ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ช่างชิต, 21 ตุลาคม 2013.

  1. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    จัดเลยครับ ผมและคนอื่นๆที่นับถือหลวงตารอฟังแน่นอนครับ
     
  2. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    สวัสดีครับทุกท่าน หลังจากเงียบไปซักพักเพราะช่วงนี้มีเรื่องให้วุ่นตลอดไม่ว่าจะเป็น ต้องย้ายที่พัก หาที่พักใหม่ หรือ เรื่องหน้าที่การงานที่ต้องลุ้นแบบตัวเกร็งกันที่เดียว แต่พอผ่านอาทิตย์นี้มาได้ต้องบอกว่ามันโล่งไปหน่อยครับ คืนนี้มานั่งรอดูบอลลิเวอร์ตอนห้าทุ่มที่ออฟฟิตที่ทำงาน นั่งไปนั่งมาก็นึกถึงอดีตตอนที่ ห้าวๆ กวนๆ เป็นเด็กช่าง(ผมเรียน ปวช ช่างก่อสร้างเทคนิคอุดร ปวส ช่างก่อสร้างเทคโนไทย-เยอร์มัน ขอนแก่น)ก็มีเรื่องมีราวให้จดจำในวีรกรรมพอสมควร บางเรื่องก็เฮฮา บางเรื่องก็เศร้าดราม่าน้ำตาตก และบางเรื่องก็............น่าหวาดเสียวตื่นเต้นมีปริศนายังหาคำตอบไม่ได้จนถึงทุกวันนี้
    ครับทุกท่าน บางเรื่องที่ช่างชิตจะพูดถึงถ้าไม่เกี่ยวกับหลวงตาสมหมายไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมก็ไม่รู้จะเอามาเขียนทำไม แต่เพราะมันคาใจและมีส่วนที่ทำให้ช่างชิตหันกลับมาสนใจโน้มน้าวให้เข้ามาหาพระพุทธศาสนามากขึ้นกว่าเดิมด้วย จึงต้องมาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านกันและช่วยวิเคราะห์ให้ช่างชิตทีว่าเพราะอะไร !!! เรื่องมันมีอยู่ว่า..................
    ประมาณปี 2547 หลังจากที่ช่างชิตได้ไปบวชและรู้จักหลวงตามาเกือบ 1 ปี (ช่างชิตบวชครั้งแรกเมื่อปี 2546 ) ตอนนั้นหลวงตายังไม่มีวัตถมงคลของตัวท่านเองท่านยังไม่สร้างไม่อะไร พอช่างชิตสึกแล้วไปกราบท่านก็ขอของดีตามภาษาคนชอบทางนี้ แม้หลวงตาจะไม่เน้นไม่สนับสนุนก็ตาม พอกราบขอท่านก็เมตตาให้...........มา พอช่างชิตได้มาก็เอามาห้อยคอแบบฟิตๆ(คือห้อยแบบรัดคอเหมือนวัยรุ่นสมัยก่อนห้อยรูป เอสวิส เจม ดีน) ช่างชิตก็ห้อยแบบนั้นติดตัวตลอดด้วยไม่ได้ถอดออกเลยไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามทุกๆกิจกรรมในชีวิต ช่วงนั้นต้องบอกว่าวัยรุ่นห้าวเหลือเกิน มีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยครั้งแต่ก็ตามภาษาเด็กช่างตีกันก็เลิก หมัด ตีน เข่า ศอก ขวด มีดสั้น ตะไบ มีดยาว หมัด ตีน โดนบ่อยแต่ของหนักยังไม่เคยโดนจังๆซักทีเฉียดไปเฉียดมา ก็เพราะมันวนอยู่กับเรื่องแบบนี้ไงครับ วันหนึ่งหวยก็ออกสามตัวบนจนได้ วันนั้นเป็นวันที่ช่างชิตจบ ปวส