ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    KM35mhD-X7N_c&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fichef.bbci.co.uk%2Fimages%2Fic%2F1024x576%2Fp06yj0xl.jpg
    (Jan 20) ทรัมป์ยื่นข้อเสนอ "ประนีประนอม" เพื่อยุติชัตดาวน์: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยื่นข้อเสนอ "คุ้มครองชั่วคราว" ให้แก่ผู้อพยพเกือบ 1 ล้านคน เพื่อแลกกับงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก แต่พรรคเดโมแครตยังคงปฏิเสธ

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่ 29 ของการที่รัฐบาลกลางเผชิญกับภาวะชัตดาวน์ ยืนกรานว่าแผนงบประมาณฉบับใหม่ต้องรวมการจัดสรรเงินสำหรับโครงการก่อสร้างกำแพงหรือ "เครื่องกั้นแพรมแดน" เท่ากับที่เขาเรียกร้องมาตลอด นั่นคือ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 182,400 ล้านบาท ) ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าเพื่อความมั่นคงของพรมแดนทางใต้ หลังมีรายงานคาราวานผู้อพยพกลุ่มใหม่อีกหลายพันคนออกเดินทางจากฮอนดูรัสแล้ว

    อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐยื่นข้อเสนอที่เจ้าตัวยืนยันว่า "คือการประนีประนอม" กับสภาคองเกรส ที่รวมถึงการออกสถานะคุ้มครองชั่วคราวให้กับผู้อพยพที่อยู่ภายใต้โครงการ "ดาก้า" ( DACA ) หรือ "ดรีมเมอร์ส" ที่เป็นการคุ้มครองเด็กและเยาวชนซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมายระหว่างช่วงอายุ 6-16 ปี ด้วยการให้โอกาสศึกษาเล่าเรียน ได้รับสวัสดิการและมีสิทธิ์หางานทำในสหรัฐได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 ในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยปัจจุบันมีผู้อพยพซึ่งอยู่ในโครงการดาก้าประมาณ 700,000 คน และทรัมป์ยังเสนอขยายระยะเวลาคุ้มครองให้กับผู้อพยพอีกประมาณ 300,000 คน ที่สถานะกำลังจะหมดอายุด้วย แต่ผู้นำสหรัฐไม่ได้กล่าวว่าแล้วระยะเวลา "ชั่วคราว" นั้น "นานแค่ไหน"

    แต่ในขณะเดียวกัน ทรัมป์เรียกร้องสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 25,600 ล้านบาท ) "เพื่อโครงการฉุกเฉินด้านมนุษยธรรม" และอีก 805 ล้านดอลลาร์หรัฐ ( ราว 25,760 ล้านบาท ) เพื่อยกระดับอุปกรณ์ตรวจจับยาเสพติดตามช่องทางเข้าเมืองทั้งท่าเรือและสนามบินทุกแห่ง นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังเรียกร้องการเพิ่มการจ้างเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพรมแดนอีก 2,750 คน และเพิ่มจำนวนผู้พิพากษาด้านคดีผู้อพยพอีก 75 ตำแหน่ง

    ด้านนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กล่าวถึงข้อเสนอของผู้นำสหรัฐว่ายังคงมีหลายเรื่องที่สภาล่างแจ้งย้ำไปหลายครั้งแล้วว่า "เป็นไปไม่ได้" แต่นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา กล่าวว่าสภาสูงต้องการลงมติข้อเสนอของทรัมป์ภายในสัปดาห์นี้

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์
    https://www.dailynews.co.th/foreign/688751

    - Trump offers 'compromise' to end government shutdown: https://www.bbc.com/news/world-us-canada-46935595
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    sJBcYtKQeWunHo9lxqj9RhU5bSqFFzh-7sePrBXj7NkVqdYn-y86nyJY3emwXCtutjfa7ZuA&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.png

    (Jan 20) อัตราผลตอบแทนระยะสั้นของพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลัง กนง. ขึ้นดอกเบี้ย :ข้อมูล PIER Statistics วันนี้ขอนำเสนอข้อมูล "Thai Yield Curve 2006 – 2018" โดยแผนภาพได้แสดงให้เห็นถึงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยตั้งแต่ปี 2006 – 2018

    จากกราฟจะเห็นได้ว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน ทั้งนี้ หลังที่จากคณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายปี 2018 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนระยะสั้นของพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

    ที่มา Thai BMA
    (http://www.thaibma.or.th/…/Market/YieldCurve/Government.aspx)

    ท่านสามารถติดตามข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่
    https://www.pier.or.th/pier_stats
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    82&url=https%3A%2F%2Fcdn.cnn.com%2Fcnnnext%2Fdam%2Fassets%2F190114081228-theresa-may-super-tease.jpg
    (Jan 20) กระแสขอจัดประชามติครั้งใหม่มาแรงอังกฤษยังป่วน'เบร็กซิท' มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า อาจจะมีการจัดทำประชามติในประเทศอังกฤษอีกครั้งเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ หลังจากที่ได้เห็นความปั่นป่วนวุ่นวายและยังหาความชัดเจนไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู) นั้นควรจะเป็นไปในรูปแบบใดและอังกฤษจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์มากกว่ากัน ซึ่งเป็นผลมาจากการลงมติขอถอนตัวออกจากอียูหรือ "เบร็กซิท" (Brexit) เมื่อปี 2559 ที่ทำให้อังกฤษต้องเข้าสู่กระบวนการต่างๆในการถอนตัวจากอียู แม้รัฐบาลที่นำโดยนางเทเรซา เมย์ จากพรรคอนุรักษนิยม จะจัดทำข้อตกลงเบร็กซิทที่ผ่านการเห็นชอบของผู้นำรัฐบาล 27 ชาติสมาชิกอียูเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา (2561) แต่ข้อตกลงดังกล่าวก็ยังไม่ผ่านการรับรองโดยรัฐสภาของอังกฤษเอง ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียงกว่า 70 วันก็จะถึงกำหนดที่อังกฤษจะต้องถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มีนาคมที่จะถึงนี้แล้ว

    จากความวิตกว่า การถอนตัวออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงที่จะเป็นแนวทางปฏิบัติและระบุถึงความสัมพันธ์ของอังกฤษต่ออียูในอนาคต จะสร้างความไม่แน่นอนและส่งผลต่อเสถียรภาพของอังกฤษทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่เริ่มจะตีบตันดังกล่าว รัฐบาลอังกฤษเองพยายามหารือขอเสียงสนับสนุนข้อตกลงเบร็กซิทจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพื่อให้การนำข้อตกลงดังกล่าวยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 21 ม.ค.นี้ประสบผลสำเร็จ แต่อีกด้านหนึ่ง บรรดาผู้นำพรรคการ เมืองที่ประกอบด้วยพรรคเอสเอ็นพี (Scottish National Party) พรรคกรีน พรรคเสรีประชาธิปไตย และพรรคชาตินิยมเวลส์ (Wales' Plaid Cymru)ได้พยายามโน้มน้าวให้พรรคแรงงานที่เป็นแกนนำฝ่ายค้าน ร่วมกันผลักดันให้มีการจัดทำประชามติครั้งใหม่เพื่อหยั่งเสียงกันอีกครั้งว่ายังต้องการออกจากอียูหรือไม่ โดยครั้งนี้มีกลุ่มผู้นำในภาคธุรกิจ 130 รายร่วมจัดทำจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้มีการจัดทำประชามติครั้งใหม่นี้ด้วย สอด คล้องกับความคิดเห็นของนายปาสคาล ลามี อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อใหญ่อย่างซีเอ็นบีซีเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การลงประชามติครั้งที่ 2 เป็นทางเลือกหนึ่งที่อาจจะเป็นทางออกของสถานการณ์ ที่ยุ่งยากในเวลานี้ แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ อย่างนายโทนี่ แบลร์ นายกอร์ดอน บราวน์ และนายจอห์น เมเจอร์ ยังร่วมเสนอความคิดเห็นว่า อาจจะต้องมีการจัดทำประชามติกันอีกครั้งว่า ขณะนี้ชาวอังกฤษยังต้องการจะแยกตัวออกจากอียูหรือไม่

    ถ้าหากข้อตกลงเบร็กซิทที่รัฐบาลอังกฤษยื่นต่อสภาอีกครั้งในวันที่ 21 ม.ค.นี้ยังคงไม่ผ่านการรับรอง นั่นก็หมายความว่าทางเลือกเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกจากอียูในวันที่ 29 มี.ค.อย่างไม่มีเงื่อนไขข้อตกลง หรือการขอขยายเวลาการถอนตัวออกไปหลังวันที่ 29 มี.ค. หรือการจัดทำประชามติครั้งใหม่ ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น

    Source: ฐานเศรษฐกิจ

    เพิ่มเติม
    - MPs plot to take control of Brexit process from beleaguered UK governmen
    thttps://edition.cnn.com/2019/01/19/uk/uk-lawmakers-brexit-plot-gbr-intl/index.html
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    FR9B2OlAamf_GwMD9iHb7ksM2X0MDkQujAxuIBoXJ5OyTMHSQRQ2bMnPZLQQa1raL9_ZbeaA&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.png

    (Jan 20) อินโดฯดีเดย์ 1 เม.ย. 62 รีด 'ภาษีอีคอมเมิร์ซ' ต่างชาติ -"อินโดนีเซีย" มีประชากรมากที่สุดในอาเซียนกว่า 264 ล้านคน มากเป็นอันดับ 4 ของโลก พฤติกรรมช็อปปิ้งออนไลน์ก็มีการเติบโตรวดเร็ว ทำให้อินโดนีเซียกำลังเป็นสมรภูมิรบขนาดใหญ่ของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซข้ามชาติ

    "แมคคินซี แอนด์ คอมพานี" ที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำของโลกระบุว่า ปีที่ผ่านมาตลาดอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียมีมูลค่าถึง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าถึงนักช็อปทั่วประเทศราว 30 ล้านคน และคาดว่า ภายในปี 2022 ตลาดจะเพิ่มถึง 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเส้นทางการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดอีคอมเมิร์ซคล้ายกับประเทศจีนในช่วงปี 2010-2015 ที่ผ่านมา

    นักวิเคราะห์ของแมคคินซี่ฯกล่าวว่า การที่ธุรกิจต่างชาติเข้ามาโลดแล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย ได้สร้างความกังวลและไม่เป็นธรรมด้านการแข่งขันต่อธุรกิจค้าปลีกมานาน หลายปี ขณะที่เดือน เม.ย.นี้อินโดนีเซีย จะมีการเลือกตั้งผู้นำครั้งใหม่ ดังนั้น อีกหนึ่งฐานคะแนนเสียงที่สำคัญจากกลุ่มผู้ค้าปลีกดั้งเดิมและสมัยใหม่ ที่ครองตลาดในประเทศเกือบ 80% ถูกคาดหมายว่าจะช่วยสนับสนุนให้ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด จะสามารถเอาชนะคู่แข่งในสมัยที่ 2 ได้ ซึ่งการหยิบประเด็นการเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซขึ้นมา ถือว่าเป็นการปิดเกมการเมืองที่ชาญฉลาด

