สิ้น 'หลวงปู่ผาด' เกจิชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นักบุญแห่งอีสานใต้

สิ้น 'หลวงปู่ผาด' นักบุญแห่งอีสานใต้?
หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ เกจิชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มรณภาพแล้ว ท่ามหลางความโศกเศร้าของศิษยานุศิษย์จำนวนมาก

วันจันทร์ 5 มกราคม 2558 เวลา 21:11 น.


หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ เกจิชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มรณภาพแล้ว ท่ามหลางความโศกเศร้าของศิษยานุศิษย์จำนวนมาก

วันจันทร์ 5 มกราคม 2558 เวลา 21:11 น.
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ เกจิชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้มรณภาพลงเมื่อช่วงเวลา 11.58 น.ของวันนี้ หลังอาพาธโรคชราและโรคไตมานานหลายปี ได้เข้ารับการรักษาที่รพ.รวมแพทย์ จ.สุรินทร์ มาตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อช่วงเช้ารถรพ.ได้นำตัวหลวงปู่ผาดกลับมาที่วัดบ้านกรวด เพื่อประกอบพิธีต่อดวงชะตาให้หลวงปู่ผาดแต่ท่านก็๋ได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าของบรรดาญาติ และพระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งฆราวาสที่เป็นศิษยานุศิษย์จำนวนมาก

โดยในวันพรุ่งนี้ (6 ม.ค.) จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 15.00 น. ที่ศาลาการเปรียญวัดบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้นจะมีพิธีแสดงธรรมเทศนา และสวดพระอภิธรรม ในเวลา 19.00 น. ของทุกวันพร้อมให้ลูกศิษย์และประชาชนได้กราบไหว้ไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.นี้ จึงจะได้ทำพิธีบรรจุศพลงในโรงแก้ว

ประวัติพระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2454 ตรงกับวันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 ศิริอายุ 103 ปี 1 เดือน 25 วัน พรรษา 85 จนได้รับฉายา นักบุญแห่งอีสานใต้ นับเป็น 1 ใน 10 เกจิอาจารย์ที่อายุยืนที่สุดในประเทศไทย..

ข่าวจากเดลินิวส์


ประวัติหลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์

วัดบ้านกรวด เป็นวัดเก่าแก่ประจำ อำเภอ บ้านกรวด ตั้งขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี มีอายุนับถึง ปัจจุบันไม่น้อยกว่า 120 ปี ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2469 มีประพุทธรูปศิลา อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นประธานในพระอุโบสถ มีเจ้าอาวาสครอง วัดติดต่อกันมานับถึงปัจจุบันรวม 4 รูปด้วยกัน เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ .ซึ่งได้บวชเรียนมาตั้งแต่อายุได้ 22 ปี เมื่อครั้งอดีตสมัยท่านเป็นพระหนุ่มๆ ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ

เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งทางพระเวทย์ วิชาแพทย์แผนโบราณต่างๆ ตามความเชื่อ และความนิยมของชาวพื้นบ้าน ในสมัยนั้น ได้ไปศึกษาเล่าเรียนเวทวิทยาอาคมที่จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี (ในสมัยนั้น จังหวัดอุดรมีชัย ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ) จากนั้นท่านได้จาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ แทบจะทุกภาคของไทยและประเทศใกล้เคียง เคยธุดงค์ไปศึกษาวิชาอาคมที่นครวัต ที่ประเทศเขมร เป็นเวลา 8 ปี

จนมีความรู้เจนจบในไสยเวททุกแขนง แตกฉานในวิปัสสนากรรมฐาน อย่างแจ่มแจ้ง ต่อมาเมื่อท่านมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับถวายที่ดินจากชาวบ้าน จากนั้นท่านก็ได้บูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า จนเป็น “วัดตาอี” ให้เห็นเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน สืบต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด ได้มรณภาพลง ชาวอำเภอบ้านกรวด จึงได้นิมนต์ หลวงปู่ผาด มาเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ได้ปฏิเสธการเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด มาโดยตลอด แต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยมไม่ไหว จึงต้องยอมรับ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด และดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด หลวงปู่ผาด ท่านได้พัฒนา วัดสาขาของท่านถึง 4 แห่ง ก็คือ วัดตาอี,วัดบ้านปราสาท,วัดบ้านบึงเก่า และวัดบ้านกรวด เป็นรูปเป็นร่างมาจน ถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคล มาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้า หลวงปู่ว่า มีผู้เลื่อมใสศรัธา ในตัวหลวงปู่ ประสงค์อยากจะได้พระเครื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา

เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่ท่านก็เลยอนุญาต ให้จัดสร้าง วัตถุมงคล ที่ออกมาภายใต้ชื่อ หลวงปู่ผาด จึงออกมาน้อยมาก ดังนั้นคนที่มีอยู่ต่างหวงแหน ไม่ค่อยหลุดออกมาให้เห็นกัน ทำให้วัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ ของท่าน หายากขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยหลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคล ที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งบุญญาฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ ดุจมีแก้วสารพัดนึก ใครมีโอกาส ได้ครอบครอง ขอให้เก็บไว้บูชาดีๆ เพราะท่านเคยพูดกับศิษย์บ่อยๆ ว่า “อีกหน่อยพระของเราจะเป็นเพชร” จากอมตะวาจาของหลวงปู่ผาดอนาคตจึงไม่ต้องพูดถึง เพราะต่างทราบกันดีว่า หลวงปู่ท่าน “วาจาสิทธิ์” เป็นยิ่งนัก เอาเป็นว่าอนาคตอันใกล้คงต้องได้เห็นอย่างแน่นอน

เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอนานเหมือนอดีต “ของดี”มีประการณ์ ประเดี๋ยวก็มีคนถามหากันเอง! หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระแท้ที่กราบไหว้ได้สนิทใจสมกับ “พุทธบุตร” โดยแท้ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังพระภิกษุอย่างหลวงปู่ผาดไม่ควรจะเป็นของอำเภอบ้านกรวดเพียงอย่างเดียวควรเป็นของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เปรียบดังช้างเผือกในป่า น่าจะมาเป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง จึงจะถูกต้อง สมกับพระบารมีของท่านเป็นอย่างยิ่ง กิตติคุณความเป็นผู้ทรงวิทยาพุทธาคม แม้แต่ “นักบุญแห่งภาคอีสาน” จ้าวตำรับ “กูมึง” ขนานแท้ (แม้แต่พระองค์อื่นจะใช้บ้างก็ไม่น่าพิสมัยเท่าท่าน) ยังกล่าว ยกย่องเชิดชูกับคณะศรัทธาบุญจากอำเภอบ้านกรวด ที่ได้เดินทางไปกราบนมัสการท่านที่วัด

เมื่อท่านสอบถามรู้ความว่าเดินทางมาจากอำเภอบ้านกรวด ท่านถึงกับออกปากพูดว่า “มึงจะมากราบมาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่นของท่านศักดิ์สิทธิ์กว่าของกูตั้งเยอะพวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลยของดีอยู่กับท่านยังไม่รู้ค่าอีก” สำหรับประโยคคำพูดจากปากยอดพระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนเคารพกราบไหว้ทั้งประเทศคงยืนยัน คุณวิเศษ ในองค์หลวงปู่ผาดได้อย่างดี เป็นแน่แท้พระระดับนี้ท่านยังเทิดทูนอภิวาทหลวงปู่ผาด แล้วเราๆท่านๆจะลังเลอยู่ไยล่ะครับ

บทความจาก http://www.itti-patihan.com/

 

กราบเท้าหลวงปู่

 

กราบเท้าหลวงปู่ครับ

 

กราบส่งหลวงปู่สู่พระนิพพาน

 

กราบขอขมากรรมหลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินไปด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ขอหลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญโปรดเมตตาอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วยตั้งแต่บัดนี้ไป
ขอน้อมกราบส่งหลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญสู่พระนิพพาน

 

น้อมกราบส่งหลวงปู่ สู่แดนพระนิพพาน สาธุ

 

กราบเท้า องค์หลวงปู่ครับ

 

กราบนมัสการลาค่ะ..สาธุธรรมสังขารา

 

ขอบารมีหลวงปู่ ช่วยคุ้มครองลูกหลานและแผ่นดินไทยด้วยเทอญ
หากข้าพเจ้าได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินหลวงปู่ไว้ จะด้วย กาย วาจา ใจ เจตนา หรือไม่เจตนา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะในชาติใดๆก็ตาม ขอหลวงปู่ได้โปรดอโหสิกรรม
ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