้ารายที่ Clark County


นอกจากนี้ยังมีกรณีใน King County ซึ่งรวมถึงเมืองซีแอตเทิล แม้ว่าเว็บไซต์ของคิงเคาน์ตี้จะบอกว่าคนไข้คนหนึ่งในอายุ 50 ปีของเขายังคงเป็น "คดีที่น่าสงสัย(เป็นหัดหรือเปล่า)" ผู้ว่าการรัฐกล่าวในการแถลงข่าวว่าเป็นกรณียืนยันโรคหัด


ในการเตือนเรื่องสุขภาพของคิงเคาน์ตี้มีรายงานว่าชายคนนั้นเพิ่งเดินทางไปยังคลาร์กเคาน์ตี้


ประกาศฉุกเฉิน อนุญาตให้หน่วยงานและหน่วยงานใช้ทรัพยากรของรัฐและ "ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้อย่างสมเหตุสมผลเพื่อช่วยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ที่ติดเชื้อหัดได้เข้าร่วมเกม Portland Trail Blazers ในรัฐโอเรกอนในช่วงกลางของการระบาด ผู้คนที่ติดเชื้อยังไปที่สนามบินนานาชาติพอร์ตแลนด์ เช่นเดียวกับโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านค้า โบสถ์และร้านอาหารทั่วเมืองคลาร์กเคาน์ตี้ และภูมิภาคสองรัฐ เจ้าหน้าที่เขตกล่าว


หัดเป็นไวรัสติดต่อที่แพร่กระจายผ่านอากาศโดยการไอ และจาม อาการเช่น มีไข้สูง มีผื่นทั่วร่างกาย อาการคัดจมูกและตาแดง มักหายไปโดยไม่ต้องรักษา เป็นเวลาสองหรือสามสัปดาห์ ตามที่ศูนย์สหรัฐ สำหรับการควบคุมและป้องกันโรค (CDC) เด็กหนึ่งหรือสองคนจากทุก 1,000 คนที่เป็นโรคหัดจะเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อน


ในปี 2521 CDC ตั้งเป้าหมายที่จะกำจัดโรคหัดจากสหรัฐอเมริกาในปี 2525 โรคหัดถูกกำจัดไปแล้วซึ่งหมายถึงการขาดการแพร่เชื้ออย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 เดือนจากสหรัฐอเมริกาในปี 2543


แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการเพิ่มขึ้นของเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน สัดส่วนของเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนขนาด 2 ปีเพิ่มขึ้นจาก 0.9% ในกลุ่มผู้ที่เกิดในปี 2554 เป็น 1.3% ในกลุ่มผู้ที่เกิดในปี 2558 CDC รายงานในเดือนตุลาคม


CDC แนะนำให้ผู้คนรับวัคซีนป้องกันโรคคางทูมและโรคหัดเยอรมัน


ที่มา: ซีเอ็นเอ็น

 

Clima Extremo 24


สหรัฐอเมริกา


ผิวจะแข็งตัวใน 10 นาที ": กระแสน้ำวนขั้วโลกจะออกจากเมืองที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าอะแลสกา


ลมหนาวของพายุซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ 75% ของประเทศ จะนำอุณหภูมิสุดขั้วระหว่างวันอังคารและวันพฤหัสบดี ซึ่งสามารถเข้าถึง - 50 องศา F ตั้งค่าบันทึกประวัติศาสตร์ในบางพื้นที่ของประเทศ


"ความหนาวที่โหดร้ายกำลังมา ไม่มีคำพูดที่นุ่มนวลกว่าที่จะพูดถึง" บริการอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของชิคาโก เตือนผ่านทวีต อย่างเป็นทางการ ของอุณหภูมิต่ำมากซึ่งจะไม่เพียง แต่รู้สึกในเมืองนี้ แต่ใน 75% ของประเทศจากนี้ ถึงวันจันทร์ถึงสภาพสุดขั้วในวันพุธ และวันพฤหัสบดี


คลื่นของลมหนาวและเย็นจัดจากกระแสน้ำวนขั้วโลกซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความดันต่ำและอากาศเย็นที่ล้อมรอบทั้งสองขั้วของโลกจะทำให้สถานที่ในแถบอาร์กติกในกรีนแลนด์ และอลาสก้าเหนืออุ่นกว่าเมืองชิคาโก และมินนิอาโปลิส “ บางรัฐสามารถเผชิญกับอากาศที่หนาวที่สุดในหลายชั่วอายุคน” ยืนยันการบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS สำหรับคำย่อเป็นภาษาอังกฤษ) ที่ได้แจ้งเตือนไปยัง 31 รัฐ


ชิคาโกอาจจะมีบันทึกอุณหภูมิที่เย็นกว่าในรอบเกือบ 25 ปีด้วยระดับต่ำสุดใกล้บันทึกประวัติศาสตร์ 27 F ต่ำกว่าศูนย์และต่ำสุดในระหว่างวันในวันพุธที่ประมาณ 15 F ต่ำกว่าศูนย์