    "จาการ์ตาโพสต์" รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียจะจัดเก็บ "ภาษีอีคอมเมิร์ซ" ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป โดยจะบังคับให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ต้องจัดเก็บข้อมูล ยอดขายทั้งหมดในสินค้าทุกประเภท แล้วแจ้งต่อกรมสรรพากรของอินโดนีเซีย เพื่อจ่ายภาษีอย่างถูกต้อง

    ภายใต้กฎระเบียบใหม่ของกระทรวงการคลัง ที่เรียกว่า "NPWPs" คือธุรกิจ อีคอมเมิร์ซทุกรายจะต้องมีหมายเลข ผู้เสียภาษี โดยกฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซทุกขนาดทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งลาซาด้า และโตโกพีเดีย (Tokopedia) ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป และบูกาลาปัก (Bukalapak) ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากแอนท์ ไฟแนนเชียล ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงจากเหล่านักช็อปชาวอินโดนีเซีย และเคยถูกกลุ่มค้าปลีกท้องถิ่นบางรายร้องเรียนว่า แข่งขันในตลาดอย่างไม่เป็นธรรม

    ทางการจาการ์ตาได้กำหนดว่า ผู้ขายสินค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีรายได้อย่างน้อย 4,800 ล้านรูเปียห์ (ราว 339,943 ดอลลาร์สหรัฐ) จะต้อง เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้า และจ่าย ให้กับทางการอินโดนีเซีย โดยผู้ขาย สินค้าออนไลน์ที่มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กจะต้องเสียภาษี 0.5% ของรายได้ สำหรับผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จะต้องเสียภาษีนิติบุคคลที่ 25% ซึ่งเป็นข้อกำหนดเดียวกับธุรกิจค้าปลีกในประเทศ

    Sri Mulyani Indrawati รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินโดฯกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามสร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมทางการค้าขายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาระหว่างร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมและค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนตลาดค้าปลีกดั้งเดิมลดลง 8% ต่อปี ขณะที่ค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 31.4% ต่อปี ขณะที่โลกยุคดิจิทัลกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการช็อปปิ้ง ของอินโดนีเซีย ความสะดวกสบายที่เข้ามาบริการชีวิตประจำวันทำให้ร้านค้าปลีกท้องถิ่นมีปัญหา ซึ่งการเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซจะช่วยสร้างความ เท่าเทียมในการแข่งขันให้มากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม Ignatius Untung ประธานสมาคมอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย วิพากษ์ถึงกฎหมายใหม่ว่า อาจทำให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์เปลี่ยนสนามการค้าใหม่ แล้วหันไปขายสินค้า ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพื่อเป็น การเลี่ยงภาษีอีคอมเมิร์ซ นั่นจะหมายความว่า นอกจากที่รัฐบาลจะไม่สามารถปกป้องธุรกิจค้าปลีกได้ รายได้ ของภาครัฐที่มาจากการเก็บภาษีก็อาจจะต่ำกว่าเป้าหมาย

    อีกทั้งยังกังวลว่า ภาษีอีคอมเมิร์ซจะทำให้ผู้เล่นจากต่างประเทศลดความสำคัญของตลาดอินโดนีเซียลง โดยจะอ้างว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า ขณะที่อินโดนีเซียยังขาดแคลนระบบโลจิสติกส์ที่ดีเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศในอาเซียน เช่น เวียดนาม ที่ช็อปปิ้งออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วแห่งหนึ่ง

    Source: ประชาชาติธุรกกิจ

    - Indonesia cracks down on e-commerce to raise tax collection: https://www.reuters.com/article/us-indonesia-tax-ecommerce/indonesia-cracks-down-on-e-commerce-to-raise-tax-collection-idUSKCN1P81DT
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    B6%E8%B2%AC%E4%BB%BB%E8%80%85%EF%BC%88%EF%BC%A3%EF%BC%A5%EF%BC%AF%EF%BC%8920190118150421317_Data.jpg
    (Jan 20) ซีอีโอ 'หัวเว่ย' มั่นใจ รับมือความท้าทายสหรัฐ : แม้จะมีอุปสรรค จากการที่รัฐบาลสหรัฐแบนผลิตภัณฑ์ ของตน แต่ดูเหมือนว่า "หัวเว่ย เทคโนโลยีส์" ยักษ์ใหญ่เทเลคอมสัญชาติจีนจะไม่ได้ เดือดร้อนมากนัก และมั่นใจในศักยภาพ การผลิตของบริษัท

    เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของหัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เทเลคอมรายใหญ่ ที่สุดในโลก ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ นิกเกอิ เอเชียน รีวิวว่า บริษัทจะป้องกันตัว ด้วยการผลิตชิ้นส่วนไฮเทคด้วยตัวเอง หากสหรัฐทำให้หัวเว่ยเข้าถึงเทคโนโลยี อเมริกันได้น้อยลง

    "หากรัฐบาลวอชิงตันเพิ่มความ เข้มงวดในการปราบปรามบริษัทถึงขั้นนั้น เราก็จะผลิตผลิตภัณฑ์ทางเลือกเอง และ นั่นก็คงไม่อยู่ในความสนใจของสหรัฐ" เหรินให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่หัวเว่ย ในเมืองเสิ่นเจิ้น ทางใต้ของจีน

    คำสัมภาษณ์ของเหรินมีขึ้น หลัง สภาคองเกรสเสนอให้จำกัดการจำหน่ายชิพ และชิ้นส่วนของอเมริกันให้กับบรรดา บริษัทจีน ซึ่งรวมถึงหัวเว่ย และผู้ผลิต อุปกรณ์เทเลคอมเพื่อนร่วมชาติอย่าง "แซดทีอี" ซึ่งละเมิดมาตรการคว่ำบาตร และกฎหมายควบคุมการส่งออกของสหรัฐ

    "หัวเว่ยจะไม่เป็นเหมือนกรณี แซดทีอี" เหรินกล่าว และว่า "คำสั่งแบน เทคโนโลยีของสหรัฐอย่างที่ใช้กับแซดทีอี จะส่งผลกระทบต่อหัวเว่ยบ้าง แต่จะไม่ กระทบมากนัก"

    หัวเว่ยทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้าน ดอลลาร์ไปกับการวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) หลังตั้งบริษัทลูด้าน ธุรกิจชิพอย่าง "ไฮซิลิคอน เทคโนโลยีส์" เพื่อลดการพึ่งพาเหล่าซัพพลายเออร์ต่างชาติ ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตชิพของสหรัฐอย่าง "อินเทล" "เอ็นวิเดีย" และ "ควอลคอมม์"

    เมื่อต้นปีนี้ หัวเว่ยได้ประกาศเปิดตัว ชิพเซ็ตที่พุ่งเป้าแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของ อินเทล ที่ใช้สำหรับเซิร์ฟเวอร์ศูนย์เก็บข้อมูล

    แซดทีอีเผชิญกับคำสั่งห้ามใช้ เทคโนโลยีอเมริกันเมื่อเดือนเม.ย. 2561 ซึ่งเป็นผลจากการละเมิดมาตรการ คว่ำบาตรอิหร่าน ก่อนที่สหรัฐจะยกเลิก คำสั่งดังกล่าวในเดือนก.ค. ปีเดียวกัน

    เหริน ระบุว่ารู้สึกประหลาดใจมาก ที่แคนาดาจับกุมบุตรสาวของเขาที่ชื่อ "เมิ่ง หว่านโจว" หัวหน้าเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของหัวเว่ย ฐานต้องสงสัยว่าทำการค้ากับอิหร่าน แต่เขาเลี่ยงที่จะแสดงความเห็น เพิ่มเติมโดยอ้างว่าคดีนี้อยู่ระหว่าง การสอบสวน

    อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย กล่าว เป็นครั้งแรกว่า บุตรสาวจะไม่ได้สืบทอด ตำแหน่งบริหารบริษัทจากเขา

    หลายฝ่ายมองว่า เมิ่งซึ่งถูกจับกุม ในแคนาดาเมื่อเดือนที่แล้วในข้อหา ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการคว่ำบาตร ของสหรัฐที่มีต่ออิหร่าน มีแนวโน้มสูง ที่จะได้เป็นซีอีโอของกลุ่มหัวเว่ย ในอนาคต

    "ทายาทธุรกิจของผมไม่ใช่เมิ่ง อย่างแน่นอน" เหรินเผย และว่า "เมิ่ง มีพรสวรรค์ในการบริหารจัดการและ การสื่อสาร ขณะที่ผู้ที่จะสืบทอดธุรกิจ จากผม ควรมีประวัติการทำงานด้าน เทคนิค มีมุมมองเชิงลึกต่อตลาด มีความคิดเชิงกลยุทธ์ และมีความรู้ เกี่ยวกับสังคมวิทยาและปรัชญา"

    เหรินย้ำด้วยว่า ทายาทธุรกิจของเขา จะไม่ใช่คนเพียงคนเดียว แต่จะเป็น กลุ่มบุคคลที่มีคุณสมบัติเหล่านั้น

    เมื่อนิกเกอิถามว่า หัวเว่ยสามารถ คัดค้านคำขอจากรัฐบาลจีนหรือพรรค คอมมิวนิสต์ ในการส่งมอบข้อมูล อ่อนไหวเกี่ยวกับลูกค้าได้หรือไม่ เหริน ตอบว่า เขาจะยึดผลประโยชน์ของลูกค้า เป็นอันดับแรก

    "กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เราไม่เคย มีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัย" เหรินเผย และว่า "หากเราได้รับการ ร้องขอเพื่อส่งข้อมูลในวิธีการที่จะ สร้างความเสียหายต่อลูกค้า เราก็จะ ปฏิเสธ"

    นอกจากนั้น ซีอีโอหัวเว่ย เผยว่า บริษัทสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในปีนี้ แต่แนวโน้มการเติบโตจะไม่สูงถึง 20% เหมือนกับในปี 2561 และคาดว่า มูลค่า ยอดขายรวมของหัวเว่ยระหว่างปี 2562-2566 น่าจะทะลุ 5 หมื่นล้าน ดอลลาร์

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    ************
    เยอรมนีเตรียมสกัด'หัวเว่ย' ร่วมตั้งเครือข่ายโทรคมนาคม

    รัฐบาลเยอรมนีกำลังพิจารณาห้ามหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ของจีน มีส่วนร่วมในการติดตั้งเครือข่ายโทรคมนาคมรุ่นใหม่ บนพื้นฐานด้านความมั่นคงแห่งชาติ ถือเป็นการเดินตามรอยสหรัฐ และ ชาติพันธมิตรอื่นๆ

    ที่ผ่านมา ตะวันตกบางประเทศได้ตัดสินใจ แบนหัวเว่ยไม่ให้เข้าตลาดโทรคมนาคมในประเทศ หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐ บรรยายสรุป กับบรรดาชาติพันธมิตรว่า หัวเว่ย เป็นบริษัท ที่ทำงานให้รัฐบาลจีน พร้อมทั้งเตือนว่า อุปกรณ์เครือข่ายของบริษัทแห่งนี้อาจมีประตูหลังที่สามารถใช้เป็นช่องทางใน การจารกรรมทางไซเบอร์ แม้ หัวเว่ย จะยืนกราน ปฏิเสธและบอกว่าความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีมูลความจริง

