คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ประวัติหลวงพ่อดำวัดตุยง

    พระราชพุทธิรังษี (หลวงพ่อดำ) เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีวาจาศักดิ์สิทธิ์
    ปัจจุบันทางวัดมุจลินทวาปีวิหาร (วัดตุยง) ได้สร้างศาลาประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อดำเพื่อให้พุทธศาสนิกชน
    ได้เคารพสักการะหลวงพ่อดำ มีนามเดิมว่า ดำ นามสกุล จันทรักษ์ เกิดวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๗
    ที่ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา บิดามีนามว่า หลวงจรานุรักษ์เขตร (พลับ จันทรักษ์) มารดามีนามว่า
    นางพ่วนเหนี่ยว จันทรักษ์ เด็กชายดำ จันทรักษ์ เริ่มการศึกษาที่บ้าน โดยเรียนกับบิดาจนอ่านออกเขียนได้
    จนถึงอายุได้ ๑๙ ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดนาทับ ได้ศึกษาหนังสือขอม ทั้งขอมไทยและขอมบาลีจนเชี่ยวชาญ
    ระหว่างที่เป็นสามเณรได้เกิดอาพาธจึงได้ลาสิกขาชั่วคราว เหตุผลเพราะยาโบราณต้องผสมสุรา เมื่อหายอาพาธ
    แล้วจึงได้กลับมาอุปสมบทในขณะที่มีอายุ ๒๒ ปี ได้นามฉายาครั้งแรกว่า "นนฺทิยมาโน" ต่อมาได้เดินทางไปกรุงเทพฯ
    โดยได้ไปจำวัดที่วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (หม่อมเจ้าภุชงค์) วัดราชบพิธ
    ได้ทรงเปลี่ยนนามฉายาให้ใหม่เป็น "นนฺทิโย" ซึ่งเป็นคำนาม แปลว่า "ผู้เป็นที่ตั้งแห่งความเพลิดเพลิน" แล้วทรงฝากให้
    ศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกสามัญและแผนกบาลีที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยท่านได้เดินทางกลับปัตตานี
    อีกครั้ง มาประจำอยู่ที่วัดมุจลินทวาปีวิหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จนถึงวาระมรณภาพ โดยมีตำแหน่ง
    และสณศักดิ์ต่างๆ ดังนี้
    วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๔ เป็นฐานานุกรมของพระครูพิบูลย์สมณวัตร (หลวงพ่อชุม) เจ้าอาวาส
    วัดมุจลินทวาปีวิหารที่ "พระใบฎีกา"
    วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ พระเทพญาณโมลี เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
    "เจ้าคณะหมวดตุยง"
    วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ พระเทพญาณโมลี เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
    "ผู้ช่วยเจ้าคณะแขวงตุยง"
    วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตรเป็นที่ "พระครูกนิตสมณวัตร"
    วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งสาธารณูปการจังหวัดปัตตานี
    วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตรเป็นพระราชาคณะ (เจ้าคุณ) ชั้นสามัญที่
    "พระมุจลินทโมลี"
    วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี
    วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตรเป็นพระราชาคณะ ชั้นราชที่
    "พระราชพุทธิรังษี"
    ท่านยังเป็น พระกรรมวาจาจารณ์ (พระคู่สวดของ อ. ทิม วัดช้างให้) อีกทั้งท่านยังเป็นประธานในพิธีปลุกเสก
    วัตถุมงคลของวัดช้างให้มาโดยตลอดอีกด้วย
    พระราชพุทธิรังษี หรือหลวงพ่อดำ ได้บริหารคณะสงฆ์และงานก่อสร้างสังฆเสนาสนะตลอดถึงงานทุกอย่าง
    เสร็จเรียบร้อยประหนึ่งปาฏิหาริย์ ทั้งนี้เป็นเพราะปาฏิหาริย์ประพฤติดีประพฤติชอบ ท่านเดินจงกรมตั้งแต่
    เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. เป็นประจำ อีกทั้งยังเข้าห้องนั่งสมาธิตลอดมาจนถึงวาระสุดท้าย ท่านมรณภาพ
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖ รวมอายุได้ ๙๐ ปี
    ผลงานของท่านเกี่ยวหลวงพ่อทวดวัดช้างให้
    ๑. ท่านเป็นประธานพิธีปลุกหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก ๒๔๙๗
    ๒. ท่านปลุกเสกหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ ปี ๒๕๐๕ หลังจากมีพระปลอมออกมามาก
    อีกทั้ง พระธรรมโมลี อดีตเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ได้ปลด อ. ทิม ออกจากเจ้าอาวาสวัดช้างให้
    ๓. ท่านปลุกเสกหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่น ๒๔

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญพัดยศ หลวงพ่อดำ สภาพสวยเดิมๆครับออกแบบสวยงาม วัตถุมงคลท่านมากประสบการณ์ครับ

