เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 กุมภาพันธ์ 2025 at 16:59.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,513
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,632
    ค่าพลัง:
    +26,489
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,513
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,632
    ค่าพลัง:
    +26,489
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพไปถึงวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตอน ๖ โมงเช้า ทันเวลาเริ่มทำวัตรเช้าของบรรดาผู้เข้าอบรมบาลีก่อนสอบพอดี แต่ว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นทำให้นึกถึงวัดท่าขนุนขึ้นมาในทันทีทันใด ก็เพราะว่าเก้าอี้ของบรรดาผู้เข้ารับการฝึกอบรมนั้นว่างไปเกือบครึ่งหนึ่ง..!

    แม้แต่ที่วัดท่าขนุนก็เช่นกัน การทำวัตรเช้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราจะต้องไปนั่งเจริญพระกรรมฐานกันตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง บางวันก็มีแต่เวรเปิดศาลาและเปิดเสียงตามสายกับกระผม/อาตมภาพ นั่งโด่เด่กันอยู่แค่นั้น..! กว่าที่ทุกคนจะมาถึงก็มักจะเป็นช่วงท้าย ๆ หลังจากเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าไปแล้ว บางท่านมาไม่ทันการอุทิศส่วนกุศลเสียด้วยซ้ำไป..!

    นี่คือสิ่งที่น่าหนักใจสำหรับทุกท่าน เพราะว่าแม้แต่พระภิกษุสามเณรก็ไม่เห็นคุณค่าของการเจริญพระกรรมฐานและสวดมนต์ทำวัตร แล้วเราจะไปสอนให้ญาติโยมเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?

    หลายท่านคงเคยได้ยินที่กระผม/อาตมภาพเล่าประวัติของตนเองว่า อายุประมาณ ๒ ขวบ พ่อก็อุ้มคอพับคออ่อนสวดมนต์อยู่ทุกคืน แม้ว่าจะหลับบ้างตื่นบ้าง แต่ว่าจิตมีสภาพจำ เมื่อถึงเวลาก็จำบทสวดมนต์ได้หมด ครั้นไปโรงเรียน คุณครูเห็นว่าสวดมนต์ได้หมดก็ตั้งให้เป็นหัวหน้าชั้น แล้วด้วยความที่สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เกิดสมาธิไม่รู้ตัว จึงทำให้การเรียนนั้นเก่งมาก ชนิดที่เพื่อนร่วมห้องไม่มีใครไล่ทัน ได้ที่ ๑ ของห้องทุกปี

    พออยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ ในโรงเรียนซึ่งมีแค่ชั้นประถมปีที่ ๔ แล้วรุ่นเพื่อนรุ่นพี่ก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันมาก เนื่องเพราะว่าสมัยนั้น ถ้าสอบได้ไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เขาก็ปรับตกให้เรียนอีก ๑ ปี เพื่อนบางคนตกชั้นมาเป็น ๑๐ ปี แล้วลองคิดดูว่า ในช่วงที่เขาอนุญาตให้เข้าเรียนตอน ๗ หรือว่า ๘ ขวบ ถ้าหากว่าเรียนตกชั้นอยู่ ๑๐ ปีก็คือเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว..!

    แต่กระผม/อาตมภาพซึ่งอยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ เพิ่งจะ ๑๐ ขวบ ต้องไปเป็นประธานนักเรียน คุมเพื่อนฝูงที่มีแต่ผู้ใหญ่เสียครึ่งโรงเรียน..! แต่ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เนื่องเพราะว่าทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยความเก่งของเรา ถ้าหากว่าไม่ทำตามคำสั่ง ก็จะไม่อนุญาตให้ลอกการบ้าน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงสามารถดูแลโรงเรียนได้เรียบร้อย โดยเกิดจากประโยชน์ของการสวดมนต์ไหว้พระแต่เล็ก ๆ ที่ทำมาเท่านั้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,513
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,632
    ค่าพลัง:
    +26,489
    ในข้อนี้พระภิกษุสงฆ์สามเณรของเรา ไม่ว่าจะเรียนปริยัติธรรมหรือว่าปฏิบัติธรรมก็ตาม ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่เอาพื้นฐานของการสวดมนต์ไหว้พระ และเจริญสมาธิภาวนาแล้ว โอกาสที่ท่านจะเอาตัวรอดจากสังคม หรือว่าวัฏสงสารนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก อย่างที่หลายท่านก็เห็นว่าเรียนจนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคแล้ว ก็ยังต้องสึกหาลาเพศออกไปเลย..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงหนักใจแทนท่านทั้งหลายที่ไม่เอาเรื่องสวดมนต์ไหว้พระ ไม่เอาเรื่องการเจริญพระกรรมฐาน เพราะว่าเท่ากับท่านผลักดันตัวเองให้ออกห่างจากความดีไปเรื่อย จนกระทั่งไม่เข้าใจกันแล้วว่าความดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร ?!

