เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

อ๋อ ที่เห็นว่าหายไปคนนึงเพราะว่ามีคนเข้าโหมดซ่อนตัวอยู่หน่ะสิ อิอิ

 

รวมพลังงาน เพื่อใช้ประโยชน์ในมิติมนุษย์

ก่อนอื่น พี่นักเขียนต้องขอออกตัวว่า ไม่ใช่ผู้มีความรู้ลึกซึ้งทางด้านพุทธศาสนา หรือศาสนาใดๆเป็นพิเศษ เพียงแต่เกิดมาในครอบครัวชาวพุทธ เรียนโรงเรียนคริสต์ตั้งแต่อนุบาลจนจบ ม.ปลาย รู้จักพระเยซูก่อนพระพุทธองค์ แต่ก็เคารพบูชา ศรัทธาศาสนาและฝึกปฏิบัติสมาธิแนวพุทธ บวกกับแนวคริสต์ แนวเต๋า

บุญ เป็นคำนิยามจากศาสนาพุทธคู่กับ กรรม ซึ่งเรียกตามภาษามนุษย์ว่าเป็นพลังบวก
บาป เป็นคำนิยามจากศาสนาคริสต์ น่าจะคู่กับคำว่า บุญ หรือการทำความดี ซึ่งเรียกตามภาษามนุษย์ว่าเป็นพลังลบ

มาตกลงกันก่อนว่า คุณน้องกำลังจดจ่อกับพลังบวก และคำถามคือว่า จะรวบรวมพลังบวกมาจากชาติภพต่างๆได้อย่างไร เพื่อให้ส่งผลกับชาติภพในปัจจุบัน

หากเรามาพิจารณาถึงสาระจากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า จิตวิญญาณประสานกันเป็นระบบเครือข่าย เราไม่ได้ดำเนินชีวิตเป็นบุคคลตัวตนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ร่างเดียว หากแต่ว่าการกระทำของเราในทุกชาติภพ ทุกมิติ ส่งผลกระทบกันหมดเป็นปัจจุบัน เสมือนการโยนก้อนหินลงในบ่อน้ำ ก้อนหินเปรียบได้กับการกระทำในปัจจุบัน คลื่นที่เกิดขึ้นเปรียบได้กับผลของการกระทำที่ส่งผลไปสู่อนาคต เมื่อไปกระทบขอบบ่อก็เกิดคลื่นย้อนกลับอีกมาสู่จุดที่ก้อนหินตกลง ซึ่งเปรียบเสมือนผลของการกระทำจากอดีต

หากเราต้องการเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงอดีต หรืออนาคต ก็ทำได้จากปัจจุบันเสมือนการโยนหินก้อนใหม่ลงไปในบ่อน้ำ เกิดคลื่นในจุดใหม่ทั้งคลื่นที่เคลื่อนออกไปและตีกลับมาที่จุดเริ่มต้น คือสร้างกระแสคลื่นวงใหม่

การรวมพลังบวก ตามความเข้าใจของพี่นักเขียน น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ด้วยการจดจ่อกับปัจจุบัน ด้วยการทำแต่สิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นบุญ เป็นความดี และมันจะส่งผลกระทบต่อทุกชาติภพ เราไม่อาจวิ่งตามอดีต หรือก้าวล่วงไปบริหารอนาคตได้ แต่เราก็สามารถส่งผลกระทบต่ออดีตและอนาคตได้จากปัจจุบัน การรวมพลังใดๆจะเกิดขึ้นได้นั้น ก็จากการจดจ่อ แม้วิทยาศาสตร์ทางกายภาพ เช่น การรวมแสงอาทิตย์ด้วยแว่นขยาย ก็ทำให้เกิดความร้อนที่เผาไหม้ไม่ขีดและวัตถุไวไฟได้ การรวมแสงอาทิตย์ด้วยแว่นขยายจึงน่าจะเปรียบเทียบได้กับการจดจ่อกับสิ่งที่เรียกว่าเป็น บุญ หรือการทำความดี ในปัจจุบัน แม้ว่าพลังอื่นๆในชาติภพอื่น มิติอื่นอาจกระจัดกระจายอยู่เสมือนแสงอาทิตย์ที่ส่งสว่างไปทุกทิศทาง แต่การรวม ณ จุดเล็กๆจุดหนึ่ง เช่น ณ แว่นขยาย ก็ก่อให้เกิดประโยชน์ได้ในปัจจุบันที่เราต้องการเหนี่ยวนำพลังงานแสงอาทิตย์มาจุดไฟ การจดจ่อกับปัจจุบันจึงเป็นวิธีการที่จะรวมพลังบุญได้

ปัจจุบันคือพลังและอำนาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เธอเรียกว่าอดีตและอนาคตได้เสมอ
(จากหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ
บทที่ 5 จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีด - อนาคตชาติ หน้า70)

 

ผมมีคำถามแปลกๆให้คิดกันเล่นสองข้อครับ
1.ระหว่างคนปกติกับคนบ้าวิกลจริต ใครจินตนาการได้ดีกว่ากัน? ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
2.ระหว่างคนปกติกับคนบ้าวิกลจริต ใครมองเห็นจำนวนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ได้มากกว่ากัน? ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
คำถามนี้ผมไม่มีคำตอบนะครับ อยู่ดีมันก็นึกขึ้นมาในสมองและกำลังงงกับคำถามที่ผมเองตั้งขึ้นมาด้วย ???????

 

อย่านึกให้สวยนักนะเจ้าคะ เดี๋ยวจะผิดคาด (nogood)

 

คำถามแปลก แต่น่าคิด

ถามดีจัง
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่มาเปิดพบคำถามของคุณเทวารักษ์ เอาพอดีเมื่อมีเพื่อนรัก-ที่เราเรียกกันและกันว่า-จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของกันและกัน-มานั่งอยู่ข้างๆนี่ด้วย เลยแปลคำถามให้เขาฟัง เขาเป็นผู้หญิงชาวอเมริกันชื่อ Rebecca (รีเบ็คก้า) อายุแก่กว่าพี่นักเขียน 9 ปี ทำสมาธิมาก่อนพี่นักเขียน 17 ปี แล้วก็มาเรียนสมาธิกับพี่นักเขียนเมื่อหกปีที่แล้ว จากนั้นก็ฝึกด้วยกันมาตลอด ฝึกฝันด้วยกัน และเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับจิตด้วยกันตั้งแต่รู้จักกันวันแรกจวบจนทุกวันนี้ (เขาเป็นภาคภาษาอังกฤษของพี่นักเขียนก็ว่าได้) เพียงแต่เขาไม่เขียนหนังสือ ไม่ download แต่เขายอมรับทุกอย่างจากพี่นักเขียน เขาบอกว่าหน้าที่ของเขาคือเลขาของพี่นักเขียนอีกทีหนึ่ง เวลาสอนสมาธิที่นี่ เขาก็ทำหน้าที่เลขาของพี่นักเขียนจริงๆ วันหลังจะเอารูปเขามาลงให้พวกเรารู้จักกัน ขออนุญาตแล้วเขาตกลง เขาเข้ามาดูห้องวิทย์ของเราแล้วบอกว่า อยากอ่านภาษาไทยได้จัง จะได้มีพวกเหมือนพี่นักเขียนแยะๆ เป็นเพื่อนรักกันมาขึ้นปีที่เจ็ด เขาขอแย่งตอบว่า :

จะเรียกว่าใครจินตนาการดีกว่ากันไม่ได้ หรือมากกว่ากันก็เปรียบเทีียบไม่ได้ เพราะข้อแตกต่างไม่ได้อยู่ที่จำนวนของจินตนาการ แต่อยู่ที่ว่า คนปกติจดจ่ออยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ แต่พวกเขาจดจ่ออยู่ที่โลกอื่นหรือโลกแห่งความเป็นไปได้บนเส้นทางอื่น

พี่นักเขียนเห็นด้วยกับคำตอบของ Rebecca ในชีวิตจริง เขาเป็นเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นครูสอนหนังสือเด็กๆที่เรียกกันว่า"เด็กพิเศษ"...