ทะเลสาบมิชิแกนถูกแช่แข็งและปริมาณน้ำแข็งในแหล่งน้ำทำให้เกิดสัญญาณเตือนภัยน้ำท่วม ศูนย์ให้ความอบอุ่น เปิดให้บริการสำหรับประชาชนที่รายงานว่าแม้จะมีเครื่องทำความร้อนในบ้านความเย็นก็ไม่สามารถบรรเทาได้

 

La nueva era de la tierra - respaldo


โดมลาวาของภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์กำลังเพิ่มขึ้นถึง 5 เมตรต่อวันเตรียมพร้อมสำหรับปะทุครั้งต่อไป


รายละเอียด


Mount St. Helens สามารถปะทุ. ได้อีกครั้งเมื่อนักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบโดมลาวาที่เพิ่มขึ้นห้าเมตรต่อวัน


นักวิทยาศาสตร์ USGS กล่าวเสริมว่า:“ สิ่งที่เป็นปรากฎการณ์จริงๆคือปริมาณของหินที่ยังคงโผล่ออกมาจากพื้นดินตอนนี้มันสูงกว่าอาคารเอ็มไพร์สเตต


มันเข้าใกล้ห้าเมตรต่อวันกว้างกว่า 200 เมตรและอยู่ที่นี่ในสวนหลังบ้านของเรา "


Mt St. Helens, Mount St. Helens, มอนแทนาเซนต์



MONTE St Helens สามารถระเบิดได้อีกครั้งเมื่อนักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบโดมลาวาอย่างใกล้ชิดซึ่งเพิ่มขึ้นห้าเมตรต่อวัน ภาพถ่ายโดยอเมซอน


https://www.climaseveromundial.com/2019/01/la-cupula-de-lava-del-monte-st-helens.html?m=1

 

La nueva era de la tierra - respaldo


# URGENT



ALERT สีแดง


อุณหภูมิจะต่ำที่สุดในรอบกว่า 20 ปี บางภูมิภาคอาจมีอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์ถึง 72 ชั่วโมงติดต่อกัน


หากคุณไม่มีเสื้อโค้ทที่หนาพอ คุณสามารถหยุด(เสียชีวิต)ในเวลาไม่กี่นาที

 

La nueva era de la tierra - respaldo



ปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจของธรรมชาติ

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#ULTIMA #HORA



ทหารหลายร้อยของ nicolas maduro กำลังรวบรวมอยู่ในซูเคร, เวเนซูเอล่า

 

La nueva era de la tierra - respaldo


ในช่วงกลางฤดูหนาวไฟป่าพบในหุบเขาซูซา ใน turin ประเทศอิตาลี

2019/01/28

กำลังกังวล ...

 

La nueva era de la tierra - respaldo


ว้าว


สังเกตคลื่นยักษ์ในซานเซบาสเตียน ประเทศสเปน ใหญ่มาก

2019/01/29

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#URGENTE

ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกาตกอยู่ในจุดที่เยือกแข็งในอเมริกาใต้จะพบอุณหภูมิที่สูงที่สุด คลื่นของความร้อน (ยางมะตอย ในถนนของชิลี ก็กลายสภาพเหมือนหมากฝรั่งในวันที่ 26 มกราคม)


รายละเอียด


คลื่นความร้อนทำลายสถิติในอเมริกาใต้เป็นเวลาหลายวัน 26 มกราคม 2562


สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าสำหรับชิลีตอนกลางไม่ใช่แค่คลื่นความร้อน มันอาจเป็นเหตุการณ์ผิดปกติอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้อควรระวังในวันเสาร์ที่ 44 ° C คาดว่าจะเกิดขึ้นในซันติอาโก 40 ° C ใน Limache, Olmué, SanFelipe

ใกล้กับ 48 ° C ในอาร์เจนตินาและปารากวัย

พวกเขารายงานว่าในซันติอาโกชิลี อุณหภูมิจะถึง 37 องศาเซลเซียสและนั่นเป็นบันทึกประวัติศาสตร์


เราต้องเตือนเพื่อน ๆ และดูแลลูก ๆ ของเราครอบครัวและสัตว์เลี้ยง คุณต้องให้ความชุ่มชื้น


https://www.climaseveromundial.com/2019/01/ola-de-calor-rompera-records-en.html?m=1

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#URGENTE



ที่เลวร้ายที่สุดกำลังจะมาและแม่น้ำก็แข็งตัวแล้วในชิคาโก สหรัฐอเมริกา

2019/01/29

 

La nueva era de la tierra - respaldo

น่ากลัว

คลื่นยักษ์กระทบกับซานเซบาสเตียน สเปน ว้าวนี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว
01.29.2019 ....

