ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

มีโดนกันเยอะมั้ยครับ

 

ผมได้ยินรุ่นพี่ที่ไปกราบท่านบ่อยๆบอกมาอีกทีครับ เลยไม่รู้รายละเอียดมากนัก

 

ท่านมาโปรดญาติโยมที่กรุงเทพฯ อยู่บ้างครับ ต้องติดตามข่าวสารจาก เพจวัดป่านาคำน้อย ก็พอจะรู้ข่าวคราวหลวงพ่อครับ

 

เอาแบบเหรียญรุ่น ปัญญาอิทธิ์ฤทธิ์ มาให้ชมกันนะครับ ตอนนี้ปิดการจองไปเรียบร้อยแล้ว เดี้ยวรายละเอียดขั้นตอนการทำจะมาเล่าสู่กันฟังเรื่อยๆนะครับ เย็นๆมีเรื่องเด็ดๆล่าสุดช่วงสงกรานต์มาเล่าสู่กันฟังด้วย อย่าลืมเข้ามาอ่านนะครับผม

 

ช่างชิตไปไหนหนอ รออ่านเรื่องเด็ดตอนสงกรานต์อยู่นะครับ 555

 

กลับมาแล้วครับ 5555 พึ่งไปอุปฐากหลวงตาที่งานครบรอบวันละสังขารท่านพ่อลี วัดอโศกการามมาครับ ยังไงจะเอาและบรรยากาศรูปมาฝากกันนะครับ
ต้องบอกว่ามีเรื่องดีๆเยอะมากแต่ไม่มีเวลาเขียน 555 ขอบพระคุณนะครับที่ยังนึกถึงบ้านหลังนี้

 

......สวัสดีครับทุกท่าน เนื่องในโอกาสที่หลวงตามางานครบรอบวันละสังขารท่านพ่อลีที่วัดอโศกการาม เลยเอาภาพประทับใจของพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาให้ชมกันครับ เรียงตามภาพ
หลวงตานมัสการ สรีระท่านพ่อลี ก่อนเทศน์
หลวงตานมัสการ ลป ชม ศิษย์ท่านพ่อลี
หลวงตานมัสการ ลป บุญกู้ ศิษย์ท่านพ่อลี
หลวงตานมัสการ ลป น้อย ศิษย์ ลป ขาว
หลวงตานมัสการ ลป ไม สหธรรมมิกของท่าน
......เย็นๆมีภาพประทับใจอีกช่างชิตจะเอามาให้ชมกันนะครับ

 

..........คืนนี้เอารูปเก็บตก หลวงตา ในงานท่านพ่อลีวันสุดท้ายมาฝากกัน งานนี้ช่างชิตได้ฟังเรื่องราวที่อัศจรรย์หลายเรื่องเกี่ยวกับหลวงตาเราที่ฟังไปก็ตื่นเต้นไปและหลวงตาก็ทำให้ช่างชิต อึ้ง.... ทึง...ตกใจอีกรอบในงานนี้ !! ว่างๆจะมาเขียนให้อ่านกันนะครับ เดี้ยวตอนนี้เหนื่อยเอาภาพไปชมกันก่อน เรียงไล่กันไปเลย
.
หลวงตาสมหมาย ลป สี ลต วิโรจน์ กราบนมัสการ ลป คำบ่อ ศิษย์ ลป ฝั้น(ถ่ายไม่สวยต้องของอภัย)
.
หลวงตาวิโรจน์ วัดป่าภูวังงาม กราบนมัสการหลวงตาครับ
.
ลป สี วัดป่าโนนทองอินทร์ หลวงตาสมหมาย หลวงตาวิโรจน์ รับภัตหารจากญาติโยม
.
และภาพบรรยากาศโรงทานคนที่มารวมงานกันต้องบอกว่าจะเยอะไปไหนครับ 5555

 