 

ขอบคุณค่ะที่ช่วยกรอง จะปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และขอรับพรว่าจะได้พิมพ์ครั้งที่สอง

 

จิตวิญญาณประสานกายค่ะ เล่มนี้เกี่ยวกับการรักษาโรคโดยตรงด้วยจิตวิญญาณ

 

พลังงานของสิ่งที่เรียกว่าวัตถุมงคล

-เราทุกคนคือจิตวิญญาณ ที่มาหาประสบการณ์ในมิติมนุษย์ ดังนั้ เราทุกคนจึงสามารถติดต่อเชื่อมโยงกับจักรวาล ที่เป็นแหล่งรวมทุกๆอย่างอยู่ในนั้น และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับการที่อยู่ในมิติมนุษย์ พอจะแนะนำช่องทางได้หรือไม่ครับ

-อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของเราทุกคน ย่อมดำเนินการแต่ละอย่างอยู่ในช่วงนั้นๆ การแก้ไข อดีต และอนาคต ต้องแก้ไขในปัจจุบัน มีวิธีการอย่างไรครับ

แบ่งสองคำถามแรก ตอบไปแล้วใน post ก่อนหน้านี้ค่ะ
- - - - - - - - -
พลังงานของ สิ่งที่เรียกว่า วัตถุมงคลมีผลส่งเสริมต่อจิตวิญญาณของเราอย่างไร นำมาใช้ กับไม่นำมาใช้ ต่างกันอย่างไร

พี่นักเขียนไม่มีความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคลค่ะ แต่พอจะมีความรู้เกี่ยวกับการนำเอาจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ เพราะได้ทำการทดลองกับนักเรียนที่มาเรียนสมาธิมาโดยตลอดตั้งแต่มาสอนสมาธิที่อเมริกานี้ โดยมีวัตถุประสงค์จะให้รู้จักธรรมชาติของจิตวิญญาณ และความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดพลังงานหรือจิตวิญญาณ

ลองพิจารณาเปรียบเทียบดูนะคะว่า เกี่ยวกับวัตถุมงคลอย่างไร

ที่ว่านำเอาจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ แปลให้เข้าใจง่ายขึ้นตามความหมายที่ท่านอาจารย์อนาลัยอธิบายให้ฟังว่า จิตคือ อารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
วิญญาณ คือข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ

การนำเอาจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ จึงแปลง่ายๆได้ว่า การนำเอาอารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ อัดลงในวัตถุธาตุ

เวลาเรามีของเก่าๆ เรามักมีความหลังมากมายกับของชิ้นนั้นๆ บางครั้งได้ของเก่ามาจากผู้อื่น หรือได้ของใหม่แต่เป็นของรักของหวงของใครเขา เราก็จะจับอารมณ์บางอย่างในนั้นได้ ถ้าเราอ่อนไหวพอ บางคนอ่อนไหวแต่ไม่เข้าใจว่าจับอะไรได้ด้วยอารมณ์ของตนเอง ก็กล่าวว่า มีผีติดมากับของบ้าง มีผีสิงมาบ้าง

ตามธรรมชาติแล้วจิตวิญญาณเป็นพลังงาน เสมือนพลังงานความร้อน ความเย็น หากเราเข้าไปในห้องๆหนึ่งซึ่งเคยมีผู้อื่นเปิดแอร์ไว้จนห้องเย็น หรือเปิดเตาไว้จนห้องร้อน พอใครคนนั้นออกจากห้อง เขาก็ปิดแอร์ ปิดเตา แล้วก็จากไป

เราก้าวเข้าไปในห้องนั้นสักชั่วโมงหรือหนึ่งวันให้หลัง เราก็อาจจะยังรู้สึกถึงความเย็น ความร้อนที่หลงเหลืออยู่ในห้องนั้นได้ และความเย็นความร้อนนั้นๆก็สถิตย์อยู่ไม่ใช่แต่เพียงในอากาศในห้องนั้น แต่อยู่ในวัตถุธาตุต่างๆในห้องนั้นด้วย ปรากฏการณ์ของการหลงเหลือของพลังงานทางกายภาพ เป็นไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลา พอเวลาผ่านไปนานๆ อุณหภูมิก็ถ่ายเทและเปลี่ยนแปลงไป