 

ศาลสูงสุดเวเนฯ สั่งอายัดบัญชีธนาคาร ‘กวยโด’ ผู้นำฝ่ายค้าน-ห้ามออกนอกประเทศ เผยแพร่: 30 ม.ค. 2562 09:52 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ฮวน กวยโด ประธานรัฐสภาจากฝ่ายค้าน ซึ่งตั้งตนเป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา
เอเอฟพี - ศาลสูงสุดเวเนซุเอลาสั่งอายัดบัญชีธนาคารของนาย ฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งตั้งต้นเป็นประธานาธิบดีรักษาการ พร้อมห้ามเดินทางออกนอกประเทศเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.) ในความพยายามล่าสุดของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ที่จะบีบให้นักการเมืองหนุ่มผู้มีสหรัฐฯ หนุนหลังยอมจำนน

กวยโด วัย 35 ปี ซึ่งเป็นประธานรัฐสภาที่ฝ่ายค้านกุมอำนาจอยู่ “ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ จนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการสอบสวนเบื้องต้นฐานบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐ” ไมเกล โมเรโน ประธานศาลสูงสุด ระบุในถ้อยแถลง

คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดนั้นล้วนแต่เป็นพลพรรคของ มาดูโร ทั้งสิ้น

คำสั่งศาลสูงสุดเวเนฯ มีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยว่า กวยโด ได้รับอำนาจให้เป็นผู้ควบคุมบัญชีเงินฝากทั้งหมดของเวเนซุเอลาในธนาคารสหรัฐฯ

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เซ็นอนุมัติคำสั่งดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศคว่ำบาตรรัฐวิสาหกิจน้ำมัน PDVSA ของเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นแหล่งดึงดูดสกุลเงินแข็งให้กับรัฐบาล มาดูโร เมื่อวันจันทร์ (28)

“การรับรองนี้จะช่วยให้รัฐบาลอันชอบธรรมของเวเนซุเอลาสามารถปกป้องทรัพย์สิน เพื่อผลประโยชน์ของพลเมืองเวเนซุเอลาอย่างแท้จริง” โรเบิร์ต พัลลาดิโน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลง

กวยโด ออกมาวิจารณ์ความพยายามของ มาดูโร ที่จะเล่นงานตนว่า “ไม่ใช่เรื่องใหม่”

“ผมไม่ปฏิเสธเรื่องการคุกคามและการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้น แต่เราจะอยู่ที่นี่ และจะทำงานของเราต่อไป” เขาให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางถึงอาคารรัฐสภา

กวยโด ยังได้ทวีตข้อความเตือนศาลสูงสุดว่า “ระบอบมาดูโร เดินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว... พวกคุณไม่ควรเสียสละตัวเองเพื่อคนที่แย่งชิงอำนาจ (usurper) และสมุนของเขา”

จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ก็ได้ออกมาเตือน “ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง” หากมีอันตรายใดๆ ก็ตามเกิดขึ้นกับผู้นำฝ่ายค้านซึ่งสหรัฐฯ ให้การรับรองว่าเป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา

“ผมขอย้ำอีกครั้ง... ใครก็ตามที่พยายามกดขี่ระบอบประชาธิปไตยและทำร้ายคุณ กวยโด จะต้องเผชิญผลลัพธ์ที่ร้ายแรง” โบลตัน ทวีตข้อความ



ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา

ขณะเดียวกัน รัฐสภาเวเนฯ ที่ฝ่ายค้านกุมอำนาจอยู่ก็ได้แต่งตั้ง “ผู้แทนการทูต” ไปยังสหรัฐฯ และอีกสิบกว่าประเทศที่ให้การยอมรับสถานะประธานาธิบดีรักษาการของ กวยโด

รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ ได้เชิญ คาร์ลอส เวคคิโอ อุปทูตเวเนซุเอลาประจำสหรัฐฯ คนใหม่ที่ กวยโด แต่งตั้งเข้าพบที่ทำเนียบขาว เพื่อหารือวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นภายในรัฐละตินอเมริกาแห่งนี้

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติที่นครเจนีวา ระบุว่า มีชาวเวเนซุเอลาเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย และถูกจับอีกไม่ต่ำกว่า 850 คน จากเหตุปะทะรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศนับตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. ซึ่งมีทหารกลุ่มหนึ่งพยายามก่อรัฐประหารโค่น มาดูโร แต่ไม่สำเร็จ

สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่า มาตรการคว่ำบาตร PDVSA จะทำให้ มาดูโร ไม่สามารถผันทรัพยากรออกนอกประเทศได้ จนกว่าจะมีการถ่ายโอนอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีรักษาการ หรือได้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างโปร่งใสตามระบอบประชาธิปไตย

ด้าน มาดูโร วัย 56 ปี ออกมาขู่อย่างโกรธเกรี้ยวว่า ทรัมป์ จะกลายเป็น “ผู้นำมือเปื้อนเลือด” หากเกิดความรุนแรงครั้งใหญ่ขึ้นในเวเนซุเอลา

