คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

หลวงพ่อเย่อ วัดอาษาสงคราม พระประแดง สมุทรปราการ

ปฐมวัย
หลวง ปู่ มีนามเดิมว่า “ไพฑูรย์ (เย่อ) ” นามสกุล “กงเพ็ชร์” บิดามารดา เป็นชาวรามัญ โยมบิดาชื่อ “เกาะ” โยมมารดาชื่อ “สา” เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๑ ตรงกับวันแรม ๓ ค่ำ เดือน ๗ ปีชวด ที่บ้านทมัง ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีญาติพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันทั้งสิ้น ๔ คนคือ นางหนู นายบ๊ะ หลวงปู่เย่อ และนายเว่

เนื่อง จากบิดามารดา เป็นชาวรามัญที่เคร่งครัดต่อประเพณีนิยมและมั่นคงต่อพระพุทธศาสนา เมื่ออยู่ในเยาว์วัย บิดาจึงพาไปทำบุญที่วัดด้วยเสมอ ทำให้เลื่อมใสต่อบวรพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กๆ มีจิตใจใคร่ศึกษาธรรม ฝักใฝ่ต่อการเรียนรู้เพราะความใกล้ชิดระหว่างบ้านกับวัดเป็นสาเหตุสำคัญ ดังนั้นเมื่อวันที่ ๖กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๔ ท่านมีอายุได้เพียง ๑๓ ปี บิดา มารดาผู้หวังจะให้บุตรได้ศึกษาหาความรู้จึงได้พาท่านไปบรรพชาเป็นสามเณรน้อย ที่วัดอาษาสงคราม โดยมีท่านพระมหาขันธ์เป็นอาจารย์ให้ศีลและอนุสัยบวชให้ หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาเล่าเรียนอักขระสมัยทั้งไทยและรามัญ จนมีความชำนิชำนาญ โดยเฉพาะอักขระขอมรามัญ จึงทำให้ท่านสามารถค้นคว้าตำราและคัมภีร์ต่างๆ ของรามัญได้อย่างกว้างขวาง เกิดความรอบรู้ทั้งทางปริยัติธรรมและวิชาแขนงต่างๆ ทางพุทธศาสนาตลอดจนวิชาการแพทย์ตามแบบโบราณสมัย ไว้เพื่อช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านอีกด้วย

ครั้ง เป็นสามเณรน้อยท่านดำรงตนเคร่งครัด อยู่ในศีล มีจริยาวัตรงดงาม ผ่องใสด้วยธรรมของพระพุทธองค์ จึงเป็นที่ปิติของบิดามารดาและบรรดาญาติพี่น้อง ตลอดจนครูอาจารย์และชาวบ้านที่พบเห็น ต่างก็ชื่นชมโดยทั่วกัน นอกจากนั้นท่านเองก็มีความแจ่มใสอยู่ในเพศบรรพชิต จึงตั้งจิตมั่นคงที่จะรับใช้พุทธศาสนาอยู่จนชีวิตหาไม่


อุปสมบท
สืบ มาอายุกาลของท่านย่างเข้าครบ ๒๐ ปี จึงเป็นที่ยินดีปรีดา ของโยมบิดา มารดาและญาติพี่น้องจะได้ทำการอุปสมบทสามเณรน้อยให้เป็นพระภิกษุผู้สืบ อายุพระพุทธศาสนาต่อไป พร้อมใจกันจัดแจงเตรียมพิธีการต่างๆ ให้สมกับศรัทธาที่มุ่งมั่น สมัยนั้นวัดอาษาสงครามยังไม่มีพระอุโบสถและพันธเสมาก็ได้พากันไปใช้พระ อุโบสถของ วัดพญาปราบปัจจามิตร ซึ่งอยู่ติดกันนั้น แล้วนิมนต์ให้พระอธิการทอง วัดโมกข์ เป็นอุปัชฌาย์ พระอธิการเกลี้ยง วัดพญาปราบปัจจามิตรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาโต วัดโมกข์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ กำหนดวันอุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๑ เมื่อถึงเวลาที่ตั้งหมายกำหนดไว้ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระอุปัชฌาย์ตั้งฉายาให้ว่า “โฆสโก” แปลได้ว่า ผู้มีความกึกก้องกังวาน หมายถึงมีธรรมอันกว้างใหญ่ไพศาลถ้วนทั่วนั่นเอง