    (ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2014
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระครูวิจิตรชัยการ เดิมชื่อ สด นามสกุล สานวน เป็นบุตรนายสุข นางพันธ์ สานวน เกิดเมื่อวันพุธที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2456 ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปีฉลู ที่ตำบลหางน้ำสาคร หมู่ 5 อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คน คือ 1.พระครูวิจิตรชัยการ ( สด สานวน ) 2.นางผง กันฉุน 3.นายอ่อง สานวน 4.นางเผียน คำเสียง 5.นายทวี สานวน 6.นางนกเล็ก งิ้วเรือง เมื่อยังเยาว์วัยมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก บิดามารดามีความรักมากเพราะเป็นบุตรชายคนแรก มีนิสัยว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อรั้น มีความมัธยัสถ์ และมีความขยัน ทำงาน พอมีวัยที่จะเรียนหนังสือได้บิดาได้นำมาฝากไว้กับอาจารย์สำเภา จันโภ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหางน้ำสาครโดยให้เรียนเบื้องต้นของภาษาไทย และภาษาขอมสามารถอ่านออกเขียนได้จึงเข้าโรงเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดหางน้ำสาคร สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ 3 เมื่อปีพุทธศักราช 2469
    และเมื่อปีพุทธศักราช 2470 ได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรอยู่กับพระอาจารย์สำเภา เจ้าอาวาสวัดหางน้ำสาคร เรียนหนังสือภาษาขอม และปริยัติธรรมสูตรสนธิ และอื่นๆ อีก
    ปีพุทธศักราช 2477 อายุ 21 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าอุปสมบท ณ วัดหางน้ำสาคร เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เมื่อวันพุธที่ 9 พฤษภาคม พุทธศักราช 2477 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 พระครูสุนทรธรรมนิวิฐ เจ้าคณะอำเภอมโนรมย์ วัดศรีสิทธิการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์ชื้น วัดอู่ตะเภา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาฉาย อังคโสภี วัดหางน้ำสาคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาในทางพระพุทธศาสนาว่า"ฐิตสัทโธ" คือ ผู้มีศรัทธาเป็นที่ตั้ง
    ด้วยท่านเป็นหลานและเหลนแท้ๆของอาจาย์ใหญ่แห่งเมืองสี่แควในพุทธศักราช 2477 ถึงพุทธศักราช 2479 ท่านจึงไปจำพรรษา ณ วัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อศึกษาวิชาสมถะกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ได้ศึกษาเวทวิชาทางไสยศาสตร์ต่างๆ พร้อมกันกับหลวงพ่อโอด วัดจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ หลวงพ่อรุ่งให้หลวงพ่อโอด ( เรียกตามขั้นว่าหลาน ) ให้หลวงพ่อสด ( เรียกตามขั้นว่าเหลน ) หลวงพ่อสดมีสติปัญญาความจำเป็นเลิศจนกระทั่งหลวงพ่อรุ่งกล่าวต่อหน้าศิษย์ทั้งหลายว่า "ท่านสดแตกฉานดีนัก"เมื่อเรียนสำเร็จแล้วต่อมาหลวงปู่ของหลานทั้งสองได้ มรณภาพ เมื่อปีพุทธศักราช 2484 อาจารย์สดก็ได้ร่ำเรียน ทางเวทมนต์จนจบ เมื่อจัดการพระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
    พุทธศักราช 2492 หลวงพ่อสดก็ได้เดินทางกลับมาอยู่วัดหางน้ำสาครตามเดิม ได้มาจัดการร่วมมือร่วมใจพร้อมกรรมการวัดถากถางสร้างวัดใหม่ที่ดงหลังบ้านหางน้ำสาคร ขนานนามว่าวัดป่าเรไร หางน้ำสาคร มีพระที่อยู่จำพรรษา 3 องค์ ด้วยกันคือ 1.หลวงพ่อเอี่ยม 2.หลวงพ่อสด 3.พระเทียน
    ต่อมาปีพุทธศักราช 2491 ได้เริ่มสร้างโรงเรียนประชาบาล ขึ้นหนึ่งหลังและร่วมมือกับหลวงพ่อเอี่ยม สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหน้าวัดหางน้ำสาคร สร้างสำเร็จภายใน 3 ปี ขอย้อนหลังไปเมื่อสร้างสะพาน เข้าปีที่ 2 ครั้งนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่ช่างผู้มีฝีมือดี ตีตะปูกระเด็นกระดอนไม้ที่รองงานและรองนั่งเลื่อนโครมคราม ทำให้ตะปูทั้งกล่องล่วงตกลงไปในน้ำ คนงานเงียบเจ้าของงานคือ หลวงพ่อสดผู้เรืองวิชาศิษย์ของหลวงปู่รุ่ง ได้หยุดนิ่งไปชั่วขณะคนงานและภิกษุได้ทำงานรวมกันอยู่ต่างมองหน้าสบสายตากัน นึกอยู่ในใจตามๆ กันว่าทำไมหลวงพ่อสดจึ่งนิ่งเฉยไม่พูดอะไรเลย ประมาณ 1 นาที แล้วหลวงพ่อพูดออกมาว่า เอ้ย...! พวกเราจะไปวิตกอะไรกันเดี๋ยวต้องใช้ตะปูรังนี้ให้หมดก่อน ยังไม่ต้องไปเอาใหม่ คนงานตอบหลวงพ่อสดว่ากล่องนี้ล่วงลงน้ำไปหมดแล้วนี่ครับ ไม่ไปเอามาใหม่จะเอาที่ไหนใช้เล่าครับ หลวงพ่อสดตอบว่าพวกเราอย่าเขลาซิ เดี๋ยวมันก็ลอยขึ้นมาเองหรอกน่า คนงานนิ่งกันทั้งหมดพอสักครู่หนึ่ง ตะปู ค้อน กล่องนั้นลอยขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ พระภิกษุและคนงานตื่นเต้นกันยกใหญ่ โดดไปเอากล่องตะปู ที่ลอยขึ้นมาใช้งานต่อ อันนี้เป็นปฐมวิชาอาคมของ หลวงพ่อสด เป็นที่กล่าวขวัญของปวงประชาชนที่เลื่องลือว่าหลวงพ่อสด เสกตะปูลอยน้ำได้
    ส่วนปฏิปทาปาฏิหาริย์ในองค์ท่านนั้นมากมายศิษย์ใกล้ชิดและคนในแถบพื้นที่ต่างยอมรับนับถือ แม้ในงานพิธีพุทธาภิเษกระดับประเทศก็มักจะปรากฎชื่อของหลวงพ่ออยู่ด้วยเสมอ มีอยู่คราวหนึ่งในงานเสกพระหลวงพ่อโมพิธีนั้นมีคณาจารย์เรืองเวทย์หลายท่าน เช่นหลวงพ่อแพ ลพ.กวย ลพ.จวน และลพ.สด เป็นต้นงานในครั้งนั้นกล่าวกันว่าสายสิญจ์ที่ใช้เสกพระคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่ง
    พุทธศักราช 2493 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหางน้ำสาครและเป็นครูฝึกอบรมสั่งสอนปริยัติธรรมแผนกธรรมท่านได้สั่งสอนภิกษุและสามเณรด้วยตนเองอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย พุทธศักราช 2506 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูวิจิตรชัยการ
    มาในระยะหลังนี้สุขภาพของท่านไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก ท่านมีโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน ท่านให้นายแพทย์โรงพยาบาลประจำจังหวัดได้ถวายการพยาบาลรักษาด้วยดีตลอดมา แต่โรคนั้นก็มีแต่ทรงและภายหลังก็ทรุดลงอีก ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายครั้งหลายคราว ในครั้งสุดท้ายท่านหมดแรงสิ้นสติ และได้จากเราไป เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 ด้วยโรคเบาหวานด้วยอาการสงบนิ่ง ในเวลา 23.00 น. เศษ ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดชัยนาท รวมศิริอายุ 68 ปี ) ถึงแม้ท่านจะจากไปแต่อิทธิวัตถุมงคลของท่านยังแสดงกฤติยานุภาพให้เห็นอยู่เนือง คนพื้นที่จึงหวงแหนกันนักหนา คนพื้นที่ใกล้เคียงก็เริ่มเสาะหาของของท่านไว้ติดตัวไปตามๆกัน ท่านเป็นพระที่ทรงบารมีมากท่านหนึ่ง ด้วยว่างาช้างทั้งของหลวงพ่อเดิมและหลวงพ่อรุ่งก็ตกอยู่แก่ท่านจำนวนไม่น้อย วัตถุมงคลยุคต้นๆของท่าน ด้วยความเป็นผู้รู้รัตตัญญูในพระคุณครูบาอาจารย์ท่านจึงมักนำไปให้ครูบาอาจารย์ของท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วยเสมอ สิ้นหลวงพ่อรุ่ง หลวงพ่อเดิมแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อพรหม ลพ.โอด ลพ.โอ สามท่านนี้จะได้รับความนับถือจากท่านมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลวงพ่อโอ ซึ่งทั้งเป็นศิษย์ร่วมสำนักอาวุโสและรวมถึงเป็นครูบาอาจารย์ของท่านอีกท่านหนึ่งด้วย และด้วยระยะทางไม่ห่างกันมากนักจึงได้มักไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ หางน้ำสาครและหางน้ำหนองแขมจึงเป็นเสมือนหนึ่งบ้านพี่เมืองน้อง ด้วยความแน่นแฟ้นเช่นนั้นจึงได้สมญานามว่า สิงห์เหนือเสือใต้แห่งคุ้งอู่ตะเภา
    ส่วนหนึ่งต้องขอกล่าวขอบพระคุณข้อมูลประวัติจากเวป พระเครื่องเมืองชัยนาท ไว้ ณ ที่นี้