มาดูโร ทวีตข้อความเรียกร้องให้ฝ่ายค้าน “เพิกเฉยต่อการชี้นำของพวกล่าอาณานิคม” และย้ำข้อเสนอเจรจากับ กวยโด

เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกมาเตือนว่า คำสั่งคว่ำบาตรระลอกใหม่ต่อเวเนซุเอลาถือเป็นการ “ฝ่าฝืนธรรมเนียมสากล” และสหรัฐฯ “แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าหนุนหลังการโค่นล้มรัฐบาลอย่างผิดกฎหมาย”

เก็ง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ยืนยันว่าปักกิ่ง “คัดค้านมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว เพราะมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงและไม่ช่วยแก้ปัญหา”

https://mgronline.com/around/detail/9620000010255

 

มะกันจี้รัสเซีย-จีนรายงาน “อาวุธนิวเคลียร์” อย่างโปร่งใส
เผยแพร่: 30 ม.ค. 2562 13:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เอเอฟพี – สหรัฐฯเรียกร้องความโปร่งใสมากขึ้นในวันนี้ (30) ในขณะที่พวกเขากล่าวหารัสเซียและจีนว่าไม่ได้รายงานโครงการนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ท่ามกลางคำขู่ของสหรัฐฯ ว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงควบคุมอาวุธ

เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯแสดงความคิดเห็นดังกล่าวในขณะที่สมาชิกถาวร 5 รายของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น ซึ่งทั้งหมดเป็นชาติผู้ครอบครองนิวเคลียร์ พบกันในกรุงปักกิ่งเพื่อเจรจาเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์และการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์

แอนเดรีย ทอมป์สัน รัฐมนตรีช่วยฝ่ายการควบคุมอาวุธและความมั่นคงระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า มีผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนในความพยายามสร้างความโปร่งใสภายใต้ข้อตกลงไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์

“ก่อนหน้านี้เราได้เห็นพ้องจัดทำรูปแบบสำหรับการรายงาน แต่ความแตกต่างระหว่างรายงานของสหรัฐฯกับของรัสเซียและจีนนั้นมีอยู่มาก” ทอมป์สัน กล่าวในคำกล่าวเปิดของเธอ

“ดิฉันไม่อาจให้ความสำคัญกับคุณค่าของความโปร่งใสมากเกินไป” เธอกล่าว

“เราหวังว่าจะได้หารือเกี่ยวกับวิธีที่เราจะสามารถเสริมสร้างความโปร่งใสด้วยมุมมองที่จะทำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าจะมีมาตรการอย่างจริงจังอย่างที่เรากำลังใช้อยู่เพื่อรับประกันการปฏิบัติตามข้อผูกมัดและหน้าที่ในการไม่แพร่ขยายและการปลดอาวุธของเราอย่างเต็มที่และพิสูจน์ได้”




เจ้าหน้าที่จากรัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และอังกฤษ กลุ่มประเทศภายใต้สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-Proliferation of Nuclear Weapons : NPT) ก็เข้าร่วมการประชุมนี้ซึ่งจะมีจนถึงวันพรุ่งนี้ (31)

การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากหลายเดือนของความตึงเครียดระหว่างมอสโกและวอชิงตันเกี่ยวกับชะตากรรมของข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces : INF) ที่ถูกลงนามโดยประธานาธิบดี โรนัล เรแกน ของสหรัฐฯและ มิฮาอิล กอร์บาชอป ผู้นำสหภาพโซเวียต

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ รับปากว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนี้ ในขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ขู่ว่าจะมีการแข่งขันด้านอาวุธครั้งใหม่ และระบุว่า ยุโรปจะตกเป็นเหยื่อ

เมื่อต้นเดือนนี้ การเจรจาในเจนีวาระหว่างทูตอาวุโสจากทั้งสองประเทศประสบความล้มเหลว เนื่องจากวอชิงตันและมอสโกต่างโทษอีกฝ่ายว่าทำให้ข้อตกลง INF เข้าใกล้ขอบเหว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียเผยโฉมระบบขีปนาวุธในความพยายามเพื่อทำให้เจ้าหน้าที่ต่างชาติมั่นใจว่า อาวุธของพวกเขาเป็นไปตามข้อตกลง INF

อย่างไรก็ตาม วอชิงตัน ระบุว่า ระบบขีปนาวุธดังกล่าวควรถูกทำลายด้วยวิธีการที่พิสูจน์ยืนยันได้ หากมอสโกยังต้องการให้มีข้อตกลง INF ต่อไป

https://mgronline.com/around/detail/9620000010364

 