.....สวัสดีครับทุกท่าน จะถึงวันหยุดยาวๆอีกแล้ว(แม้เขาไม่หยุดให้กูก็จะหยุดเอง 5555)
ไม่มีที่ไหนน่าอยู่และ"แปลกเหมือน"ประเทศไทยเราอีกแล้วละครับทุกๆท่าน ช่วงวันหยุดนี้ก็จะเดินทางไปหลายงานเลยทีเดียว แต่ก่อนไปก็เอาเรื่องราวของหลวงตามาเล่าสู่กันฟังเสียก่อน เดี้ยวหายไปยาวๆจะถามหากันว่าหายไปไหนอีก ชีวิตช่างชิตไม่ไปวัด ไม่ไปอยู่กับครูบาอาจารย์ก็ไป.....(ที่ชอบๆละกัน555)....ตามประสาคนโสดที่สาวๆมองข้ามละคนับ
........นอกเรื่องมานานละมาติดตามกันดีกว่าว่าเรื่องราวในตอนนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรและน่าพิศวงขนาดไหน ติดตามกันเลยครับ.........
.
"หลวงตามาทำบุญที่สวน...."
.
............เอาเกริ่นมานานเกินไปละ มาเข้าเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆช่วงสงกรานต์กันเลยดีกว่า วันที่ 16 ที่ผ่านมานั้น ช่างชิตเองได้ทำบุญให้ ปู่เจ้าที่เจ้าทาง สวนที่ติดบ้าน สมัยก่อนที่ตรงนี้เป็น.....(....เฉลยท้ายเรื่อง....) เพราะว่า เมื่อเดือนก่อนป้าของช่างชิต แกเรียกช่างชิตไปคุยด้วย เรื่องปัญหาที่ติดขัดหลายๆอย่างกับครอบครัวช่างชิต ป้าเองเล่ายาวย้อนไป 40-50 ปี พร้อมยกตัวอย่างมาประกอบกับเรื่องเล่า(คงกลัวหลานไม่เชื่อ) สรุปคือ ป้าช่างชิตมี "สัมผัสพิเศษ" ในเรื่องพวกนี้ เขาบอกว่ายุคของพ่อช่างชิตนั้น ไม่เคยไปสนใจใยดี ปู่เจ้าที่เจ้าทางเลยไม่เหมือนยุคก่อนๆและอยากให้ช่างชิตไปคุยกับปู่เจ้าที่(ทำอย่างกับช่างชิตเป็น X Men 5555) เพื่อให้อะไรหลายๆอย่างมันดีขึ้น ช่างชิตเองพอฟังหลายๆเรื่องมันก็จริงแบบที่ป้าพูด แต่จะให้ไปคุยกับผีช่างชิตไม่เอา เพราะครูบาอาจารย์ไม่เคยสั่งสอน พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ให้เราไปนับถือ ผีสางนางไม้
.............กระนั้นเพื่อความสบายใจ จึงปรึกษาหลวงตา หลวงตาก็บอกให้ทำบุญอุทิศไปให้เขา อะครูบาอาจารย์แนะนำ ช่างชิตก็จัดสิครับ นิมนต์วันที่หลวงตาว่างก็ได้วันที่ 16 เมษานี้นั้นเอง
..............พอมาถึงวันงาน ช่างชิตก็รีบวุ่นเตรียมสถานที่ตื่นแต่ตี 5 จัดนั้นจัดนี้วุ่นไปหมด ช่างชิตก็รีบไปอาบน้ำ จน 7 โมงกว่าๆหลวงตาก็มาถึง พ่อช่างชิตก็เข้าไปรับท่านและสนทนากับหลวงตาพักใหญ่ ช่างชิตก็มาถึงแล้วเข้าไปนั่งคุยร่วมวง ซักพักหลวงตาก็กล่าวถามพ่อช่างชิตขึ้นมาว่า
.
ลต "ที่ตรงนี้มีร่างญาติพี่น้องหรือบรรพบรุษที่ไม่ได้เอาไปเผาหรือทำพิธีทางศาสนาให้เขาไหม"
.
พ่อ "ผมเองก็ไม่ทราบครับหลวงตา ผมเป็นเขยก็เหมือนคนใหม่ เดี้ยวจะถามน้อย(แม่ช่างชิต)ให้นะครับ"
.
..........ช่างชิตเองฟังก็ งงๆ ว่าทำไมหลวงตาทักแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จนหลวงตาก็พาทำตามพิธีการไปเรื่อยๆ มาฉุดคิดตอน บังสกุล นี้ละเพราะไม่เคยเห็นหลวงตากล่าวลักษณะแบบนี้เลย คือ หลวงตากล่าวเชิญ พระแม่คงคา แม่ธรณี ท้าวจตุโลกบาล เจ้าที่เจ้าทาง วิญญาณน้อยใหญ่ ที่เป็นญาติหรือไม่เป็นญาติก็ดี และอื่นๆอีกมากมาย.......จำไม่ได้ เอาเป็นว่าช่างชิตไม่เคยเห็นหลวงตากล่าวแบบนี้อะครับตั้งแต่เป็นลูกศิษย์มา 12 ปี
.
พอเสร็จพิธีการ ฉันอาหารเรียบร้อย หลวงตาเดินมาหาแม่ช่างชิต ช่างชิตก็เดินตามท่านปรกติ ทันใดนั้นเองท่านก็ถามแม่ว่า
.
ลต "มีญาติมีบรรพบรุษ ปู่ย่าตายาย ที่ฝังร่างอยู่นี้ไม่ได้เอาไปเผาไปทำพิธีให้เขาไหม"
.
แม่ "ไม่มีเจ้าคะหลวงตา ที่จำความได้นะคะ แต่ก่อนน่านั้นดิฉันไม่ทราบจริงๆ ทำไมหรือคะ"
.
ไม่รอช้าละ เรื่องนี้ต้องมีอะไรในก่อไผ่ ช่างชิตสวนคำถามทันที
.
ชช "มีอะไรครับหลวงตา"
.
ลต "ไม่มีอะไรหรอก ถ้ายุคเราไม่มีก็ไม่เป็นไร ก่อนน่านั้นก็ไม่ต้องไปคิดไปสนใจแล้ว มันนานเกิน ทำบุญให้วันนี้ได้หมดแล้วได้ทุกคน"
.
หลวงตาพูดกล่าวยิ้มๆตามสไตร์ก่อนจะพูดคุยกับช่างชิตและพ่ออีกเล็กน้อยแล้วขึ้นรถกลับไป หลวงตาจากไปแต่คำถามของท่านยังติดอยู่ในใจ พ่อ แม่ ช่างชิต น้า มาจับกลุ่มคุยกันถึงประเด็นตรงนี้ว่ามีความหมายอะไรซ่อนอยู่ ขนาดที่ทุกคนนั่งคุยกันไปอย่างออกรสชาติเพื่อจะไขปัญหาตรงนี้ ช่างชิตเองนั่งเครียดคิ้วจะชนกันไม่น้อยกว่าคนอื่น อยู่ดีๆช่างชิตก็เอ่ยปากถามแม่และน้า (ป้าเคยบอกพึ่งนึกได้)
.
ชช "แม่ ที่ของเราตรงนี้ป็นสนามรบกับแดนประหารมาก่อนใช่ไหม"
.
แม่ "ใช่ สมัยก่อนนู้น ก่อนตาทวดจะมาถางจับจองเอาที่" (มีร้อยกว่าปีขึ้น)
.
ชช "ว่าแล้ว นั้นไงละ"
.
...............กล่าวจบ ฉับพัน!!!! ขนแขนก็ลุกขึ้น ทุกคนในวงกระจ่างในทันทีว่า ทำไมหลวงตาถึงถามแบบนั้นและกล่าวแบบนั้นตอนบังสกุล คราวนี้วงสนทนายิ่งออกรสและที่สำคัญ พ่อ แม่ น้า เชื่อว่า หลวงตาต้องเห็นต้องสัมผัสอะไรเป็นแน่ๆ ช่างชิตเองก็บอกไม่ถูก แต่อย่างว่านะครับ ระดับหลวงตาแล้วท่านยังมีอะไรที่เป็นปริศนาอีกเยอะแยะ อยู่ที่ท่านจะพูดไม่พูดหรือจะแสดงออกให้พวกเราได้รู้ได้เห็นไหมเท่านั้นเอง อ่านแล้วก็พิจารณาเอาเองนะครับ ทุกๆท่าน
สาธุ บารมีหลวงตา คุ้มครอง.....พี่ๆน้องๆที่ยังแวะเวียนมาบ้านหลังนี้อยู่ ช่างชิตเดินสายก็อย่าปล่อยให้บ้านหลังนี้เงียบเหงานะขอรับ ไปเจออะไรน่าสนใจจะมาเขียนสู่กันอ่านนะครับ ใครไปเที่ยวไหนก็ขอให้เดินทางปลอดภัย บารมีพ่อแม่ครูอาจารย์และองค์หลวงตาสมหมาย คุ้มครองทุกๆท่านครับ