    พุทธศักราช 2492 หลวงพ่อสดก็ได้เดินทางกลับมาอยู่วัดหางน้ำสาครตามเดิม ได้มาจัดการร่วมมือร่วมใจพร้อมกรรมการวัดถากถางสร้างวัดใหม่ที่ดงหลังบ้านหางน้ำสาคร ขนานนามว่าวัดป่าเรไร หางน้ำสาคร มีพระที่อยู่จำพรรษา 3 องค์ ด้วยกันคือ 1.หลวงพ่อเอี่ยม 2.หลวงพ่อสด 3.พระเทียน
    ต่อมาปีพุทธศักราช 2491 ได้เริ่มสร้างโรงเรียนประชาบาล ขึ้นหนึ่งหลังและร่วมมือกับหลวงพ่อเอี่ยม สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหน้าวัดหางน้ำสาคร สร้างสำเร็จภายใน 3 ปี ขอย้อนหลังไปเมื่อสร้างสะพาน เข้าปีที่ 2 ครั้งนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่ช่างผู้มีฝีมือดี ตีตะปูกระเด็นกระดอนไม้ที่รองงานและรองนั่งเลื่อนโครมคราม ทำให้ตะปูทั้งกล่องล่วงตกลงไปในน้ำ คนงานเงียบเจ้าของงานคือ หลวงพ่อสดผู้เรืองวิชาศิษย์ของหลวงปู่รุ่ง ได้หยุดนิ่งไปชั่วขณะคนงานและภิกษุได้ทำงานรวมกันอยู่ต่างมองหน้าสบสายตากัน นึกอยู่ในใจตามๆ กันว่าทำไมหลวงพ่อสดจึ่งนิ่งเฉยไม่พูดอะไรเลย ประมาณ 1 นาที แล้วหลวงพ่อพูดออกมาว่า เอ้ย...! พวกเราจะไปวิตกอะไรกันเดี๋ยวต้องใช้ตะปูรังนี้ให้หมดก่อน ยังไม่ต้องไปเอาใหม่ คนงานตอบหลวงพ่อสดว่ากล่องนี้ล่วงลงน้ำไปหมดแล้วนี่ครับ ไม่ไปเอามาใหม่จะเอาที่ไหนใช้เล่าครับ หลวงพ่อสดตอบว่าพวกเราอย่าเขลาซิ เดี๋ยวมันก็ลอยขึ้นมาเองหรอกน่า คนงานนิ่งกันทั้งหมดพอสักครู่หนึ่ง ตะปู ค้อน กล่องนั้นลอยขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ พระภิกษุและคนงานตื่นเต้นกันยกใหญ่ โดดไปเอากล่องตะปู ที่ลอยขึ้นมาใช้งานต่อ อันนี้เป็นปฐมวิชาอาคมของ หลวงพ่อสด เป็นที่กล่าวขวัญของปวงประชาชนที่เลื่องลือว่าหลวงพ่อสด เสกตะปูลอยน้ำได้
    ส่วนปฏิปทาปาฏิหาริย์ในองค์ท่านนั้นมากมายศิษย์ใกล้ชิดและคนในแถบพื้นที่ต่างยอมรับนับถือ แม้ในงานพิธีพุทธาภิเษกระดับประเทศก็มักจะปรากฎชื่อของหลวงพ่ออยู่ด้วยเสมอ มีอยู่คราวหนึ่งในงานเสกพระหลวงพ่อโมพิธีนั้นมีคณาจารย์เรืองเวทย์หลายท่าน เช่นหลวงพ่อแพ ลพ.กวย ลพ.จวน และลพ.สด เป็นต้นงานในครั้งนั้นกล่าวกันว่าสายสิญจ์ที่ใช้เสกพระคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่ง
    พุทธศักราช 2493 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหางน้ำสาครและเป็นครูฝึกอบรมสั่งสอนปริยัติธรรมแผนกธรรมท่านได้สั่งสอนภิกษุและสามเณรด้วยตนเองอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย พุทธศักราช 2506 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูวิจิตรชัยการ
    มาในระยะหลังนี้สุขภาพของท่านไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก ท่านมีโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน ท่านให้นายแพทย์โรงพยาบาลประจำจังหวัดได้ถวายการพยาบาลรักษาด้วยดีตลอดมา แต่โรคนั้นก็มีแต่ทรงและภายหลังก็ทรุดลงอีก ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายครั้งหลายคราว ในครั้งสุดท้ายท่านหมดแรงสิ้นสติ และได้จากเราไป เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 ด้วยโรคเบาหวานด้วยอาการสงบนิ่ง ในเวลา 23.00 น. เศษ ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดชัยนาท รวมศิริอายุ 68 ปี ) ถึงแม้ท่านจะจากไปแต่อิทธิวัตถุมงคลของท่านยังแสดงกฤติยานุภาพให้เห็นอยู่เนือง คนพื้นที่จึงหวงแหนกันนักหนา คนพื้นที่ใกล้เคียงก็เริ่มเสาะหาของของท่านไว้ติดตัวไปตามๆกัน ท่านเป็นพระที่ทรงบารมีมากท่านหนึ่ง ด้วยว่างาช้างทั้งของหลวงพ่อเดิมและหลวงพ่อรุ่งก็ตกอยู่แก่ท่านจำนวนไม่น้อย วัตถุมงคลยุคต้นๆของท่าน ด้วยความเป็นผู้รู้รัตตัญญูในพระคุณครูบาอาจารย์ท่านจึงมักนำไปให้ครูบาอาจารย์ของท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วยเสมอ สิ้นหลวงพ่อรุ่ง หลวงพ่อเดิมแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อพรหม ลพ.โอด ลพ.โอ สามท่านนี้จะได้รับความนับถือจากท่านมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลวงพ่อโอ ซึ่งทั้งเป็นศิษย์ร่วมสำนักอาวุโสและรวมถึงเป็นครูบาอาจารย์ของท่านอีกท่านหนึ่งด้วย และด้วยระยะทางไม่ห่างกันมากนักจึงได้มักไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ หางน้ำสาครและหางน้ำหนองแขมจึงเป็นเสมือนหนึ่งบ้านพี่เมืองน้อง ด้วยความแน่นแฟ้นเช่นนั้นจึงได้สมญานามว่า สิงห์เหนือเสือใต้แห่งคุ้งอู่ตะเภา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรุ่นพิเศษหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร ๒๕๒๑

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    [​IMG]//image.ohozaa.com/i/f0d/nIXgVj.jpg[/img][/url]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2013
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    คอลัมน์ มงคลข่าวสด


    "หลวงพ่อทองดำ อินทวังโส" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดถ้ำตะเพียนทอง ต.ห้วยขุนราม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

    มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าแห่งภาคกลางและเมืองไทย

    หลวงพ่อทองดำ บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย ปฏิปทางดงาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็น