    แฮนเดลสบลัทท์ หนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน ของเยอรมนี รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลเยอรมนี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แองเกลา แมร์เคิล กำลังพิจารณายกระดับ ข้อบังคับด้านความมั่นคงที่เข้มงวดขึ้น รวมถึง แนวทางอื่นๆเพื่อกีดกันหัวเว่ยออกไป

    แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังหารือกันเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานด้าน ความมั่นคงที่หัวเว่ย ไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือบริษัทจีนถูกขัดขวางไม่ให้ เข้าร่วมในการวางเครือข่ายโทรคมนาคม

    อย่างไรก็ตาม ในเอกสารของกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี ที่ตอบคำถามของ คาทารินา โดรเก ส.ส.จากพรรคกรีนส์ พรรคฝ่ายค้าน ระบุว่า ยังไม่ได้บทสรุปเกี่ยวกับกระบวนการในการบรรลุมุมมองร่วมกันในมาตรการต่างๆที่เป็นรูปธรรมในเรื่องนี้

    ยุโรป กลายเป็นสมรภูมิสำคญในการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลวอชิงตัน ที่บรรดานักวิเคราะห์ต่างเห็น ตรงกันว่า อาจบ่อนทำลายเป้าหมายความเป็นหนึ่งด้านเทคโนโลยีในยุคทศวรรษที่ 21 ของสองชาติมหาอำนาจโลก

    หัวเว่ย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยไล่ตาม โนเกียและอีริกสัน ขณะนี้กลายเป็นผู้นำในตลาดโลก ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่สหรัฐไม่เคยครองแชมป์มาก่อน ซึ่งเมื่อวันพุธ (16ม.ค.) ที่ผ่านมา สมาชิกสภาคองเกรสทั้งพรรค เดโมแครตและพรรครีพับลิกันร่วมกันเสนอร่างกฎหมายห้ามบริษัทอเมริกันจำหน่ายชิปและชิ้นส่วนไฮเทคให้แก่ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ แซดทีอี คอร์ป รวมถึงบริษัทโทรคมนาคมของจีนรายอื่นๆ ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรหรือกฎหมายควบคุมการส่งออกของสหรัฐ

    ส่วนเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ดอยช์ เทเลคอม แถลงว่าจะทบทวนยุทธศาสตร์ การทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหัวเว่ย ส่วนออเรนจ์ ของฝรั่งเศส ระบุจะไม่จ้างบริษัทจีนสร้าง เครือข่ายข่ายโทรคมนาคมยุคถัดไปในฝรั่งเศส สายสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตกและจีนเริ่มตึงเครียดตามลำดับจากกรณีนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารทางการเงิน (ซีเอฟโอ) ของหัวเว่ย และบุตรสาว ของผู้ก่อตั้งถูกจับที่เมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา เมื่อเดือนธันวาคมตามการร้องขอของสหรัฐ และเป็นไปได้ว่าจะถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปสหรัฐ

    ด้านนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย ปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่บุตรสาวถูกทางการแคนาดาจับกุมตัว โดยยืนยันว่าบริษัทหัวเว่ย ไม่เคยได้รับคำร้อง ของจากรัฐบาลในการถ่ายโอนข้อมูลที่ละเมิดกฎระเบียบใดๆ

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    เพิ่มเติม
    - Huawei follows laws wherever it operates, founder insists:
    https://asia.nikkei.com/Business/Ch...2b4A0Vb89HrcugTtUhPTF7lhn-T_iwNYJUOjltlra9d-Q
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    sh-ex-ftnikkei-3937bb4%2Fimages%2F4%2F0%2F1%2F2%2F18952104-2-eng-GB%2FCropped-1547781627RTX6KJQA.jpg
    (Jan 20) จีนเล็งหั่นเป้าจีดีพีปีนี้เหลือ 6% - จีนเตรียมลดเป้าเศรษฐกิจปีนี้ เหลือ 6-6.5% คาดออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มฟื้นเศรษฐกิจอ่อนแรง

    หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ ของจีน รายงานอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลจีนว่า รัฐบาลมีแนวโน้มลดเป้าการขยายตัวของเศรษฐกิจลงมาอยู่ที่ 6-6.5% ในปี 2562 จากเดิมที่ 6.5% ซึ่งตั้งไว้เมื่อปีก่อนหน้านี้

    "เราเผชิญความท้าทายมากขึ้นในการรักษาระดับการขยายตัว เมื่อเทียบกับเมื่อปีก่อนหน้า ด้วยเหตุนี้จึงต้องพยายามกระตุ้นการขยายตัวด้านโครงสร้างพื้นฐานมากยิ่งขึ้น แต่ต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรัฐบาลท้องถิ่นจำเป็นต้องลดรายจ่ายลง และต้องปรับตัวให้คุ้นชินกับการใช้จ่ายน้อยลง" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ร่วมร่างรายงานการทำงานของรัฐบาล จากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (เอ็นดีอาร์ซี) กล่าว

    ทั้งนี้ การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนหลายรายการปรับตัวลดลง เช่น ยอดส่งออก-นำเข้าเดือน ธ.ค.ที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และยอดขายรถยนต์ในจีน ซึ่งลดลงครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี

    ด้าน นายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญแรงกดดันมากยิ่งขึ้น และรัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามมากขึ้นในรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

    ก่อนหน้านี้ นายจูเหอซิน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) นายซื่อหงไค ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลัง และนายเหลียนเว่ยเลี่ยง รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน แถลงร่วมกันว่า รัฐบาลจีนจะขยายแผนปรับลดภาษี โดยเน้นที่ธุรกิจขนาดเล็กและภาคการผลิต พร้อมระบุว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกในปีนี้ เพื่อช่วยรักษาระดับการขยายตัว

    ขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนปี 2560 ลงมาอยู่ที่ 6.8% จาก 6.9% โดยเซาท์ ไชน่า มอนิ่ง โพสต์ รายงานว่า การปรับลดดังกล่าวมีขึ้นเพื่อลดฐานเปรียบเทียบกับตัวเลขปี 2561 ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันจันทร์นี้

    นายจูเลียน อีแวน-พริตชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบริษัทวิจัย แคปปิตอล อีโคโนมิก กล่าวว่า แม้การปรับลดจีดีพีปี 2560 ไม่น่าจะส่งผลใดมากนัก แต่บ่งชี้ว่าจีนอาจไม่ยอมผ่อนคลายนโยบายจนมากเกินไป และพร้อมรับการเติบโตที่ปรับลดลง

    Source: Posttoday

    - China to trim growth target to 6%-6.5% this year:
    https://asia.nikkei.com/Economy/Chi...cNDrvKZlWxjan0ozWyqoPyD55i5u-wO9gGtHG6nqoLmqw
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F01%2F17%2F105684282-1547729819915rts2aky1.1910x1000.jpg
    (Jan 21) "ทรัมป์"แย้มมีข่าวดีทำดีลการค้ากับจีน: “คำขู่เก็บภาษีไม่หายไปไหนหรอก ต่อให้ทำข้อตกลงกันแล้วก็เถอะ”แหล่งข่าว 1 ใน 3 รายเผยกับรอยเตอร์

    เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือนก็จะถึงเส้นตาย 2 มี.ค. ที่สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่กับสินค้าจีน 2 แสนล้านดอลลาร์ ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยประกาศไว้ ตอนนี้ทั่วโลกจึงกำลังจับตาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในช่วงสงบศึกอยู่ทุกขณะ ลุ้นว่าเมื่อใดทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้ การเจรจามีอยู่เรื่อยๆ พร้อมีสัญญาณบวกจากฝ่ายสหรัฐมาให้พอชื่นใจบ้าง

    ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์ (19 ม.ค.) ถึงความคืบหน้ายุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ยังปฏิเสธเสียงแข็งจากที่มีรายงานข่าวว่า เขากำลังพิจารณายกเลิกเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีน

    “ถ้าเราตกลงกันได้ก็ไม่ต้องคว่ำบาตร แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้เราทำแน่ ที่ผ่านมาเราประชุมนัดพิเศษกันหลายครั้งมาก จึงมีโอกาสทำข้อตกลงกันได้มาก ทุกอย่างไปได้สวย บอกได้เลยว่ามีโอกาสมากทีเดียว”

    คำพูดจากผู้นำสหรัฐถือเป็นข่าวดี และดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่ารองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ของจีนจะมาเยือนสหรัฐในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้เพื่อเจรจาการค้ากับโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับรองลงมาเจรจากันไปรอบหนึ่งที่กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน หวังแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกให้ได้ภายในวันที่ 2 มี.ค.

    แหล่งข่าวหลายรายที่ทราบข้อมูลการเจรจาเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สหรัฐผลักดันว่าหากจะทำข้อตกลงกับจีนก็ต้องตรวจสอบกันอย่างสม่ำเสมอว่า จีนปฏิรูปการค้าตามที่รับปากไว้คืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน และอาจต้องใช้ภาษีเป็นเครื่องมืออีกครั้งหากรัฐบาลปักกิ่งละเมิดข้อตกลง

    “คำขู่เก็บภาษีไม่หายไปไหนหรอก ต่อให้ทำข้อตกลงกันแล้วก็เถอะ”แหล่งข่าว 1 ใน 3 รายเผยกับรอยเตอร์

    ขณะที่ตัวแทนเจรจาฝ่ายจีนไม่เอาด้วยกับแนวคิดเรื่องการตรวจสอบจีนอย่างสม่ำเสมอ แต่ข้อเสนอของสหรัฐก็ไม่ได้ทำให้การเจรจาสะดุดลงแต่อย่างใด

    แหล่งข่าวจีนรายหนึ่งให้ข้อมูลไปในทางเดียวกันว่า สหรัฐต้องการประเมิินผลเป็นระยะๆ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าบ่อยแค่ไหน

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/824685
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    8n-5jff4xiyT1foM7OmhaxN7jRlZXRELmqF6m1fPAC9paA6A77ls_kfeJja1udKpbh4FCoSw&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    (Jan 21) ทิ้งดาวน์-รีเจ็กต์สูง : ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถือว่า ตลาดอสังหา ริมทรัพย์ค่อนข้างคึกคัก ผู้ประกอบการแห่เปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปี 2560-2561 มูลค่ารวมตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลทะลุ 4 แสนล้านบาทสอด คล้องกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี 3.9% และ 4.2% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน และปี 2562 นี้ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีความกังวลอาจจะไม่ทะลุ 4% ผลพวงจากสงครามการค้า และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน

    ไม่เพียงแต่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่กระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้ยังมีปัจจัยมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เห็นถึงการแข่งขันด้านนี้ค่อนข้าง สูง จนเกิดความกังวลหนี้เอ็นพีแอล จะเพิ่มสูงขึ้น