    โดยไปเชื่อพวกอินฟลูเอ็นเซอร์ใน TikTok หรือว่าเฟซบุ๊ก ตลอดจนกระทั่งยูทูบ ที่อ้างประโยคเด็ดว่า "ไม่ได้บวชมาเพื่อสวดมนต์" นั่นเป็นการทำลาย
    ภูมิปัญญาที่ตกผลึกแล้วของบรรพบุรุษเรา ที่สร้างเสริมวิธีการเข้าถึง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างง่ายที่สุดให้กับพวกเราทั้งหลาย

    ในเมื่อปัญญาไม่ถึง สติไม่มี ก็ยังไปอวดโง่ด้วยการประกาศบอกคนอื่นเขา แล้วก็ทำให้บุคคลผู้ไร้ปัญญาจำนวนหนึ่งเชื่อตามไปด้วย เราก็ยิ่งออกห่างจากความดี กลายเป็นทาสของพญามารไปเรื่อย ไม่รู้ว่าอะไรคือความดีที่แท้จริง ? อะไรคือความสะใจเพียงชั่วคราว ?

    ความดีที่แท้จริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา เราก็แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นปิยวาจาที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ อะไรเป็นผรุสวาจาที่พระพุทธเจ้าทรงติเตียน แล้วเราก็ไปชื่นชมว่าเขามา "กระตุกสติ" ให้เรา ความจริงเขากำลังจูงเชือกที่สนตะพาย พาให้ท่านทั้งหลายลงเหวลงห้วยไปต่างหาก..!

    แต่ด้วยความที่ขาดศีล สมาธิ จึงทำให้ไม่มีปัญญา ไม่สามารถที่จะมองเห็นทุกข์เห็นโทษที่เกิดขึ้นในระยะยาว ขาด "ภยทัสสาวี" ก็คือไม่เห็นภัยในวัฏสงสาร เอาแต่ความสะดวกสบายตามที่กิเลสบังคับตนเองให้เป็นไป แล้วก็ยังคิดเสียอีกว่าตนเองนั้นทำดีแล้ว ทำถูกแล้ว

    กระผม/อาตมภาพจึงคิดว่า
    พระภิกษุสามเณรรุ่นหลัง ๆ ของเรา โดยเฉพาะผู้ที่จะรอดเงื้อมมือมารไปเป็นครูบาอาจารย์เขา คงจะต้องเหนื่อยยากอีกนาน เนื่องเพราะว่าสังคมของเราหลงเดินผิดทาง แล้วก็หลงตามกันไปมากขึ้นทุกที ๆ เพราะคิดว่าเป็นทางที่ถูกบ้าง เป็นความโก้เก๋บ้าง เป็นความสะใจบ้าง โดยที่ไม่รู้ว่าธรรมะที่แท้จริงคืออะไร ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจะไม่ให้สงสารท่านทั้งหลายก็คงจะเป็นไปไม่ได้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,513
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,632
    ค่าพลัง:
    +26,489
    เมื่อทำหน้าที่ของตนในวันนี้ คือเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเช้าและภัตตาหารเพลแก่ผู้เข้าอบรมก่อนสอบและพระวิทยากร รวมทั้งพระเถระที่มาเยี่ยมสนามอบรมจำนวน ๔๐๐ กว่าเกือบ ๕๐๐ รูปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวลากลับที่พัก เพื่อที่จะมาร่วมเข้าเสวนากับทางมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ที่ตั้งกิจกรรมเสวนาเนื่องในวันมาฆบูชาขึ้นมา หัวข้อก็คือพระพุทธศาสนา : ความท้าทายและโอกาสในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ภาษาอังกฤษก็คือ Buddhism : Challengers and Opportunities in an Era of Transformation