    ปัจจุบัน สิริอายุ 75 พรรษา 53

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ทองดำ ปุยอบ เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2477 ที่บ้านปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายศิลาและนางนวล ปุยอบ มีพี่น้องด้วยกัน 4 คน ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

    ช่วงวัยเยาว์ ได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดบ้านปราสาท เรียนจบชั้นประถมที่ 4 หลังจากนั้นออกมาช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย หาปลาในช่วงฤดูฝน ช่วงหน้าแล้งบางคราวก็ไปรับจ้างทำงานยังต่างถิ่น

    ครั้นมีอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดสมอ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ โดยมีพระครูวิรุฬหธรรมกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เง้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลังอุปสมบท ได้ศึกษาในพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีและโท ก่อนหันไปศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อมุม อินทปัญโญ วัดปราสาทเยอร์เหนือ

    ในช่วงแรก หลวงพ่อมุมไม่ค่อยสอนวิชาอาคมให้นัก เพราะต้องการดูอุปนิสัยศิษย์ว่าจะเป็นอย่างไร ตอนหลังหลวงพ่อมุมก็เมตตาสอนให้ และอยู่ศึกษาปฏิบัติอยู่กับท่านเป็นเวลาแรมปี

    ต่อมา ท่านได้ไปเรียนวิชากับพระอาจารย์ทองสุข วัดบ้านเพชร ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่แก่กล้าวิทยาคมอย่างมาก ทั้งยังเป็นพระอาจารย์สักยันต์ที่เลื่องลือยิ่งรูปหนึ่ง นอกจากนี้ พระอาจารย์ทองสุขได้มอบตำราไว้ให้ และยังสอนด้านการนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานอีกด้วย

    ท่านได้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปราสาทจันโง ปกครองอยู่เกือบ 12 ปี หลังจากพัฒนาสร้างวัดจนสำเร็จมั่นคงดีแล้ว ท่านก็เดินธุดงค์ไป จ.อุบลราชธานี และได้ไปพบกับพระอาจารย์โฮม พระอาจารย์ปฏิบัติรูปหนึ่งที่เก่งมาก ท่านฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับพระอาจารย์โฮมที่บนเขา ท่านสอนให้เดินจงกรม นั่งปฏิบัติภาวนาและสวดมนต์ต่างๆ

    ท่านได้อยู่เป็นเวลา 1 พรรษา ก่อนลากลับ พระอาจารย์โฮม ได้มอบตำราพระธรรมเก้าโกฏิ ตำรานี้มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ท่านได้นำมาอ่านท่องจนจำขึ้นใจได้ทุกหน้า

    หลวงพ่อทองดำได้เดินธุดงค์จาก จ.อุบลราชธานี มาแถบอีสานผ่านหลายจังหวัด ตัดผ่านมาถึงนครราชสีมา

    ครั้งหนึ่ง ต้องเดินทางผ่านดงพญาเย็น แต่เดิมมีชื่อว่าดงพญาไฟ สถานที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายมากมาย ทั้งมีเสือโจรผู้ร้ายชุกชุมคอยดักจี้ปล้นเอาทรัพย์ ผีสางนางไม้ก็ดุร้าย ทั้งไข้ป่าก็ชุกชุมด้วยเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ที่ราบลุ่มและภูเขาใหญ่น้อย แต่ท่านสามารถผ่านไปได้โดยสวัสดิภาพ กระทั่งมาถึง จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี

    ท่านมาปักกลดอยู่ที่หน้าถ้ำพระนารายณ์เขาวง แต่แรกก็ไม่มีชาวบ้านให้ความสนใจ ท่านก็ปฏิบัติภาวนาของท่านตามปกติ

    อยู่มาวันหนึ่งมีชาวบ้านนำภัตตาหารมาถวาย รวมทั้งมีชาวบ้านคนหนึ่ง ฐานะยากจน มาคอยอุปัฏฐากดูแลความเป็นอยู่ของท่านต่างๆ นานา หลวงพ่อทองดำ ได้เป่าลงกระหม่อมและมอบตะกรุดโทนไปดอกหนึ่ง ปรากฏว่าชาวบ้านคนดังกล่าวประสบเหตุถูกคนทำร้าย แต่ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ทำให้มีชาวบ้านมาหาท่านกันหลายคน เพื่อขอตะกรุด

    พ.ศ.2512 เครือญาติของนางพิสมัย แซ่บาง เห็นวัตรปฏิบัติของท่านเมื่อครั้งที่ยังอยู่บริเวณหน้าถ้ำพระนารายณ์เขาวง จ.ลพบุรี เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนิมนต์หลวงพ่อทองดำให้มาอยู่ ด้วยสถานที่ดังกล่าวมีความเงียบสงบเหมาะสำหรับการเจริญภาวนากัมมัฏฐานอย่างยิ่ง

    เมื่อท่านเดินทางไปอยู่บริเวณดังกล่าว คณะชาวบ้านและเครือญาติของนางพิสมัย ก็ปลูกที่พักให้หลังหนึ่งเล็กๆ ที่หน้าถ้ำตะเพียนทอง ซึ่งแต่ก่อนนั้นชาวบ้านไม่รู้ว่ามีถ้ำ รู้แต่ว่ามีทรัพย์สมบัติและผีดุ

    เมื่อท่านมาอยู่แล้ว ท่านกับชาวบ้านก็ช่วยกันถากถางต้นไม้และมีพระติดตามท่านมาอีกรูปหนึ่ง

    คืนหนึ่ง หลวงพ่อทองดำ เกิดนิมิตฝันไปว่าในบริเวณแห่งนี้มีทรัพย์สมบัติและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำ ขณะกำลังเจริญภาวนาเดินจงกรมนั้นก็มีวิญญาณร้ายมารบกวนไม่เคยขาด ท่านจึงปรารภต่อวิญญาณนั้นว่า "อาตมามาที่นี่เพื่อสร้างวัดไม่ได้มาเอาทรัพย์สมบัติแต่ประการใดๆ" วิญญาณร้ายจึงยอมหนีไป

    ครั้นเมื่อก่อสร้างเสนาสนะในวัดได้ระยะหนึ่ง มีชาวบ้านมาขอวัตถุมงคลกับท่าน หลวงพ่อก็มีแต่ตะกรุดโทนให้ไป ต่อมา ท่านได้ลงหมึกสักยันต์ให้ชาวบ้าน และผู้คนที่ดั้นด้นกันมาจากที่ไกล

    ในจำนวนคนเหล่านั้น หลายคนเป็นโจรเสือร้ายที่มีหมายจับของทางราชการหลายคน ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีในสมัยนั้น ต้องมากราบขอร้องให้หลวงพ่องดการลงหมึกสักยันต์ ด้วยมีหลายคนเป็นโจรปล้นฆ่า ยากแก่การปราบปราม ซึ่งท่านไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นคนร้ายมีหมายจับของทางราชการ

    นับจากนั้นเป็นต้นมา ท่านงดสักยันต์โดยเด็ดขาด

    ต่อมา ท่านได้จัดทำเสื้อยันต์และผ้ายันต์มอบให้ทหารที่ไปรบตามชายแดน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ พวกทหารเหล่านั้นได้พากันมากราบหลวงพ่อทองดำ บอกว่ารอดพ้นปลอดภัยจากฝ่ายตรงข้ามด้วยเสื้อยันต์ของหลวงพ่อ