    หลังผู้ประกอบการและผู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้รับรู้ถึงปัจจัยลบที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ เกิดปฏิกิริยาที่ต่างกันไป ในแง่ผู้ประกอบการได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์จัดแคมเปญพิเศษออกมาเร่งการตัดสินใจของลูกค้า ด้านลูกค้าหรือผู้ซื้อที่อยากจะมีบ้านก็เตรียมพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งไม่อาจจะรู้ได้ว่าจะผ่านการพิจารณาของธนาคารกี่มากน้อย ซึ่งปีที่ผ่านมายอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในระดับ 25-30%

    ฟากสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ยังคงยืนกราน ร่วมกับพันธะมิตรโครงการในการจัดแคมเปญกระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งแคมเปญใหม่ที่เหมาะสมและตรงใจกับลูกค้า และมีบางส่วนที่ผู้ประกอบการจะช่วยเหลือลูกค้าในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะไตรมาส 1 ของปี 2562 ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องเร่งการโอนตามระยะเวลาที่โครงการกำหนด และก่อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะบังคับใช้มาตรการ แอลทีวี โดยในส่วนของธนาคารปรับกระบวนการพิจารณาเครดิตให้ลูกค้าที่รวดเร็วขึ้น แต่ก็ยังคงรักษาคุณภาพของลูกค้าในทุกกลุ่ม ผ่านกลไกการพิจารณา รายได้และภาระเครดิตในมิติเชิงลึกของลูกค้า เพื่อรักษาคุณภาพสินเชื่อให้ได้มาตรฐาน ขณะเดียวกันการดูแลเอ็นพีแอล โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ใช้สินเชื่อโครงการ ธนาคารจะติดตามทั้งในแง่ให้ความช่วยเหลือและที่ปรึกษาก่อนที่โครงการจะกลายเป็นเอ็นพีแอล

    ถึงกระนั้น ยังมีลูกค้าอีกบางส่วนที่มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ จึงไม่อยากจะโอน เลือกที่ขายดาวน์เพื่อต้องการเงินที่ลงไปกลับคืนมา

    จากการสัมภาษณ์ น.พ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ระบุว่า "ที่ผ่านมา มีคนทิ้งดาวน์ และถูกปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างมาก ทำให้การโอนแต่ละค่ายไม่เป็นไปตามเป้าโดยเฉพาะรายกลางรายเล็ก ที่ปีนี้อาจกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ส่วนบริษัทรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯยังเดินหน้าต่อได้ ขณะที่ลูกค้าจีนปีนี้หากเฟ้นเฉพาะเศรษฐีจีนก็ยังมีกำลังซื้อ แต่ต้องระวังสงครามการค้า สำหรับ เศรษฐกิจไทย มองว่าอาจจะเกิดวิกฤติแต่ไม่ถึงกับต้มยำกุ้งปี 2540"

    ซึ่งปัญหาลูกค้าทิ้งดาวน์ ยอมรับว่าเกิดขึ้นได้ หากผู้ซื้อเกิดความไม่พอใจในทำเลหรือสินค้า ขณะเดียวกันปัญหาเศรษฐกิจ มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเกิดขึ้นได้จากความรู้สึกไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหา ริมทรัพย์ไทยระบุว่าเกิดขึ้นได้ ตลอดและยิ่งมีกระแสว่าปีนี้เศรษฐกิจแยรายได้ไล่ตามค่าครองชีพไม่ทัน หลายรายเกิดความไม่มั่นคงทางอาชีพ รายได้ลด และอีกกลุ่มถูกธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธสินเชื่อ

    นายธิติวัฒน์ ธีรกุลธัญโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 มีลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมถึงกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ แต่ไม่ต้องการจะถือครอง เนื่องจากเกรงจะสร้างภาระด้านการเงินในระยะยาว ได้ติดต่อฝากขาย เพื่อต้องการเงินดาวน์คืน มีทั้งที่ขายในราคาเท่าทุน แต่มีบ้างบางรายยอมขายขาดทุน เพราะต้องการได้เงินคืนเร็ว สถานการณ์นี้เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี ลูกค้าติดต่อฝากขายดาวน์คอนโดมิเนียมเกือบทุกวัน วันละ 3-4 ราย เป็นกลุ่มระดับราคา 4-5 ล้านบาท

    "ที่น่าจับตาคือคอนโดมิเนียมในกลุ่มราคาระดับล่าง ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่ทำยอดขายค่อนข้างสูงถึง 80-90% ลูกค้าที่ซื้อไว้จะมาโอนหมดครบหรือไม่ ในส่วนลูกค้าจีนที่เซ็นจูรี่ 21 ทำตลาดได้มา 2,000 ยูนิตช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถึงกำหนดโอนปีนี้หลายร้อยหน่วย ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาทยอยแล้ว"

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตร.กรีซปะทะผู้ประท้วงในเอเธนส์ ขณะคนเรือนหมื่นออกมาค้านข้อตกลงเปลี่ยนชื่อ‘มาซิโดเนีย’
    เผยแพร่: 21 ม.ค. 2562 01:50 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000715501.jpg

    ผู้ประท้วงเข้าปะทะกับตำรวจปราบจลาจลที่บริเวณหน้ารัฐสภาของกรีซ ในกรุงเอเธนส์ ระหว่างการประท้วงใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ (20 ม.ค.) ในเรื่องที่ผู้นำรัฐบาลไปตกลงเห็นชอบให้ชาติเพื่อนบ้านคือ “มาซิโดเนีย” เปลี่ยนชื่อเป็น “มาซิโดเนียเหนือ” โดยพวกเขาบอกว่า มีแต่มาซิโดเนียของกรีซเท่านั้น มาซิโดเนียอื่นๆ ไม่มีทั้งสิ้น
    เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ตำรวจปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงสวมหน้ากาก ทำให้มีคนบาดเจ็บจำนวนมากในกรุงเอเธนส์เมื่อวันอาทิตย์ (20 ม.ค.) ขณะผู้คนหลายหมื่นออกมาเดินขบวนประท้วงคัดค้านข้อตกลงเปลี่ยนชื่อประเทศ ซึ่งรัฐบาลไปทำไว้กับ มาซิโดเนีย ที่เป็นชาติเพื่อนบ้าน และรัฐสภาของกรีซเองกำหนดจะรับรองให้สัตยาบันในไม่กี่วันข้างหน้านี้

    ความรุนแรงคราวนี้ปะทุขึ้นมา ขณะที่นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ พยายามลดทอนความรุนแรงของพายุทางการเมืองซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากความโกรธเคืองที่เขาไปผลักดันสนับสนุนให้เกิดข้อตกลงสำคัญกับมาซิโดเนีย ด้วยความมุ่งหมายที่จะยุติข้อพิพาทระหว่างกรีซกับมาซิโดเนียซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 27 ปีแล้ว สืบเนื่องจากชื่อประเทศของฝ่ายหลัง

    ตำรวจให้ตัวเลขประมาณการจำนวนผู้เดินขบวนประท้วงคราวนี้ว่าอยู่ที่ 60,000 คน ณ เวลา 12.00 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (จีเอ็มที) แต่พวกผู้จัดกล่าวว่ามีคนมาถึงที่ชุมนุมแล้ว 100,000 คน โดยที่ยังมีรถโดยสารหลายร้อยคันกำลังขนเอาผู้ประท้วงเพิ่มเติมมาอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพื้นที่ภาคเหนือของกรีซ ซึ่งเป็นดินแดนที่ใช้ชื่อว่า มาซิโดเนีย มาตั้งแต่โบราณดั้งเดิม

    ตามรายงานของกระทรวงพิทักษ์พลเมืองของกรีซ มีตำรวจได้รับบาดเจ็บไปแล้ว 10 คนจากการชุมนุมเดินขบวนคราวนี้ ขณะที่หน่วยรักษาพยาลเบื้องต้นแห่งหนึ่งระบุว่ามีผู้ประท้วง 2 คนถูกส่งไปโรงพยาบาลด้วยอาการหายใจลำบากภายหลังเจอแก๊สน้ำตาของตำรวจ

    การต่อสู้ตะลุมบอนกันระเบิดขึ้นมาหลังจากเยาวชนสวมหน้ากากราว 30 คนพยายามใช้กำลังเข้าปิดอาคารรัฐสภา พร้อมกับโยนก้อนหินและอาวุธปล่อยชนิดต่างๆ ด้านตำรวจปราบจลาจลตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาหลายชุด เพื่อขับไล่ฝูงชนซึ่งอยู่ตรงบริเวณนอกที่ทำการของฝ่ายนิติบัญญัติแห่งนั้น

    จากนั้นกลุ่มเยาวชนสวมหน้ากากเหล่านี้ได้หันมาเล่นงานนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ด้วยการทุบทำลายอุปกรณ์ต่างๆ ของพวกช่างภาพและตากล้อง ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของนักข่าวเอเอฟพีผู้หนึ่ง

    562000000715502.jpg


    562000000715503.jpg


    ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลแถลงว่า เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นจากการยุยงของพวกสุดโต่ง, สมาชิกของกลุ่มขวาจัด “โกลเดน ดอว์น” ซึ่งพยายามบุกเข้าไปในรัฐสภา “พวกเขาโจมตีตำรวจด้วยเศษไม้และไม้กระบอง ทำให้มีผู้บาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลหลายสิบคน”

    มีพรรคการเมืองของกรีซหลากหลาย ตั้งแต่พวกขวาจัด “โกลเดน ดอว์น” ไปจนถึงพวกสังคมนิยมฝ่ายซ้าย ซึ่งแสดงการคัดค้านข้อตกลงที่จะเปลี่ยนชื่อมาซิโดเนียใหม่ให้เป็น สาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือ (Republic of North Macedonia)

    กระนั้นก็ตามที คาดหมายว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้ารัฐสภากรีซน่าจะให้สัตยาบันรับรองเรื่องนี้ ซึ่งต้องการเสียงตั้งแต่ 151 เสียงขึ้นไปจากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งสิ้น 300 คน

    รัฐสภาของมาซิโดเนียนั้นได้โหวตอนุมัติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับการเปลี่ยนชื่อประเทศไปตั้งแต่เมื่อ 10 วันก่อน แต่เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงซึ่งผู้นำของสองประเทศคุยกันไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังจะต้องได้รับการรับรองจากรัฐสภากรีซด้วย

    มาซิโดเนียนั้นเป็นอดีตสาธารณรัฐหนึ่งของยูโกสลาเวีย แต่สำหรับชาวกรีกส่วนใหญ่แล้ว มาซิโดเนียคือชื่อของดินแดนแคว้นทางภาคเหนือที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของกรีซ โดยที่ชื่อนี้โด่งดังที่สุดก็คือในฐานะที่เป็นบ้านเกิดของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช

    ซีปราสเรียกข้อตกลงที่เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงฉบับนี้ว่าเป็น “ก้าวเดินแห่งประวัติศาสตร์” เพื่อมุ่งไปสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นปกติระหว่างประเทศทั้งสอง