 

............สวัสดีเช้าวันอังคารทุกท่านครับ ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาหลายๆท่านคงไปเที่ยวกับครอบครัวหรือพักผ่อนกันสบายใจแฮมาเต็มที่แล้วส่วนท่านที่ไม่ได้ไปไหนเพราะทำงานก็ "ดีใจในความขยันของท่านนะครับ 555"
ช่างชิตเองก็เดินสายครับ ไปร่วมบุญงานเปิดแดนสามโลกธาตุของหลวงปู่แสงมา สูตรเดิมไปเช้าเย็นกลับ ทำเหมือนอยู่ใกล้ๆอย่างดอนเมืองท่าน้ำนนท์ ซะงั้น หึหึ เอาเป็นว่า ใจครับช่างชิตใจ 555 หลวงปู่แสงก็เป็นครูบาอาจารย์อีกองค์ที่ช่างชิตนับถือครับต้องบอกว่าบารมีหลวงปู่ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นอีกรูปที่ช่างชิตนับว่าท่านเป็น "1ในดวงใจที่ได้สัมผัสมา" ที่สำคัญหลวงตาเราคุ้นเคยกับท่านดีด้วยครับ ยังไงจะเอาภาพมาให้ชมกัน
............เรื่องความคืบหน้าการแกะบล็อกเหรียญ รุ่น ปัญญาอิทธิฤทธิ์ ที่พวกเราช่วยกันสร้างนั้น ช่างชิตติดต่อไปทางโรงงานแล้วนะครับถามความคืบหน้า เขาบอกว่าใกล้เสร็จแล้วขอเวลาอีกหน่อยจะรีบแจ้งกลับมา ยังไงมีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งกันให้ทราบเป็นระยะๆเหมือนเดิมครัช
...........วันนี้มีอะไรมาเล่าให้ฟังมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 25 เวลาประมาณ 6.00 น หลังจากที่ทำธระส่วนตัวเสร็จ ช่างชิตและคุณฌานกรก็เข้าไปหาหลวงตาคอยดูว่าท่านจะใช้เราทำอะไรไหม ในเมื่อไม่มีอะไรช่างชิตจึงขอโอกาสนวดถวายท่าน พวกเรากำลังนวดท่านอยู่ดีๆ ท่านก็เอามือมาจับพระที่ช่างชิตห้อยอยู่(เป็นพระของพี่ชายช่างชิตยืมมาแขวน)แล้วถามว่า
.
ลต "นี้พระหลวงพ่ออะไร"
.
ชช "เหรียญหลวงพ่อกวยครับ ท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงปู่(หลวงปู่บุญจันทร์)เราครับ"
.
แล้วช่างชิตก็ไม่รอช้าถอดห้อยพระให้หลวงตาทันที
.
ชช "หลวงตาพิจารณาให้หน่อยครับ"
.
หลวงตาเมื่อรับสร้อยไปแล้วก็นั่งจับพิจารณาไปคุยกับพวกเราไป ซักพักหลวงตาก็พูดขึ้นมาว่า
.
ลต "พระองค์นี้เป็นพระป่า ท่านถือธุดงวัตร"
.
ช่างชิตได้ฟังก็นิ่ง อึ้ง......ก็กราบเรียนหลวงตาว่า หลวงพ่อกวยเป็นพระบ้าน(พระมหานิกาย) แต่ท่านถือธุดงค์วัตร ออกธุดงค์อยู่ป่าอยู่เขามาก่อน โปรดญาติโยมด้วยวิชาอาคม ซักพักหลวงตาก็พูด
.
ลต "ท่านก็โปรดตามจริตวิสัยท่านละ แล้วท่านมรณะไปหรือยัง"
.
ชช "มรณะไปแล้วเมื่อปี 22 ครับ หลวงตาพิจารณาแล้วเป็นไงบ้างครับ"
.
หลวงตาก็จับไปแล้วก็หันมาหาช่างชิตพร้อมยิ้ม
.
ลต "จะให้เป็นยังไงละ เหรียญท่านหนัก ท่านลงไว้ครอบจักรวาล ท่านเป็นพระมีสัจจะมีพลังสัจจะอยู่ในเหรียญ"
.
.........ช่างเป็นคำตอบที่ อัศจรรย์ใจมากที่สุด ใครที่รู้จักหลวงพ่อกวยจะทราบดีอยู่แล้วว่าท่านนอกจากมีพลังจิตและวิชาอาคมที่แก่กล้าแล้วท่านยังเป็นพระที่ถือสัจจะอย่างมาก ช่างชิตไม่รอช้ารีบถอดตะกรุดของหลวงพ่อกวยที่คาดอยู่ให้หลวงตาอีก
.
ชช "หลวงตาพิจารณาให้ด้วยครับ ของหลวงพ่อกวยเหมือนกัน"
.
ลต "เอ้า...อีกละ" หลวงตาพูดพร้อมยิ้มใส่ช่างชิตเหมือนประมาณศัพท์วัยรุ่นว่า "มึงจะเยอะไปไหน" 5555 ท่านพิจารณาซักพักก็บอกว่า
.
ลต "เบากว่าเหรียญ" ช่างชิตน้ำตาแทบตกใน T.T
.
(ต้องกราบเรียนทุกท่านก่อนนะครับว่าสไตร์หลวงตาท่านจะพูดประมาณนี้ละจะไม่มีแบบ "โอ้ สุดยอด" "ขลังมากมาย" "ปืนยิงไม่ออก มีดฟันไม่เข้า" แบบนี้ไม่มี ท่านจะพูดง่ายๆเช่น ถ้าว่า เบา ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะครับ ในความเข้าใจของช่างชิตก็คือ ใช้ได้ ถึง ดี แต่ถ้าหลวงตาว่า หนัก แสดงว่าดีมากๆเลยละประมาณนั้น)
.