แต่จิตวิญญาณดำเนินไปนอกเหนือกฏเกณฑ์ของกาลเวลา การนำเอาจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ ก็คล้ายคลึงกับความร้อน ความเย็นที่ตกค้างในวัตถุธาตุ ต่างกันตรงที่ไม่เกี่ยวข้องกับกาลเวลาา แม้ว่าจะผ่านไปนาน หรือเดี๋ยวเดียว พลังงานก็อาจตกค้างอยู่ได้นานนับศตวรรษ หากไม่มีอะไรมาทำให้มันเคลือนไหวจากไป หรือถ่ายทอดไปสู่สิ่งอื่นๆ แต่ถ้าหากมีการถ่ายทอดเกิดขึ้น ก็อาจจะหายไปได้อย่างฉับพลัน

การถ่ายทอดหรือเคลื่อนไหวของพลังงาน หรือจิตวิญญาณ เป็นไปได้ด้วยอารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

พี่นักเขียนขออธิบายเท่านี้ก่อนนะคะ ตั้งใจว่าจะนำบทฝึกฝนมาให้พวกเราทดลองกัน จะได้เให้ทดลองนำเอาจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ และตรวจสอบได้ พิสูจน์ได้ ใครสนใจบ้าง โหวตกันหน่อย
- - - - - - - -
วัตถุประจุพลังงาน ที่เป็นรูปทรง สตาร์เดวิด , รูปทรงดาวห้าแฉก ,เทพีไอซีส ปิรามิด และที่รูปทรงดวงตาแห่งราห์ มีรูปแบบพลังงานที่น่าสนใจอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้างครับ

ข้อนี้ไม่มีความรู้เลยค่ะ ต้องขอมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายมาช่วยกันตอบหน่อย จะได้เรียนรู้ด้วยคน

- - - - - - -
เราจะสร้างพลังหรือเพิ่มพลัง เพื่อให้เรามีความสมบูรณ์ในด้านต่างๆ ในมิติมนุษย์ และในมิติอื่นๆ ได้อย่างไร

พลังจะเพิ่มหรือลดได้ด้วยการจดจ่อของสติสัมปชัญญะ คนเราทำอะไรไม่จดจ่อก็ไม่มีแรง แม้จะยกของหนักๆ หากตั้งสติให้ดี หรือบางทีก็เรียกว่าใช้อธิษฐานก่อนที่จะยกของที่ยกไม่ขัึ้น ก็ทำให้ยกไหว พลังจึงอยู่ที่การผนึกหรือการรวมกันอย่างจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะ เราสามารถเหนี่ยวนำพลังมาสู่ประสบการณ์ต่างๆในชีวิต รวมทั้งสุขภาพร่างกายของเราได้ด้วยการจดจ่อกับความสมบูรณ์พูนสุข ความแข็งแรง สัมพันธภาพที่ดี ความมั่งคั่ง ความสามารถ ฯลฯ แต่การจดจ่อที่ว่านี้ก็ต้องฝึกฝน เพราะหากปราศจากการฝึกฝน เรามักเผลอไปจดจ่อกับสิ่งที่ตรงกันข้าม เช่นอยากมีสุขภาพแข็งแรง แต่กลับไปจดจ่อกับโรคภัยไข้เจ็บ แทนที่จะจดจ่อกับความแข็งแรงสมบูรณ์ปลอดโรค อยากรวยแต่ก็จดจ่อกับหนี้สิน ความจน ความขาดแคลน
(สาระเหล่านี้มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือ-อิสระแห่งความปรารถนา) ท่านอาจารย์อนาลัยถ่ายทอดข้อมูลความรู้ให้ว่า ทำอย่างไรจึงจะใช้พลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่จะทำให้เรามีได้-ทำได้-เป็นได้สมความปรารถนา
- - - - - - -
-จิตของเรา กับสิ่งที่เรียกว่า เทวดา พรหม เทพ ต่างกันอย่างไร

อยากให้อ่านคำตอบจากหนังสือมากกว่า เพราะเป็นคำถามที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้อธิบายรายละเอียดไว้แล้ว คัดลอกมาให้อ่านหน่อยนึงว่า:

มนุษย์ถือกำเนิดมาพร้อมด้วยความมหัศจรรย์-เหินฟ้า และความเรียบง่าย-เดินดิน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์-พระเจ้าหรือเทพ-เทวดา
มีอยู่ในตัวมนุษย์
(จากหนังสือ ชีวิตนอกเหนือชาติภพ บทที่ 17 เทพ-เทวดา-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับ มนุษย์)

 

ขอคุณ Mead ช่วยอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยว่า pick up เลข 95 มาได้ยังไง จะได้สานต่อกันได้ว่า พวกเราจะวิ๊งๆกันได้ยังไง มันคืออะไร และทำซ้ำได้อย่างไร

ต่อความอีกนิดเกี่ยวกับเรื่องสุนัขที่บ้านคุณ Mead ที่ว่าน้ำท่วมปอดตายไปสองตัวเพราะฝนตกหนัก วันนี้พี่นักเขียนไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสมาคมฯ ซึ่งคล้ายสโมสร Rotary หรือ Lions คือมีการพบปะสังสรรค์เดือนละครั้งเพื่อให้สมาชิกหาเงินช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ตามหมายกำหนดการวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่จากองค์กรเกี่ยวเยาวชนมาเป็นวิทยากร แต่ปรากฏว่ามีรายการแทรก คือ องค์กรที่ดูแลสัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้ง มาขอความช่วยเหลือเพราะตึกทำการของเขาหลังคารั่ว น้ำฝนจึงเข้าไปทำให้สถานที่ดูแลสัตว์เล้ียงเสียหาย เขาเลยมาขอบริจาคเงินไปซ่อมหลังคา (ในอเมริกาไม่มีสุนัขหรือแมวข้างถนน หากเจ้าของย้ายถิ่นฐานแล้วเอามันไปด้วยไม่ได้หรือเลี้ยงไม่ได้ เขาจะนำเอาสัตว์เลี้ยงที่ยังหาเจ้าของใหม่ไม่ได้ไปมอบให้องค์กรนี้ ใครพบหมาแมวหลงทางก็เอาไปมอบให้ที่นี่ แล้วใครอยากรับสัตว์เลี้ยงเป็นบุญธรรมก็ไปรับมาได้จากที่นี่)

ที่จริงสมาคมดูแลสัตว์เลี้ยงมีหมายกำหนดการมาขอบริจาคเดือนที่แล้ว แต่พี่นักเขียนก็ไม่ว่าง ไม่ได้ไปร่วมประชุม เดือนนี้แอบหนีพวกเราไปช่วงที่ยังนอนหลับปุ๋ยกันอยู่ เลยต้องไปอยู่ตรงนั้น เพื่อเผชิญกับองค์กรกลุ่มนี้ บังเอิญ???

ที่เล่าเรื่องนี้เพราะอยากจะแชร์ว่า จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ ตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยอธิบายให้ฟัง จะเผชิญกับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน แต่ต่างสาระ ต่างสถานการณ์กัน

 

จดหมายจากผู้อ่าน

--- Pranee Hansukjariya <hpranee@hotmail.com> wrote:

