เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 มีนาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีผู้สนใจเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องถามว่า "มีภาพยนตร์เกี่ยวกับตะขาบยักษ์ที่ชื่อว่าตะบองพลำ หลวงพ่อว่าตะบองพลำนั้นมีจริงหรือไม่ ?"

    กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" อยากจะบอกว่า โยมโทรไปถามองค์กรโมนาร์ช (MONARCH) จะง่ายกว่า เพราะได้ยินมาว่าองค์กรโมนาร์ชนี้ เขาค้นหาบรรดา "ไคจู
    (Kaijuu)" อยู่ เผื่อว่าอาจจะเป็นไคจูประเภทหนึ่ง ที่หลุดออกมาจากฮอลโลว์เอิร์ธ (Hollow Earth) ก็เป็นไปได้

    จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้นั้นมีที่มาจากตำราเรียนโบราณ ซึ่งเขียนโดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) กล่าวถึงสัตว์ต่าง ๆ โดยที่มีชื่อว่าสัตวาภิธาน ความจริงพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) ท่านนี้ ท่านเขียนหนังสือเอาไว้มากต่อมากด้วยกัน โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับตำราการเรียนโบราณต่าง ๆ ถ้าหากว่าเป็นเรื่องพืชชื่อว่าพรรณพฤกษา เป็นเรื่องสัตว์ชื่อว่าสัตวาภิธาน เป็นต้น

    ในเรื่องของสัตว์นั้น ท่านก็แบ่งออกเป็นสัตว์พหุบาทา คือมีเท้ามากกว่าสี่ขึ้นไป สัตว์จตุบาทา คือสัตว์สี่เท้า สัตว์ทวิบาทา คือสัตว์สองเท้า ที่รวมมนุษย์เข้าไปด้วย และสัตว์อปาทะกา คือประเภทที่ไม่มีเท้า อย่างเช่นพวกงู พวกปลา เหล่านี้เป็นต้น

    คราวนี้บุคคลที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันจำนวนหนึ่งนั้น กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าเรียนมาจาก "อาจารย์กู้" แน่นอน เนื่องเพราะว่าดูหน้าดูตาแล้ว อายุขนาดนี้อย่างไรก็ไม่ทันที่จะเรียนพรรณพฤกษและสัตวาภิธาน แม้แต่รุ่นของกระผม/อาตมภาพก็ยังเรียนเกี่ยวกับสัตว์ทวิบาท ก็คือพวกนกเท่านั้น

    โดยที่ส่วนใหญ่แล้วท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) นั้น จะเขียนไปทีละแม่สะกดของตัวอักษรไทย อย่างเช่นว่า แม่ ก.กา แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กง แม่กน แม่กม แม่เกย แม่เกอว เหล่านี้เป็นต้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    รุ่นของกระผม/อาตมภาพเรียนที่แม่เกย โดยที่เริ่มต้นว่า

    แม่เกยหมู่ปักษา......ค้อนหอยหาปลาในวน

    กระหรอดหัวโขนขน..............ยองหย็อยย่องข้องเกี่ยวหนาม

    แซงแซ็วจับไซร้ขน...............ซุ่มซ่อนบนต้นมะขาม

    ชูหางกางปีกงาม.................เมื่อยามบินผินอัมพร ฯลฯ


    เป็นต้น​

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครที่อายุน้อยกว่า ๖๔ ปีลงมา กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าไม่ได้เรียน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าน้องชาย ปัจจุบันนี้ก็คือพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล เจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ เป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ ๗ รุ่นสุดท้าย รุ่นถัดมาก็เหลือแค่ชั้นประถมปีที่ ๖ เท่านั้น

    ดังนั้น..บุคคลที่จะได้เรียนจึงมักจะต้องเป็นรุ่นที่เก่าพอ แก่พอ อย่างเช่นรุ่นของพระครูธรรมธรแสงชัย ซึ่งอายุ ๖๓ ย่าง ๖๔ ปี หรือว่ารุ่นของกระผม/อาตมภาพที่อายุ ๖๕ ย่าง ๖๖ ปี เป็นต้น