ทันใดนั้น คุณฌานกรที่นั่งเป็นก้อนหินกับดอกไม้ก็เปลี่ยนบทมีบทพูดทันที
55555 พร้อมถอดสร้อยพระให้หลวงตา(เป็นรูปถ่ายหลวงพ่อกวยออกปีเดียวกับเหรียญ) แล้วกล่าวว่า
.
ฌก "หลวงตาพิจารณาให้ด้วยครับ"
.
หลวงตาก็รับมาแบบเสียมิดายเพราะช่างชิตพาเปิดละ 5555 (ใครไปกราบหลวงตาไม่แนะนำนะครับ จะโดนท่านด่าเอา) ในกรณีนี้มันเป็นจังหวะพาไปเฉยๆบวกกับช่างชิตหน้าด้านจนหลวงตาชินละ 5555 หลวงตารับมาซักพักก็บอกพวกเราว่า
.
ลต "หนักพอๆกับเหรียญ"
.
ทำเอาคุณฌานกรยิ้มจากสมุทรปราการไปจนถึงบ้านเมียที่ดอนเมืองเลยเชียว หึหึ แล้วท่านก็ส่งคืนมาให้พวกเรา หลวงตาพูดคุยอีกนิดหน่อย ก็พากันลุกเก็บของเตรียมตัวไปจังหันเช้าที่กุฏิรวมด้านนอกกัน
...........ครับทุกท่าน ที่เขียนเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนามาเชียร์พระหลวงพ่อกวยให้รุ่นนั้นรุ่นนนี้แพงขึ้นหรอกครับ เพราะต่อให้ไม่เขียนเรื่องนี้พระของหลวงพ่อกวยท่านก็ราคาเอาเรื่องอยู่แล้ว แต่ที่เขียนเรื่องนี้เพราะเกี่ยวกับหลวงตา ช่างชิตมาวิเคราะห์เป็นประเด็นๆที่น่าสนใจดังนี้
- หลวงตารู้ได้ไงว่า หลวงพ่อกวยเป็นพระถือธุดงค์วัตรและเป็นพระที่ถือสัจจะอย่างมาก ทั้งๆที่ท่านไม่รู้จักหลวงพ่อกวยมาก่อน????
- หลวงตาบอกว่า ตะกรุดเบากว่าเหรียญแต่รูปถ่ายกับเหรียญหนักพอๆกัน???
ข้อแรก ช่างชิตคงไม่ทราบและไม่คิดหาคำตอบอะไรหรอกครับ เพราะจิตตัวเองยังหยาบอยู่ แต่จิตของหลวงตานั้นละเอียดกว่ามากมายมหาศาลท่านจะสัมผัสอะไรได้แบบไหนยังไง อันนี้ไม่ขอสงสัย รู้แต่ว่าหลวงตาทักได้ตรง(อย่างกับรู้จักมาก่อน)ถ้าเทียบกับประวัติของหลวงพ่อกวยที่เราๆทราบกัน
ข้อสอง ประเด็นนี้ช่างชิตวิเคราะห์จากข้อมูลที่ทราบเป็นสากลมาว่า เหรียญกับรูปถ่ายนั้นสร้างพร้อมกัน เพื่อให้คนได้ร่วมบุญงานใหญ่ของวัด 1 ปีก่อนท่านจะมรณะภาพ เสกพร้อมกัน เป็นรูปเหมือนท่านเหมือนกัน ท่านคงลงแบบทิ้งทวนไว้ให้เต็มที่ ช่างชิตว่าพุทธคุณก็ต้องไม่ต่างกัน หลวงตาจึงบอกว่าหนักพอๆกัน ส่วนท่านอื่นจะคิดเห็นยังไงก็สุดแล้วแต่นะครับไม่ได้บังคับว่าต้องเชื่อเหมือนกัน
.........จากเรื่องที่เล่าให้กันก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พอให้ทำช่างชิตผู้ยังมีกำลังใจอ่อนยังชอบวัตถุมงคลอยู่ได้ตื่นตาตื่นใจได้เสมอสมกับ สโลแกนที่ช่างชิตใช้กับพระสายกรรมฐานว่า "ประสบการณ์ไม่หวือหวาแต่ชอบมาแบบเซอร์ไพรส์" 55555 อย่างที่บอกครับ ปฏิทาของหลวงตาท่านเองนั้นไม่สอนให้เรายึดติดกับวัตถุมงคลท่านจะบอกสอนเราเสมอว่า
.
"ของขลังอะไรมันก็ไม่สู้ทำตัวเองให้ขลังหรอก ไปปฏิบัติภาวนาขัดเกลาจิตใจตัวเองให้ได้นั้นละ ขลังสุดแล้ว"
.
แต่ช่างชิตเองก็ยอมรับสารภาพแต่โดยดีแล้วครับว่ายัง "ยังทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร" ขอทิ้งท้ายด้วยคำสอนหลวงตาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้พวกเราได้อ่านกันหน่อยนะครับ หลวงตาท่านเคยกล่าวไว้ดังนี้ว่า
.
"เที่ยวหาเหรียญหาของขลังของครูบาอาจารย์ท่านมาใส่ก็ไม่เห็นมีใครหนีตายได้สักคนในโลกนี่ ที่ครูบาอาจารย์ท่านทำมานั้นท่านทำมาให้เป็นอนุสติเตือนใจตนไม่ให้ประมาท ยามจะทำชั่วยามท้อถอยในการสร้างความดีที่มีความยากลำบาก เมื่อมองเห็นเหรียญหรือสัญลักษณ์อันเป็นธงของศาสนาอันได้แก่ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่ห้อยอยู่ติดตัวที่เป็นที่ตั้งแห่งความดีทั้งหลายแล้ว ให้เรา คิดดี ทำดี พูดดี ทำดีจนกระทั่งดีเต็ม เมื่อภัยทั้งหลายเข้ามาแม้จะมาคร่าถึงชีวิตก็ไม่สะทกสะท้านให้ยิ้มรับอย่างกล้าหาญ"
........................