    เขาเรียกร้องให้ “กลุ่มพลังฝ่ายก้าวหน้า” สนับสนุนเรื่องการเปลี่ยนชื่อนี้ ทว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน แนวร่วมรัฐบาลผสมของเขากลับแตกคอกันสืบเนื่องจากเรื่องนี้ ถึงแม้เขายังคงสามารถชนะญัตติไม่ไว้วางใจได้อย่างหวุดหวิด และนั่นกลายเป็นการแผ้วถางทางเพื่อให้รัฐสภาลงมติให้สัตยาบันรับรองข้อตกลงที่เขาไปทำไว้กับชาติเพื่อนบ้าน

    562000000715504.jpg

    562000000715505.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006909
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลัง‘สหรัฐฯ’ทิ้งสัญญาควบคุม ‘นุก’พิสัยกลาง ‘รัสเซีย’คาดตะวันตกจะติดตั้งขีปนาวุธประชิดแดนหมีขาวทั้งที่ยุโรปและเอเชีย
    เผยแพร่: 20 ม.ค. 2562 23:55 โดย: เอ็ม.เค. ภัทรกุมาร
    562000000715001.jpg

    รัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย (ขวา) กับ รัฐมนตรีต่างประเทศ ทาโร โคโนะ ของญี่ปุ่น เดินเข้าห้องเจรจาหารือกัน ที่กรุงมอสโก เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้รัสเซียคาดหมายว่า หลังจากสหรัฐฯฉีกทิ้งสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟแล้ว ก็จะติดตั้งประจำการขีปนาวุธประชิดพรมแดนของตนเพิ่มขึ้น ไม่เพียงในยุโรป แต่ในเอเชียด้วย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น

    Debris of INF treaty will fall far and wide
    By M.K. Bhadrakumar
    17/01/2019

    รัสเซียคาดการณ์ว่า จากการที่สหรัฐฯฉีกทิ้งสนธิสัญญาจำกัดควบคุมอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (ไอเอ็มเอฟ) อย่างเป็นทางการ ฝ่ายตะวันตกจะเพิ่มการติดตั้งขีปนาวุธและเพิ่มการปรากฏตัวทางทหารในบริเวณประชิดชายแดนของรัสเซีย ไม่เพียงแค่ในยุโรปเท่านั้น แต่ยังในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่น

    การเจรจาหารือระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียที่นครเจนีวา ในเรื่องสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลางปี 1987 (1987 Intermediate-range Nuclear Forces (INF) treaty) ยุติลงแล้วด้วยความล้มเหลว ในการเรียกร้องครั้งสุดท้ายเพื่อช่วยให้สนธิสัญญาฉบับนี้รอดชีวิตอยู่ต่อไป มอสโกได้เสนอว่าพร้อมที่จะให้วอชิงตันส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบขีปนาวุธใหม่ของรัสเซียซึ่งเป็นที่ระแวงสงสัย โดยที่สหรัฐฯกำลังหยิบยกเรื่องนี้เองขึ้นมากล่าวอ้างเป็นหลักฐานรองรับสำหรับการตัดสินใจถอนตัวจากสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟ แต่วอชิงตันก็ยังคงปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม และเดินหน้าย้ำยืนยันว่าฝ่ายตนมีเจตนารมณ์ที่จะยุติการปฏิบัติตามข้อตกลงซึ่งใช้กันมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็นฉบับนี้ โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ (ดูเพิ่มเติมข่าวการเจรจานี้ได้ที่ https://www.theguardian.com/world/2019/jan/16/us-russia-inf-treaty-nuclear-missile )

    ดังนั้นในตอนนี้เราจึงกำลังก้าวเข้าสู่น่านน้ำซึ่งไม่เคยถูกสำรวจทำเครื่องหมายใดๆ มาก่อนเลยเมื่อพิจารณาในแง่มุมของความมั่นคงระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ รัสเซียนั้นคาดหมายว่าสหรัฐฯจะเพิ่มการนำขีปนาวุธเข้าติดตั้งประจำการในบริเวณใกล้ๆ แนวชายแดนของตน ในการให้สัมภาษณ์ รอสซีย์สกายา กาเซตา (Rossiyskaya Gazeta) หนังสือพิมพ์รายวันของรัฐบาลรัสเซีย นิโคไล ปาตรูเชฟ (Nikolai Patrushev) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย กล่าวในวันอังคาร (15 ม.ค.) ว่า “ในภาพรวมแล้ว การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่า การปรากฏตัวของอเมริกันตรงบริเวณใกล้ๆ ชายแดนของเราจะเพิ่มทวีขึ้น ... ยิ่งสำหรับพรมแดนด้านตะวันตกของรัสเซียด้วยแล้ว เราสังเกตเห็นทิศทางซึ่งสหรัฐฯกับพวกชาติสมาชิกองค์การนาโต้ (NATO ย่อมาจาก North Atlantic Treaty Organization องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ) รายอื่นๆ เพิ่มทวีการปรากฏตัวทางทหารในพื้นที่ของพวกเขาที่อยู่ใกล้เคียงพรมแดนรัสเซีย ในปี 2019 นี้ การจัดวางกองกำลังอาวุธ “กลุ่มยุทธวิธีระดับกองพันนานาชาติ” (multinational battalion tactical groups) ใน ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, เอสโตเนีย, และโปแลนด์ จะดำเนินต่อไป เวลาเดียวกัน บรัสเซลส์ (ในที่นี้หมายถึงนาโต้ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองหลวงของเบลเยียมนี้ -ผู้แปล) ก็ไม่ได้ปิดบังแอบซ่อนข้อเท็จจริงที่ว่า เป้าหมายหลักของพวกเขาก็คือการปิดล้อมจำกัดวงประเทศของเรา พิธีเปิดกลุ่มอาคารขีปนาวุธเพื่อการป้องกัน (หรือก็คือ การติดตั้งระบบขีปนาวุธของสหรัฐฯเพื่อใช้สกัดกั้นทำลายขีปนาวุธที่ข้าศึกยิงเข้ามา -ผู้แปล) ในโปแลนด์ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากสถานที่เช่นนี้อีกแห่งหนึ่งที่เวลานี้กำลังถูกใช้งานอยู่แล้วในโรมาเนีย คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในปี 2020”

    ในทำนองเดียวกัน แนวรอยเลื่อนซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหว “นิวเคลียร์” แห่งใหม่ๆ ยังกำลังปรากฏเพิ่มเติมขึ้นมาเช่นกัน มอสโกคาดการณ์ต่อไปว่าขีปนาวุธของสหรัฐฯยังจะถูกนำไปติดตั้งประจำการยังเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่น ทั้งนี้มองโกประเมินว่า มันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงหรอกที่จะไปคาดหมายว่าญี่ปุ่นจะตกลงเลือกใช้นโยบายการต่างประเทศที่เป็นอิสระ ในทางกลับกัน ความเป็นจริงทางภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ข้อนี้เองซึ่งกำลังทอดเงาดำมืดบดบังบรรยากาศในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ที่ช่วงหลังๆ มานี้ทำท่าสามารถปรับปรุงกระเตื้องดีขึ้น (ดูเพิ่มเติมได้ที่บล็อกของผู้เขียน-เอ็ม. เค. ภัทรกุมาร- เรื่อง Russia tamps down the Kuril hype ที่ https://indianpunchline.com/russia-tamps-down-the-kuril-hype/)

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006903
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจาะลึก‘เวียดนาม’เพลี่ยงพล้ำปราชัย และ‘จีน’กลายเป็นผู้ชนะที่‘กัมพูชา’ เผยแพร่: 20 ม.ค. 2562 23:28 โดย: เดวิด ฮุตต์
    562000000713301.jpg

    เหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและประธานาธิบดีของประเทศ (ขวา) จับมือกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชา ระหว่างที่ผู้นำกัมพูชาไปเยือนเวียดนามตอนต้นเดือนธันวาคม 2018
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    How Vietnam lost and China won Cambodia
    By David Hutt, @davidhuttjourno
    07/01/2019

    เวลา 40 ปีผ่านพ้นไปภายหลังระบอบปกครองเขมรแดงที่จีนเป็นผู้สนับสนุนใหญ่ ได้ล้มครืนลงภายหลังการรุกรานของกองทหารเวียดนาม อย่างไรก็ตาม เวลานี้กลับเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากัมพูชากำลังอยู่ในวงโคจรของปักกิ่ง มากกว่าของฮานอย

    เมื่อ 40 ปีก่อน นั่นคือในวันที่ 7 มกราคม 1979 ทหารเวียดนามประมาณ 100,000 คนสมทบด้วยชาวกัมพูชาผู้แปรพักตร์อีกเกือบ 20,000 คน ได้เดินทัพเข้าสู่กรุงพนมเปญเพื่อโค่นล้มระบอบปกครองเขมรแดงลัทธิเหมาหัวรุนแรงสุดโต่ง

    กองกำลังอาวุธผู้รุกรานเหล่านี้ค้นพบผู้รอดชีวิตไม่ถึง 100 คนในนครหลวงแห่งนี้ เขมรแดงซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจตั้งแต่ปี 1975 ได้อพยพผู้คนออกไปจากพนมเปญ ปล่อยทิ้งอาคารบ้านเรือนต่างๆ ให้ทรุดโทรมผุพังและล้มครืน

    ในพื้นที่เขตชนบท ซึ่งชาวกัมพูชาแทบทั้งหมดถูกพาเข้าไปพำนักอาศัย ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งแห่งการปฏิวัติ “ปีที่ศูนย์” (Year Zero) ของเขมรแดง สถานการณ์เหมือนกับฝันร้ายขวัญผวาซึ่งสะท้อนธรรมชาติอันเลวร้ายสุดๆ ของมนุษย์ หลังจากระบอบปกครองฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระบอบนี้อยู่ในอำนาจยังไม่ทันครบ 4 ปี ชาวกัมพูชาประมาณหนึ่งในสี่ของทั้งหมดได้ล้มตายไปอย่างอเนจอนาถ

    จวบจนกระทั่งถึงเดือนพฤศจิกายน 2018 จึงมีเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส 2 คนของระบอบปกครองนี้ถูกตัดสินในที่สุดว่า มีความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทั้งชนกลุ่มน้อยชาวจาม และชาวเวียดนาม

    วันที่ 7 มกราคมได้รับการรำลึกถึงในกัมพูชาในฐานะที่เป็น “วันแห่งการปลดแอก” หรือไม่ก็ “วันแห่งชัยชนะ และครั้งหนึ่งได้ถูกเรียกขานโดยอดีตผู้นำคนหนึ่งว่าเป็น “วันเกิดครั้งที่สอง” ของประเทศชาติ โดยที่วันเกิดหนแรกคือการที่กัมพูชาได้รับเอกราชจากการปกครองแบบอาณานิคมของฝรั่งเศสเมื่อปี 1953