หลัง จากอุปสมบท แล้ว ท่านก็ยิ่งเพิ่มทวีศึกษาทางพระพุทธศาสนาทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระมี ความรู้แตกฉานจนจบโดยเฉพาะบาลีแบบรามัญ ท่านมีความสามารถมาก แต่ยังไม่ทันได้เข้าสอบ “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส” ทรงมีพระบัญชาให้เลิกการสอบแบบปากเปล่า (มุขปาฐะ) และทรงยกเลิกการสอบแบบปากเปล่าทั้งทางบาลีไทยด้วย ให้สอบโดยการขีดเขียน แบบที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้

ท่านเป็นผู้ใฝ่รู้
ถึง แม้ท่านจะไม่ได้สอบ ไม่มีใบรับรองความรู้อย่างใดก็ตาม แต่ความสามารถทางธรรมของท่านก็แตกฉาน สามารถอบรมสั่งสอนลูกศิษย์และภิกษุสามเณร หยิบยกข้อธรรมวินัย ที่มีหลักธรรมและคติธรรมมาสั่งสอนอย่างแคล่วคล่อง ทำให้ผู้ได้รับการสั่งสอนมีความรู้ ความสบายใจ ซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง จนมีศิษย์ของท่านสามารถผ่านการสอบได้เปรียญสูงๆ มากองค์ด้วยกัน ชาวบ้านที่มีความทุกข์เดือดร้อน ท่านก็ใช้หลักธรรมกล่อมเกลาอบรมสั่งสอน จนคลายทุกข์เดือดร้อนได้ บางคนที่มีความประพฤติไม่ดีงาม ท่านก็สั่งสอนให้แก้ไขปรับปรุงให้กำลังใจเขาจนกลับตัวได้ มีชีวิตมั่งมีศรีสุขเจริญขึ้น เป็นเจ้าคนนายคนก็มีไม่น้อย

นับ ได้ว่า ท่านเป็นผู้คงแก่เรียนผู้หนึ่งทีเดียว มีความชำนิชำนาญแม่นยำ ทั้งภาษาไทยและภาษารามัญ ผู้ใดมีปัญหาติดขัด ข้องใจปัญหาหลักภาษาหรืออักขระอย่างไร ท่านก็จะช่วยเหลือชี้แจง อธิบายให้จนแจ่มแจ้งเข้าใจได้อย่างถูกต้อง แสดงให้เห็นได้ว่าท่านชอบสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่เห็นแก่เหน็ด เหนื่อย มีความเมตตาต่อผู้อื่นอยู่เสมอ

แสวงหาอาจารย์
ต่อ มาท่าน พิจารณาเห็นว่า สิ่งที่จะทำให้ล่วงพ้นความทุกข์ไปได้นั้นก็คือ การมุ่งศึกษาทางปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ท่านจึงมุ่งกลับไปศึกษา ทางวิปัสสนากรรมฐานโดยการค้นคว้าด้วยตนเองจากตำราภาษารามัญจนมีเข้าใจเป็น อย่างดี จึงแสวงหาอาจารย์ผู้ทรงคุณในทางปฏิบัติ ท่านจึงเดินทางไปศึกษากับ “หลวงพ่อหลิม” วัดทุ่งบางมด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดทุ่งโพธิ์ทอง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่มีความสามารถทางวิปัสสนาสูง และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางพุทธเวทย์วิทยาคม อันมีชื่อเสียงเกรียงไกรในยุคนั้น หลวงพ่อหลิมนั้นท่านสร้างเครื่องรางของขลังแจกจ่ายประชาชน ของของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้ผล ทางเมตตามหานิยมนับว่ายอดเยี่ยมมาก เป็นต้นว่า นางกวัก ของท่านปัจจุบันมีค่าหาได้ยาก