เลยออกไปฉลองกับเพื่อนๆใส่เสื้อชอปช่างก่อสร้างไทยเยอร์มันไปเลย(แล้วเสื้อช่างก่อสร้างของไทยเยอร์มันประทานโทษ สีกากี 555555 ไม่เหมือนใครในโลกแปลกและบอกเลยว่านี้ ก่อสร้างไทยเยอร์มัน) หลังจากดื่มกันมาทั้งคืนซักประมาณตีหนึ่งเห็นจะได้ช่างชิตก็แยกย้ายกับเพื่อนกลุ่มใหญ่เพื่อจะกลับหอ ขากลับคืนนั้นช่างชิตขี่มอไซค์ซ้อนสามมากับเพื่อนอีกสองคน ชื่อ ไอ้แมว ละ ไอ้กี้ เราสามคนก็ขี่มอไซค์มาเรื่อยๆเพื่อนบ่นหิวจึงแวะหาไรทานข้างทาง เราตกลงกันจะกิน โจ๊ก จั๊บ เส้น (มันคืออะไรไปหาคำตอบเอาเองนะครับ 555) เราก็จอดร้านเป้าหมายห่างจากตัววิทยาลัยของเรามาหน่อย(แถวๆบ้านหนองใหญ่คนขอนแก่นน่าจะรู้จักดี) พอพวกเรามาถึงก็นั่งสั่งของลงท้องตามอัธยาศัยกันซักพักก็มี วัยรุ่นสองคนเข้ามานั่งโต๊ะข้างๆ ก็ปรกติไม่มีอะไรไม่นานหลังจากนั้น 10 นาทีได้ก็มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ขี่มอไซค์ผ่านร้านแล้วในกลุ่มก็ตะโกนส่งสัตว์ไถนาให้กับวัยรุ่นสองคนที่พึ่งเข้ามานั่งกินโต๊ะข้างๆช่างชิต เกิดการปะทะคารมขึ้นปะปรายแล้วกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นก็ขี่มอไซค์จากไป คนในร้านก็กินกันแบบไม่ค่อยมีความสุขละ 555555 ช่างชิตด้วยความที่ เห็นวัยรุ่นที่นั่งกินมีกันแค่สองคนและพวกที่ขี่รถผ่านไปมีมากกว่า เลยมีน้ำใจจะโชว์พระเอก(จริงๆนั่งเฉยๆก็ไม่มีไรแล้ว เสือกดีแท้ๆ) ช่างชิตเอ่ยปากกับวัยรุ่นสองคนนั้นว่า "น้องถ้าพวกมันจะมารุมน้องไม่ต้องกลัวพี่ช่วย" (เก่งจริงๆ) วัยรุ่นตอบกับมาทันควัน "ไม่เป็นไรพี่ผมมีปืน" แล้วการสนทนาก็จบช่างชิตก็ยิ้มให้หนึ่งทีแล้วกินต่อ สักพักวัยรุ่นคนหนึ่งก็ลุกแล้วขี่มอไซค์ออกจากร้านไป ช่างชิตก็ไม่คิดอะไรครับกินต่อปรกติ
    "พี่เรียนเทคโนไทยหรอ" เสียงจากวัยรุ่นอีกคนที่นั่งอยู่เอ่ยถาม
    "ครับพี่เรียนช่างก่อสร้างที่นี้ละ" ช่างชิตตอบกลับไป
    "ผมเป็นเด็กบ้านหนองใหญ่พี่ แถวนี้เพื่อนผมทั้งนั้นมีไรพี่บอกผมได้นะ" เด็กหนุ่มกล่าววาจาเสมือนเปิดใจกว้างในมิตรภาพใหม่ที่เกิดขึ้น
    "ได้ๆ มีไรก็ช่วยกัน" ช่างชิตกล่าวพูดคุยสนุกสนานโดยที่ไม่รู้เลยว่าจากมิตรภาพอันเหมือนจะดีจะเปลี่ยนมากลายเป็นศัตรูในเวลาไม่นาน
    สักพักเด็กวัยรุ่นที่ขี่มอไซค์ก็กลับมาแต่คราวนี้ไม่ได้มาจอดหน้าร้าน มันจอดเลยไปอีกประมาณ 100 เมตร ติดเครื่องรออยู่ ช่างชิตเหลือบเห็นแล้วแต่ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย พอเพื่อนมาวัยรุ่นที่คุยกับช่างชิตอยู่ก็บอกลาแล้วเดินไปจ่ายตัง มันสมควรจะจบตรงนี้ครับถ้ามันจ่ายตังแล้วเดินไปหาเพื่อนที่ติดเครื่องรออยู่ แต่พอมันจ่ายตังเสร็จมันเดินอ้อมมาด้านหลังช่างชิตที่นั่งรอเพื่อนที่กำลังกินโจ๊กจะอิ่ม ป๊าด...!!!! เสียงหน้าแข้งกระทบคอช่างชิต ไอ้หนุ่มแข้งทองวิ่งมาจากด้านหลังช่างชิตแล้วกระโดดเตะก้านคอคงกะให้น็อคไปเลยละครับเพราะเห็นเราตัวใหญ่ที่สุด กะเล่นตัวนี้ลงอีกสองคนคงใจออก(ในบรรดาสามคนกับเพื่อนที่มากันช่างชิตตัวใหญ่ที่สุดคือช่างชิตก็หุ่นปรกตินะแต่เพื่อนเตี้ย 5555)แต่.......ผิดคาดครับ ช่างชิตสมัยก่อนหรือแม้กระทั้งสมัยนี้ขึ้นชื่อเรื่องความอึด เคยรถชนอัดก็อปปี้มา
    สลบก็ไม่สลบแค่แข้งไม่มีอาการแน่นอน 5555
    พอช่างชิตตั้งตัวได้ก็ชุลมุนกันเลย ไอ้ตัวที่มาเตะช่างชิตไม่ต้องสืบครับโดนย้ำอัดนอนริมถนน ขนาดที่พวกเราอัดศัตรูที่มาแบบไม่ได้นัดหมายอยู่นั้นก็ลืมไปว่า มันไม่ได้มาคนเดียว ครับ เพื่อนที่ติดเครื่องมอไซค์รออยู่วิ่งมาพร้อม มีดดาบยาวประมาณ 70 80 cm ปลายเกือบลากถึงพื้น มันวาว ตรงมาที่เกิดเหตุเพื่อนช่างชิตตาดีครับเห็นก่อน ก็.....ไปก่อน 5555 ส่วนช่างชิตกำลังโมโหกระทืบไอ้แข้งโหดอยู่พอเงยหน้าขึ้นมาก็อยู่ในระยะทำการของคมดาบแล้ว จังหวะนั้นคงหนีไม่รอด ทำไงละครับ ช่างชิตตัดสินใจ "บวก"
    กับมันเลยด้วยกำปั้นเพียวๆ(ฟังดูเหมือนโม้นะครับ แต่ว่ามันเรี่องจริง เกิดจริง แสดงจริง เจ็บจริง เกือบตายจริง) ตุบๆตับๆ หมัดกับมีดแลกกันได้สองสามเพลง คนถือมีดก็หยุดเดินถอยหลังพร้อมกล่าว "พี่ผมขอโทษๆ" ช่างชิตดูเนื้อตัวไม่เป็นไรก็ตามสิครับ แต่พอจะจัดอีกซักหมัดกับรู้สึกเจ็บที่แขนซ้าย อ้าว......หัวไหล่หลุดงานเข้าแล้วไหมละ หันหลังถอยเกือบไม่ทัน พอดีที่เพื่อนสองคนคงเห็นว่าได้เปรียบรีบวิ่งเข้าไปแย่งมีดกับวัยรุ่นคนนั้นที่ใจออก(มันคง งง ว่าทำไมฟันไปตั้งหลายทีมันไม่เป็นออะไรเลยว่ะ) จังหวะถอยก็ดึงแขนไปขยับแขนไปมาโชคดีที่แขนมันเคลื่อนลงเข้าที่ แล้วช่างชิตก็เปลี่ยนเป้าหมายวิ่งตามไอ้แข้งโหดที่หนีไปตอนเพื่อนมันมาช่วย(แค้นไอ้นี้มากกว่าเพราะมันคุยกับเราดีๆเสือกมาเปิดเราซะงั้น) ก็วิ่งตามไม่ทันมันวิ่งหนีเข้าตลาดหนองใหญ่ไป ช่างชิตเห็นไม่สู้ดีกลัวมันจะวิ่งไปบ้านคนรู้จักเลยถอยกลับมา ประจวบเหมาะเหลือเกินที่เพื่อน ไอ้แมวกับไอ้กี้ ก็ปล่อยไอ้นักดาบให้ขี่มอไซค์หนีไปอีก เราสามคนจึงรีบขี่มอไซค์กับหอไปตั้งหลัก เงินค่ากับข้าวจ่ายเปล่าก็จำไม่ได้ 5555
    ครับ พอมาถึงหอช่างชิตสำรวจร่างกายโดยด่วนกับเพื่อนๆได้รอยอารยธรรมมาสามจุด
    1 ตรงคอเป็นรอยขีดยาวแดงฟันเฉียดไปนิดเดียวถ้าเต็มๆคงน่าดูเหมือนกัน
    2 หัวไหลที่โดนฟันแรงอัดทำให้หัวไหล่หลุด
    3 ที่เอวโดนด้านซ้ายเต็มๆรอยแดงเกือบคืบ