 

..........สวัสดียามดึกครับทุกท่าน ช่างชิตพึ่งกลับจากการไปร่วมบุญของพี่ชายที่เคารพท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นกัลยานิมิตรลูกศิษย์หลวงตาเหมือนกัน ต้องบอกว่าพี่เขาไม่ธรรมดาจริงๆ ทำบุญประจำปีเป็นเวลา 5 วันติดต่อกันแถมทั้ง 5 วันยังได้ พ่อแม่ครูบาอจารย์มาโปรดทุกวันด้วย ขอแบบนี้ช่างชิตเชื่อครับว่าต่อให้มีเงินอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำได้แน่นอน สมแล้วครับที่พี่เขาเป็นคนใจกว้าง ทำบุญทำทาน ทำมาหากินสุจริตและอุปฐากครูบาอาจารย์มานานนับสิบๆปี ตั้งแต่ยุคหลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา จนมาถึงหลวงตาเราในปัจจุบัน วันนี้ช่างชิตนำพาบรรยากาศคราวๆมาให้ชมกันนะครับ อาจไม่ครบ 5 วัน เพราะช่างชิตเองก็ไปอุปฐากหลวงตาช่วยงานพี่เขาแค่3วันเอง ก็ต้องกลับมาทำงานละเดี้ยวเขาจะไล่ออก ไล่เรียงไปเลยนะครับจากภาพแรก หลวงปู่เจริญ ราหุโล มาเป็นองค์ประธาน ต่อด้วย หลวงปู่สรวง หลวงปู่ก้าน หลวงปู่ไม และ หลวงตาสมหมาย ของพวกเราครับ 5 องค์หน้าก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาแล้วที่เหลือก็ระดับมากพรรษาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งนั้น คิดดูว่าระดับ 1o พรรษายังอยู่ท้ายแถวต้องบอกว่า งานนี้อนุโมทนากับพี่เขาจริงๆครับ แถมยังใจกว้างเปิดงานต้นรับทุกๆท่านมาร่วมบุญอีกด้วย ยังไงชมภาพกันเลยครับ

 

ตะกรุดหลวงพ่อกวย มีที่ท่านลงเป็นตะกรุดเสริมดวง แคล้วคลาด เมตตา...