>
> เรียนคุณพี่นักเขียน
>
> คุณพี่คะ
> น้องและเพื่อนๆทุกคนที่ได้ติดตามความรู้ที่คุณพี่ได้ทุ่มเทถ่ายทอดออกมาเป็นทั้งหนังสืออ่าน
> และ Audio book
> ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณพี่นักเขียนมากๆเลย
> กว่าจะมาเป็นความรู้อันทรงคุณค่าที่ยื่นให้พวกเรามีโอกาสได้รู้ตามและสัมผัสได้
> งานนี้ไม่ใช่ของธรรมดาหรือง่ายๆที่จะหาใครจะทำได้เลย
> คำว่าขอบคุณยังดูธรรมดาหรือน้อยไปด้วย
> แต่ก็ภาษาสื่อสารมีขีดจำกัด
>
> วันนี้พอทราบว่ามีบทใหม่ upload เข้ามา
> กลับจากทำงานอาบน้ำอาบท่าเสร็จ
> (มีความกระหายอยากฟังค่ะ
> ไม่ใช่สละเวลาไปฟัง)รีบเปิดคอมขอฟัง Audio Book บทที่
> 3 เพียงบทนี้บทเดียวที่ท่านอาจารย์อนาลัยอ่าน
> อยากบอกว่าเพียงความรู้จากบทนี้มีคุณค่าที่มากมายมหาศาลเกินกว่าจะบรรยาย
> เพราะครอบคลุมความรู้
> ท่านให้ความกระจ่างแจ้งเรื่องจิตวิญญาณรวมทั้งความฝัน
> ถ้าไม่มีโอกาสได้อ่านได้ฟัง
> พวกเราก็คงเป็นเหมือนแมลงวันในขวดแก้วที่ปิดสนิท
> ยิ่งถ้าใครได้อ่านหนังสือผ่านสายตามาก่อน
> หากมาฟังซ้ำโดยการตั้งสมาธิจดจ่อตั้งใจ
> ความเข้าใจในเรื่องเดียวกัน เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
> (ทำนองดนตรีเข้ากับบทอ่านได้ดีทีเดียว)
> ถ้าทำชุดซีดีเสร็จเมื่อไหร่ ขอรีบซื้อก่อนเลย
>
>
> คำตอบที่คุณพี่อธิบายอย่างละเอียดถึงเรื่องภาวะความฝัน
> ทำให้เข้าใจชัดเจน เพราะนอกจากคำถามที่ถามมา
> คำตอบนี้ยังทะลุตอบสิ่งที่น้องเคยฉงนมากมายเกี่ยวกับประสบการณ์อื่นๆของความฝัน
> ต้องกราบขอบคุณคุณพี่นะคะ
> ตอนนี้กำลังทำความเข้าใจกระทู้ที่คุณพี่เข้าไปโพสต์ตอบในพลังจิต
> น่าสนใจมาก กะว่าจะรวบรวมsave เก็บไว้อ่าน offline
>
> เช้าวันไหนมีปาท่องโก๋บนโต๊ะ จะทานเผื่อนะคะ
>
> ปราณี


ยังไงๆก็ต้องขอบคุณ คุณน้องและผู้อ่านทุกท่านอยู่ดีค่ะ เพราะว่าจดหมายที่เข้ามาทำให้มีความสุขขึ้นอีกร้อยเท่า ไม่ใช่ว่าหายเหนื่อย เพราะบอกตามความเป็นจริงว่าไม่เคยเหนื่่อย ทำงานชุดนี้ ยิ่งทำยิ่งอิ่ม จนต้องแบ่ง กลัวจะอ้วนอยู่คนเดียว
ขอบคุณสำหรับปาท่องโก๋ค่ะ
พี่นักเขียน

 

เปิดบทฝึก
การนำจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ

พี่นักเขียนขออธิบายเท่านี้ก่อนนะคะ ตั้งใจว่าจะนำบทฝึกฝนมาให้พวกเราทดลองกัน จะได้เให้ทดลองนำเอาจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ และตรวจสอบได้ พิสูจน์ได้ ใครสนใจบ้าง โหวตกันหน่อย

ใครสนใจ รีบมาลงชื่อกัน เดี๋ยวพี่นักเขียนจะได้มาสอน

ยกมือคนแรกเลยเรา

ขอแถมนิดนึงครับ

พี่นักเขียน ผมอยากได้บทฝึก การอัดพลังแห่งความมั่งคั่ง,
ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข , ความแข็งแรง แต่ละอย่าง
แบบเดียวกับการรักษาเฉพาะทาง ลงในวัตถุธาตุ ในแต่ละชิ้นด้วยครับ อยากเรียน อยากรู้ มากๆๆๆ
ขอบคุณครับ

 