โดย เฉพาะอย่างยิ่ง “รัก-ยม” ของหลวงพ่อหลิมนั้น ไม่มีอาจารย์ผู้ใดทำได้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนของท่าน หลวงปู่เย่อได้ขอศึกษาวิปัสสนากับหลวงพ่อหลิมจนหลวงพ่อหลิมออกปากชมว่า หลวงปู่เย่อมีความเพียรพยายามดีมาก แม้จะมีอุปสรรคกีดขวางอย่างไร ก็พยามฟันฝ่าเดินทางไปศึกษาโดยมิยอมลดละ ซึ่งในสมัยนั้น ถนนหนทางก็มิใช่จะสะดวกสบายเหมือนสมัยนี้ การเดินทางจากพระประแดงไป วัดทุ่งบางมดจะต้องใช้เรือแจวไปกว่าจะถึงก็ใช้เวลานานหลายชั่วโมงทีเดียว

เมื่อ สำเร็จวิชาการวิปัสสนาจนมีความเชี่ยวชาญชำนาญดีแล้ว หลวงพ่อหลิมซึ่งมีความเมตตาหลวงปู่เย่อมาก จึงได้ให้เรียนวิชาทางพุทธเวทย์วิทยาคมต่อ หลวงปู่ก็พยายามศึกษาเวทย์มนต์คาถาที่หลวงพ่อหลิมประสิทธิ์ประสาทให้ด้วย ความขยันหมั่นเพียร ตั้งอกตั้งใจ เอาจริงเอาจัง จนเกิดความชำนาญสามารถทำเครื่องรางของขลังที่ได้เรียนมา ใช้ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ

หลัง จากนั้นท่านก็ยังไม่หยุดที่จะศึกษาหา ความรอบรู้ ท่านถือคติที่ว่าการศึกษาไม่มีการจบสิ้น ยิ่งรู้มากก็จะทำให้มีหูตากว้างไกล ชีวิตคือการศึกษา ผู้รู้มากกว่าย่อมฉลาดมากกว่า ความรู้มีอยู่ทั่วไปผู้ฉลาดจะต้องพยามเพียรแสวงหาอยู่เสมอ ประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา มือใครสั้นก็เอาเถาวัลย์ต่อเข้า เมื่อเรียนวิชาจากหลวงพ่อหลิมจบสิ้นแล้ว ท่านจึงไปขอศึกษาวิชาจาก “อาจารย์กินรี” วัดบ้านเชียงใหม่ และ “อาจารย์พันธ์” วัดสกา อาจารย์สองท่านนี้ เป็นเถราจารย์ชาวรามัญที่มีความแก่กล้าทางคาถาอาคมไสยเวทย์มาก สามารถเสกสิ่งของให้มีชีวิตให้เห็นได้กับตาเช่นเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า วิชาทางพุทธเวทย์วิทยาคมนั้นถ้าจะกล่าวแล้วของรามัญมีมาแต่โบราณ มีชื่อเสียงมาก จะเห็นได้ว่าในสมัยประวัติศาสตร์ ท่านมหาเถรคันฉ่อง อาจารย์ผู้ขมังเวทย์ชาวรามัญ ได้ใช้ความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาญาณและคาถาอาคม แสดงให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและทหารหาญได้ทอดพระเนตรประจักษ์แก่สายตา เมื่อครั้งการรณยุทธที่แม่น้ำสะโตง ภายหลังท่านมหาเถระ ได้รับเกียรติคุณเป็นถึง “สมเด็จพระพนรัต” วัดป่าแก้ว สังฆราชฝ่ายอรัญวาสี แห่งกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นแบบฉบับแห่งคัมภีร์ทางพุทธเวทย์วิทยาคมสืบต่อมาแต่ครั้งกระโน้น