    ช่วงปี พ.ศ.2520-2524 หลวงพ่อทองดำรับนิมนต์ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องในกรุงเทพฯ หลายครั้งด้วยกัน หลังจากนั้น ได้หยุดไปนานจนถึงปี พ.ศ.2545 ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหารายได้ก่อสร้างอุโบสถ กุฏิ และเสนาสนะต่างๆ

    พระเครื่องรุ่นปี พ.ศ.2545 ที่ท่านสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการ คือ รุ่นมหาอำนาจ มหาเมตตา มหานิยม รุ่น 2 เรียกว่า รุ่นยอดขุนพลไตรมาส 45 รุ่น 3 คือ ขุนแผนจ้าวทรัพย์-จ้าวเสน่ห์ และอื่นๆ อีกหลายรุ่น และล่าสุด คือ พระ 9 หน้ามหาเศรษฐี รุ่นโคตรเศรษฐีนวโกฏิ

    กล่าวได้ว่าชื่อเสียงเกียรติคุณความเป็นสุดยอดพระเกจิอาคมขลังของหลวงพ่อทองดำ แห่งวัดถ้ำตะเพียนทอง เป็นที่เลื่องลือมานาน ร่ำลือถึงความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลของท่าน ที่มีพุทธคุณรอบด้าน

    แต่วัตรปฏิบัติ ตลอดจนความเป็นอยู่ของท่านยังคงความสมถะ เรียบง่าย อย่างไม่มีเปลี่ยนแปลง

    หลวงพ่อทองดำ กล่าวคติธรรมคำสอนถึงพุทธศาสนิกชน ว่า "การทำความดี มีเมตตาเผื่อแผ่ต่อผู้คนทั่วไปจะส่งผลดีให้กับผู้ปฏิบัติทุกๆ คน"

    โพสต์โดย : ข่าวสด

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญพระปิดตาพิมพ์เล็ก รุ่นแรก หลวงพ่อทองดำ วัดถ้ำตะเพียนทอง ลพบุรี

    พิธีใหญ่ มากประสบการณ์

    (ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2014
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญรัชกาลที่๕ หลวงปู่ดี วัดพระรูป สุพรรณบุรี

    (ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญหลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง สุพรรณบุรีท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อสอน วัดป่าเรไลย์

    หลวงพ่อโอภาสี สมัยท่านทรงสังขารงานพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ๆทั่วประเทศจะต้องมีราย

    นามท่านนั่งปรกอธิฐานจิตเสมอครับ ที่เห็นๆก็จะมีหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงปู๋พยอด วัด

    แก้วเจริญ หลวงพ่อยิด ท่านนับเป็นอีก1ใน108องค์ครับ

    วัตถุมงคลท่านมากประสบการณ์ครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ ชัยนาท ออกวัดใหม่เจริญธรรมครับ ประวัติท่านผมเคยลงไว้แล้วยังไหงลองหาอ่านดูได้ครับ กับเหรียญหลวงปู๋พยอด วัดแก้วเจริญ ออกวัดใหม่เจริญธรรมเช่นกันคนละปีต่างวาระต่างงานกันครับ

    ให้บูชาคู่กัน 250 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2013
  7. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,985
    ค่าพลัง:
    +5,394
    ขอจองตามpmครับ---------------------
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ออกที่ชลบุรี สัตหีบ ๒๕๑๒ เหรียญเก่าสภาพผ่านการบูชา

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ประวัติหลวงพ่อ
    หลวงพ่อคำ ชาตสุโข พื้นเพเป็นชาวจังหวัดอ่างทอง เกิดเมื่อวันอังคาร เดือนสาม(กุมภาพันธ์) ปีมะเส็ง พุทธศักราช 2436 เป็นบุตรของคุณพ่อแสง แสงศรี และคุณแม่กลิ่น แสงศรีครอบครัวของท่านประกอบอาชีพทำนามาแต่เดิม มีพี่น้องร่วมกัน 5 คนคือ 1.นางขลิบ 2.นางเล็ก 3.นายหาด 4.นางหนู 5. คือหลวงพ่อคำ ซึ่งท่านเป็นคนสุดท้อง ต่อมาโยมพ่อของหลวงพ่อได้ออกบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวัน อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ส่วนท่านเองก็ได้เป็นลูกศิษย์วัดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อท่านมาตั้งแต่อายุ ได้ 8 ขวบ วันหนึ่งหลวงพ่อของท่านเตรียมอัฐบริขารเพื่อออกธุดงค์ ก่อนไปหลวงพ่อของท่านได้บอกกับท่านว่า “พ่อไปนะลูก” สิ้นคำเท่านั้นแล้วหลวงพ่อของท่านก็เดินดุ่มลงกุฏิ ท่านถามหลวงพ่อของท่านว่า “หลวงพ่อจะไปไหน” หลวงพ่อของท่านไม่ตอบยังคงมุ่งหน้าเดินออกจากวัดไป ท่านวิ่งตามและตะโกนถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายหลวงพ่อของท่านจึงหันมาพูดว่า “ถ้าพ่อไม่เจออาจารย์ดี พ่อจะกลับมาภายใน 1ปี แต่ถ้าพ่อเจออาจารย์ดี ก็อย่าคอยพ่อเลยนะลูก” แล้วท่านก็เดินออกจากวัดไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
    เมื่อหลวงพ่อคำโตเป็นหนุ่ม จึงได้ข่าวว่า บิดาของท่านรุกขมูลไปอยู่ถ้ำ ทางภาคเหนือชื่อบ้านสระหนองแว้ง บิดาของท่านนอนอาพาธอยู่คนเดียวในถ้ำแต่บ้างก็ว่านอนอาพาธอยู่กลางป่าสัก ชาวบ้านไปพบเข้าจึงนำท่านมารักษาตัวที่วัดอ้อมแก้ว อ.สวรรคโลก จนกระทั่งมรณภาพ ก่อนมรณภาพชาวบ้านได้สอบถาม ชื่อ นามสกุล และชื่อญาติพี่น้องของท่านไว้ หลวงพ่อคำจึงทราบข่าวได้ในภายหลัง
    ครั้งหนึ่งแม่ของหลวงพ่อคำ จะไปขอผู้หญิงมาเป็นภรรยาให้ท่าน แต่หลวงพ่อแอบไปได้ยินผู้หญิงคนนั้นใช้คำพูดรุนแรงขึ้นเสียงกับแม่ของตนเอง หลวงพ่อคำจึงบอกกับแม่ของท่านว่า “หญิงคนนี้ไม่ดี อย่าได้เอามาเป็นเมียเลย” ด้วยอุปนิสัยโน้มเอียงไปสู่การถือเพศพรหมจรรย์ ท่านก็เลยไม่มีภรรยาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    หลังจากบิดาของหลวงพ่อออกรุกขมูลแล้วหายสาบสูญไป หลวงพ่อคำได้ทำหน้าที่ของความเป็นบุตรผู้รู้กตัญญูกตเวทิตาคุณ ปรนนิบัติเลี้ยงดูผู้เป็นแม่มาโดยตลอด จนกระทั่งแม่ของหลวงพ่อถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 82 ปี ขณะนั้นหลวงพ่ออายุ 41 ปี ท่านได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณครั้งสำคัญอีกครั้งโดยการโกนหัวบวชเณร หน้าไฟให้แก่แม่ของท่านที่วัดขุมทรัพย์ อ.เมือง จ.อุทัยธานี แล้วได้ไปหาอาจารย์บุตร ให้พาไปบวชพระที่วัดใหญ่ ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท โดยมีหลวงพ่อปั้น วัดหาดทะนง เป็นพระอุปัชฌาย์ในปี 2482 หลังอุปสมบทแล้วท่านได้ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อทิมวัดบ้านบน ต.ท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะ จ.นครสวรรค์
    ต่อมาในปี 2475 หลวงพ่อได้ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศพม่าเพื่อเสาะหา ศึกษาวิทยาความรู้ต่างๆ และกระทำบำเพ็ญความเพียรทางจิตอย่างจริงจัง
    ประมาณปี 2489 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ ท่านได้กลับมาจำพรรษาปรนนิบัติรับใช้ หลวงพ่อทิม วัดบ้านบน ผู้เป็นอาจารย์ตามเดิม
    และในปีเดียวกันนั้นเองได้มีผู้ใจบุญผู้หนึ่งชื่อนายรัตน์ นุ่มทองคำ ได้มานิมนต์หลวงพ่อให้ไปช่วยสร้างวัดหัวทะเล ต.น้ำทรง อ.พยุหะ จ.นครสวรรค์
    ที่ดินของวัดหัวทะเล เดิมเป็นที่ของนายถนอม นุ่มทองคำ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายรัตน์ นุ่มทองคำ มีเนื้อที่ 10 ไร่ 1งาน แต่เดิมนั้นเป็นพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยป่าหญ้าคาและป่ายางหนาทึบจนแดดส่อง ไม่ถึง หลวงพ่อและลุงรัตน์ ได้เป็นกำลังสำคัญในการชักชวนชาวบ้านบ้าง พระจากวัดบ้านบนบ้าง ร่วมกันหักร้างถางพงบุกเบิกพื้นที่จนเป็นพื้นที่โล่งเตียน หลังจากนั้นลุงรัตน์จึงเริ่มนำวัตถุมงคลของหลวงพ่อคำ บอกหาเงินสร้างกุฏิถวายหลวงพ่อไว้จำพรรษาได้ 1 หลัง และต่อมาลุงรัตน์ก็ยังได้นำวัตถุมงคลของหลวงพ่อบอกบุญหาเงินเพื่อสร้าง ศาสนสถาน ศาสนวัตถุต่างๆขึ้นมา จนกระทั่งมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง ทั้งนี้ก็ด้วยอำนาจบุญญาบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ในองค์หลวงพ่อและวัตถุมงคล ของท่านโดยแท้ (หากพิจารณาตามนี้จึงจะพอสันนิษฐานได้ว่าได้มีการริเริ่มสร้างวัตถุมงคลขึ้น มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2489 – 2490 เรื่อยมาตามลำดับ )

