จับหนุ่มใจยักษ์ยิงแมวไส้แตก แจ้งจับแมวบุกรุก

หนุ่มใหญ่ช่างซ่อมเครื่องไฟฟ้าแค้นแมวชอบเข้ามาเยี่ยวในบ้าน คว้า .357 ยิงพุงแตก

เจ้าของเข้าแจ้งความดำเนินคดี ตร.ตั้ง 3 ข้อหา เตรียมแจ้งเพิ่มอีกทำให้เสียทรัพย์ เผยประวัติเคยยิงแมวตีหมาโชกโชน ส่วนมือปืนหัวหมอ ขอแจ้งความกลับว่าแมวบุกรุกสร้างความรำคาญ ฝ่ายสภาทนายความยันแจ้งกลับได้ แต่ดำเนินคดียาก พิสูจน์ไม่ได้เรื่องเจ้าของจงใจใช้แมวเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง


เหตุหนุ่มช่างไฟเลือดร้อนยิงแมวด้วย .357 พร้อมแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ต.ต.สมปอง เกลียวสัมพันธ์ใจ พนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงแมว เหตุเกิดที่ร้านตี๋ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เลขที่ 63/2 ถนน 25 มกรา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาญ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.อ.เมืองนครปฐม และกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนหนึ่ง


เจ้าของเผย ยิงจนไส้แตก แมวทุรนทุราย
ภายในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบนายกนิษฐกันต์ ศรีสุวรรณภัทร อายุ 40 ปี เจ้าของร้านดังกล่าวกำลังยืนอยู่ด้านหน้าร้าน โดยภายในมือข้างขวาถืออาวุธปืนสั้นขนาด .357 ไว้ 1 กระบอก ซึ่งจากการสอบถามนายกนิษฐกันต์ยอมรับว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนที่ถืออยู่ในมือยิงแมวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้านจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมพร้อมยึดอาวุธปืน แต่นายกนิษฐกันต์พยายามขัดขืนต่อสู้เจ้าพนักงาน โดยไม่ยอมให้จับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังจึงสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ ก่อนนำตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวน

ต่อมานางเดือนน้อย เลาหสูตร อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 ถนน 25 มกรา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งเป็นเจ้าของแมวมาพบพนักงานสอบสวน พร้อมกับนำแมวที่ถูกยิงมาด้วย ได้แจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายกนิษฐกันต์ที่ทำให้เสียทรัพย์ หลังจากใช้อาวุธปืนยิงแมว

นางเดือนน้อย เล่าว่า ตนมีบ้านพักอาศัยอยู่ติดกัน ซึ่งตนกับนางชนิกากานต์ ภรรยาของนายกนิษฐกันต์ รู้จักสนิทกันเป็นอย่างดี แต่ที่บ้านของตนจะชอบเลี้ยงแมวไว้ ซึ่งสัญชาตญาณของแมวก็มักไม่อยู่เฉยชอบเดินออกไปนอกบ้าน และบางครั้งอาจจะเข้าไปในบ้านของคนอื่นบ้าง เมื่อแมวตนเข้าไปในบ้านควรจะไล่ออกมา แต่นายกนิษฐกันต์กลับใช้อาวุธปืนยิงแมวจนท้องแตกเลือดไหลอาบตัว แมวของตนได้รับความทุกข์ทรมานมาก หลังจากถูกยิงแล้วจึงได้พยายามวิ่งมาหาตนที่บ้านด้วยความทุรนทุราย จนทำให้ตนทนไม่ได้ เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แมวของตนเคยถูกยิงนายกนิษฐกันต์ยิงเมื่อปีที่ผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตนเห็นแก่ภรรยานายกนิษฐกันต์ที่สนิทกัน คราวนี้มาใช้ปืนยิงแมวของตนอีก และท้าทายให้ตนแจ้งความด้วย จึงต้องแจ้งตำรวจดำเนินคดี

นางสมจิตร อยากคำ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/4 ถนน 25 มกรา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม บอกว่า ตนมีบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน และเคยถูกนายกนิษฐกันต์ใช้อาวุธปืนยิงแมวของตนจนตายมาแล้วเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน แต่ตนก็ไม่อยากจะเอาเรื่อง บางครั้งมีสุนัขผ่านหน้าบ้านเขาก็เอาไม้ไล่ตีเหมือนกัน


ผู้ต้องหายิงแมวลั่นต้องใช้วิธีเด็ดขาดเพราะแมวชอบมาฉี่รดบ้านจนเหม็นไปหมด
นายกนิษฐกันต์ ผู้ต้องหา บอกว่า ตนยอมรับว่าเป็นคนยิงแมวจริง เพราะมันชอบเข้ามาสร้างความรำคาญในบ้านเป็นประจำ บางครั้งมาฉี่รดในบ้านจนมีกลิ่นเหม็น ตนจึงต้องใช้ความเด็ดขาดจัดการเพื่อไม่ให้มันเข้ามาอีก และตนจะขอแจ้งความกลับด้วยว่าแมวของเขามาบุกรุกสร้างความเดือดร้อนรำคาญในบ้านของตน ส่วนค่าเสียหายที่ตนยิงแมวไม่ขอรับผิดชอบชดใช้แน่นอน

พ.ต.ต.สมปอง พนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าของแมวได้พาแมวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์แล้ว เชื่อว่าอาการเบื้องต้นน่าจะปลอดภัยไม่ถึงกับชีวิต ส่วนผู้ต้องหาเบื้องต้นได้แจ้ง 3 ข้อหาก่อนว่ายิงปืนในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร อีกทั้งยังมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ส่วนเรื่องแมว หากผู้เสียหายไม่ยอมหรือตกลงกันไม่ได้ จะต้องมีการแจ้งข้อหาเพิ่มในคดีทำให้เสียทรัพย์อีกคดีหนึ่งต่อไป


ด้านสภาทนายความ นายสมบัติ วงศ์กำแหง ให้ความเห็นว่า
การที่นายกนิษฐกันต์แจ้งความกลับในข้อหาบุกรุกนั้น คงจะต้องมาดูกันว่า แมวตัวดังกล่าวบุกรุกทำให้เดือดร้อนรำคาญนั้น เป็นการจงใจของเจ้าของแมวที่จะใช้สัตว์เป็นเครื่องมือไปสร้างความรำคาญหรือไม่

"หากพยานหลักฐานระบุได้ว่า เจ้าของแมวจงใจปล่อยสัตว์ให้ไปถ่ายมูลฝอย หรือลักสิ่งของได้ก็จะสามารถแจ้งความกับเจ้าของแมวได้ แต่การจะแจ้งข้อหากลับแบบนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะจะต้องหาพยานหลักฐานให้ได้ว่า เป็นการจงใจกลั่นแกล้งจากเจ้าของแมว เพราะปกติแล้ววิสัยของแมวก็จะชอบเดินไปมาไม่อยู่เฉยอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน ส่วนในเรื่องที่เจ้าของแมวจะเรียกร้องค่าเสียหายนั้นสามารถทำได้ในฐานที่ทำให้เสียทรัพย์ โดยการเรียกค่ารักษาพยาบาลได้" เลขาธิการสภาทนายความ กล่าว