    แต่ว่าตัวของกระผม/อาตมภาพนั้น อ่านหนังสือหมดห้องสมุดตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๒ จึงได้คุ้นเคยกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ซึ่งท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) นั้นก็ได้มีการอารัมภบท เป็นโคลงเป็นกลอนขึ้นมาก่อน แล้วหลังจากนั้น ก็เริ่มเข้าเนื้อหาของสัตว์เท้ามาก คือเกิน ๔ เท้า โดยกล่าวว่า

    สัตวจำพวกหนึ่งสมญา พหุบาทา

    มีเท้าอเนกนับหลาย

    เท้าเกินกว่าสี่โดยหมาย สองพวกภิปราย

    สัตวน้ำสัตวบกบอกตรง

    ตะบองพลำใหญ่ยง อยู่ในป่าดง

    ตัวดุจตะขาบไฟแดง

    มีพิษมีฤทธิเรี่ยวแรง พบช้างกลางแปลง

    เข้าปล้ำเข้ารัดกัดกิน

    ตะขาบพรรณหนึ่งอยู่ดิน พรรณหนึ่งอยู่ถิ่น

    สถานแลบ้านเรือนคน ฯลฯ


    เหล่านี้เป็นต้น​
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    แล้วอีกประการหนึ่ง ก็คือบรรดา พรหม เทวดา ตลอดจนกระทั่งอสุรกายประเภทกาลกัญจิกอสุรกาย หรือว่าเปรตจำพวกมหิทธิกาเปรต ก็มีฤทธิ์ในการจำแลงแปลงกายลักษณะอย่างนี้ ยิ่งถ้าเป็นพวกเดรัจฉานกึ่งทิพย์ อย่างพวกครุฑ พวกนาค ก็ยิ่งสบายใหญ่เลย ตัวเดียวสามารถแปลงเป็นตะขาบยักษ์ตะบองพลำมาได้ทั้งฝูง..! จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะฟันธงลงไปให้ชัดเจนว่ามีหรือว่าไม่มี ตามหลักสัตววิทยา ถ้าหากว่าปล่อยให้โตไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่โดนฆ่ากินไปก่อน โอกาสที่ใหญ่โตขนาดนั้นก็มี

    แล้วอีกอย่างหนึ่ง
    ถ้าหากว่ากันในเรื่องของพรหม ของเทวดา ของอสุรกาย ของเปรต หรือว่าเดรัจฉานกึ่งทิพย์อย่างพวกครุฑ พวกนาค ท่านก็สามารถจำแลงกายให้เป็นไปได้ นี่ตอบอย่างชัดเจนแล้วว่า มีทั้งที่เป็นไปได้ตามแนววิทยาศาสตร์ และเป็นไปได้ตามแนวจิตศาสตร์

    แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายได้อ่านสัตวาภิธานตั้งแต่ต้นจนจบ จะเห็นว่าท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) นั้น ท่านได้นำเอาสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นทั้งสัตว์ในหิมพานต์ เป็นทั้งสัตว์ในจินตนาการที่ได้รับการบอกเล่าต่อ ๆ กันมา เอามาใส่รวมกันเอาไว้ โดยที่ชื่อของแต่ละชนิดนั้น มีความข้องเกี่ยวกับแม่สะกดในอักษรไทย อย่างเช่นว่าในส่วนของสัตว์สี่เท้า ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ในชลาลัย มีจระเข้ใหญ่ เนาว์ในคูหา ต่อไปใต้น้ำ มีถ้ำเหรา เข้าคู่สะขา สู่หามาไป ฯลฯ"

    ท่านบอกว่าในน้ำนั้นมีจระเข้ใหญ่ แล้วก็มีเหรา (เห-รา) คือสัตว์กึ่งพญานาคกึ่งงู ซึ่งเป็นเพื่อนกัน คำว่า สะขา ในที่นี้เป็นภาษาบาลี แปลว่าสหายหรือว่าเพื่อนสนิทกันนั่นเอง ก็แปลว่าเหราที่เป็นสัตว์ในหิมพานต์ หรือว่าสัตว์ในตำนานของเรานั้น โดนท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) เอามาปนอยู่ด้วยกับสัตว์ในโลกแห่งความจริงไปเรียบร้อยแล้ว..!