อาจารย์ พันธ์ วัดสกานั้นท่านมีชื่อทาง สีผึ้งเมตตามหานิยม ที่ทำจากน้ำมันช้างพลายตกมัน คือเอาน้ำมันตรงซอกหูช้างที่ไหลขณะตกมัน มาเคี่ยวกับสีผึ้งใต้ร้านบวบด้วยพระเวทย์ สีผึ้งนั้นใช้ทางเมตตามหานิยมเป็นเยี่ยม

สำหรับ พระอาจารย์กินรี นั้นท่านชำนาญทั้งทางคงกระพันและเมตตา ทางคงกระพันท่านสร้างผ้าประเจียดสีแดงสวมต้นแขน เล่ากันว่าคงกระพันชาตรีชนิดแมลงวันไม่ได้กลิ่นเลือดทีเดียว

หลวง ปู่เย่อ ได้ขอศึกษาสืบต่อวิชา จากท่านอาจารย์ทั้งสองนี้ไว้จนเจนจบสิ้น นับว่าท่านมีความเพียรสูง เพราะการศึกษามิใช่เรื่องง่ายๆ จะต้องใช้พลังจิตตั้งใจมากจึงจะสำเร็จ จากนั้นมาท่านก็เฝ้าเพียรฝึกฝนวิปัสสนาอยู่อย่างสม่ำเสมอ ค้นคว้าตำรับตำราของรามัญเก่าๆ ที่มีอย่างเงียบๆ เพียงลำพังมิได้แสดงตนให้ผู้ใดทราบ เพราะหลวงปู่เป็นผู้มีความมักน้อย ถ่อมตนอยู่เป็นนิสัย การเจรจาก็สงบเสงี่ยมอยู่ในศีลแห่งสมณะ สมเป็นพุทธบุตรโดยแท้

***หมายเหตุ วัดบ้านเชียงใหม่ และวัดสกา ปัจจุบันได้รวมเป็นวัดเดียวกันชื่อว่า วัดกลาง


งานด้านการพัฒนา
หลวง ปู่เป็นเถระที่มีความคิดก้าวหน้าอยู่เสมอ มีความสนใจการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองเห็นแก่ประโยชน์ของสาธารณะเป็นที่ ตั้ง สนับสนุนทางด้านการศึกษาของพระภิกษุสามเณรให้มีความรู้โดยการจัดตั้งให้มี การเรียนการสอนทางด้านพระปริยัติธรรม นอกจากนั้นยังสร้างสรรค์ถาวรวัตถุไว้มากมายเพื่อให้เกิดเป็นศรีสง่าแก่บรรดา ผู้พบเห็น และสืบอายุพระพุทธศาสนา ให้มั่นคงต่อไป

สิ่ง ก่อสร้างที่หลวงปู่สร้างไว้เพื่อให้ชาว บ้านได้ใช้ประโยชน์มีหลายอย่างเช่น เมรุฌาปนสถานและศาลาการเปรียญซึ่งใหญ่โตสวยงาม หลวงปู่ใช้เวลาสร้างเพียงปีเดียวก็สำเร็จ แสดงให้เห็นว่ามีผู้ศรัทธาหลวงปู่มาร่วมแรงร่วมใจกันอย่างดียิ่ง สำหรับที่อยู่อาศัยของภิกษุสามเณรท่านก็สร้างสรรค์ไว้ให้ใหม่เป็นที่งดงาม เจริญตา ช่วยเสริมสร้างศรัทธาให้แก่ผู้พบเห็น วัดอาษาสงครามที่ได้เห็นงดงามเป็นศรีสง่าในปัจจุบันนี้ก็ด้วยบารมีแห่งหลวง ปู่โดยแท้