    คือ.......มันมีแค่รอยครับตรงคอเฉียดๆพอเข้าใจ แต่ที่หัวไหล่กับเอวนิเต็มๆ แต่ มันไม่เข้า
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทำให้เรามีเรื่องเล่าในวงเหล้าที่หอตลอดคืน(กลับมากินต่อ) แล้วตอนเช้าช่างชิตก็ต้องรีบไปโรงบาลเพราะแขนที่โดนฟันยกไม่ขึ้นและที่เอวก็เป็นรอยสีม่วงรอบๆอมแดงที่รอยฟันบวมใหญ่ จึงชิ่งหนีกลับบ้านที่อุดรไปด้วย(เพื่อนบอกว่าวันต่อมาเห็นพวกนั้นตามล่าช่างชิตน่าดูเลย)
    จากสิ่งที่ผ่านไปทั้งหมดต้องเรียน ณ ตรงนี้เลยว่าตอนนั้นช่างชิตคิดว่า ที่มันไม่เข้าเพราะ มีดดาบมันคงไม่คมหรือเสื้อชอปเราหนา ไม่ได้คิดเกี่ยวกับพระที่หลวงตาให้มาห้อยคอเลย ช่างชิตรักษาตัวอยู่บ้านประมาณสองสามวันแล้ววันหนึ่งลุงที่รู้จักกันกับครอบครัว(แกเป็นเซียนพระหลวงปู่ฝั้น)ได้มาที่บ้านแม่ก็บอกให้ลุงอบรมช่างชิตใหญ่ ว่าส่งไปเรียนก็มีแต่เรื่องแต่ราวอะไรประมาณนี้ ลุงขอดูแผลช่างชิตก็เปิดแผลให้ลุงดูแล้วรีบออกตัวก่อนเลยว่า มีดมันไม่คมครับลุงไม่งั้นเสื้อก็หนา ลุงเงียบแล้วถามช่างชิตว่าตอนนั้นห้อยพระห้อยอะไรไหม ช่างชิตก็บอกว่าห้อย.......อยู่ครับ ลุงบอกว่านั้นละครูบาอาจารย์ท่านช่วยเราอย่าไปลืมคุณบารมีท่านสิ มีดคมไม่คมเรารู้หรือ!! เราก็ไม่รู้เพราะไม่ได้ไปจับก่อนฟัน เสื้อหนาไม่หนามันก็มีหลายรายที่เสื้อเหนียวฟันไม่ขาดแต่เนื้อข้างในขาดแผลเหวอะหวะ มีดไม่คมก็แล้วไปแต่ถ้ามันคมจริงๆเราห้อยแขวนครูบาอาจารย์ต้องไม่ประมาทท่าน ต้องนึกถึงสิว่าถ้าไม่ใช่ครูบาอจารย์ท่านช่วยเราไว้คงเรียบร้อย ICU ไปแล้ว
    ครับทุกท่าน............ลุงพูดเตือนสติทำให้ช่างชิตมานึกเป็นอาทิตย์ว่ามันก็จริงนะ เราเองก็ไม่รู้จริงๆซักหน่อยว่ามีดมันคมไม่คม อาจเป็นเพราะครูบาอาจารย์ช่วยเราก็ได้ แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมาช่างชิตก็เชื่อในคุณบารมีครูบาอาจารย์ไม่ห่างวัดห่างวาเหมือนก่อนบวช มีโอกาสก็ไปกราบหลวงตาและพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นรูปอื่นด้วยเสมอ
    เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ละครับ ภาพวันนั้นยังติดตาตรึงใจไม่รู้ลืม ถ้าดอกที่คอโดนเต็มๆก็ไม่รู้จะได้มานั่งเขียนอะไรแบบนี้ให้ทุกท่านได้อ่านลืมเปล่า จริงๆชีวิตช่างชิตนิเฉียดตายมาเป็นสิบครั้งเฉลี่ยหนึ่งครั้งต่อสามปีประมาณนั้น เกือบทั้งหมดเกิดจาก สุรา ยาเมา เป็นต้นเหตุตลอด ถึงว่าหลวงตาจึงขอนักขอหนาว่าอยากให้ช่างชิตเลิก แล้วที่ช่างชิตพึ่งมาเล่าตอนนี้ทั้งที่เขียนเรื่องหลวงตามาซักพักละ ก็ต้องบอกว่าช่างชิตพึ่งนึกได้ครับ 55555 นั่งทบทวนความหลังแล้วค่อยๆนึกออก ยังมีประสบการณ์ตรงๆแบบแรงๆกับวัตถุมงคลที่หลวงตามอบให้อยู่นะครับเดี้ยววันนี้ง่วงละวันหน้าจะมาเขียนต่อ หวังว่าจะยังมีคนอ่านและมาช่วยกันแชร์ประสบการณ์เพิ่มอีกเหมือนช่วงที่ผ่านมานะครับ