    ลำดับต่อไป ก็มีการกำหนดเอาไว้ ในส่วนของสัตวว์บกสี่เท้า ในแม่กด ท่านบอกเอาไว้ว่า "แม่กดกำหนดสัตว์ ซึ่งควรจัดในวาที คือชาติราชสีห์ ทั้งสี่หมู่อยู่หิมวัน อีกเหล่าคชสีห์ กายินทริย์ก็เช่นกัน ฯลฯ"

    แล้วก็อธิบายให้ฟังว่า ราชสีห์นั้นมี ๔ เหล่า คือ ไกรสรราชสีห์ ปัณฑุรราชสีห์ กาฬมิคินทรราชสีห์ และ ติณราชสีห์ ซึ่งติณราชสีห์นี้เป็นจำพวกสุดท้าย ท่านบอกว่าเป็นราชสีห์กินหญ้า..! พญาราชสีห์ที่แท้จริงก็คือไกรสรราชสีห์ เป็นต้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    ลำดับถัดไปก็จะกล่าวว่า "นกหัสดีลึงค์ เสียงอึงคะนึงในเมฆี กายางางวงมี เหมือนกุญชรช้อนชูเศียร ฯลฯ" นกหัสดีลิงค์นี่คือนกในตำนานว่าตัวใหญ่มาก ใหญ่ขนาดหิ้วช้างไปกินเป็นอาหารได้..! แม้กระทั่งในปัจจุบันของเราก็มีการสร้างเมรุรูปนกหัสดีลิงค์ เพื่อเอาไว้เผาพระมหาเถระผู้สำคัญทางภาคเหนือของเรา

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ในเมื่อมาในส่วนของสัตว์ทวิบาท คือสองเท้า ก็มีเบื้อ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเกิดมาก็ไม่เคยเห็นของจริง รูปก็ไม่เคยเห็น ได้ยินแต่คำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาจากคนเฒ่าคนแก่เท่านั้น มีนกการเวก มีนกหัสดีลิงค์ ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นสัตว์ในตำนานหิมพานต์ทั้งนั้น

    คราวนี้มาถึงสัตว์อปาทะกา ก็คือไม่มีเท้า ท่านก็แบ่งเอาไว้เป็นสองพวก ก็คือสัตว์บกและสัตว์น้ำ โดยที่แต่งเป็นโคลงเอาไว้ว่า "สองพวกประจำ สัตว์บกสัตวน้ำ จำร่ำไขขาน พระยานาคราช ต่างชาติตระการ งูบริวาร อเนกอนันต์ ฯลฯ" ได้ยินมาถึงตรงนี้ ท่านทั้งหลายก็คงเข้าใจชัดเจนแล้วว่า สิ่งที่ท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) เขียนเอาไว้ในสัตวาภิธานั้น ไม่ใช่มีจริงทุกประการ

    ถัดไปก็คือสัตว์ไม่มีเท้าในน้ำ ท่านได้กล่าวว่า "ขึ้นกนต้นนามกร วารีจรมีนานา ปลาวาร์ณขึ้นในวา รีโผนเผ่นเล่นชลธาร กระเบนก็เบนหนี ปลาอินทรีหนีปลาวาร์ณ ฯลฯ"