สมณศักดิ์
ด้วยกุศลราศีบารมีที่หลวงปู่ได้สร้างสรรค์ตลอดมานั้นเป็นที่ประจักษ์กันโดยแพร่หลายทั่วไปจึงทำให้หลวงปู่ได้รับสมณศักดิ์ดังนี้
วัน ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็น “พระครูสังฆวิจารณ์” ฐานานุกรมของสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) ครั้งเมื่อยังเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดราชบพิตร
วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็น “พระครูสังฆวุฒาจารย์” พระครูสัญญาบัตร
วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็น “พระครูสังฆวุฒาจารย์” พระครูสัญญาบัตรชั้นโท

มรณภาพ
เป็น ที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่นครเขื่อนขันธ์อันโด่งดังมาตั้งแต่อดีตกาล ต้องสูญเสียพระอริยสงฆ์ไปอีกท่านหนึ่ง คือ หลวงปู่เย่อ แห่งวัดอาษาสงคราม ซึ่งท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปเมื่อเวลา ๐๘.๑๐ น. ของวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ สิริรวมอายุได้ ๙๔ ปี ด้วยโรคชรา ท่านจากไปท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลาย คงทิ้งไว้แต่คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสรรค์ไว้เป็นอนุสรณ์เตือนความทรงจำ แก่อนุชนรุ่นหลังสืบไปชั่วกาลนาน

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.horamahawed.com/content.php?cate=mahavej&id=12


ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูง


เหรียญสภาพสึกหน่อยนะครับเลี่ยมไว้พร้อมบูชาได้เลย


ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

 

นาคปรกหลังยันต์องค์เล็ก พิธีใหญ่ครับแจกพร้อมหนังสือพระเครื่องลานโพธิ์ปี๒๙

เกือบ30ปีแล้วครับ พิธีใหญ่สายใต้ครับ

เหรียญพระนาคปรกแจกหนังสือลานโพธิ์ ปี 2529 พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ หลวงพ่อดำ วัดตุยง อาจารย์แอบ วัดปากน้ำปลุกเสก​

มี3องค์ผมซีลเก็บไว้

ให้บูชาองค์ละ 300 บาทค่าจัดส่ง EMS50 บาทครับ

 

เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เข้าพิธีพิธีใหญ่ และนำไปให้หลวงปู่ดู่อธิฐานจิตให้ด้วย
นิตยสารสายสิญจ์สร้าง สภาพสวยเดิมๆเก่าเก็บ เหรียญแจกหนังสือนี้บางรุ่นแพงและหายากนิยมกันนะครับดูอย่างรุ่นที่หนังสือลานโพธิ์สร้างหลวงปู่ทวดกระโดดบาตร แจกฟรกับหนังสือเล่มละ 30 บาท ปัจจุบัน8000บาทบล็อคนิยมสวยๆบล็อคธรรมดามี4000บาท

(ปิดรายการ)

 

จองตามที่แจ้ง pm ตกลงตามนั้นน่ะครับ.
ขอบคุณครับ.

 

จองครับ

 

ทุกท่านที่บูชามาผมมอบพระโพธิสัตย์กวนอิมครูบาคำเป็งให้ด้วยนะครับ มี 10 องค์ แจกไปมั้งแล้ว หมดก็หมดครับ

 

สอบถามครับองค์นี่อยู่มั๊ยครับถ้าอยู่จองจะได้โอนพร้อมกับองค์ที่จองไว้ครับ

 

จองตามที่โทรคุยครับ
1. พระขุนแผนเนื้อดินเผาหลวงพ่อสร้อย วัดเขาแก้ว องค์ละ 600 บาท
2. พระปิดตาแป้งเสก ลป.บุดดา 10 องค์ องค์ละ 100 บาท

 

เหรียญหลวงพ่อกวยหลังหนุมาน วัดซับลำใย พิธีมหาสมปราถนาครูบาอาจารย์ร่วมเสกหลายท่านรวมทั้งหลวงปู่หมุน

ให้บูชา 1200 บาทครับ(ปิดรายการ)

 