    อ่อ......เกือบลืมบอกไป สิ่งที่หลวงตามอบให้ช่างชิตมาแล้วทำให้มีประสบการณ์เรื่องเล่า

    คือ รูปถ่ายหลวงตามหาบัว โครงการช่วยชาติเลี่ยมพลาสติกแขวนเชือกร่มธรรมดาๆแต่ไม่ธรรมดาเส้นหนึ่งเท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2013
  3. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    เทสส............ ลองโพสอ้างอิงข้อความของนายช่างอีกครั้ง ถ้าไม่ขึ้นอีก แสดงว่าระบบต้องมีปัญหาแน่ หรือไม่ก็ข้อความของนายช่างอาจจะยาวเกินไป
     
  4. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    สุดยอดเลย นายช่าง กับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาอย่างโชคโชน แต่ด้วยบารมีของครูบาอาจารย์คุ้มครอง จึงทำให้อยู่รอดปลอดภัย และช่วยโน้มน้าวจิตใจนายช่างเข้าสู่หลักธรรมของพระพุทธศาสนา เพราะประจักษ์ชัดในอำนาจของพระพุทธคุณ และนายช่างนับว่าเป็นคนที่โชคดีมีบุญวาสนา ที่ได้พบได้รู้จักกับครูบาอาจารย์ดีๆ ที่เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ น่าอนุโมทนายิ่งนัก
     
  5. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    อยากจะขอชมรูปถ่ายหลวงตามหาบัว โครงการผ้าป่าช่วยชาติ องค์ที่มีประสบการณ์ของนายช่างสักหน่อยได้ไหม ว่าจะเหมือนกันกับที่อาตมาเคยมีเคยได้หรือเปล่า (ถ้าเหมือนกัน ก็จะได้เก็บไว้อย่างสุดชีวิตเลย)
     
  6. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    รูปหลวงตาบัวเส้นนี้อยู่บ้านอะครับ ไม่ได้ติดตัวมาด้วย พอดีมันมีเรื่องน่าเศร้าสำหรับผมเกี่ยวกับรูปหลวงตาและยังมีเรื่องเล่าประสบการณ์ต่ออีกนะครับพระอาจารย์ ยังไงจะรีบกลับมาเขียนต่อครับ
     
  7. นายน้ำ5

    นายน้ำ5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +7,287
    มาตามอ่านครับ
     
  8. เอกรถไฟ

    เอกรถไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +2,093
    รออ่านข้อมูลที่ดีและติดตามอยู่ครับ ไม่ทราบว่าหลวงตาจะมากรุงเทพฯเมื่อไรครับ
     
  9. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอบคุณครับ มาคุยกับผมบ่อยๆก็ดีนะครับจะได้ไม่เหงา 5555
     
  10. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอบคุณมากครับที่ติตาม เดี้ยวถ้าผมได้ข้อมูลยังไงจะรีบโพสบอกนะครับ
     
  11. คนมีชัย

    คนมีชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +46
    ขอติดตามอ่านเรื่องราวต่างๆของหลวงตาสมหมายด้วยคนครับ
     
