เรื่องเด่น การปฏิบัติต้องมีอิทธิบาท ๔ จึงจะเกิดผล

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 มกราคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    56D54D85-D6C7-4CF4-B862-A09A9C34CCAE.jpeg

    ถาม : (พระถาม) การที่คนส่วนมากยังดำน้ำไป ก็ยังไปถึงพระนิพพานได้ใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : ถ้าเรามีความมั่นใจ เพราะเรื่องของมโนมยิทธิ กำลังใจของเราไม่มีอะไรกั้นได้ เรานึกถึงที่ไหนก็ไปที่นั่นเลย ไม่ต้องลงบันได ไม่ต้องเปิดประตูก็ไปเลยครับ อย่างเรานึกถึงดวงอาทิตย์ก็อยู่ที่นั่นเลย ไม่ต้องเดินทางด้วยความเร็วแสง ๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ต่อวินาที ต้อง ๘ นาทีกว่าถึงจะถึง...ก็ไม่ใช่ แต่ไปถึงเลย ถ้าหากว่าเรามั่นใจก็ใช่ทุกที่ เพียงแต่ว่าเราจะขาดความมั่นใจ ความชัดเจนเลยไม่มี

    ตอนที่ผมฝึก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้เคล็ดลับไว้หลายอย่าง แล้วผมขยันซ้อม ก็เลยได้ดีมากกว่าคนอื่นเขา เคล็ดลับอันแรกเลยก็คือ ท่านให้ไปนั่งข้างถนน หลับตาทำใจสบาย ๆ ตอนนั้นถนนหน้าวัดก็มีรถวิ่งวันหนึ่งไม่กี่คัน พอถึงเวลาเสียงรถวิ่งมา ให้ถามตัวเองว่ารถคันนี้สีอะไร ? ให้ก็จำอารมณ์นั้นไว้ว่า คำตอบที่ได้มาตอนนั้นอารมณ์ใจเราเป็นอย่างไร แล้วก็ลืมตาดู จะพิสูจน์ได้ในระยะเวลาไม่กี่นาทีครับ

    ถ้าหากว่าถูกให้จำไว้ว่าเราวางอารมณ์ใจไว้อย่างไร ถ้าผิดไม่ต้องจำ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จน ๑๐ คันถูกสัก ๘ คัน ก็ให้เพิ่มรายละเอียดไปว่า รถที่วิ่งมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? พอถูกสัก ๘ ใน ๑๐ อีกก็เพิ่มไปอีกว่า รถมาสีอะไร ? คนนั่งกี่คน ? ผู้หญิงกี่คน ? ผู้ชายกี่คน ? เพิ่มรายละเอียดไปเรื่อย ๆ ครับ รถมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? ผู้หญิงกี่คน ? ผู้ชายกี่คน ? ใส่เสื้อผ้าสีอะไรบ้าง ? ท้ายที่สุดทะเบียนอะไรก็บอกถูกหมด

    แต่ไม่ค่อยดีตรงที่ว่าผมมีกองเชียร์เยอะ พอถึงเวลาผมบอก ถ้าเขาเห็นว่าใช่ก็เฮกันลั่น ถ้าสมาธิไม่ดีก็พังหมด

    คราวนี้อีกวิธีก็คือ เราอยู่ที่บ้านของเรา ถึงเวลานั่งสมาธิกำหนดให้กายในออกมาอยู่ตรงหน้า เอาตัวขนาดที่เราบังคับได้สบาย ๆ จับกายใน ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน เดินขึ้นหน้า เดินถอยหลัง แล้วแต่เราสั่ง เดินวนรอบตัวเลยก็ได้ จนกระทั่งความรู้สึกชัดเจนว่าเราบังคับตัวนี้ได้ แต่ต้องช้า ๆ นะครับ ถ้าเร็วนี่..ปรื๊ดเดียวก็รอบตัวเลย

    พอมั่นใจแล้ว มีความชัดเจนพอแล้ว รู้สึกได้ชัด ๆ เหมือนตัวจริงแล้ว ทำอะไรก็ได้ครับ ที่เป็นกิจกรรมยามปกติของเรา อย่างเปิดประตู เปิดหน้าต่าง เข้าไปดูห้องน้ำ พวกนี้จะชัดเพราะว่าเป็นสิ่งที่เราเคยชิน หลังจากนั้นเราก็ลงไปข้างล่าง เดินวนรอบบ้านดูว่ามีอะไรบ้าง ช้า ๆ ครับ จำเป็นต้องช้าเลย ไม่อย่างนั้นปรื๊ดเดียวรอบบ้านเลย คราวนี้ออกหน้าบ้านไป จะไปซ้ายหรือไปขวา ไปปากซอยก็เลี้ยวขวา ค่อย ๆ ไปก่อน