ขอให้ข้อมูลความผิดพลาด

ต้องขอขอบคุณ คุณเทวารักษ์ด้วยครับ ที่ช่วยตรวจตัวอักษรในหนังสือให้
ในฐานะของ pr ของท่านอาจารย์อนาลัย ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
เพราะว่าตอนที่เริ่มดำเนินการจัดพิมพ์ครั้งแรกข้อมูลต้นฉบับได้จัดส่งมาจาก
อีกขั้วโลกหนึ่ง เหมือนอยู่กันคนละมิติ ด้วยพี่นักเขียน กับ ผมทำงานด้วยกัน
เหมือนไม่มีเวลาได้พักทั้งกลางวันและกลางคืน จึงทำให้อาจเกิดข้อบกพร่อง
ได้ครับซึ่ง ผมในฐานะ Pr ขอยอมรับผิดแต่ผู้เดียว แต่ก็เป็นเพราะเห็นความ
สำคัญที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้ถ่ายทอดข้อมูลที่น่าอัศจรรย์จนผมผู้ที่ชอบ
ศึกษาเรื่องจิตวิญญาณมานาน ถึง 20 ปี หยุดค้นหาข้อมูลความรู้จากแหล่ง
ความรู้อื่นทันที ด้วยความที่อยากให้ทุกท่านได้สัมผัสข้อมูลความรู้นี้ให้เร็วที่สุด
จึงได้รีบดำเนินการจัดพิมพ์อย่างเร่งด่วน จนเกิดความบกพร่องขึ้นแม้กระทั่ง
หน้าปกของหนังสือที่มีการแตกเป็นรอยยับย่นของหนังสือ ก็เนื่องมาจากความ
รีบในการเคลือบผิวปกที่ใช้ความร้อนขณะเคลือบผิวน้อยไปของโรงงานที่รับ
เคลือบผิว หากท่านใดที่ต้องการเปลี่ยนหนังสือก็ติดต่อได้ที่ผมเลยครับ

และต้องขอรบกวน พี่ ๆ น้อง ๆ ในเว็บนี้ช่วยประชาสัมพันธ์หนังสือให้อีกทาง
หนึ่งครับ เพราะว่า หนังสือกำลังถูกร้านหนังสือเรียกให้ทางเรานำกลับ เพราะ
เขาบอกว่าหนังสือไม่เดิน ผมเสียใจมากที่หนังสือที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา
อยู่ในสถานะนี้ ทุกท่านที่ได้อ่าน และได้สัมผัสหนังสือ และการตอบข้อซักถาม
ของนักเขียน คงเห็นความทุ่มเทของนักเขียนผู้ทำหน้าที่ล่ามและเลขาว่า ท่าน
ให้ความสำคัญในการตอบข้อซักถามของทุกท่านขนาดไหน ที่จะเปลี่ยนความ
เชื่อที่มีมายาวนานข้ามภพข้ามชาติ ให้กลายเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ผมได้ความรู้
และประโยชน์อย่างมากในการรับข้อมูลจากหนังสือชุดนี้ และผมก็คิดว่าทุกท่าน
คงคิดเหมือนผม

 

การนำจิตวิญญาณอัดลงในวัตถุธาตุ


จะคล้ายๆกับการ copy พลัง จากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่งหรือเปล่าครับ พี่นักเขียน

น่าสนใจมากๆเลยครับวิชานี้

 

การฝันไปยังอดีตเพื่อแก้ไขอดีต

เล่มเล็กที่ออกมาครั้งแรกชื่อว่า "ธรรมชาติของชาติภพ" ส่วนเล่มใหม่มีชื่อว่า "โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ" เล่มใหม่-ขยายความตามชื่อหนังสือจริงๆค่ะ

การแก้ไขอดีตในความฝัน คล้ายกับการสะกดจิตเพื่อแก้ปัญหาซึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ในอดีต ในส่วนที่ว่า บุคคลผู้นั้นเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของสติสัมปชัญญะจากภาวะในปัจจุบัน ไปสู่ภาวะในอดีต เพื่อเผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆอีกครั้งหนึ่ง แต่สิ่งที่อาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็คือ การสะกดจิตเป็นไปโดยการเหนี่ยวนำของผู้ทำการสะกดจิต แต่ความฝันเป็นไปโดยการเหนี่ยวนำของผู้ที่ฝันเอง และโดยมากแล้วการสะกดจิตมักเป็นศาสตร์ที่เป็นไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลา คือเชื่อว่า อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนอนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้นศาสตร์ของการสะกดจิตจึงมองหาแต่เหตุในอดีต และมักเป็นไปเพียงแค่อดีตในปัจจุบันชาติ ในขณะที่ศาสตร์ของความฝันเป็นศาสตร์ที่อยู่นอกเหนือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เหตุอันส่งผลมาสู่ปัจจุบัน จึงไม่ใช่แต่เพียงเหตุจากอดีตแต่อาจเป็นเหตุจากอนาคตในปัจจุบันชาติ ในอดีตชาติและอนาคตชาติ และจากเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อื่นๆ ดังนั้นการแก้ไขเหตุในความฝัน จึงเป็นได้กว้างไกลลุุ่มลึกกว่าการสะกดจิตมาก