  12. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    มาต่อกันดีกว่า ครับเหมือนที่เคยเล่าไปในเม้นที่แล้วว่า สิ่งที่หลวงตาให้มาตอนนั้นคือ "รูปภาพหลวงตามหาบัวเลี่ยมพลาสติกห้อยเชือกร่มธรรมดาๆ" มาเส้นหนึ่งและก็ทำให้มีประสบการณ์เฉียดตายได้มาเล่าไปแล้วนั้น ก็มีเรื่องที่แปลกและทำให้ช่างชิตรู้สึกผิดเกิดขึ้นมาเหมือนกัน คือ อย่างที่กล่าวไปแล้วครับว่าตั้งแต่ได้มาก็ห้อยติดคอแบบไม่ถอดออกเลย ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร กิน เที่ยว เรียน เล่น ออกกำลังกาย กินเหล้า และ.........
    อย่างท้ายนี้ละครับที่ช่างชิตคิดว่าเป็นเหตุ หลังจากเกิดเหตุการณ์
    ไอ้หนุ่มแข้งทองกับเพื่อนนักดาบผ่านไป ตอนนั้นก็เหมือนที่บอกครับยังเด็กวัยรุ่นไม่ค่อยคิดอะไรมาก แม้จะรู้ว่าตัวเองมีรูปครูบาอาจารย์ติดตัวแต่พอ"เหล้าเข้าปาก ความยากก็ไม่มี" เหมือนโบราณว่า ช่างชิตตอนนั้นบางทีเมามานอนกับแฟนก็ไม่ได้ถอด(คุยกันตรงๆเลยครับ คนเราผิดพลาดกันได้และพอเรารู้ว่าผิดก็ยอมรับและปรับปรุงตัว) จนเวลาผ่านไปได้ไม่นานประมาณเดือนสองเดือน เชื่อไหมครับทุกท่าน
    วันหนึ่งช่างชิตตื่นขึ้นมา "รูปหลวงตามหาบัวที่เลี่ยมพลาสติกอยู่กรอบพลาสติกแตกครับ หลุดออกมาเลย" งง ครับ งง มาก เพราะมานึกยังไงโอกาสที่พลาสติกจากการเลี่ยมจะหลุดแตกแบบสองท่อนมัน
    น้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยมาก
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ
    ขนาดเอาไปเคาะไปทุบยังยากเลยที่จะแตกแบบนั้น นี้อะไรอยู่ติดคอไม่เคยไปโดนอะไรเลย เช้าวันหนึ่งตื่นมา พลาสติกแตกรูปหลุดออกมาซะงั้น ช่างชิตเหมือนจะคิดได้ครับว่า เราได้ทำอะไรที่ไม่สมควรจนท่านตำหนิเข้าให้แล้วละ แต่ตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกครับ ก็เอาหนังยางมารัดแล้วใส่ต่อ 55555 แต่คราวนี้เหมือนกลัวไปเลยพูดง่ายๆคือ "จิตตก" (อาการจิตตกกำลังใจไม่ดีมีผลเรื่องการเชื่อมั่นและการแขวนพระด้วยนะครับในความรู้สึกของช่างชิต) กล้าๆกลัวๆขอขมาท่านแล้วก็กลัวๆกล้าๆ สุดท้ายวันหนึ่งมีเหตุการณ์หวาดเสียวและเสี่ยงชีวิตเกิดขึ้นอีกครั้ง(และท่านคงช่วยไว้แต่มีสั่งสอนไปในตัวด้วย) ทำให้จิตใจละอายต่อ "วัตถุมงคลรูปภาพครูบาอาจารย์ท่านมาก" จึงถอดท่านออกไว้บนหิ้ง พร้อมกับบทเรียนราคาแพงที่ต้องพึงระลึกเสมอ "เราต้องมี สติ คิดก่อนทำ ไม่ใช่อยากทำอะไรตามใจกิเลสตามใจตัณหาก็ทำ อะไรสมควรไม่สมควรก็ไม่คิดตรองให้รอบครอบ" ตั้งแต่วันนั้นมาเวลามีอะไรแบบนั้นไม่กล้าแขวนพระเลยครับ(ซึ่งมันก็ไม่สมควรแขวนอยู่แล้วละ เฮ้ออออ เพลียกับตัวเองสมัยก่อน) ว่างๆเดี้ยวจะมาต่อประสบการณ์เฉียดตายอีกครั้งสุดท้ายต่อรูปภาพหลวงตามหาบัวนะครับ(ช่างชิตถือว่าเป็นบทเรียนจากครูบาอาจารย์ด้วยนะ) แสดงความคิดเห็นกับผมด้วยบ่อยๆก็ดีนะครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2013
  13. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    หารูปเจอจนได้ครับ "แบบนี้เลย" รูปเอามาจากในเวปนะ แต่แบบนี้เลยครับ
    ที่รับกับหลวงตาสมหมาย เห็นแล้วยัง............ ขนลุก ดูสิครับ ที่ได้มาก็เลี่ยมแบบนี้ละ แต่ไม่มีหยักอะไรแบบนั้นนะเลี่ยมกลมๆตามกรอบภาพ
    กระนั้นก็เถอะแขวนที่คอยังไงจะแตกหลุดออกแบบผ่าครึ่ง หน้า หลัง ได้จะบอกว่าน้ำยาเลี่ยมมันไม่ดีมันเสื่อม เออ ใส่มาเป็น 10 ปีว่าไปอย่าง
    นี้รับมาก็ไม่กี่เดือน แล้วอะไรมันจะมาหลุดออกแบบนั้น จะเสื่อมจะหยอดไม่เต็มก็น่าจะ ผลิเปิดมาก่อน น้ำซึมเข้าได้อะไรประมาณนั้น ค่อยมีหลักฐานให้เห็น นี่อะไรยังดีๆอยู่แต่ ตื่นมา หลุดเสมือนไม่ได้เลี่ยมไว้เหมือนใส่กรอบเล็กถอดได้แบบธรรมดา
    นี้ละครับเรื่องอัศจรรย์ใจอีกเรื่องหนึ่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2rta6.jpg
      2rta6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.2 KB
      เปิดดู:
      239
    • fhta7.jpg
      fhta7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.6 KB
      เปิดดู:
      195
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2013
  14. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    อนุโมทนา สาธุ ถ้าเป็นรูปหลวงตามหาบัวลักษณะแบบนี้ อาตมาก็เคยมีเคยได้มาเหมือนกันตอนที่บริจาคเงินร่วมโครงการทอดผ้าป่าช่วยชาติ อัดกรอบกระจกและเลี่ยมพลาสติกไว้แล้วด้วย เพราะเป็นรูปครูบาอาจารย์ ตอนแรกเคยคิดจะให้คนอื่นไปแล้ว แต่มาคิดดูอีกทีถึงจะให้ไปก็คงจะไม่มีใครอยากได้ เพราะเป็นรูปที่แสนจะธรรมดาๆมาก ก็เลยเก็บไว้เอง แต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว ได้ไว้นานก็เลยลืมที่เก็บ ถ้าหาเจออีกครั้ง ก็คงจะหวงสุดชีวิตละคราวนี้ เพราะได้รู้ประสบการณ์จากนายช่างมาแล้ว
     