    มันยังเป็นวันที่ทั้งกัมพูชาและเวียดนามต่างเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ซึ่งดูเหมือนควบคุมจัดการได้ยากเย็นเหลือเกินของพวกเขา เมื่อต้นเดือนมกราคมนี้ มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์มิตรภาพเวียดนาม-กัมพูชาแห่งใหม่ในจังหวัดมณฑลคีรี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา เป็นการเพิ่มเติมจากอนุสาวรีย์มิตรภาพแห่งดั้งเดิมซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในกรุงพนมเปญตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980

    เมื่อวันเสาร์ที่ 5 มกราคม พวกเจ้าหน้าที่อาวุโสที่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (พคว.) ได้จัดพิธีรำลึกถึงชัยชนะของพวกเขา – ซึ่งถูกเรียกขานกันในฮานอยเวลานั้นว่า “การตอบโต้การรุกรานบริเวณชายแดนภาคตะวันตกเฉียงใต้” (Counter-offensive on the Southwestern border) ด้วยพิธีการอันเคร่งขรึมซึมเศร้า และอนุสาวรีย์ใหม่ๆ อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นหลักหมายแห่งวาระครบรอบ 40 ปีคราวนี้

    ประมาณการกันเป็นตัวเลขกลมๆ ว่า มีทหารเวียดนาม 25,000 คนสูญเสียชีวิตของพวกเขาไปในกัมพูชาระหว่างเดือนธันวาคม 1978 จนถึงเดือนกันยายน 1989 ซึ่งเป็นตอนที่ทหารเวียดนามถอนตัวออกไปจากกัมพูชาภายใต้ข้อตกลงสันติภาพที่จัดทำขึ้นโดยมีสหประชาชาติเป็นคนกลาง จวบจนกระทั่งถึงช่วงเปลี่ยนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ทีเดียว ในกัมพูชายังคงมีการพูดกันเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์พิเศษ” ระหว่างกัมพูชากับเวียดนาม อย่างซ้ำๆ ซากๆ จนแทบจะกลายเป็นสำนวนโวหารอันน่าเบื่อหน่ายกันไปเลย ทั้งนี้หลังจากที่เวียดนามได้ช่วยเหลือจัดตั้งและค้ำจุนหนุนหลังรัฐบาลภายหลังเขมรแดงขึ้นมาในตลอดช่วงทศวรรษ 1980

    อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้กลับมีคำถามเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับความใกล้ชิดสนิทสนมของความสัมพันธ์พิเศษของพวกเขา นับตั้งแต่ที่ในระยะหลังๆ มานี้จีนได้กลายเป็นผู้จัดหาความช่วยเหลือและการลงทุนรายหลักของกัมพูชา รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้ค้ารายใหญ่ที่สุด ตลอดจนเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของกัมพูชา

    สิ่งที่มีความสำคัญพอๆ กันก็คือ จีนกำลังเป็นผู้คอยพิทักษ์ปกป้องพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party หรือ CPP) ซึ่งเวียดนามเป็นผู้หยิกยกขึ้นมาจัดวางให้ครองอำนาจปกครองประเทศเมื่อปี 1979 ขณะที่ฝ่ายตะวันตกต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ซีพีพี ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ และเป็นไปได้ว่าอาจจะใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรในเร็ววันนี้ สืบเนื่องจากการที่พรรคนี้ถอยห่างออกจากระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคในช่วงหลังๆ

    “มันชัดเจนแจ่มแจ้งเหลือเกินว่า ขณะที่เวียดนามเป็นผู้รุกรานกัมพูชา (และโค่นล้มเขมรแดงลงไป) แต่จีนต่างหากซึ่งเป็นผู้กำชัยชนะที่กัมพูชาและตอนนี้เป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ” โสภัล เอีย (Sophal Ear) รองศาสตราจารย์ด้านการทูตและกิจการโลก แห่งวิทยาลัยออคซิเดนทอล (Occidental College) ในนครลอสแองเจลิส ให้ความเห็น “ฮานอยมองดูพนมเปญอย่างละห้อยโหยหา บางครั้งกระทั่งด้วยความโกรธแค้นเล็กๆ บริวารที่พวกเขาอุตส่าห์สร้างขึ้นได้หลบหนีไปเสียแล้ว และไปแต่งงานกับจีน”

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006885
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระทึก!! ไฟไหม้รีสอร์ตสกีฝรั่งเศส ตาย 2 เจ็บ 22 มีคนกระโดดจากชั้นบนอาคารหนีเพลิงที่โหมหนัก (ชมคลิป) เผยแพร่: 20 ม.ค. 2562 19:46 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000709201.jpg

    พนักงานดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสยืนอยู่หน้าอาคารหลังที่ถูกพระเพลิงเผาผลาญหนัก จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 2 คน บาดเจ็บ 22 คนเมื่อวันอาทิตย์ (20 ม.ค.) ณ รีสอร์ตสกี โคร์เชเวล ในเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส

    เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์ – มีผู้เสียชีวิตไป 2 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 22 คน โดยในจำนวนนี้ 4 คนอาการสาหัส ในเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ (20 ม.ค.) ที่รีสอร์ตสกี โคร์เชเวล ในเทือกเขาแอลป์ส่วนซึ่งอยู่ในเขตฝรั่งเศส

    อัคคีภัยซึ่งปะทุขึ้นกลางดึกโดยเริ่มต้นจากอาคารที่พักของพวกคนงานชั่วคราว ทำให้ต้องมีการอพยพพนักงานลูกจ้างของรีสอร์ตราว 60 คน ในจำนวนนี้มีชาวต่างประเทศด้วย ออกไปจากอาคารที่พักแห่งนี้ที่มีความสูง 3 ชั้น ทั้งนี้รวมแล้วมีอาคาร 3 หลังที่ได้รับความเสียหาย





    คลิปวิดีโอจากเหตุการณ์ที่มีผู้นำออกเผยแพร่ทางสื่อสังคม แสดงให้เห็นพนักงานดับเพลิงกำลังใช้บันไดเพื่อเข้าช่วยเหลือผู้คนซึ่งติดอยู่ด้านในของอาคาร 3 ชั้นที่ไฟกำลังลุกไหม้รุนแรง

    มีวิดีโอคลิปหนึ่งแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อยที่สุดมีบุคคลผู้หนึ่งกระโดดจากหน้าต่างของชั้นบนอาคาร ในความพยายามที่จะหลบหนีพระเพลิงซึ่งโหมฮือ

    ขณะที่อีกคลิปหนึ่งแสดงให้เห็นผู้คนจำนวนหลายสิบคนถูกอพยพออกจากอาคารหลังนั้น มารวมตัวกันอยู่ที่ถนนด้านล่าง

    พนักงานดับเพลิงพบศพ 2 ศพที่ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้ ในพื้นที่ซึ่งถูกเผาผลาญราบของอาคารต้นเพลิง ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนของสถานีสกี โคร์เชเวล 1850 ที่มุ่งรับลูกค้าระดับอัปมาร์เก็ต

    สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ใน 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเฮลิคอปเตอร์แล้ว พวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแถลง

    สาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจนในเวลานี้ แต่มีพนักงานดับเพลิงประมาณ 70 คนระดมกันมาปฏิบัติงาน จนสามารถควบคุมไฟไว้ได้ในตอนฟ้าสาง

    ทางด้าน คริสตอฟ กัสตาเนร์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส ได้ทวิตร่วมแสดงความไว้อาลัยไปยังครอบครัวและเพื่อนมิตรของผู้เสียชีวิต รวมทั้งแสดงความขอบคุณและชื่นชมพวกพนักงานดับเพลิงที่ปฏิบัติงานดับไฟคราวนี้

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006857
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้าจะถามว่า มุสลิม-รัฐปาตานี (คนพวกนี้ชอบเรียกตัวเอกแบบนี้) ถูกพุทธ-ไทย รังแกหรือเปล่า ก็ไม่น่าใช่ เพราะ มุสลิม-รัฐปาตานี สังหารพระสงฆ์ถูกฆ่าไปแล้ว 23 รูป ตั้งแต่ปี 2004 ไม่รู้มุสลิม-รัฐปาตานี ไม่ไปศึกษาประวัติศาสตร์กันบ้างหรือไง เพราะรัฐปาตานี สิ้นชาติก่อนรวมกับสยาม โดยฝีมือของสุลต่านรัฐกลันดัน และถูกผนวกรวมเข้าเป็นพื้นที่ของรัฐนี้ไปแล้ว

    In Clips: “ฮิวแมนไรท์วอชท์” ประณามเหตุยิงวัดภาคใต้ เผยมีพระสงฆ์ถูกฆ่าไปแล้ว 23 รูป ตั้งแต่ปี 2004
    เผยแพร่: 20 ม.ค. 2562 18:28 ปรับปรุง: 21 ม.ค. 2562 05:25 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000706301.jpg
    เอเอฟพี/MGR - มาจนถึงเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมารับผิดชอบ หลังกลุ่มมือปืนไม่ทราบฝ่ายในชุดสีดำควงปืนไรเฟิลบุกยิงพระสงฆ์ภายในวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันศุกร์ (18 ม.ค.) จนถึงกับทำให้เจ้าอาวาสและพระลูกวัดจำนวน 2 รูป มรณภาพ และมีพระลูกวัดได้รับบาดเจ็บอีก 2 รูป ตำรวจไทยแถลงเมื่อวานนี้ (19 ม.ค) ด้านกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชท์ ชี้ นับตั้งแต่ปี 2004 พบสงฆ์ไทยทางใต้ถูกสังหารไปแล้วร่วม 23 รูป มีคนเสียชีวิตเกือบ 7,000 ราย ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม ฮิวแมนไรท์วอชท์ประณามบุกยิงพระ “ป่าเถื่อน” และเป็น “อาชญากรรมสงคราม”

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ว่า กลุ่มติดอาวุธชุดดำพร้อมปืนไรเฟิล บุกเข้าไปภายในวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งติดกับพรมแดนมาเลเซีย ในช่วงค่ำวันศุกร์ (18 ม.ค.) โดยในรายงานของสื่อไทย ชี้ว่า เป็นคนร้ายที่แต่งชุดดำเลียนแบบเจ้าหน้าที่รัฐบุกเข้าไปในเวลา 20.30 น. และเริ่มต้นกราดยิง

    โดย พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ว่า “การโจมตีเริ่มขึ้นในเวลา 19.30 น. เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มไม่ทราบจำนวนแต่งกายในชุดสีดำบุกเข้าไปภายในวัดผ่านบริเวณด้านข้างติดกับห้วย” และเสริมต่อว่า “มีพระสงฆ์มรณภาพ 2 รูป ส่วนอีก 2 รูปได้รับบาดเจ็บ”

    เอเอฟพีรายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2004 มีการประทะเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มกบฎมุสลิมเชิ้อสายมาเลย์และทางการไทย ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ได้สังหารชีวิตคนไปแล้วเกือบ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่พบเป็นพลเรือนจากทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม

    เอเอฟพียกความดีให้กับรัฐบาลทหารของไทยที่สามารถทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทางใต้ลดลงในไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้จัดการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น แต่กลับพบว่า ความรุนแรงได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งในไม่กี่วันมานี้ ส่งผลทำให้เกิดความวิตกไปถึงบรรดาเป้านิ่งเป็นต้นว่า โรงเรียน และสถานที่สำคัญทางศาสนา