    บุคลิกของหลวงพ่อนั้นหากมองจากหน้าตาท่าทางท่านดูเหมือนท่านจะเป็นคนดุ แต่แท้ที่จริงแล้วหลวงพ่อท่านมีอุปนิสัยอ่อนโยน เยือกเย็น มีอัธยาศัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สร้างความเชื่อถือศรัทธาและความซาบซึ้งตรึงใจ ให้กับผู้ที่เข้าไปพบปะกราบไหว้ได้อย่างดียิ่ง มีคุณลุงท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าสมัยหลวงพ่อมีชีวิตอยู่แกไปกราบหลวงพ่อซึ่ง เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้ว แต่หลวงพ่อท่านก็ยังกล่าวทักทายต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีมิได้บ่ายเบี่ยง ด้วยเรื่องเวลาแต่อย่างไร และที่สำคัญหลวงพ่อท่านยังมีน้ำใจชงโอวัลตินให้ลุงดื่มด้วยตัวท่านเอง สร้างความปลาบปลื้มปีติใจให้แก่คุณลุงยิ่งนัก ใครมาใครไปท่านจะบอกให้ทานนู่นทานนี่เท่าที่จะมีอยู่ใกล้ๆตัวท่านอยู่เป็น ประจำ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในกุฏิท่านใครจะขอเอาไปใช้ทำประโยชน์อย่างไรท่านให้ โดยที่ไม่มีแสดงอาการห่วงหวงเลย ท่านมีอัธยาศัยต้อนรับขับสู้เสมอภาคกันหมดไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่แบ่งยศถาบรรดาศักดิ์ ท่านจะทรงไว้ซึ่งพรหมวิหารธรรมอยู่เป็นนิจ และองค์ท่านก็มีจิตวิทยาในการโน้มน้าวจูงใจคนสูง ใครจะมีอุปนิสัยมาอย่างไร ท่านก็คุยเข้ากันได้กับทุกอุปนิสัย ท่านเข้าใจสนทนาหว่านล้อมจนกระทั่งสุดท้ายก็ต้องยอมลงให้แก่ท่าน ท่านก็ได้โอกาสสอดแทรกธรรมมะ หรือคติเตือนใจเข้าไปได้ ญาติโยมเข้ามาหาเครื่องรางของขลัง ท่านก็มักจะสอนให้ปฏิบัติที่ตัวเองมากกว่า เช่นมาหานางกวัก ท่านก็ว่า “จะมาหานางกวักอะไรที่นี่หล่ะ ไปหานางกวักที่บ้านซิดีกว่าเยอะ”โยมก็ไม่เข้าใจว่านางกวักจะมีที่บ้านของเขา ได้อย่างไรก็เลยถามหลวงพ่อว่านางกวักที่บ้านเป็นยังไง หลวงพ่อท่านก็เฉลยให้ฟังว่า “ก็หัวจอบซิจ๊ะ ยิ่งใช้เท่าไรก็ยิ่งรวยเท่านั้น” แม้แต่เรื่องทำบุญท่านก็ว่า “บุญน่ะไม่ใช่จะมาทำที่วัดกันอย่างเดียว กลับไปก็ต้องไปทำที่บ้านด้วย ขยัน อดทน ประหยัด ไม่สุรุ่ยสุร่าย ขยันให้เป็นหลัก ยกตัวอย่างโยมขยันทำนาได้ข้าวมาก ชาวบ้านเขาก็ว่า เอ้อ..ปีนี้มันได้ข้าวเยอะบุญของมันเน๊อะ นี่ไงเล่าบุญ” และโดยเฉพาะเด็กๆท่านจะเอ็นดูมากถ้าท่านเห็น ท่านก็มักจะเรียกมาแจกพระบ้าง แจกขนมนมเนยบ้าง สังเกตได้ว่าเหรียญของท่านจะทำเป็นเหรียญเล็กๆขนาดกะทัดรัดสำหรับคล้องคอ เด็กๆได้เหมาะสม และเหรียญของท่านก็สร้างปาฏิหาริย์ให้กับเด็กๆมามากต่อมากด้วยเช่นกัน ในคอเด็กๆในละแวกนั้นส่วนใหญ่จะมีเหรียญหรือไม่ก็ล๊อคเก๊ตของท่านเกือบทุกคน เด็กๆก็รักและเคารพนับถือท่านมาก บ้างก็ไปปัดกวาดเช็ดถู บ้างก็ไปบีบนวดให้ท่านท่านก็ได้โอกาสอบรมสั่งสอนคุณธรรมให้แก่เด็กๆไปในตัว