เหรียญกงจักรหลวงพ่อทอง วัดสระแก้ว จ.สระแก้ว
อ่านประวัติตามเวปดูก่อนนะครับ พื้นที่นับถือกันมากสระแก้วปราจีนยุคนั้นครูบาอาจารย์ไม่
ขลังจริงไม่ดังนะครับติดชายแดนเขมร ทั้งสงครามทั้งคุณไสย ประเภทลูกศิษย์อุปโลกเชีบร์ไม่ได้เกิดหรอกครับยุคนั้นต้องดีจริงเก่งจริงครับ

ให้บูชา350 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

 

เหรียญเก็บเสียงพระอาจารย์วันอุตโม สกลนคร พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายลป.มั่นครับ
รุ่นนี้รุ่นประสบการณ์ครับ ตามสภาพครับ......

ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

 

โอนเงินให้แล้วเมื่อ 17เมย.57 เวลา 09.36 น. จำนวน 550.18 บาท
ที่อยู่จัดส่งแจ้งใน PM ขอบคุณมากครับ

 

วันนี้โอนเงิน 1550 บาทให้แล้วครับ เวลา 10.55 น. เหรียญหลวงพ่อทองห่อวัดโคกโพธิ์ 600 สีผึ้งหลวงพ่อเตี้ย 600 เหรียญหลวงพ่อช่วงวัดจำปา 300 ส่งที่เดิมครับขอบคุณ

 

เหรียญรุ่น๑หลวงพ่อบุญสิน จันทบุรี

ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

 

สวัสดีครับพี่

ผมขอจองรายการนี้นะครับผม

ขออนุญาตโอนเงินค่าบูชาช่วงสิ้นเดือนนะครับ

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับผม ^_^

 

ประวัติพระเกจิอาจารย์หลวงพ่อจวน เวโรจโน (พระครูวิโรจน์ ธรรมรัตนฺ) วัดบ้านสร้าง

หลวงพ่อจวน เวโรจโน (พระครูวิโรจน์ ธรรมรัตนฺ) มีนามเดิมว่า จวน ไวยสุภีร์ เกิดวันพุธที่ ๓

กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ บ้านเลขที่ ๒ หมู่ที่ ๔ บ้านวังคุ้งแมว ตำบลลำตาเสา อำเภอวังน้อย

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อนายอ่อง ไวยสุภีร์ มารดาชื่อ นางแห ไวยสุภีร์

(สกุลเดิมเลขยันต์) หลวงพ่อจวนมีพี่น้องร่วมสายโลหิต ๕ คน

ในสมัยเยาว์วัย หลวงพ่อจวน ท่านมาอาศัยวัดอยู่ และได้ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดบ้านสร้าง จนจบ

ประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่อโตขึ้นท่านก็ยังอาศัยอยู่ที่วัด ปฏิบัติพระไปตามหน้าที่ของศิษย์วัด เมื่อ

ถึงฤดูทำนาท่านก็ไปช่วยครอบครัวทำนา เมื่อสิ้นฤดูทำนาหลวงพ่อจวนก็จะศึกษาหาความรู้กับ

ครูบาอาจารย์วัดบ้านสร้าง เป็นประจำ จึงเริ่มมองเห็นความเจริญทางโลกและทางธรรม ก็เริ่ม

ศึกษาเรื่อง สมาธิภาวนาทำให้หลวงพ่อเกิดความปิติยินดีในพระพุทธศาสนามายิ่งขึ้น จึงขอให้

บิดา มารดา บวชให้ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุได้ ๒๒ ปี หลังจากผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ได้

อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ณ วัดบ้านสร้าง ตำบลบ้านสร้าง อำเภอบาง

ปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูนิเทศน์ธรรมกถา (หลวงปู่พัน ธมฺมทินโชติ) อดีต

เจ้าอาวาสวัดบ้านสร้างและเจ้าคณะแขวงอำเภอ เป็นพระอุปชฌาย์ เจ้าอธิการออด ธมฺมทินโน

(พระครูสันทัตธรรมคุณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านช้าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ปลอด