  15. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ของดีเลยครับพระอาจารย์
     
  16. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    สาธุ ดีใจจัง ค้นหาเจอแล้ว สงสัยว่าจะต้องแกะไปเลี่ยมใหม่ ให้ดูดีมีคุณค่าขึ้นมาบ้างแล้ว ตอนแรกๆที่ได้มา ก็คิดแต่เพียงว่าเป็นรูปครูบาอาจารย์ที่ทางโครงการให้มาเป็นที่ระลึกธรรมดาๆ เท่านั้น ก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่ตอนนี้รู้แล้ว ขอบใจนายช่างมาก ที่นำประสบการณ์ชีวิตจริงมาเล่าให้ฟัง เกือบพลาดโอกาสได้ของดีเก็บไว้บูชา แต่ก็ถือว่าอาตมายังพอจะมีบุญวาสนาอยู่บ้างเหมือนกัน
     
  17. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    รูปภาพของครูบาอาจารย์ที่ได้รับมาเป็นที่ระลึกในคราวเดียวกัน เมื่อครั้งที่ได้บริจาคปัจจัยร่วมโครงการผ้าป่าช่วยชาตินั้น มีภาพหลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาละวัน ทั้งแบบยืนและแบบนั่ง และภาพหลวงตามหาบัว กำลังสนทนาธรรมอยู่กับในหลวงและพระราชินี ขนาดประมาณ 7x10 ซม. อย่างละ 1 ใบ และภาพหลวงตามหาบัว รุ่นประสบการณ์เฉียดตายแบบของนายช่างอีก 1 ใบ คิดว่าภาพทั้งหมดนี้น่าจะมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นแบบเดียวกันนะนายช่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2013
  18. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ผมว่าแน่นอนครับพระอาจารย์ ถ้าไม่เป็นกรรมหนักมากจนเกินไป ผมเชื่อว่าครูบาจารย์ท่านคุ้มครองอยู่แล้วครับ
     
  19. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    เห็นมีหลายท่าน PM มาถามเรื่องการสร้างเหรียญของหลวงตา เดี้ยวกินข้าวก่อนจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
     