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ในยุคสมัยนั้น ๆ โอกาสที่จะได้เห็นทะเลมีน้อยมาก แต่ว่าท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) ท่านกล่าวถึงปลาวาฬ ซึ่งในรุ่นที่กระผม/อาตมภาพเรียนหนังสืออยู่นั้น ปลาวาฬ ไม่ได้สะกดด้วย ฬ.จุฬา อย่างสมัยนี้ แต่สะกดว่า วาร์ณ

    แล้วอีกส่วนหนึ่งที่ท่านบอกเอาไว้กลาง ๆ เพื่อที่ให้ทุกคนร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ไข ให้หนังสือสัตวาภิธานของท่านนั้นเป็นตำราที่ถูกต้องอย่างแท้จริง โดยกล่าวเอาไว้ในแม่เกยว่า "ขึ้นเกยกล่าวพรรณนา จตุบาทา ที่นามอันเลื่องเนื่องเกย ท่านผู้นั่งฟังอย่าเฉย ใดผิดที่เคย สังเกตในเภทพรรณสัตว์ เชิญช่วยติค้านทานทัด แลแก้ไขคัด ให้ชัดให้ชอบตอบขาน ฯลฯ"
    ท่านบอกแล้วว่า ที่ท่านว่ามา ถ้ามีอะไรผิดพลาด ก็ให้ช่วยกันแก้ไขได้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    ดังนั้น..ในส่วนที่ท่านถามมานี้ ถ้าหากว่ากันแล้ว ตามเฉพาะในหนังสือสัตวาภิธาน ก็แปลว่าท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) นั้น จัดเอาชื่อหมู่สัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะ มากเท้า สี่เท้า สองเท้า ไม่มีเท้า สัตว์บก สัตว์น้ำ เฉพาะที่เกี่ยวเนื่องด้วยแม่สะกดของอักษรไทยเอาไว้ ส่วนจะเป็นสัตว์ในตำนาน เป็นสัตว์ในหิมพานต์ ซึ่งได้ยินบอกเล่ามาโดยประการเดียวอย่างไร ท่านไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น

    ดังนั้น..ตะบองพลำก็อาจจะเป็นเพียงสัตว์ในตำนานประมาณเดียวกับนกการเวก เมื่อถึงเวลาผู้ใหญ่เล่าฟังต่อ ๆ กันมา ท่านก็จดก็จำเอาไว้ แต่ถ้าหากว่ามีตะขาบซึ่งตัวใหญ่ได้ขนาด กระผม/อาตมภาพอยากจะเชื่อว่า ขนาดตัวกว้างสักฟุตเดียวก็พอ รับรองว่ากัดช้างตายแน่นอน..!
    เนื่องเพราะว่าเคยเห็นตะขาบตัวกว้างกว่าหัวแม่มือกระผม/อาตมภาพหน่อยเดียว สามารถกัดหนูตัวใหญ่ตายแล้วกินเป็นอาหารได้..! ถ้าหากว่าเปรียบเทียบแล้ว ขยายใหญ่ขึ้นมาสักฟุตหนึ่ง หรือ ๑๒ นิ้ว รับรองได้ว่ากินช้างได้แบบตะบองพลำในตำนาน..!

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า
    ตะบองพลำที่ถามมานั้น ในแง่ของสัตวศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่ตายเสียก่อน ลอกคราบไปได้เรื่อย ๆ และมีอาหารสมบูรณ์ สามารถโตได้ขนาดนั้นจริง ๆ

    ส่วนในแง่จิตศาสตร์ บรรดาท่านผู้มีฤทธิ์ หรือสัตว์เดรัจฉานกึ่งทิพย์ สามารถแปลงกายให้เป็นรูปตะขาบเหล่านี้ได้ง่ายมาก


    ส่วนในตำราสัตวาภิธานนั้น ถือว่าเป็นสัตว์ในตำนานที่ได้รับการบอกเล่าต่อ ๆ มา แล้วพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ท่านก็นำเอามาจัดเอาไว้ในหนังสือนี้เท่านั้น


    วันนี้ก็รบกวนเวลาท่านผู้ฟังมามากแล้ว ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...