ปินส์ผวา! คนร้ายปาระเบิด ‘มัสยิด’ คร่า 2 ศพ ตามหลัง IS บึ้มโบสถ์คริสต์
เผยแพร่: 30 ม.ค. 2562 13:39 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คราบเลือดและข้าวของที่พังเสียหายภายในมัสยิดแห่งหนึ่งที่จังหวัดซัมโบอันกา (Zamboanga) ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ หลังเกิดเหตุปาระเบิดเมื่อช่วงกลางดึกวันนี้ (30 ม.ค.)
รอยเตอร์ - คนร้ายปาระเบิดโจมตีมัสยิดแห่งหนึ่งในภาคใต้ของฟิลิปปินส์เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (30 ม.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีก 4 คน โดยก่อนหน้านี้เพียง 3 วันเพิ่งเกิดเหตุระเบิดในพิธีมิสซาของโบสถ์คริสต์บนเกาะโจโลซึ่งคร่าชีวิตคนไปถึง 21 ศพ

เหตุระเบิดครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยที่จังหวัดซัมโบอันกา (Zamboanga) บนเกาะมินดาเนา โดยจังหวัดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหมู่เกาะซูลูเป็นจุดที่เกิดเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์เมื่อวันอาทิตย์ (27)

กองทัพฟิลิปปินส์เรียกร้องให้กลุ่มผู้นับถือศาสนาต่างๆ บนเกาะมินดาเนามีความสามัคคีปรองดอง และขอให้ประชาชนหยุดวิพากษ์วิจารณ์หรือเผยแพร่ข่าวลือบนโลกโซเชียล

ลีโอเนล นิโคลัส ผู้บัญชาการกองกำลังประจำภูมิภาค ย้ำว่าเหตุโจมตีมัสยิด “ไม่ใช่การแก้แค้น”

สภาอุลามาในจังหวัดซัมโบอันกาได้แถลงประณามการกระทำที่ “เลวทราม ไร้เหตุผล และไร้มนุษยธรรม” และขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง

ก่อนเกิดเหตุแค่ไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ได้แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า เหตุโจมตีชาวคริสต์ที่โบสถ์บนเกาะโจโลอาจเป็นผลงานของพวก “มือระเบิดฆ่าตัวตาย”

คำพูดของ ดูเตอร์เต ขัดแย้งกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง แต่หากเป็นความจริงก็จะถือเป็นระเบิดฆ่าตัวตายครั้งแรกที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์ และยืนยันสิ่งที่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอ้างผ่านสำนักข่าวอามัก

เหตุนองเลือดทั้ง 2 ครั้งเกิดขึ้นหลังมีการจัดทำประชามติว่าด้วยการตั้งเขตปกครองตนเองของชาวมุสลิม 5 ล้านคนบนเกาะมินดาเนาเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ซึ่งประชากรในท้องถิ่นส่วนใหญ่โหวต ‘เห็นชอบ’

ชาวมุสลิมถือเป็นคนกลุ่มน้อยในฟิลิปปินส์ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และมีสัดส่วนเพียงราวๆ 1 ใน 4 ของพลเมืองทั้งหมดบนเกาะมินดาเนา

รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ทำข้อตกลงกับฝ่ายกบฏมุสลิมว่าด้วยการจัดตั้งเขตปกครองตนเอง “บังสาโมโร” (Bangsamoro) ขึ้นในพื้นที่บางส่วนของเกาะมินดาเนา ซึ่งฝ่ายสนับสนุนเชื่อว่าจะช่วยยุติการก่อความไม่สงบ รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ซึ่งยังมีอัตราการจ้างงาน รายได้ การศึกษา และการพัฒนาต่ำที่สุดในฟิลิปปินส์

รัฐบาลฟิลิปปินส์เชื่อว่ากลุ่มติดอาวุธ อาบู ไซยาฟ ซึ่งประกาศสวามิภักดิ์ต่อไอเอสน่าจะอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์ที่เกาะโจโล

อาบู ไซยาฟ นั้นประกอบไปด้วยนักรบกลุ่มย่อยๆ ที่มีเป้าหมายต่างกัน และยังคงเน้นไปที่การดักปล้นเรือสินค้า หรือลักพาตัวคนไปเรียกค่าไถ่ มากกว่าการทำสงครามศาสนา






https://mgronline.com/around/detail/9620000010367

 

FBI ยุติสอบสวนคดีกราดยิงคอนเสิร์ตลาสเวกัส หลัง ‘ไม่พบแรงจูงใจ’ มือปืน เผยแพร่: 30 ม.ค. 2562 14:43 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สตีเฟน แพดด็อก มือปืนวัย 64 ปีที่ก่อเหตุกราดยิงใส่ผู้คนที่กำลังชมคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่นครลาสเวกัส เมื่อปี 2017
รอยเตอร์ – สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ประกาศยุติการสอบสวนคดีคนร้ายกราดยิงคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่นครลาสเวกัสเมื่อปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 58 ราย หลังไม่พบแรงจูงใจที่ชัดเจนของมือปืน

รายงานสรุปของเอฟบีไอ ระบุว่า สตีเฟน แพดด็อก มือปืนวัย 64 ปี ไม่แตกต่างอะไรจากผู้ก่อคดีกราดยิงอื่นๆ ที่เผชิญปัญหารุมเร้าหลายด้าน เช่น ปัญหาสุขภาพจิตและความเครียด ซึ่งทำให้อยากจะฆ่าตัวตาย