    ในสมัยที่ท่านอยู่พวกหมา พวกไก่ใครมาปล่อยไว้หรือพัดหลงมาเองท่านก็มีเมตตารับเลี้ยงไว้หมด คำพูดคำจาของท่านออกจะนุ่มนวลและเป็นกันเองตามแบบฉบับลูกทุ่งโดยแท้ ไม่ว่าเหตุการณ์จะดีร้ายอย่างไร ท่านจะว่า “ ดีจ๊ะดี ” หมด เคยมีโยมท่านหนึ่งมาบอกหลวงพ่อว่าไฟไหม้บ้านเขา หลวงพ่อก็บอกว่า “ไฟไหม้ก็ดีซิจ๊ะ ก็จะได้บ้านใหม่ล่ะซิหว่า” น้ำท่วมอ้อยท่วมข้าวท่านก็ว่าดี “น้ำท่วมก็ดีซิจ๊ะ ก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาดูแลมันอีกไงล่ะ” อย่างนี้เป็นต้น เรื่องขันติธรรมท่านก็เป็นหนึ่งตลอดอายุสังขารในเวลาที่ท่านเจ็บป่วย ท่านไม่เคยออกปากขอความช่วยเหลือจากใคร และไม่เคยแสดงอาการให้ใครเห็น เคยมีลูกศิษย์จะพาไปหาหมอ ท่านไม่ยอมไป ท่านว่าของท่านว่า “เป็นเองก็หายเองซิหว่า” ในด้านการขบฉัน ด้วยนิสสัยของพระปฏิบัติที่เคยถือธุดงค์เป็นวัตรทำให้ท่านมีปกติที่จะฉันแบบ เอกา คือการฉันในบาตรแต่อย่างเดียวไม่ใช้ภาชนะอื่น และฉันมื้อเดียว แต่เพื่อไม่ให้ขัดศรัทธาญาติโยมท่านก็ผ่อนปรนลงบ้างในกรณีที่มีกิจนิมนต์ฉัน เพลท่านก็สามารถฉลองศรัทธาได้ไม่ให้เสียกำลังใจญาติโยม เวลาท่านออกบิณฑบาต ท่านจะมีบาตรของท่านติดตัวไปเพียงใบเดียวเท่านั้น ใครจะใส่หวาน ใส่คาว ก็เทใส่รวมลงไปในนั้น บางคนหวังดีไม่อยากให้กับข้าวปนกันเกรงว่าท่านจะฉันไม่ได้รส พอท่านรับบิณฑบาตแล้วลับหลังท่านก็แก้ถุงออกแล้วเทรวมลงไปตามเดิม ท่านบอกของท่านว่า “ อย่างนี้ฉันง่ายดีจ๊ะ ไม่ต้องไปคลุกเคล้า เดี๋ยวก็ลงไปเคล้ากันในท้องอยู่ดีแหละจ๊ะ” เส้นทางที่ท่านใช้บิณฑบาตก็แปลกเช่นกันพอได้เวลาสักประมาณ 4 -5 เย็นท่านจะพาพระลูกวัดปัดกวาดทำความสะอาดทุกวันตั้งแต่ออกจากวัดจนกระทั่ง สุดเส้นทางบิณฑบาตทั้งขาไปและขากลับอยู่เป็นประจำ ท่านเป็นพระขยัน นอกเสียจากเวลาปฏิบัติของท่านแล้ว ท่านมักจะทำนู่นทำนี่อยู่เสมอ กว่าจะเข้ากุฏิจำวัดได้ก็ค่อนข้างดึกบางคราวท่านก็นั่งปฏิบัติทั้งคืน หากจำวัดท่านก็ตื่นแต่เช้าประมาณตี 3 ทำกิจวัตรส่วนตัวทำวัตรสวดมนต์ตามปกติของท่าน สักประมาณตี 4 ท่านก็จะออกปัดกวาดบริเวณวัด พระลูกวัดรูปไหนยังไม่ตื่นท่านก็ไม่ดุไม่ว่าแต่ท่านจะไปเที่ยวกวาดอยู่ใน บริเวณใกล้ๆกุฏิของพระรูปนั้นนั่นเอง นับว่าเป็นอุบายวิธีที่แยบคาย การจำวัดของท่านท่านจะจำวัดในท่าสีหไสยาสน์เสมอ จะเห็นได้จากรูปอิริยาบถต่างๆของท่านที่วัดสุวรรณรัตนาราม และด้วยปฏิปทาจริยาวัตรที่ท่านถือปฏิบัติบ่มเพาะบำเพ็ญเพียรมาอย่างอุกฤษฏ์ นี้เอง จึงเป็นผลให้วัตถุมงคลของท่านทรงอานุภาพศักด์สิทธิ์ แม้แค่เสกเป่าเพียงพ่วงเดียวก็ก่อให้เกิดความเข้มขลังมีประสบการณ์เป็นพยาน ยืนยันมาหลายต่อหลายราย เมื่อจิตของท่านยังทรงกำลังฌานอยู่ ท่านจะกำหนดที่อะไรกะแสจิตก็ยิ่งไวต่อสิ่งนั้น ดังที่ชาวบ้านเกรงบารมีท่านกันนักหนาในเรื่องวาจาสิทธิ์ของท่าน ท่านพูดอย่างไรย่อมเป็นไปอย่างนั้นไม่มีพลาดเลย ยกตัวอย่าง ท่านเห็นญาติโยมที่กราบลากลับไปขึ้นรถกันหมดแล้วแต่ยังไม่ทันได้สตาร์ท เครื่อง ท่านจึงทักว่า “ เอ้า..มันยังไม่ไปกันหรือหว่าน่ะ” ทีนี้เองเจ้าของรถจะสตาร์ทรถอย่างไรก็ไม่ติด พอท่านเห็นท่าไม่ค่อยดีท่านจึงกล่าวว่า “เออ..ไปกันได้แล้ว” เท่านั้นแหละรถก็สตาร์ทติดชึ่ง ได้อย่างง่ายดาย ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เล่ากันว่าหากไม่ขออนุญาตท่านแล้วจะถ่ายรูปท่าน อย่างไรก็ถ่ายไม่ติด การล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความพิศวงงงงวยให้ กับบุคคลใกล้ชิดอยู่เสมอ เช่น เรื่องของคุณหมอในตลาดพยุหะท่านหนึ่งมากราบหลวงพ่อเมื่อเสร็จธุระแล้วก่อน กลับคุณหมอก็กราบขอพรหลวงพ่อ แต่คราวนี้แทนที่หลวงพ่อจะให้พรตามปกติ หลวงพ่อกลับกล่าวทักขึ้นมาว่า เออ..ไปเถอะอย่างหมอเนี่ยถึงชนกันก็ไม่ตาย คุณหมอก็งงๆกับพรของหลวงพ่อเช่นกัน แต่เมื่อขับรถมาถึงสี่แยกพยุหะปรากฏว่ามีรถวิ่งเข้ามาชนรถคุณหมอจริงๆ สภาพรถยับเยินแต่คุณหมอไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างไร



