"เพราะรัก...จึงต้องสั่งสอน" อุทาหรณ์คดี เมียแค้นตัด..

<TABLE width="98%" align=center><TBODY><TR><TD>

"เพราะรัก...จึงต้องสั่งสอน" อุทาหรณ์คดี เมียแค้นตัด

....."ฆ่าฉันให้ตาย...เสียยังดีกว่า..." คุณผู้ชายทั้งหลายคงต้องครวญเพลงนี้ ถ้าอวัยวะสุดรักสุดหวงถูกสะบั้น ลงด้วยน้ำมือของ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "เมีย" แต่อย่างว่าของอย่างนี้ "ไม่มีควัน...ย่อมไม่มีไฟ" ฉะนั้น พฤติกรรมเลือดเย็นไปชั่วขณะของ ศรีภรรยาย่อมมีต้นตอ บางส่วนมาจากฝ่ายสามีอย่างแน่นอน และส่วนใหญ่ก็มักจะหนีไม่พ้นเรื่อง "ขี้เหล้า-เจ้าชู้" ซึ่งเวลาเกิดเหตุแต่ละที ก็มักจะเป็นข่าวหน้า 1 อยู่เสมอ



ล่าสุด ข่าว "ตัดจู๋" ก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ อีกครั้งที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา โดยชายผู้เคราะห์ร้าย คือ นายชาญ กกจันทร์ อายุ 48 ปี พนักงานเก็บขยะเทศบาลนครขอนแก่น

ส่วนมือมีดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะ นางพรทิพย์ กกจันทร์ อายุ 43 ปี ก็เป็นภรรยาของนายชาญนั่นเอง โดยหลังก่อเหตุเธอก็ตามมาดูอาการ ของสามีที่โรงพยาบาลด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แต่กลับมีน้ำตาซึมออกมา จนยากจะแยกแยะว่า ณ เวลานั้นสภาวะอารมณ์ของเธอจะ เคียดแค้น, เสียใจ หรือ สะใจ กันแน่

แม้คดีนี้จะเป็นคดีตัดจู๋เช่นเดียวกับหลายคดีก่อนนี้ แต่ต้นตอของเรื่องกลับแตกต่างออกไป โดยฝ่ายภรรยามือมีด ระบุว่า ที่ต้องลงมือโหด เพราะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมเมาสุรา และอารมณ์ทางเพศที่รุนแรงของสามี หนำซ้ำยังชอบ แจกขนมตุ๊บตั๊บ ทั้งตบ เตะ และต่อย เป็นประจำอีกด้วย!

นางพรทิพย์ ย้อนเส้นทางชีวิตของเธอว่า ได้อยู่กินกับนายชาญมานานกว่า 17 ปี ก่อนหน้านี้ทั้งเธอและนายชาญต่างก็เคยมีครอบครัวมาแล้ว โดยเธอมีลูกติดมาจากสามีเก่าหนึ่งคน และเมื่ออยู่กินกับนายชาญ ก็มีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน โดยเธอมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายไก่สด ส่วนนายชาญเป็นพนักงานเก็บขยะของเทศบาล

ตลอดระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาเธอต้องทนกับ พฤติกรรมของสามีที่ชอบดื่มเหล้าเมา กลับบ้านอยู่เป็นนิจ และเวลาเมากลับมาก็มักจะมีอารมณ์ทางเพศสูง เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็จะลงมือเตะ ต่อย ทุบตี อยู่เสมอ จึงทำให้เกิดความเครียดหนัก เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีสอง และต้องนั่งขายอยู่จนถึงสองทุ่มทุกวัน

นางพรทิพย์ เล่าถึงเรื่องราววันเกิดเหตุ ซึ่งถือเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" ว่า

"ฉันกลับมาถึงห้องก็เหนื่อยจากงาน แล้วยังต้องมาทนกับพฤติกรรมของสามี ทั้งเบื่อ ทั้งรำคาญ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะรักจึงยอมเขาทุกวัน บ่อยครั้งเข้าก็เบื่อ และเหนื่อยจนสุดจะทน

คืนวันนั้นพอกลับมาถึงห้องฉันเหนื่อยมาก พออาบน้ำนอนหลับได้ครู่ใหญ่ สามีก็เมาเหล้ากลับมาตามปกติ แต่วันนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นวันเงินเดือนออก มาถึงก็ตรงเข้าเตะและต่อย พอฉันต่อว่า สามีก็เข้าใจและหยุดพัก แต่ไม่นานก็มาขอร่วมหลับนอนด้วย ฉันก็ยอมไปสองครั้ง แต่สามีกลับขอเป็นครั้งที่สามอีก ฉันจึงไม่ยอม เพราะต้องตื่นตีสอง สามีโมโหก็เลยใช้มือตบเข้าที่หน้า"

เมื่อรู้ว่าสู้แรงไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง โดยหลอกสามีให้นอนรอ และขอตัวออกไปซื้อนม อ้างว่าจะดื่มเพื่อเพิ่มพลัง สามีจึงนอนรอ ด้วยความกระหยิ่มใจ และเมื่อเธอกลับมาก็เริ่มเผด็จศึกทันที...