ฐิตธมฺโน วัดบ้านสร้าง เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายานามว่า “เวโรจโน ภิกขุ”

ตลอดระยะเวลาที่จำพรรษา หลังจากได้เป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่อได้ศึกษาเรียนรู้พระธรรมวินัย

การปฏิบัติธรรม ควบคู่ไปกับด้านพระปริยัติธรรม จนสอบได้นักธรรมโท – เอก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๒

เพราะความสามารถและเฉลียวฉลาดของหลวงพ่อจวน ทำให้พระครูนิเทศน์ธรรมกถา เจ้าอาวาส

วัดบ้านสร้าง เห็นแววว่าหลวงพ่อจะเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาได้ดี จึงได้สั่งสอนแนะนำวิชา

คาถาอาคม ที่เรียกว่า วิชาทางไสยเวทหรือไสยศาสตร์ เช่น เสกแป้ง ทำน้ำมนต์วิเศษ ดูฤกษ์ยาม

ทางโหราศาสตร์ ตลอดจนตำรายาสมุนไพรแผนโบราณส่วนวิชาเมตตามหานิยม ได้รับความเมตตา

จากพระครูสันทัตธรรมคุณ (หลวงพ่อออด ธมฺมทินโน) ถ่ายทอดวิชาความรู้เกี่ยวกับมหาอุตม์ อยู่ยง

คงกะพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มีโชคลาภ ป้องกันภูตผีปีศาจ และป้องกันคุณไสยให้

มากเป็นพิเศษ เนื่องจากพระครูสันทัตธรรมคุณ (หลวงพ่อออด ธมฺมทินโน) มีชื่อเสียงด้านนี้มาก

ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสร้าง

ใน ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นพระอุปัชฌาย์

ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ เป็นประธาน อ.ป.ต.บ้านสร้าง

ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรชั้นตรี

ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรชั้นโท

ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรชั้นเอก

ในช่วงที่หลวงพ่อเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสร้าง หลวงพ่อเป็นนักปกครองพระภิกษุสามเณรในแบบ

ประชาธิปไตย แล้วยังได้บบูรณะปฏิสังขรณ์ พัฒนาวัดวัดจนเจริญรุ่งเรืองแล้ว หลวงพ่อจวนเป็น

พระผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงทำให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธา เคารพนับถือท่านมากและ

มีลูกศิษญมากมาย นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาอาคมเกี่ยวกับมหาอุตม์ อยู่ยง

คงกะพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มีโชคลาภ ป้องกันภูตผีปีศาจ และป้องกันคุณไสย

ต่อมาหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคล เช่น พระเครื่องหลายรุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีคุณค่าทางจิตใจ ทำให้

ประชาชนทั้งไกลใกล้เข้ามาหาท่านและขอเช่าพระจากท่าน และเป็นเพราะหลวงเป็นพระเกจิ

อาจารย์ที่เคร่งครัดในศีลธรรมพระเครื่องที่หลวงสร้างขึ้นจึงมีความศักดิ์ และมีอานุภาพมาก ผู้ใด

มีไว้ครอบครองจะประสบความสำเร็จตามต้องการหรือแคล้วคลาดจากสิ่งอันตรายทั้งปวง

พระเครื่องที่หลวงปู่พัน และหลวงพ่อจวน ร่วมกันทำพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดบ้านสร้าง

อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดังนี้

พ.ศ. ๒๕๓๙ สร้างสมเด็จเนื้อผงใบลานเนื้อผงขาวดำรุ่น ๕ พระนางพญารุ่น ๒ เนื้อผงใบลาน

ขาว- ดำ พระบูชาหลวงพ่อจวนรุ่นแรกพระเนื้อผงขาวดำจำลองแบบพระ ประธานพระเนื้อผง

พุทธคุณ

พ.ศ. ๒๕๓๘ สร้างสมเด็จเนื้อผง พุทธคุณรุ่น ๔ ที่ระลึกบำเพ็ญกุศลฉลองอายุ ๘๔ ปี สร้าง