    ในเรื่องโชคลาภนั้นมีอยู่มากมายเช่นกัน อย่างเช่นคราวหนึ่งเมื่อนายโย มากราบหลวงพ่อแต่การกราบคราวนี้ต่างจากการเข้ามากราบทุกๆครั้ง เนื่องจากเมื่อนายโยก้มกราบหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อกลับใช้เท้าเหยียบลงไปบนหัวของนายโย สร้างความประหลาดใจให้กับนายโยเป็นอย่างมาก และในงวดนั้นนั่นเองปรากฏว่านายโยถูกล๊อตตารี่รางวัลที่ 1 อย่างไม่คาดคิด คราวนี้เองนายโยจึงเข้าใจพระคุณรอยเท้าหลวงพ่อที่ประทับลงมาบนศรีษะว่ามี ความหมายและเป็นศิริมงคลต่อตนอย่างไร
    มีโยมคนหนึ่งมาขอหวยจากหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อก็ปฏิเสธบ่ายเบี่ยงว่าท่านไม่รู้หรอกว่าหวยมันจะออกเลขอะไรถ้า อยากรู้ก็ให้ไปถามกองสลากกินแบ่งโน่น โยมบอกว่าไปไม่ถูกแต่เขาได้เลข 82 มาจากหลวงพ่ออื่น หลวงพ่อก็เลยควักแบงค์ 20 ฝากโยมซื้อหวยเลขนั้นด้วย “งั้นข้าฝากซื้อ 20 นะ” ชาวบ้านเห็นหลวงพ่อซื้อเลข 82 ก็พากันซื้อเลข 82 กันยกใหญ่ ปรากฏว่าหวยงวดนั้นออก 20 ชาวบ้านได้ยินแล้วหงายท้องตามๆกันที่สำคัญความหมายของหลวงพ่อผิด
    คุณลุงอีกท่านบ้านอยู่ทางวัดดงขวาง จ.อุทัยธานีเล่าว่า ตอนแกบวชแกไปสึกกับหลวงพ่อคำ(แกเล่าว่าตอนนั้นหลวงพ่ออยู่ที่วัดอีเติ่ง) แกแลเห็นกุฏิหลวงพ่อจุดเทียนสว่างจนดึกจนดื่นด้วยความสงสัยแกจึงแอบดู ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านนั่งสมาธิตลอดทั้งคืน เมื่อตอนหัวค่ำหลังจากที่พระลูกวัดแยกย้ายกันไปจำวัดแล้วแกก็เห็นหลวงพ่อ เดินไปเดินมา เหมือนกับเดินจงกรมแต่แกก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่อเมื่อฟ้าสว่างท่านเดินผ่านกุฏิหลวงพ่ออีกครั้ง ทำให้ลุงแกถึงกับอึ้ง..เพราะปรากฎว่าหลังกุฏิหลวงพ่อเป็นลำคลองที่มีน้ำอยู่ เต็มตลิ่ง นอกจากนั้นลุงท่านนี้ยังเล่าว่าหลวงพ่อท่านกล่าวถึงหลวงปู่แหวนวัดดอยแม่ ปั๋ง เหมือนกับท่านไปมาหาสู่กันอยู่เสมอทั้งๆที่หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลย
    สำหรับข้อห้ามในการใช้เครื่องรางของขลังของหลวงพ่อ ท่านไม่มีข้อห้ามยุ่งยากเหมือนหลวงปู่หลวงพ่อท่านอื่นๆเลย ท่านห้ามผิดศีลข้อ 3 เป็นหลัก และก็ห้ามด่าพ่อด่าแม่ เท่านั้นเอง ท่านว่า ทองคำอย่างไรก็เป็นทองคำ ตกน้ำก็เป็นทองคำ ตกไฟละลายแล้วก็ยังเป็นทองคำ อยู่วันยันค่ำ
    ความมหัศจรรย์ในองค์ท่านผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่าเล่าวันนึงก็ไม่หมด ด้วยเหตุที่หลวงพ่อเป็นพระผู้นั่งอยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของชาวบ้านทุก เพศทุกวัยจึงพูดได้เต็มปากว่าท่านเป็นเสมือนหนึ่ง “เทพเจ้าแห่งน้ำทรง”

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อคำ

    ปิดรายการ


    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2013
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    [​IMG]

    หลวงปู่ลุน กตปัญโญ วัดศิริมงคล จ.สกลนคร

    [​IMG]

    รูปหลวงปู่กำลังอธิฐานจิตเหรียญรุ่นนี้ครับ

    เหรียญเจริญชนม์รุ่น๑ หลวงปู่ลุน กตปัญโญ วัดศิริมงคล จ.สกลนคร ปี 2518 สร้างตอนท่านอายุ 108 ปี พรรษาที่ 88 ท่านเป็นพระอาจารย์ชื่อดังทางภาคอีสานและฝั่งประเทศลาว ท่านเคยธุดงค์ไปแล้วจนถ้วน และเคยปรากฎอภินิหารมาแล้วอย่างมากมาย หลายครั่ง โดยเฉพาะในระยะที่เกิดสงครามอินโดจีน และหลวงปู่อนุญาตให้บรรดาศิษย์จัดสร้างเหรียญที่ระลึกถึงท่านได้เป็นครั่งแรกเพราะเห็นว่าอายุของท่านก็มากแล้ว

    เหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียวของหลวงปู่สภาพสวยเดิมๆ หาไม่ยาก

    (ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2013
  11. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,985
    ค่าพลัง:
    +5,394
    ได้โอนเงิน เมี่อ ๒กค. เวลาประมาณ๑๒.๒๖ น. เป็นค่าพระ ๑.เหรียญรุ่นแรกลพ.คงวัดเขากลิ้ง ที่อยู่ ดูในpmครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงปู่ทวด เทคนิคนครศรีธรรมราช

    (ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญหลวงพ่อประเทือง มีจารยันต์ที่เหรียญครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2013
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
  15. หัสดา

    หัสดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +658
    จองครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญสมเด็จป๋า วัดโพธิ์ ๒๕๑๕

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ขอความกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันทำการหรือถ้าไม่สะดวกติดต่อมาได้ครับ

    ไม่เกิน 7 วัน หรือตามสมควรครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อบุญสิน วัดปลายคลอง (น้ำตกพริ้ว) จันทบุรี
    (ปิดรายการ)
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2013
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อผาด วัดไร่ อ่างทอง

    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,773
    ค่าพลัง:
    +21,343
    แผ่นปั๊มตะกรุดก้านธูปหลวงพ่อเกษม เขมโก..........

    เก่าเก็บสร้า้งนานร่วม 20 กว่าปี ตอนนั้นสร้า้งแจกนิตยสารศักดิ์ศิทธิ์

    แบ่งให้บูชา 5 ชุดครับ ที่เหลือขอเก็บไว้มั้งครับ หมดแล้วก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนเหมือนกันครับ

    คุ้มค่าเงินบาทแน่นอนครับ

    (ปิดรายการครับ)
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...