    ตอนแรก ๆ ยังชัดอยู่เพราะว่าเราจำภูมิประเทศได้ แต่พอพ้นเขตที่เราจำได้แล้ว มีอะไรรีบจดไว้ครับ แล้วก็ไปดูด้วยตาของเราเอง ใช้วิธีอย่างนี้ซักซ้อมไปเรื่อย ๆ ความชัดเจนจะมากขึ้น ๆ แล้วท้ายสุดพอทรงตัวได้ ต่อไปไม่ว่าเราจะไปภพไหนภูมิไหนก็ชัดเท่ากันครับ

    ถาม : ตัวที่เราเนรมิตมา นี่คือใคร ?
    ตอบ : ก็คือกายในของเรา ก็คือสภาพจิตของเรา ความรู้สึกทั้งหมดนึกว่าอยู่ตรงนี้ เอ็งยืนขึ้น ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน เดินไปข้างหน้า ๓ ก้าว ถอยหลัง ๒ ก้าว บังคับทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย เพราะถ้าเราไม่บังคับให้ทำ สติหลุดจะหายไป บังคับให้เดินวนรอบห้อง ไปเปิดหน้าต่างดูหน่อยว่ามีอะไร ดูห้องน้ำหน่อย เปิดประตูลงบันไดกี่ขั้น

    แรก ๆ จะชัดเพราะว่าเราเคยชิน แต่พอเกินจากสิ่งที่เราจำได้ เช่น ออกนอกบ้านไปไกลแล้ว เจออะไรจำไว้ครับ แล้วรีบจดไว้ หลังจากเลิกกรรมฐานแล้ว ไปดูเลยครับว่าใช่ไหม

    ผมฝึกกันแบบนี้ คราวนี้คนอื่นเขาขยันอย่างผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมทำงานครึ่งวัน ฝึกครึ่งวัน กลางคืนไม่ค่อยหลับไม่ค่อยนอน เพราะว่าอยู่เวรหน้าห้องหลวงพ่อ อยู่แค่ ๖ ชั่วโมง คราวนี้พอเวรอื่นเขามาเปลี่ยน ผมก็เข้าที่ปฏิบัติของผมเลย ไม่ได้ใส่ใจคนอื่นเขา ง่วงตรงไหนก็นอนตรงนั้น ลุกขึ้นมาได้ก็ว่าต่อ ไม่ได้สนใจเรื่องเวลาเลยครับ เรื่องเวลาสนใจอยู่แค่เวลาทำวัตร เจริญกรรมฐาน กับบิณฑบาต อย่าให้เสีย เพราะว่าถ้าเสียแล้วจะผิดระเบียบวัด

    ถาม : พระอาจารย์ใช้อะไรกำหนดครับ นาฬิกากำหนด หรือว่าจิตกำหนดว่าต้องไปบิณฑบาต ?
    ตอบ : แรก ๆ ต้องใช้นาฬิกาปลุก แต่พอมาตอนหลังแค่เรานึกว่าจะออกจากสมาธิตอนนั้นก็ได้เองเลย ผมเลิกใช้นาฬิกาปลุกมาหลายสิบปีแล้ว ใหม่ ๆ ๓ เครื่องครับ ๓ เครื่องคือเผื่อไว้ ตั้งเครื่องหนึ่งต่างกัน ๕ นาที เผื่อเอาไว้ว่าเครื่องนี้ปลุกแล้วเราเผลอไปกดดับ เผื่อไว้อีกสองหนึ่ง วางไว้คนละมุมห้อง ถึงเวลาต้องคลานไปหา คงจะได้สติตื่นขึ้นมาประมาณนั้น หลังจากนั้นพอเคยชิน กำหนดใจให้ตื่นเวลาไหนก็ได้ ก็เลิกใช้นาฬิกาปลุก

    ต้องขยันครับ ทิ้งไม่ได้เลย ทิ้งเมื่อไรก็สนิมกิน ขนาดออกจากวัดไปบิณฑบาตนี่กำหนดใจก่อนเลย ใครจะใส่บาตรเราคนแรก ผู้หญิงหรือผู้ชาย ใส่เสื้อผ้าสีอะไร แล้วจำเอาไว้ ถึงเวลาไปถึงก็ดูว่าตรงกันไหม

    ถาม :
    อิทธิบาท ๔ นี่ทิ้งไม่ได้เลย ?
    ตอบ : ทิ้งไม่ได้เลยครับ เรื่องของการปฏิบัติธรรม ทิ้งอิทธิบาท ๔ เมื่อไร มีหวังโดนกิเลสตีตาย..!

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...