ส่วนพระชุด 2521 ท่านลงครอบจักราวาล

ท่านกล่าวถึงเหรียญท่าน

รุ่น ๑ ...ดีเลิศ
รุ่น ๒ ...ดีเยี่ยม
รุ่น ๓ ...ครอบจักรวาล (ฝากไว้แทนตัว ให้ลูกหลาน และผู้เคารพศรัทธา)

ขอบคุณมาก ที่นำเรื่องดีๆ หลวงปู่หลวงพ่อ ข้อธรรมะดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง

 

ขออนุญาตนำธรรมะของพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาเผยแพร่ครับ

วัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เมตตาเล่าว่า ครั้งหนึ่ง มีพวกสาธุชนปัญญาชนกลุ่มหนึ่งมาสนทนาธรรมด้วย และถามท่านว่า"วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ หลวงปู่จึงได้สร้าง หรืออนุญาตให้สร้างเหรียญขึ้น?
“หลวงปู่จึงวิสัชชนาว่า"พวกท่านทั้งหลายแสดงความสนใจในการบำเพ็ญภาวนา ก็พากันบำเพ็ญภาวนาไป ไม่ต้องไปห่วงไปสนใจกับวัตถุมงคลอันเป็นของภายนอกนี้ แต่สำหรับผู้มีจิตใจเพลิดเพลินอยู่ ยังยินดีในการเกิดตายในวัฏฏสงสาร ยังไม่สามารถหันมาสู่การปฏิบัติธรรมได้ ก็ให้อาศัยวัตถุภายนอกเช่นวัตถุมงคลเช่นนี้เป็นที่พึ่งไปก่อน อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลยครั้นเขาเหล่านั้นประสบเหตุเภทภัยมีอันตรายแก่ตน และเกิดแคล้วคลาดด้วยคุณแห่งพระรัตนตรัยก็ดี โดยบังเอิญก็ดี ก็จะเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ในภายหลัง ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้เจริญงอกงามในทางที่ถูกต้องได้เองสำหรับผู้ที่มีศรัทธามากแล้วชอบการบำเพ็ญภาวนาจิตใจในธรรมปฏิบัติอันยิ่งๆ ขึ้นไปในเรื่องวัตถุมงคลนี้ หลวงปู่จะบอกตามสัจจธรรมว่า "ไม่มีอะไร เป็นเพียงช่วยด้านกำลังใจเท่านั้น“หลวงปู่มักกล่าวว่า "เอาไปทำไม ของที่เป็นภาระต้องเอาใจใส่ดูแลของที่ต้องทิ้งเสียในภายหลัง“แล้วท่านก็สอนเป็นปริศนาธรรมว่า "จงเอาสิ่งที่เอาได้ จงอย่าเอาสิ่งที่เอาไม่ได้“ถ้ามองในแง่ของปุถุชนสามัญธรรมดาแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์แห่งคุณพระรัตนตรัยย่อมมีปรากฏเป็นอัศจรรย์ได้ ดังเช่นพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดาที่ได้ทรงแสดงแก่เหล่าเดียรถีย์นอกศาสนา ดังนั้น ความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัยจะบังเกิดคุณประโยชน์อย่างไร ขอท่านทั้งหลายพิจารณาถือเอาตามสมควรแก่ตนเทอญ

ขอขอบคุณ เครดิต คัดลอกจากกระทู้ของคุณบรรพกาล บอร์ดพลังจิต
อ้างอิงแหล่งที่มาเวป

 

น้ำตาจะไหลมีคนเข้ามาคุยกับผมละ T.T
แถมยังมาแบบสุดยอดตอบโจทย์ที่มีอยู่ให้สมบูรณ์แบบจริงๆ
เหมือนตอนจบพระเอกนางเอกได้กันเลยครับ อิอิ
ขอบคุณมากนะครับที่นำคำกล่าวของหลวงพ่อมาเล่าสู่กันฟัง

 

พี่วิชน์หายไปนานเลยนะพี่ 5555 ต้องบอกว่าที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้ถูกต้องที่สุดครับ

 

วันที่ ๔ พค. ผมไปกราบ ทำบุญ ถวายของ และขอพระหลวงปู่แสง วัดดงสว่างธรรม ป่าติ้ว

ไปคนเดียว แม่บ้านติดอบรม ลูกๆอยู่กับยาย ไปถึงญาติโยมมาก่อนเขาเข้าไปในกุฏิหลวงปู่แล้ว เราไปคนเดียวหอบน้ำ+ลิโพ ไปถวายด้วย ระหว่างรอหลวงปู่ท่านส่งยา อาหาร ผัก ออกมาให้ เราไม่เข้าหมู่คณะ เขาก็ไม่ส่งต่อมาให้เรากิน จนลุงใจดีคนหนึ่งแกคงสงสารส่งถ้วยผักต้มผักดองมาให้ พร้อมกับเจอถ้วยผลไม้แช่อิ่ม ที่เขากินเหลือเลยกินซะเกือบหมดทั้ง ๒ ถ้วย ยังยั้งใจเผื่อคนทชมาทีหลังจะได้กินบ้าง เข้าถวายของ ถวายปัจจัยหลวงปู่ น้ำท่านเก็บไว้ ลิโพท่านให้เอามาแจกข้างนอก ระหว่างจะขอพระท่าน น้องคนหนึ่งขอโอกาสแทรก ขอพรหลวงปู่จะไปสอบนายสิบ ท่านเมตตาเคาะหัว ทุบหลังให้หลายตุ๊บ คิวผมท่านให้พระผงรูปเหมือนมา ๕ องค์ ก้มหัวก้มไหล่เข้าหาท่าน ท่านจัดให้ซะหลายขนานแบบไม่ต้องขอทั้งหัว หลัง เสียงดังสนั่นกุฏิแบบสมใจ ... คลานเข่า กลับออกมาข้างนอก กราบท่าน ๕ ครั้ง กลับมารถเลย ไม่อยากรบกวนท่านนาน พอผมออกมา ญาติโยมค่อยตามมา

...หลวงปู่ยังคุยสนุกเหมือนเดิม มีมุขตลกให้หัวเราะตลอด แต่หลวงปู่แก่มากแล้ว ทำบุญและได้สิ่งที่ต้องการ ต้องรีบออกมา ให้ท่านได้พักผ่อนมากๆ ขอให้ท่านอยู่กับเรานานๆ

...เล่าให้ช่างชิตฟัง......