พนักงานสอบสวนยังไม่พบหลักฐานว่า แพดด็อก มีค่านิยมหรือแรงจูงใจทางการเมืองใดๆ ที่อาจนำไปสู่การก่อเหตุสังหารหมู่เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 800 คน

“เราไม่พบปัจจัยกระตุ้นอย่างใดอย่างหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีของ แพดด็อก” หน่วยวิเคราะห์พฤติกรรม (Behavioral Analysis Unit) ในสังกัดเอฟบีไอระบุ ซึ่งเป็นการย้ำข้อสรุปของตำรวจลาสเวกัสเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว

แพดด็อก กระทำการทั้งหมดโดยลำพัง ตั้งแต่วางแผนเรื่อยไปจนถึงการใช้ปืนไรเฟิลหลายกระบอกสาดกระสุนกว่า 1,000 นัดจากชั้น 32 ของโรงแรมมัณฑะเลย์เบย์ รีสอร์ต แอนด์ คาสิโน ลงมาใส่ฝูงชนที่กำลังชมคอนเสิร์ตอยู่เบื้องล่าง และเมื่อถูกตำรวจเข้าปิดล้อม เขาก็ตัดสินใจยิงตัวตาย

เจ้าหน้าที่ระบุว่า แพดด็อก เผชิญปัญหาหลายอย่างในชีวิต ทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ย่ำแย่ รวมถึงปัญหาการเงิน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาวางแผนปลิดชีพตนเอง นอกจากนี้เขายังต้องการสร้างชื่อเสียงจากเป็นฆาตกรสังหารหมู่ เนื่องจากบิดาก็เป็นอาชญากรชื่อดังมาก่อน

แพดด็อก แทบไม่เคยแสดงความเห็นอกเห็นใจใครมาตลอดทั้งชีวิต ดังนั้น การสังหารผู้คนที่กำลังมีความสุขได้อย่างเลือดเย็นจึงสอดคล้องกับอุปนิสัยส่วนตัวของเขา

ชายผู้นี้วางแผนอย่างรัดกุมตั้งแต่การเตรียมซื้อปืนและเครื่องกระสุน ศึกษากลยุทธ์ของตำรวจ เลือกสถานที่ลงมือ และถึงขั้นติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้จับตาดูความเคลื่อนไหวของตำรวจ เพื่อที่จะใช้ปืนพกยิงตัวตายก่อนถูกจับ

https://mgronline.com/around/detail/9620000010415

 

ผู้นำออสเตรเลียเรียกร้อง ‘ไทย’ ปล่อยตัวนักเตะลี้ภัยบาห์เรน
เผยแพร่: 30 ม.ค. 2562 10:42 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลียเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัว ฮากีม อัล-อาไรบี (Hakeem Al-Araibi) นักฟุตบอลผู้ลี้ภัยชาวบาห์เรนซึ่งถูกกักกันในไทยมานานกว่า 2 เดือน และกำลังถูกรัฐบาลบาห์เรนร้องขอให้ส่งตัวกลับประเทศ

อาไรบี ซึ่งลี้ภัยมาจากบาห์เรนและได้สถานะผู้พำนักในออสเตรเลีย เกรงจะตกเป็นเหยื่อการทรมานหรือแม้กระทั่งถูกสังหาร หากโดนส่งตัวกลับไปยังบ้านเกิด

เขาถูกทางการไทยควบคุมตัวเมื่อปลายเดือน พ.ย. หลังเดินทางมายังกรุงเทพมหานครเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนกับภรรยา

นักเตะวัย 25 ปีรายนี้เคยเล่นให้กับทีมฟุตบอลเยาวชนบาห์เรน ก่อนจะหนีออกนอกประเทศ และได้สถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลกึ่งอาชีพอยู่ที่นครเมลเบิร์น

ผู้นำออสซี่ได้แสดงความกังวลผ่านจดหมายที่ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเมื่อหลายวันก่อน

มารีส เพย์น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ระบุในถ้อยแถลงถึงเอเอฟพีวันนี้ (30) ว่า รัฐบาลแคนเบอร์ราจะ “พยายามต่อสู้ทุกวิถีทาง” ในนามของ อาไรบี

“รัฐบาลไทยและออสเตรเลียต่างทราบดีในทุกระดับว่า เรื่องนี้มีความสำคัญมากเพียงใดต่อออสเตรเลีย” เธอกล่าว

สำนักงานของ มอร์ริสัน ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของจดหมายที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรีไทย แต่มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์วานนี้ (29) ว่า มอร์ริสัน ได้ย้ำให้ไทยตระหนักว่ารัฐบาลออสเตรเลียได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วก่อนจะอนุมัติวีซ่าคุ้มครองถาวร (permanent protection visa) ให้แก่ อาไรบี และแคนเบอร์ราเชื่อว่าการส่งตัว อาไรบี กลับไปยังบาห์เรนจะทำให้เขาถูกลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานที่กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศให้การรับรอง