ในจังหวะที่สามีขึ้นคร่อมร่าง เธอได้ใช้มือกำอวัยวะเพศ แล้วใช้มีดโกนที่ซื้อมาหมาดๆ ตวัดฉับสุดแรงเกิดหวังให้ขาดในมีดเดียว ฝ่ายสามีแรกๆ ก็แค่รู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยด้วยฤทธิ์เมา แต่เมื่อเลือดเริ่มไหลไม่หยุด จึงรู้ว่าถูกภรรยาสะบั้นเจ้าโลกของตัวเองเข้าแล้ว ความเจ็บปวดรวดร้าวเข้ามาแทนที่ความเมา เสียงเอะอะอันทรงอำนาจ จึงกลายเป็นเสียงครวญครางอย่างน่าเวทนา!!!

กระนั้น นางพรทิพย์ ก็ยอมรับว่า แม้จะไม่ชอบพฤติกรรมสามี แต่ก็ยังรักสามีมาก โดยข้อดีของเขา คือ "ไม่เคยนอกใจ" ไปนอนกับหญิงอื่น เพราะวันไหนที่ไม่มีอารมณ์เคยตัดใจให้เงิน 300 หรือ 500 บาทบ้างเพื่อให้สามีไปซื้อบริการหญิงอื่น แต่สามีกลับไม่ยอม โดยบอกว่า "อยากนอนกับเมียเพียงคนเดียว"

นอกจากนี้ เธอยังเชื่อว่าโดยเนื้อแท้แล้วสามีเป็นคนดี แต่ต้องมา "เสียคน" เพราะ "เหล้า" ตัวเดียวเพราะเวลาเมาทุกครั้งมักจะลงเอยด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคู่นอน

"เพราะรักฉันเลยต้องทนมานานกว่า 17 ปี ถ้าเขาหายแล้วก็อยากให้จำไว้เป็นบทเรียนว่า ผู้หญิงนั้นไม่ได้มีไว้เป็นที่รองรับอารมณ์ของผู้ชายเพียงอย่างเดียว และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้หมอ เอายาแก้โรคติดเหล้าให้เขากิน เพื่อจะได้กลับมาเป็นครอบครัวที่เป็นสุข ช่วยกันทำมาหากินเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินทองมากมายอะไรก็ตาม" นางพรทิพย์ กล่าวฝากเป็นข้อคิดในการครองเรือน

สำหรับนายชาญนั้นตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล นอกจากแพทย์จะแนะนำใน การดูแลบาดแผลและให้กำลังใจแล้ว ยังให้ข้อคิดเรื่องการครองเรือน และขอให้เลิกดื่มสุรา ซึ่งค่อนข้างได้ผล เมื่อได้รับการรับรองว่าอวัยวะเพศที่ถูกเฉือนจะไม่กระทบต่อกิจกรรมทางเพศ เขาจึงตั้งใจไว้ว่า หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกลับตัวกลับใจทำหน้าที่สามีที่ดี และจะ "ไม่ดื่มสุรา" ตามคำเรียกร้องของภรรยาที่ขอมานาน

ด้าน น.พ.วิทยา จารุพูนผล ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เปิดเผยว่า ในรอบสองปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วถึงห้าครั้ง แต่แพทย์ก็สามารถผ่าตัดให้กลับใช้งานได้ตามปกติทุกราย

น.พ.วิทยา แนะนำข้อปฏิบัติเพื่อให้การต่ออวัยวะเพศมีโอกาสสำเร็จมากที่สุดว่า

"หลังจากอวัยวะเพศถูกตัดขาดให้นำส่วนที่ถูกตัดขาดใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่นแล้วแช่ใส่ถังน้ำแข็งที่มีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ ส่วนโคนแผลให้พันผ้ากอซไว ้เพื่อไม่ให้ปากแผลถูกสิ่งสกปรก จากนั้นให้รีบมาที่โรงพยาบาลภายในเวลา 4-6 ชั่วโมงนับตั้งแต่เกิดเหตุ ซึ่งหากทำได้เช่นนี้แพทย์สามารถรับรองได้ว่า หลังการผ่าตัดแล้วจะสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ"

ขณะที่ นายกิติกร มีทรัพย์ นักจิตวิทยาอาวุโส ที่ปรึกษาสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย วิเคราะห์พฤติกรรมนี้ว่า ยังไม่ถือว่าเข้าข่าย "ป่วยทางจิต" แต่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ซึ่งในสังคมก็สามารถพบเห็นคนจำพวกนี้อยู่บ่อยๆ เช่น ขับรถปาดหน้าก็ชักปืนยิงทันที หรือแม้แต่การชกต่อยกันกลางสภา เป็นต้น

ทั้งนี้ หากเป็นผู้ป่วยทางจิตจะต้องมีอาการหลงผิด ประสาทหลอน หูแว่ว ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

"คนที่อารมณ์ร้อน เวลามีปัญหาควรตั้งสติให้ดี ไม่ควรอยู่คนเดียวในเวลาที่โมโห โดยควร จะอยู่ใกล้คนใกล้ชิด หรือญาติพี่น้องเพื่อจะได้ช่วย พูดเตือนสติได้" นักจิตวิทยาท่านนี้ ให้ข้อแนะนำ

ศูนย์ข่าวภาคอีสาน


</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE width="98%" align=center><TBODY><TR><TD align=right width="75%">ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เนชั่น เจาะข่าว ทั่วไทย </TD><TD align=middle width="25%"></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รักที่เกินรัก มักทำลาย......

 

รักแรง น่ากลัวค่ะ ทางที่ดีค่อย ๆ รัก และถนอมความรู้สึก ความรักซึ่งกันและกันดีสุด ...