    เอเอฟพีกล่าวว่า พระสงฆ์ไทยในอดีตตกเป็นเป้าการโจมตีถึงแม้จะไม่บ่อยครั้ง

    แต่ทว่าในเวลานี้ พระสงฆ์ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงได้รับคำแนะนำไม่ให้ออกเดินบิณฑบาตในช่วงเช้าและให้เก็บตัวอยู่แต่ในวัด เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (19) ใน 3 จังหวัดที่อยู่ลึกลงไปทางใต้ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตสีแดง

    ด้านทางผู้บัญชาการกองทัพภาคใต้ได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดแก่ผู้นำทางศาสนามุสลิมที่อาจตกเป็นเป้าอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน

    หลังจากเหตุการณ์บุกยิงพระสงฆ์ที่วัดรัตนานุภาพเกิดขึ้น พบว่าผู้นำไทยได้ออกมาประณามในเรื่องนี้

    ด้านกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชท์ออกแถลงการณ์กล่าวประณามการบุกโจมตีพระสงฆ์ที่ จ.นราธิวสาส โดยเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่า “ป่าเถื่อน” และถือเป็น “อาชญากรรมสงคราม” เหตุเพราะกลุ่มติดอาวุธมีเป้าหมายไปที่พลเรือนและวัดซึ่งเป็นสถานที่สักการะทางศาสนา

    “การโจมตีที่ป่าเถื่อนต่อพระสงฆ์ในศาสนาพุทธด้วยฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดทางใต้ของไทย ถือเป็นความรับผิดชอบทางศีลธรรม และอีกทั้งยังเป็นอาชญากรรมสงคราม กลุ่มคนเหล่านั้นที่อยู่เบื้องหลังต้องถูกนำตัวมาลงโทษ” แบรด อดัม ( Brad Adams) ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอชท์ประจำภูมิภาคเอเชียกล่าว

    และในแถลงการณ์ยังเสริมต่อว่า “กลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุนาน 15 ปี มีเป้าหมายเพื่อทำร้ายชาวพุทธและพลเรือนชาวมุสลิมนั้น ไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้”

    กลุ่มฮิวแมนไรท์วอชท์ ยังชี้ว่า มีกลุ่มพระสงฆ์ถูกสังหารไปแล้วถึง 23 รูป และบาดเจ็บอีก 20 รูป นับตั้งแต่การเริ่มเกิดปะทุความรุนแรงจากกลุ่มก่อความไม่สงบเมื่อปี 2004

    นอกจากนี้ กลุ่มติดอาวุธยังมีเป้าหมายเล่นงานเจ้าหน้าที่ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันพระสงฆ์ในการเดินทางทั้งไปและกลับวัด ฮิวแมนไรท์วอชท์แถลง

    ในรายงานของฮิวแมนไรท์วอชท์ยังอ้างไปถึงพยานในเหตุการณ์ที่ได้ให้ข้อมูลว่า

    พวกเขาเห็นกลุ่มติดอาวุธเดินทางมาถึงวัดด้วยรถมอเตอร์ไซค์ และเริ่มเปิดฉากยิงด้วยอาวุธปืนไรเฟิลที่วัด ก่อนที่จะบุกเข้าไปข้างใน และทำการจ่อยิงพระสงฆ์ ซึ่งหนึ่งในพระที่มรณภาพเป็นเจ้าอาวาสรัตนานุภาพ พระครู ประโชติ รัตนานุรักษ์

    เอเอฟพีชี้ว่า ในเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้ ซึ่งในสัปดาห์ที่แล้ว อิหม่ามจาก จ.นราธิวาส ถูกยิงเสียชีวิต แต่ทว่าในตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุบุกยิงพระวัดรัตนานุภาพนั้นเชื่อมโยงด้วยหรือไม่

    ในแถลงการณ์ที่ออกมาน้อยครั้ง ซึ่งล่าสุดออกมาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (Barisan Revolusi Nasional - BRN) หรือที่เรียกว่า “ขบวนการบีอาร์เอ็น” ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ ประกาศที่จะสู้ต่อไป

    “สยาม (ประเทศไทย) ไม่สามารถต้านทานได้” พร้อมกับข่มขู่ต่อว่า “อย่าให้การช่วยเหลือ หรือสนับสนุนสยาม”

    ด้านนักวิเคราะห์ความมั่นคง Don Pathan กล่าวแสดงความเห็นว่า ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเชื่อมโยงจากความพยายามของผู้เจรจาฝ่ายไทย และผู้ให้การช่วยเหลือมาเลเซีย ในการข้ามพรมแดน “เพื่อกดดันสภาองค์กรนำของขบวนการบีอาร์เอ็นให้เข้าสู่โต๊ะเจรจาโดยปราศจากการยื่นข้อเสนอในการให้สัญญาก่อน”



    562000000706302.jpg


    562000000706303.jpg


    562000000706304.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006836
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers
    Fgk5cQb2POJCVQeQYjgUWeRxg2LK5_5Jy8uZ2UhYoQwSSdsDD0eflZdUvqgDBFeu-Rcc3D4g&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    mvKmq29hsFe2U1yVpiMmZJq9A77DaKQuIdL6EPWsimK0_5PjPH0Ef3aWBaeTBwc3aUi1ar1Q&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    ZKNW0zEDJk_D01dCi3aU2_pXO5MSHKPdG6EI1ygzsoS1zP1Z-4UcERrbUSKS6KEiSdlFFgDw&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    #ข่าวภัยพิบัติ
    20/01/19
    สหรัฐ - หิมะพัดถล่มเมืองชิคาโกตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ไฟฟ้าดับและสนามบินต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 1,000 เที่ยว

    เกิดเหตุหิมะพัดถล่มเมืองชิคาโกของสหรัฐ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา สภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะโปรยปรายอย่างต่อเนื่องจนทำให้ไฟฟ้าดับและสนามบินชิคาโก ต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 1,000 เที่ยว ทำให้ผู้โดยสารต้องติดค้างที่สนามบินนานกว่า 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังพบหิมะหนาถึง 30 เซนติเมตรบนถนน ไฟฟ้าดับประชาชนอาศัยอยู่ท่ามกลางความมืดและอากาศเย็นจัด และชุมชน 100 แห่งไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้

    อย่างไรก็ตาม แม้พายุหิมะหยุดลงลงเมื่อเย็นวานนี้ แต่สำนักพยากรณ์อากาศของสหรัฐ เตือนว่า จะมีหิมะตกหนักอีกครั้งที่ชิคาโกและรัฐอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงต่อเนื่องไปจนถึงวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น .-

    ขณะที่ มอนทรีอัล แคนาดา 21 ม.ค.- เหตุฉุกเฉินทางการแพทย์และปัญหาทางเทคนิคทำให้ผู้โดยสารสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ของสหรัฐราว 250 คนต้องติดอยู่บนเครื่องบินที่จอดกลางทางวิ่งในท่าอากาศยานแคนาดานานถึง 16 ชั่วโมง เพราะอากาศติดลบ30องศา

    สถานีโทรทัศน์ซีบีซีของแคนาดารายงานว่า เที่ยวบินยูไนเต็ดไฟลต์ 179 ทะยานออกจากท่าอากาศยานนานาชาตินวร์ก รัฐเจอร์ซีเมื่อบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น มีจุดหมายอยู่ที่ฮ่องกง แต่จู่ ๆ ผู้โดยสารคนหนึ่งเกิดเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์จึงต้องลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานซีเอฟบีกูสเบย์ของกองทัพอากาศแคนาดา รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ทางตะวันออกสุดของแคนาดา
    แต่หลังจากเจ้าหน้าที่แพทย์นำผู้โดยสารรายนี้ไปส่งโรงพยาบาลแล้ว เครื่องบินกลับไม่สามารถขึ้นบินต่อ เนื่องจากอากาศหนาวจัดติดลบ 30 องศาเซลเซียสทำให้ประตูเครื่องบินเย็นจัดจนประตูเปิดไม่ออก ประกอบกับเวลานั้นเป็นช่วงกลางดึก ท่าอากาศยานไม่มีเจ้าหน้าที่ศุลกากร ผู้โดยสารจึงต้องอยู่บนเครื่องบินต่อไปและนั่งหนาวสั่นใต้ผ้าห่มที่ได้รับจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อาหารและน้ำบนเครื่องใกล้หมดหลังผ่านไปร่วม 10 ชั่วโมงกว่าเจ้าหน้าที่จะนำอาหารและเครื่องดื่มจากภายนอกมาให้ เครื่องบินสำรองเดินทางมาถึงท่าอากาศยานในช่วงสายวันอาทิตย์ พาผู้โดยสารออกจากแคนาดาในช่วงบ่ายเดินทางกลับไปยังท่าอากาศยานนวร์กอีกครั้ง.
    Cr: mcot #Watchers
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพลักษณ์ของนักแสดงก็สำคัญ เพราะถือว่าเป็นคนของประชาชน

    กระแสเท “แมท ภีรนีย์” สะเทือนถึงดวงดาว
    By Admin - January 21, 2019

    open_%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%97new-696x461.jpg
    ยังเป็นเป็นกระแสข่าวฮอตไม่เลิก เมื่อทุกการขยับ ทุกย่างก้าวของ “แมท ภีรนีย์” ล้วนเป็นข่าว ยิ่งการแสดงออกถึงความมั่นใจ อย่างสุดขั้วของเธอ ทำให้ล่าสุด กองละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” ของค่ายบรอดคาสต์ ช่อง 3 ต้องออกมาอ้อนคนดูให้เป็นกำลังใจให้นักแสดงและทีมงานละครเรื่องนี้ แต่ก็ยังโดนคนเข้าไปถล่ม ที่พุ่งเป้าไปที่ลงที่ “แมท ภีรนีย์” กันอย่างหนัก

    กระแสข่าวที่เกิดขึ้นนี้ จนทำให้เกิดความน่ากังวลกับผลงานละครใหม่ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ว่า จะเกิดผลกระทบต่อเนื่องจากกระแสข่าวต่อไปหรือไม่ เมื่อกองละครยังคงเดินหน้าถ่ายทำกันอย่างต่อเนื่อง มีกำหนดปิดกล้องละครในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยช่อง 3 วางแผนไว้ออกอากาศในช่วงกลางปีนี้

    “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” ละครฟอร์มยักษ์ ที่มาพร้อมอุปสรรคที่ต้องก้าวข้ามให้ได้
    ความจริงแล้วละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” หรือ My Love From Another Star ซีรี่ส์เกาหลีสุดฮิต ที่ค่ายบรอดคาสต์ซื้อลิขสิทธิ์เกาหลี ก็มีเรื่องราวอุปสรรคมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มซื้อลิขสิทธิ์ การวางตัวนักแสดง ผู้กำกับ ฉาก