หล่อรูปเหมือนเล็กกับจำลองแบบพระประธานเหรียญทองแดงรุ่นแรก

พ.ศ. ๒๕๓๗ สร้างพระสมเด็จรุ่นที่ ๓ เนื้อผง เนื่องในงานฉลองสมณศักดิ์พระครูชั้นเอก

พ.ศ. ๒๕๓๔ พระกริ่งชัยวัฒน์ (รุ่นแรก) “รุ่นกตัญญู” มีเนื้อเงิน เนื้อโลหะผสมทอง/ฝาบาตร

และบูชากลวงปู่พัน ธมฺมโชติ

พ.ศ. ๒๕๒๗ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานฉลองสมณศักดิ์พระครูชั้นโท ลักษณะเหรียญรูปไข่

เนื้องทองแดงเนื้องทองแดงกะไหล่ทอง รุ่น ๔

พ.ศ. ๒๕๒๓ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานทอดผ้าป่าสามัคคี ลักษณะเหรียญรูปใบเสมาคว่ำ

เนื้องทองแดง แต่มีขนาดเล็กกว่ารุ่นแรก รุ่น ๓

พ.ศ. ๒๕๒๑ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานทอดผ้าป่าสามัคคี ลักษณะเหรียญรูปใบเสมาคว่ำ

เนื้องทองแดงพระสมเด็จเนื้อผงว่าน รุ่น ๒ สมเด็จพิมพ์เล็กรุ่นแรก พระ

นางพญาเนื้อผงรุ่นแรก

พ.ศ. ๒๕๑๓ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานทำบุญอายุ ๖๐ปี ลักษณะเหรียญรูปใบเสมาคว่ำ

เนื้องทองแดงกับ พระสมเด็จเนื้อผงรุ่นแรก เป็นต้น

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

อ่านประวัติท่านก่อนครับ เดี่ยวจะเปิดกรุหลวงพ่อจวน วัดบ้านสร้างล้วนๆครับ มีอยู่ 20กว่าองค์........เก่าเก็บครับ


พระสมเด็จยุคแรกหลวงพ่อจวนครับ ยุคนี้หลวงพ่ออดวัดบ้านช้างอาจารย์ท่านร่วมเสกด้วย วัตถุมงวคลหลวงพ่อออดเป้นที่นิยมอย่างสูงในถิ่นวังน้อยท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมพิธีจตุรพิธพรชัยที่หลวงปู่ดู่แนะนำในพิธีนี้และหลวงพ่อกวย
วัดบ้านแคบอกกับลูกศิษย์ว่าพระวัดบ้านช้างปลุกเสกจนอักระเฑาะลอยออกมาจากปาก ข้อมูลจากหนังสือพระเก่าๆครับ

พระสมเด็จยุคแรก มี 3 องค์

ให้บูชาองค์ละ 500 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

องค์ที่ 1



องค์ที่ 2


องค์ที่ 3

 

พระสมเด็จอีกรุ่นของท่านผสมเกษาและมวลสารชัดเจนครับถ้าท่านไม่ชอบพระแรงเชียร์แรงดันลมปากแนะนำวัตถุมงคลของหลวงพ่ออีกท่านครับเก่าเก็บ20กว่าปีแล้ว
มี3องค์

ให้บูชาองค์ละ 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

องค์ที่ 1



องค์ที่ 2


องค์ที่ 3

 

อีกพิมพ์ของท่านครับเกษาเห็นชัดครับพิมทพ์ทรงสวยงามครับ

ให้บูชาองค์ละ 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
องค์ที่ 1



องค์ที่ 2


องค์ที่ 3

 

อีกรูปแบบของท่านครับเกษาชัดๆครับ
องค์ที่ 1



องค์ที่ 2



องค์ที่ 3

 

บูชาครบทุกพิมพ์ 1200 บาทครับ .........