 

สาธุครับ ผมไปวันที่ 2 ไปถึงเช้ากลับเย็น เกือบได้เจอกันนะครับ ใกล้ละ งวดหน้าได้เจอแน่ๆ 5555

 

.............สวัสดีครับทุกท่าน สภาพอากาศทางอื่นเป็นไงบ้างไม่รู้ แต่ที่จันทบุรีฝนตกมาสองวันแล้วอากาศครึ้ม บรรยากาศน่ากอดคนรักหรือนั่งเศร้าคนเดียวจริงๆ ว่าแล้วก็เอาเรื่องราวเก่าๆของหลวงตาผสมกับเรื่องราวใหม่ๆมาถ่ายทอดในกลุ่มให้พวกเราได้อ่านเพลินๆกันดีกว่า วันนี้จะกล่าวถึง
.
"เทพเทวากับหลวงตาครับ"
.
............ก่อนจะเข้าเนื้อตามชื่อเรื่องต้องขอเกริ่นอะไรนิดหน่อยก่อนนะครับ หลวงตาสมหมายกับหลวงปู่ไม เป็นพระสหธรรมมิกกันมาช้านานเพราะท่านทั้งสองมีอุปัชฌาย์คนเดียวกัน และช่างชิตก็นับถือและถือว่าทั้งท่านสองเป็นครูบาอาจารย์ของช่างชิตเหมือนกัน เพียงแต่ช่างชิตจะอยู่กับหลวงตาเรามากกว่าเพราะบวชกับท่าน ส่วนหลวงปู่ไมนิสนิทตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ช่างชิตมานานแล้วครับก่อนหลวงตาเสียอีก
...............ในความรู้สึกของช่างชิตย้ำว่าความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ท่านทั้งสองล้วน "เสร็จกิจ" ของท่านเรียบร้อยไปแล้ว (ช่างชิตก็มีข้อมูลอยู่น่าไม่เขียนไม่พูดอะไรลอยๆหรอก เพียงแต่รายละเอียดเขียนไม่ได้ยังไม่ถึงเวลา)นอกจากพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธาเจ้าที่เหมือนกันแล้ว คุณวิเศษที่แตกต่างกันของทั้งสององค์ ถ้าพูดออกลูกศิษย์จะต้องร้องอ๋อทันทีคือ
"หลวงตาสมหมาย ก็ต้อง เมตตา แคล้วคลาด กระจ่างปัญหาธรรม"
"หลวงปู่ไม ก็ต้อง ฤทธิ์เยอะ มีญาณ และCool สุดๆ คือ ผีย้าน"
พวกคุณวิเศษพวกนี้ นอกจากจะได้จากการปฏิบัติภาวนาทำสมาธิแล้วยังมีเรื่องของ "บุญเก่าของเก่า" มาเกี่ยวข้องด้วย เช่น หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม ชาตินี้ที่ท่านมีฤทธิ์มากก็เพราะชาติก่อนท่านเป็นฤาษีแก่กล้าญาณสมาบัติมาก่อน องค์หลวงปู่พิศดู อรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์ท่านก็เคยเป็นลูกศิษย์พระอุปคุตมาก่อน เช่นเดียวกันหลวงปู่ไมที่ท่านมีฤทธิ์มาก ได้ญาณตั้งแต่เป็นสามเณรก็เพราะท่านเป็นลูกศิษย์พระอุปคุตมาก่อนเช่นกัน
..............ในงานพุทธาภิเศกแห่งหนึ่งที่กรุงเทพท่านได้รับนิมนต์ไปด้วยกัน แล้วหลวงตาเข้าสมาธิอธิฐานจิตเห็นแสงจากหลวงปู่ไมมากองวัตถุมงคล
"ของหลวงตาไมมีรัศมีแสงออกมาเป็นเจ็ดสี" หลวงตากล่าวถึงหลวงปู่ไม ลูกศิษย์ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม "สมัยนี้ที่สามารถเห็น ผี เห็นเทวดาพวกกายละเอียด ได้จริงๆมีไม่มากอุปทานกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เห็นได้จริงๆก็มีหลวงตาไมนี้ละ" หลวงตากล่าวถึงหลวงปู่ไม ถึงเรื่องเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น
.............และล่าสุดที่คุณกับช่างชิตที่สนามบิน หลวงตาก็เคยบอกช่างชิตว่า "เทวดามาฟังเทศน์กับหลวงปู่ไมบ่อย" แล้วก็เล่าว่าเทวดานั้นมีชั้นนั้นชั้นนี้ มีทั้งเทวดาดีเทวดาไม่ดี ช่างชิตก็นั่งฟังอย่างตั้งใจป่านเด็กน้อยดูเทเลทับปี้ วันนั้นหลวงตาเล่าค่อนข้างละเอียดมาก จนช่างชิตอดนึกไม่ได้ว่า
"หลวงตาเล่ามาขนาดนี้ เทวดาเคยมาฟังเทศน์กับหลวงตาบ้างเปล่าว่ะ"
อันนี้คือคิดนะครับ ไม่ได้พูดออกไป แต่มันอึดอัดไงก็เลยถามหลวงตาไปว่า
"หลวงตาครับแล้วเทวดามาฟังเทศน์กับหลวงตาบ้างไหมครับ"