    กระผม/อาตมภาพเองเข้าร่วมเสวนาแล้ว เห็นว่าบรรดาผู้เสวนาทั้งหลายนั้นเครียดกับการที่ AI หรือว่าปัญญาประดิษฐ์มีความสามารถเลิศล้ำขึ้นไปทุกที จึงทำให้เป็นห่วงเป็นใยว่าต่อไปพระภิกษุสามเณร ของเราจะมีที่ยืนอยู่ในสังคมอย่างไร ? แต่กระผม/อาตมภาพเองนั้นไม่รู้สึกหนักใจอะไรเลย เนื่องเพราะมั่นใจว่าธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นเป็น "อกาลิโก" เหมาะสมกับทุกยุคทุกสมัย สามารถทนต่อการพิสูจน์ หรือ "เอหิปัสสิโก" ได้

    ไม่ว่าท่านจะเข้าสู่ยุค AI ขนาดไหนก็ตาม ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า
    นั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง ต่อให้ท่านใช้ AI ตอบปัญหาทุกอย่างในโลกได้ นั่นเป็นปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่ปัญญาของท่าน ท่านใช้ AI สนับสนุนทุกอย่างแก่ท่านได้ แต่ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ถ้าระบบล่มขึ้นมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ?

    เมื่อไม่นานมานี้ พายุไต้ฝุ่นถล่มตอนใต้ของประเทศจีนที่เกาะไห่หนาน โดยเฉพาะบริเวณ "อ่าวซานย่า" ที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "อ่าวสัญญา" บรรดาคนจีนที่นิยมกระเป๋าเงินใน WeChat มีเงินอยู่เต็มกระเป๋า แต่ซื้อข้าวซื้อน้ำที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ เนื่องเพราะว่าระบบล่ม ไม่สามารถที่จะสแกนคิวอาร์โค้ดได้..!

    ยังโชคดีที่อีกไม่นานต่อมา กระผม/อาตมภาพไปเยือนความหนาวสุดขั้วที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ยังสามารถใช้เงินสดได้ตามปกติ ไม่เช่นนั้นแล้วลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของเติมเต็มทราเวล ก็คงจะโดนกระผม/อาตมภาพควักกระเป๋าจนหมดตัว เนื่องเพราะว่าจะเอาเงินสดยัดให้คุณเธอ แล้วก็ขอใช้เงินในกระเป๋า WeChat ของเธอแทน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,513
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,632
    ค่าพลัง:
    +26,489
    ท่านทั้งหลายถ้าเห็นแล้วว่าในเรื่องของ AI หรือว่าปัญญาประดิษฐ์นั้น สามารถช่วยให้ความคล่องตัวและสะดวกในการดำเนินชีวิตแก่เราเท่านั้น แต่ไม่สามารถที่จะเป็นสรณะ คือที่พึ่งในชีวิตของเราได้ เพราะว่าหมดอายุพังเองบ้าง ระบบล่มบ้าง หรือว่าระบบให้ข้อแนะนำที่ผิดพลาดบ้าง

    หลายท่านที่ใช้ AI ในการนำทาง โดยเฉพาะ "กูเกิ้ลแม็พ" ท่านก็คงจะเจอปัญหาที่กูเกิ้ลแม็พพาเข้าป่าเข้าดงไปเรื่อย โดยไม่สนใจว่าหนทางเป็นอย่างไร เอาเฉพาะเส้นที่สั้นที่สุด ถึงเป้าหมายได้เร็วที่สุดเท่านั้น แต่จะปลอดภัยที่สุดหรือไม่นั้น ไม่คำนึงถึง..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มาตัดสินใจแทนเรา แล้วเราก็ทำตามไปทุกอย่างนั้น ย่อมอันตรายมาก โดยเฉพาะบรรดาโลกเสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ตลอดจนกระทั่งเมตาเวิร์สใด ๆ ก็ตาม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ หลายท่านก็ได้ยินแล้ว ที่เพื่อนรักเพื่อนเกลอของกระผม/อาตมภาพคือพญามาร เคยมานั่งปลงสังเวชว่า สงสารกระผม/อาตมภาพมาก
    สอนไปคนก็ไม่ทำตาม แล้วเขายังครอบซ้ำไปอีกหลายชั้น ก็คือเอาโลกสมมติเข้ามา ให้พวกเรายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นตนเพิ่มเข้าไปอีก..!