  20. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    อิ่มละกับอาหารมื้อเที่ยงแบบเดิมๆกินอยู่สองสามเมนู เบื่อก็เบื่อจะไม่กินก็ไม่รู้จะกินอะไร
    เอาละครับชีวิตก็แบบนี้ กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน เรื่องการสร้างเหรียญให้หลวงตานั้นเรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่ช่างชิตบวชกับหลวงตารอบสองก็มีโอกาสได้เดินทางไป นมัสการพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่ภูกระดึงกับหลวงตา วันนั้นช่วงบ่ายของการเดินทางเราได้แวะพักที่ปั๊มน้ำมันข้างทางแห่งหนึ่ง ช่างชิตนั่งกินน้ำใกล้ๆหลวงตาไม่รู้นึกยังไงจึงเอ่ยปากกับหลวงตาว่า
    "หลวงตาครับ กระผมขอหลวงตาสร้างเหรียญซักรุ่นได้ไหมครับ ให้หลวงตาไว้แจกญาติโยมเวลามาวัดเวลาเขาทำบุญจะได้มีอะไรแจกเค้า อยากสร้างให้หลวงตาซักรุ่น"
    หลวงตานิ่งไปซักพัก............ท่านยิ้มแล้วก็ตอบว่า
    "ได้สิ แต่ไม่ต้องทำรูปหลวงตาหรอก ทำรูปพระโมคลานะกับพระสารีบุตรดีกว่า ท่านเก่งท่านดีกว่าหลวงตาเยอะหลวงตาไม่เก่งไม่ดีเท่าท่านหรอก" (หลวงตาสมหมายเป็นที่ยอมรับจากพระเถระผู้ใหญ่สายกรรมฐานหลายๆท่านด้วยคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมอย่างหนึ่งคือ เป็นคนถ่อมตัวมากไม่พูดดีเข้าตัว ไม่ปัดชั่วให้คนอื่น อะไรของท่านที่ญาติโยมว่าดีท่านจะบอกว่าบารมีครูบาอาจารย์หมดไม่เคยบอกว่า ตนเก่ง ตนดีเลย) ได้ยินแบบนั้นช่างชิตดีใจมาก ที่หลวงตาอณุญาติเพราเคยเห็นกับตามาแล้วว่าท่านไม่ได้จะให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ง่ายยิ่งเกี่ยวกับตัวท่านยิ่งยาก เพราะครั้งหนึ่งเคยมีญาติโยมคนหนึ่งนำลังใส่พระผงที่เขาทำถวายหลวงปู่หนูเพชร(ถ้าช่างชิตจำไม่ผิดนะครับ ถ้าผิดก็ขออภัย)เอามาให้หลวงตาท่านอธิฐานจิตให้ หลวงตาท่านก็เมตตาครับ อธิฐานจิตให้ซักครู่ท่านก็บอก "ดีแล้ว" แล้วก็คุยสนทนากับโยมคนนั้นต่อและโยมคนนั้นก็ขอทำถวายให้หลวงตา หลวงตายิ้มและบอกว่า "ไม่ต้องทำหรอก ตัวเธอไปปฏิบัติตามหลวงตาสอนละดีแล้ว" โยมคนนั้นก็ยิ้มแห้งๆกลับไป แต่พอช่างชิตขอท่านกับอณุญาติ แสดงว่าหลวงตาคงรู้ว่าช่างชิตยังปัญญาน้อยต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวอยู่ 55555 และหลวงตายังบอกอีกว่า "ไม่ต้องไปกวนใครนะ(หมายถึงไม่ต้องไปเรี่ยไรใครนะ) ทำเองมีเท่าไรก็ทำเท่านั้นไม่ต้องมากน้อยๆนั้นละจะดี" หลวงตากล่าวกับช่างชิตเหมือนทิ้งปริศนาเอาไว้ให้คิด หลังจากนั้นมาช่างชิตก็ออกแบบ แก้แบบ มาเป็น 10ๆ ครั้ง เอาไปให้หลวงตาดูว่าท่านชอบไหม จนลงตัวแล้วปริ้นไปให้หลวงตาเขียนยันต์ให้ ท่านก็เมตตาเขียนให้ ครบทุกด้าน จริงๆเริ่มต้นขบวนการมาหลายเดือนแล้วครับ แต่ช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ช่างชิตเจอปัญหาชีวิตรอบด้านทุนหดติดลบอย่างหนัก เหรียญอยู่ในขั้นตอนการแกะบล๊อกเลยต้องหยุดไปก่อน ตอนนี้ช่างชิตรีบเคลียร์ภาระหนี้สินไปส่วนแล้วเบาบางลง คิดว่าหลังปีใหม่
    จะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จในขั้นตอนการแกะบล๊อกครับ
    ครับก็มาเล่าถึงที่มาที่ไปของการทำเหรียญของหลวงตาให้ฟังเดี้ยวจะเอาแบบมาให้ชมนะกันนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...