ล่าสุด สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ได้แถลงเรียกร้องให้ไทยปล่อยตัว อาไรบี เมื่อวานนี้ (29) หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเพิกเฉยต่อชะตากรรมของนักเตะชาวบาห์เรน

อาไรบี อ้างว่าตนถูกคุกคามเนื่องจากไปวิจารณ์ ชัยค์ ซัลมาน บิน เอบราฮิม อัล คอลีฟะห์ ประธาน AFC ซึ่งเป็นสมาชิกราชวงศ์บาห์เรน

สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (FIFA) และคณะกรรมการโอลิมปิกสากลก็ได้ออกมาประกาศสนับสนุนอาไรบี และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวเขา

อาไรบี ถูกศาลบาห์เรนพิพากษาลับหลังจำเลยว่ามีความผิดฐานทำลายทรัพย์สินของสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง แต่เจ้าตัวยืนยันว่าขณะเกิดเหตุตนเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลในต่างประเทศ

รัฐบาลบาห์เรนระบุเมื่อวันจันทร์ (28) ว่าได้ยื่นเอกสารต่อทางการไทยเพื่อขอส่งตัว อาไรบี กลับประเทศแล้ว

https://mgronline.com/around/detail/9620000010278

 

เลือดนองเวเนฯ! UN เผยมีผู้เสียชีวิตระหว่างประท้วงต่อต้าน “มาดูโร” แล้วมากกว่า 40 ศพ เผยแพร่: 29 ม.ค. 2562 23:29 ปรับปรุง: 30 ม.ค. 2562 10:49 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เอเอฟพี - พบผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 40 คน และมีผู้ถูกจับกุมมากเป็นสถิติ ระหว่าง 1 สัปดาห์ของการประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร จากการเปิดเผยของสหประชาชาติในวันอังคาร (29 ม.ค.)

รูเพิร์ท คอลวิลล์ โฆษกสำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “เชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตในรูปแบบต่างๆ มากกว่า 40 คน” หลังจากเมื่อวันจันทร์ (28 ม.ค.) เอ็นจีโอท้องถิ่นอย่างโครงการปฏิบัติเพื่อการศึกษาเวเนซุเอลา (Venezuelan Program for Education-Action) ระบุยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 35 คน

เหตุประท้วงปะทุขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากทหารกลุ่มหนึ่งลุกฮือต่อต้านมาดูโร ตามเสียงเรียกร้องของ ฮวน กวยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติ ที่ขอให้พร้อมใจกันปฏิเสธ มาดูโร ผู้นำสังคมนิยม

กวยโด ประกาศตนว่าเป็นประธานาธิบดีรักษาการของประเทศ ระหว่างการชุมนุมใหญ่เมื่อวันพุธที่แล้ว (23 ม.ค.) ซึ่งมีประชาชนหลายหมื่นคนออกมารวมตัวกันบนท้องถนนประท้วงต่อต้านมาดูโร ที่พวกเขากล่าวโทษว่าเป็นต้นตอของความล่มสลายทางเศรษฐกิจ อันทำให้ชาวเวเนซุเอลาหลายล้านคนยากจนข้นแค้นและอีกหลายล้านคนต้องจำใจอพยพออกนอกประเทศ

ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น คอลวิลล์อ้างว่ามีอย่างน้อย 26 คนที่ตายหลังจากถูกยิงระหว่างการชุมนุม โดยฝีมือของกองกำลังด้านความมั่นคงหรือไม่ก็สมาชิกกลุ่มติดอาวุธของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล

“นอกจากนี้แล้วยังมีอีก 5 คนที่ว่ากันว่าถูกกองกำลังด้านความมั่นคงสังหารระหว่างปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นบ้านอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายในย่านชุมชนยากจนหลายแห่ง” เขากล่าว พร้อมระบุว่าปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นดังกล่าวมักเกิดขึ้นเป็นประจำ หลังมีการชุมนุมประท้วงในย่านเดียวกัน

คอลวิลล์ เผยต่อว่า ยังมีอีก 11 คนที่ถูกสังหารโดยกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปล้นสะดม ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิโบลิเวียจำนวนหนึ่งเสียชีวิตเช่นกัน

นอกจากนี้ คอลวิลล์ ระบุว่าสำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เชื่อว่า “มีประชาชนอย่างน้อย 850 คนถูกจับกุมจากการประท้วงระหว่างวันที่ 21 ถึง 26 มกราคม” โดยในจำนวนนั้นเป็นเด็กถึง 77 คน บางรายอายุน้อยสุดเพียง 12 ปี

สำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติระบุว่า ผู้ถูกจับกุมส่วนใหญ่ถูกรวบตัวในวันที่มีการประท้วงใหญ่ที่สุดคือในวันที่ 23 มกราคม โดยในวันดังกล่าวมีผู้ชุมนุมถูกจับกุมทั่วประเทศอย่างน้อย 696 คน “มันเป็นการจับกุมตัวผู้ประท้วงในวันเดียว มากสุดในรอบอย่างน้อยๆ ก็ 20 ปีเลยทีเดียว” คอลวิลล์กล่าว

https://mgronline.com/around/detail/9620000010194

 

มีหนาว! จีนอวดขีปนาวุธใหม่ขู่สหรัฐฯ ถล่มได้ทั้งเกาะกวม-จมเรือบรรทกเครื่องบินกลางทะเล (ชมคลิป) เผยแพร่: 30 ม.ค. 2562 01:01 ปรับปรุง: 30 ม.ค. 2562 10:47 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รัสเซียทูเดย์ - จีนเปิดตัวขีปนาวุธพิสัยปานกลางใหม่ ที่พวกเขาอ้างว่ามีแสนยานุภาพโจมตีเกาะกวมของสหรัฐฯ และเรือรบของอเมริกากลางทะเล การอวดศักยภาพที่มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองชาติต่อกรณีไต้หวัน

รัฐบาลจีนเผยแพร่คลิปขีปนาวุธ ตงเฟิง-26 บนสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้ขีปนาวุธใหม่ดังกล่าวเคยถูกพบเห็นกลางขบวนพาหรดทางทหารในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2015 และเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนปีก่อน แต่ไม่เคยถูกพบเห็นตอนยิงมาก่อน




ด้วยขีปนาวุธรุ่นใหม่มีพิสัยการโจมตีระหว่าง 3,000 ถึง 5,714 กิโลเมตร ทำให้มันมีแสนยานุภาพถล่มเป้าหมายต่างๆ บนเกาะกวม ดินแดนของสหรัฐฯ หรือเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือทะเลจีนใต้ ขณะเดียวกัน ตงเฟิง-26 ยังสามารถยิงได้จากยานยนต์เคลื่อนที่และสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์หรือหัวรบทั่วๆ ไปราว 1,200 ถึง 1,800 กิโลกรัม รวมถึงปรับเปลี่ยนตำแหน่งกลางอากาศ

“ในขณะที่ดูเหมือนว่าเพนตากอนรับรู้เกี่ยวกับขีปนาวุธดังกล่าวมานานหลายปี วิดีโอดังกล่าวน่าจะเป็นความพยายามตอกย้ำว่ากองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) มีแสนยานุภาพจมเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯและสร้างความเสียหายอย่างเจ็บปวดแก่กองกำลังอเมริกา” อดัม หนี่ นักวิจัยชาวจีนบอกกับหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์

“การทดสอบล่าสุดเป็นเพียงอีกหนึ่งสัญญาณที่ส่งถึงสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ในนั้นรวมถึงการแทรกแซงทางทหารสนับสนุนไต้หวัน ซึ่งถือเป็นการต่อต้านจีน” หนี่ระบุ “เราอาจได้เห็นการยิงซ้อมบ่อยครั้งขึ้นหากความสัมพันธ์ทวิภาคีเลวร้ายลง”




การซ้อมยิงมีขึ้นในขณะที่จีนกำลังแสดงให้เห็นถึงความเป็นใหญ่ของพวกเขาในภูมิภาค โดยปักกิ่งได้ตั้งงบประมาณทางทหารในปี 2018 ที่ 175,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 151,000 ล้านดอลลาร์ของปี 2017 แต่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นการรายงานที่ต่ำกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำ และเชื่อว่าปักกิ่งได้ทุ่มงบประมาณด้านการทหารปีละไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์

ในขณะที่ จีน ยกระดับประจำการทางทหารในทะเลจีนใต้ หนึ่งในน่านน้ำที่มีข้อพิพาทมากที่สุดในโลก สหรัฐฯก็ตอบโต้ด้วยการล่องเรือรบผ่านหมู่เกาะต่างๆที่จีนยึดครอง ในความพยายามท้าทายคำอ้างสิทธิ์ทางทะเลที่เลยเถิดของปิกกิ่ง ซึ่งกระตุ้นให้กระทรวงการต่างประเทศของจีน ประณามว่ามันเป็นปฏิบัติการแห่งการ "ยั่วยุ"

การเผยแพร่วิดีโอ ตงเฟิง-26 ของจีน ดูเหมือนเป็นการตอบโต้กรณีสหรัฐฯส่งเรือ 2 ลำล่องผ่านช่องแคบไต้หวันเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ทั้งนี้ภายใต้นโยบาย "จีนเดียว" ปักกิ่งมองไต้หวันในฐานะส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ และเมื่อช่วงต้นเดือน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยถึงขั้นประกาศรวมชาติไต้หวันในทุกวิธีทาง ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังทหาร

https://mgronline.com/around/detail/9620000010206