    1_%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%97new.jpg
    ภาพจาก : http://www.ch3thailand.com
    ละครเรื่องนี้มีการวางตัว “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงคิวทองตัวท็อปของช่องเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ในบทของ “อชิระ” หรือ โทมินจุน ในเวอร์ชั่นเกาหลี ในบทของ มนุษย์ต่างดาวตกยานที่อาศัยอยู่บนโลกมานานรอวันกลับดาวตัวเอง แต่ระหว่างช่วงเวลาที่เขารอคอยการจากโลกใบนี้ไป กลับต้องมาเจอความป่วนของ ฟ้ารดา หรือชอนซงอี ในบทซุปตาร์ตัวแม่ สาวสวยข้างห้อง จนเกิดความรักสุดโรแมนติก

    โดยที่บทของ ฟ้ารดา ก็ได้มีการวางตัว “แมท ภีรนีย์” ไว้ ซึ่งถือ เป็นละครฟอร์มยักษ์เรื่องแรกในชีวิตการแสดงของ “แมท” จากที่แสดงมา 18 เรื่อง ถึงขนาดที่ว่า “แมท” ปฏิเสธไม่รับละครเรื่องอื่น เพื่อเคลียร์คิวทั้งหมด สำหรับแสดงเรื่องนี้เลยทีเดียว

    เมื่อได้คิวนักแสดง วางตัวผู้กำกับ ทีมงานเรียบร้อย ละครเรื่องนี้มีการบวงสรวงครั้งแรกเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยมี “ปุ๊ก –พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์” เป็นผู้กำกับ ซึ่งเคยมีผลงานการกำกับละคร “ซ่อนรักกามเทพ” ให้กับค่ายบรอดคาสต์มาแล้ว ผลงานสร้างชื่อของปุ๊ก คือ ภาพยนตร์ “ไอ้ฟัก”

    ละครเปิดกล้องในปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 มีการถ่ายฉากสำคัญ ฉากใหญ่นอกสถานที่ไปหลายฉาก เพื่อรอการสร้างฉากในสถานที่ ที่เป็นฉากคอนโดที่พัก ที่โรงถ่ายหนองแขม ที่ว่ากันว่า ทุ่มทุนเป็นหลักสิบล้านเพื่อให้เหมือนต้นฉบับซีรี่ส์เกาหลีกันเลยทีเดียว

    การถ่ายทำในช่วงแรก ว่ากันว่า เป็นไปอย่างเคร่งเครียดกันทั้งกอง ทั้งๆที่เป็นละครโรแมนติค ดราม่า ปนคอมเมดี้ ถ่ายทำกันไปไม่นาน ได้ประมาณ 10% ก็ต้องหยุดถ่ายทำ พร้อมกับข่าวการลาออกยกทีมผู้กำกับ เนื่อง ปุ๊ก-พันธุ์ธัมม์ ไปรับตำแหน่งผู้ดูแลคอนเทนต์ละคร ของช่องจีเอ็มเอ็ม 25 แทน “พี่ฉอด-สายทิพย์” ซึ่งต้องโยกไปทำบริษัท ผลิตคอนเท้นท์

    เมื่อเปลี่ยนผู้กำกับ คนใหม่ “ใหม่-ภวัต พนังคศิริ ที่ เพิ่งประสบความสำเร็จจากละคร “บุพเพสันนิวาส” มารับหน้าที่แทน ละครต้องเริ่มกันใหม่หมด มีการปรับเปลี่ยนตัวนักแสดง เนื่องจากคิวนักแสดงรวน มีการบวงสรวงกันใหม่ เป็นรอบที่ 2 เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2561

    เนื่องจาก “ใหม่-ภวัต” ต้องกำกับละครซ้อนกันถึง 2 เรื่องคู่กับ “เพลิงรัก เพลิงแค้น” ที่เปิดกล้องมาตั้งแต่ กรกฏาคม 2560 ทำให้การถ่ายทำล่าช้าทั้ง 2 เรื่อง เนื่องจากผู้กำกับต้องทำงาน 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน

    อุปสรรคการถ่ายทำมีมาเป็นระยะ ตามประสาละครฟอร์มยักษ์ แม้นักแสดงหลัก เทคิวลงเรื่องเดียว แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับ กรณีมรสุมข่าว “แมท” ที่โหมกระหน่ำอยู่ทุกวันนี้

    Case study พฤติกรรมดารา กระทบรายได้ช่อง
    เดิมทีละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” เป็นเรื่องที่ช่อง 3 คาดหวังหนักมาก ว่าจะเป็นหนึ่งในละครที่สร้างผลงาน เรตติ้งเปรี้ยงที่สุดเรื่องหนึ่งเมื่อออกอากาศ แต่ช่อง 3 และทางบรอดคาสต์ ผู้จัด กำลังต้อง “ร้อนๆ หนาว” จากดราม่า “แมท ภีรนีย์”หลัง

    จากกรณีดราม่า ไม่ปลื้ม “แมท ภีรนีย์” ที่ประกาศคบหาสงกรานต์ เตชะณรงค์ พ่อหม้ายป้ายแดงจนกลายเป็นกระแสต่อเนื่อง หลังจากค่ายบรอดคาสท์ โพสต์ไอจี ฝากติดตามชม #ลิขิตรักข้ามดวงดาว ต้องเจอกระแสคนดูคอมเม้นท์ไม่ดู ละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว”หากไม่เปลี่ยนตัวนักแสดง แต่ดูเหมือนว่า คงเป็นไปได้ยากแล้ว เพราะละครถ่ายทำล่าช้ามาเกิน 1 ปี ลงทุนไปมากกว่า 50 ล้านบาท งบประมาณเริ่มบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

    ตัวอย่างกรณีละคร “บ่วงนฤมิต” ที่กำลังออนแอร์ผ่านมา 6 ตอน กลายเป็นละครหลังข่าว 2 ทุ่ม ที่มีเรตติ้งต่ำที่สุดของช่อง 3

    %B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%A4%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95.jpg

    หากเป็นไปตามแผนงานเดิม ละครเรื่องนี้คาดว่าจะออนแอร์ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ ซึ่งต้องมีเตรียมแผนงานก่อนละครออนแอร์ ตั้งแต่การขายงานให้เอเจนซี่โฆษณา การทำแผนประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ

    ถ้าตัว “แมท ภีรนีย์” ยังเป็นกระแสทางลบในสังคม โอกาสที่ขายโฆษณาล่วงหน้ากับกลุ่มเอเจนซี่ น่าจะเป็นไปได้ยาก แม้ว่าจะมี “ณเดชน์” เป็นแม่เหล็กก็ตาม และ ณเดชน์อาจจะเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมาย แต่เมื่อมาลงละครกับนักแสดงที่มีกระแสแอนตี้สูง เจ้าของสินค้า อาจจะต้องลังเลใจ รวมถึงการทำประชาสัมพันธ์เปิดตัวละคร เป็นโจทย์ใหญ่ของทีมงานอาจทำได้ยากกว่าปกติ จะหวังพึ่งพลังระดับซุปตาร์ของณเดชน์ไว้คนเดียว คงเอาไม่อยู่

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจจะไปซ้ำเติมสถานการณ์การเงิน ผลประกอบการของช่อง 3 ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์เหมือนในอดีต จากการแข่งขันของวงการทีวีสูงมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย

    กรณี “แมท ภีรนีย์” สะท้อนชัดเจนว่าการสร้างงานละครเรื่องหนึ่ง ก่อนที่ผลงานจะออนแอร์ ทุกองค์ประกอบของงานล้วนมีความสำคัญ ยิ่งเป็นละครฟอร์มใหญ่ ความคาดหวังกดดันสูง หากพลาดเพียงจุดเดียว ส่งผลกระทบมากมายและอาจลุกลามโดมิโนต่อเนื่องพลาดเพียงเรื่องเดียว ก็อาจสะเทือนไปทั้งช่องเช่นนี้ บทเรียนนี้ น่าจะเป็นกรณีศึกษากันต่อไป.

    https://positioningmag.com/1209245?...gPopDtRomsmU_LThugfpcKA0No0c62Omx1bWENwYEbgm4
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ดาวพฤหัส - ดาวศุกร์ สัมพันธ์กัน ในวันที่ 22 มกราคม 2562

    ถ้าคุณสนุกกับจันทรุปราคาเต็มดวง นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์บนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันต่อมา

    ดาวพฤหัสและดาวศุกร์จะปรากฏอยู่ใกล้กันบนท้องฟ้าเราเรียกว่าการรวมตัวนี้เป็นสิ่งที่สัมพันธ์กัน

    Jupiter-Venus Conjunction 22Jan2019

    If you enjoy the total lunar eclipse, here's another celestial event to catch just a few days later.
    Jupiter and Venus will appear close together in the sky, we call this meetup a conjunction.
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan
    เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับ ช่วงดวงอาทิตย์เข้าสู่ช่วงปล่อยพลังงานน้อย (Solar Minimum) และ จุดที่สสารระหว่างดาวเคลื่อนที่ในทางตรงกันข้าม คือชะลอตัวลงเมื่อปะทะเข้ากับเฮลิโอสเฟียร์ ของโลก ( Earth Blow Shock)





    50477951_349193482581138_4610168426093084672_n.jpg?_nc_cat=106&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    50771365_349193512581135_2769364392423194624_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    50496704_349193539247799_4784785213479714816_n.jpg?_nc_cat=101&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    50516693_349193565914463_8028960783096348672_n.jpg?_nc_cat=105&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    #วัฎจักรสุริยะที่ 24
    # Grand Solar Minimum 2020

    800px-72408main_ACD97-0036-1.jpg

    ภาพจาก https://th.wikipedia.org/wiki/เฮลิโอสเฟียร์#/media/File:72408main_ACD97-0036-1.jpg
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    วันนี้แล้ว #SuperWolfMoon #SuperBloodMoon
    แม้จะอยู่คนละซีกโลก แต่เราก็สามารถติดตาม “จันทรุปราคาเต็มดวง” กันสดๆ ผ่าน live stream #totallunareclipse

    21 มกราคม 2562 “จันทรุปราคาเต็มดวง” >>>แนวคราสเต็มดวง “ไม่ผ่านประเทศไทย”<<<

    คราสเต็มดวงจะพาดผ่านประเทศแถบอเมริกาเหนือ และใต้ แอฟริกา...
    Via: NARIT News

    https://youtu.be/_D69rIIR2cM
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดจันทรคราสเต็มดวงที่สหรัฐไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นตามมาผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ที่ผมแน่ใจอยู่อย่าง ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2559 - 21 มกราคม 2562 สถานทูตสหรัฐ ย้ายไปกรุงเยรูซาเล็ม ในช่วงนี้พอดี ถ้าการย้ายสถานทูตสำหรัฐไปเยรูซาเล็ม เกิดขึ้นหรือหลัง ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2559 - 21 มกราคม 2562 ก็ไม่ตรงกับวิวรณ์ที่ 12 แต่เรื่องนี้มาเกิดในช่วงนี้พอดี และมาเกิดด้วยฝีมือของบุคคลที่ ไม่น่าจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างโดนัล ทรัมป์ด้วย ตอนนั้น ทุกโพล ให้ฮิลลารี่เป็นต่อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...