ทันใดนั้น!!......หลวงตาท่านก็ยิ้มแล้วก็หยุดเล่า เปลี่ยนเรื่องคุยเลย 555555 กรรม อดจนได้ปากหาเรื่องจริงๆ
............จากวันนั้นมาหลายอาทิตย์ ช่างชิตก็กลับมาห้อง เหลือบเห็น ล็อกเก็ตผกาพรหม ที่เซียน...(ขอสงวนนาม)....หมอดูชื่อดังดูดวงหลักล้าน ทำขึ้นมาแล้วเอามาให้หลวงตาอธิฐานจิตให้ ที่สำคัญคือต้นทุนของล็อกเก็ตรุ่นนี้แพงมาก 7000-8000 บาทช่างชิตก็ งง ไม่รู้ว่ามันแพงเพราะอะไร แต่นั้นก็แสดงว่าเขาต้องศรัทธาหลวงตามากๆแน่ๆไม่งั้นไม่กล้าทำขึ้นมาแล้วแบ่งให้หลวงตาไว้ส่วนหนึ่งหรอก อันนี้ก็คงมีไม่กี่อันนะในความเข้าใจของช่างชิตนะเพราะทุนสูง
............การที่ช่างชิตดันไปเห็นล็อกเก็ตอันนี้จึงนึกถึงเรื่องเทวดาขึ้นมา ที่เคยถามท่านว่า "มีเทวดามาฟังเทศน์กับท่านเปล่า" แล้วจิตก็ดันพลางคิดอะไรแผลงๆว่า "หลวงตาจะอธิฐานจิตเทพได้ขลังไม่หน้อ" ตั้งแต่ได้มาไม่เคยแขวนเลย
............สองวันก่อนเลยจัดเลยครับ ออกตระเวนราตรี แขวนเดี่ยว ก่อนออกจากบ้านเอามาอธิฐานบอกว่า "ขอให้คืนนี้ผมมีเมตตามหาเสน่ห์มากๆ แคล้วคลาดปลอดภัยนะครับ" ปรากฏว่า........55555555555555555
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555 ไม่ขอเล่าต่อนะครับให้ดูจากการหัวเราะชอบใจพอ เอาเป็นว่างานนี้มีชาติอาชาไนยเสียใจจะฆ่าช่างชิต 3-4 คนแล้วกัน
...........ชีวิตเล่นสายพรายมาก็มาก ของที่ไหนว่าแน่สาวตรึมๆไปเอาหมด ยังไม่มีเสียงหัวเราะแบบนี้ร้อยทั้งร้อยนั่งยิ้มฟันแห้งเพราะ ...เงียบ.....
(เงียบก็ไม่ได้แปลว่าของเขาไม่ดีนะครับ ช่างชิตอาจใช้ไม่ขึ้นก็ได้ไม่มีวาสนาเกี่ยวพันธ์กับคนสร้างคนเสก ส่วนคนที่ใช้ขึ้นก็มี) เอาเป็นว่าประทับใจกับคืนวันนั้นมากๆ
.................แต่ต้องบอกก่อนว่าหลวงตาท่านไม่เคยให้สร้างวัตถุมงคลพวกเทพ พวกเทวดา ปู่ฤษี เครื่องราง อะไรแบบนี้ครับ มีแต่ลูกศิษย์ทำมาเพื่อการอื่นแต่เอามาให้หลวงตาอธิฐานจิตให้เท่านั้น แล้วก็มอบถวายให้ท่านเล็กๆน้อยๆ
สิ่งที่คิดก่อนหน้านี้ว่า
"หลวงตาจะสื่อกับเทพได้ไหม???"
"เทวดาเคยมาฟังเทศน์หลวงตาไหม????"
"หลวงตาจะอธิฐานเทพได้ขลังไหม???"
มันหายและจบไปเลยครับ
.............ช่างชิตไม่รู้และไม่ขอสรุปหรอกว่าจริงๆจะเป็นยังไง แต่ส่วนตัวย้ำว่าส่วนตัวจากเหตุการณ์ที่หลวงตาเล่าเรื่องเวดาแบบละเอียดอย่างเรียลลิตี้และการที่ช่างชิตมีประสบการณ์ดีๆกับล็อกเก็ตผกาพรหมที่หลวงตาอธิฐาน ต้องบอกว่า แม้หลวงตาจะยิ้มตามสไตร์ท่านแล้วไม่ตอบ ช่างชิตก็เชื่อตามกำลังสมองโง่ๆในหัวว่า
.
"หลวงตานิไม่หวือหว้าแต่มาแบบเซอร์ไพร์สจริงๆ" ^^
..................

 

เคยอ่านเจอ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ท่านให้คาถาศิษย์ไว้ 3 บท

บทแรก คงกระพัน
บทที่ 2 แคล้วคลาด
บทที 3 เมตตา

ท่านบอกเคล็ดให้......แคล้วคลาด อย่าใช้คู่กับ เมตตา มันจะกินแห้ว...

...คงกระพัน คู่กับ แคล้วคลาด ถึงไหนถึงกัน" แต่เราท่านส่วนใหญ่ ชอบนักเมตตากับแคล้วคลาด เลย...รับประทาน แห้วกันเป็นประจำ...

 

สวัสดีครับทุกท่าน ช่างชิตพึ่งขึ้นไปกรุงเทพไปคุยเรื่องบล็อกเหรียญและไปอุปฐากหลวงตางานบุญที่รามคำแหงมาครับ เดี้ยวกำลังเหนื่อยเอาวันงานที่รามมาให้ชมกันก่อน พ่อแม่ครูบาอาจารย์มามากมายจริงๆ ส่วนเรื่องเหรียญนั้น ต้องบอกว่ามีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นอีกแล้ว ยังไงมีเวลาจะมาเขียนให้ทราบกันครับ