    ๑ ยูสเซอร์เนมก็คือ ๑ ตัวตนของเรา อัพสเตตัสไป คนไม่สนใจเราก็เฉา ถ้าหากว่าเขามากดไลค์เราก็ดีใจ เขามาอันไลค์หรืออันฟอลโลว์ เราก็โกรธ แสดงว่าโลกสมมติเหล่านี้สร้าง รัก โลภ โกรธ หลง ซ้อนทับความเป็นจริงไปชั้นแล้วชั้นเล่า..!

    พญามารเขาถึงได้บอกว่าสงสารกระผม/อาตมภาพมาก สอนไปแค่เดิมเขาก็ยังไม่เข้าใจ จะมาสอนใหม่ก็โดนอีกฝ่ายครอบไปแล้วอีกหลายชั้นหลายตัวตน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น
    แม้แต่ตัวตนในโลกสมมติก็ยังแยกไม่ออก ไปยึดมั่นว่าเป็นตัวกูของกู ใครคอมเม้นท์ไม่ดีกูก็โกรธ แล้วจะไปละตัวตน ก็คือกายสังขารนี้ได้อย่างไร ?

    ดังนั้น..ในเรื่องเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพถึงได้ตอกย้ำหนักหนาว่า พวกเราต้องอยู่กับโลกอย่างมีสติ เมื่อมีสติแล้ว เราถึงจะเกิดปัญญา อย่าให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ให้เป็นแค่ส่วนหนุนเสริมการดำเนินชีวิตของเราแค่นั้น
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,513
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,632
    ค่าพลัง:
    +26,489
    โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติธรรม AI ต่อให้สอนเก่งแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงสภาวธรรมที่แท้จริงได้ ได้แต่เพียงลอกสำนวนลอกคำพูดไป แต่สภาพจิตที่มาตีแผ่กันต่อหน้า จนกระทั่งสามารถทำให้ศิษย์เลื่อมใส กลมกลืน สามารถที่จะดึงตนเองให้พ้นหล่มแห่งกิเลสนั้น AI ไม่สามารถที่จะทำได้

    ขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าลูกศิษย์ไม่เปิดใจ เลื่อมใส น้อมใจตามไป โอกาสที่จะได้ดีเพราะ AI ก็น้อยมาก เราจึงควรที่จะใช้ในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาของเราให้สูงเด่นยิ่ง ๆ ขึ้นไป ว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าโลกจะมีสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แต่ความรู้ของพระองค์นั้นพ้นโลกไปนานเหลือเกิน มากเหลือเกินแล้ว..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงได้เลือกเอาความรู้แค่ใบไม้กำมือเดียวมาสั่งสอนพวกเรา ซึ่งแค่กำมือเดียวนี้ เราเองก็กินไม่ไหว ใช้ไม่หมด ทำตามมาหลายชาติหลายภพยังไม่จบเสียที แล้วท่านทั้งหลายจะไปกังวลอะไรกับ AI ทั้งหลายเหล่านั้น ?

    ก็แปลว่า
    ท่านต้องปรับสมดุลด้วยสติ ก็คือรู้ตัวอยู่เสมอว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นแค่สมมติซ้อนสมมติ ทำให้เราอยู่ด้วยความสะดวกสบายขึ้นมา แต่อย่าไปไว้ใจวางใจจนฝากชีวิตเอาไว้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่นว่า ถ้าอยู่ ๆ เราเป็นหวัดกลางทาง แล้วสั่งให้ AI ทำงานตามระบบเสียงที่เคยตั้งไว้ เมื่อ AI ไม่ทำให้เพราะเสียงเปลี่ยน แล้วท่านทั้งหลายทำเองไม่เป็น ชีวิตก็ลำเค็ญเท่านั้นเอง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...