แต่ก็มีบางกรณีที่มีการสะกดจิตโดยจิตแพทย์เพื่อหาเหตุในอดีต แต่ผู้ป่วยก็เปลี่ยนวิถีการจดจ่อของสติสัมปชัญญะก้าวล่วงไปสู่อดีตชาติ หรืออนาคตชาติ แต่จิตแพทย์น้อยคนนักที่จะพิจารณาสิ่งเหล่านี้ อย่างมากเขาก็อาจจะพิจารณาเหตุจากอดึตชาติเพิ่มเติมขึ้นมา เช่นในกรณีของ Dr. Brian Weiss แต่อาจจะหาไม่ได้เลยที่เขาจะพิจารณาเหตุจากอนาคตชาติ

การสะกดจิตดังกล่าวของจิตแพทย์ หาอ่านได้จากหนังสือ by Dr. Brian Weiss :
Many Lives, Many Masters
Messages From The Masters
Only Love Is Real
Through Time Into Healing

 

ตามวิธีการที่พี่นักเขียนฝึกฝนและทำการทดลองร่วมกับนักเรียนสมาธิที่นี่ เราไม่ได้ copy พลังค่ะ หากแต่ว่าเราอัดพลังของอารมณ์-จินตนาการ ความรู้สึกนึกคิด ข้อมูลความรู้และความทรงจำลงไปในวัตถุชิ้นหนึ่งๆ แล้วให้บุคคลอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้เห็นจากคำบอกเล่าของผู้ที่อัดพลังลงไป นำไปอ่านว่าเขาอัดอะไรลงไป เหมือนอัด VDO แล้วให้อีกคนไปสัมผัสดูว่ารู้เห็นอะไร

ฝรั่งที่นับถือ Christian หรือ Catholic ไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องอดีีตชาติเสมอไป พี่นักเขียนไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ แต่ต้องการให้เขาเรียนรู้ว่า จิตวิญญาณถ่ายทอดไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ คือจากบุคคล ไปสู่วัตถุธาตุ และจากวัตถุธาตุก็ไปสู่อีกบุคคลหนึ่งได้ โดยยังคงสภาวะอยู่ในบุคคลเจ้าของแรกเริ่ม และคงอยู่ในวัตถุธาตุนั้นต่อไปด้วย หากมีบุคคลที่สามเข้ามาจับว้ตถุชิ้นเดิม และถ่ายทอดอีกครั้ง ก็ถ่ายทอดได้อีก ถ้าจะเรียกว่า copy ก็คงคล้ายกันในบางลักษณะ แต่น่าจะเรียกว่า Clone มากกว่ามั๊ง และกระบวนการดังกล่าวนี้ก็เป็นสิ่งที่คำนวณไม่ได้ด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์

แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก พี่นักเขียนทดลองมาตลอดเวลาหลายปีที่สอนสมาธิอยู่ที่นี่ ไม่เคยมีใครทำไม่ได้ คืนนี้กลับเข้ามาอ่านวิธีการได้ค่ะ จะเรียบเรียงไว้ให้เป็นขั้นตอนง่ายๆ

หลังจากทดลองกับวัตถุที่จับต้องได้แล้ว บทฝึกฝนบทต่อไป จะแนะนำให้ทดลองอัดจิตวิญญาณใส่ในภาพ แล้วส่งให้กัน online นี่แหละ พี่นักเขียนยังไม่เคยลองกับนักเรียนสมาธิอื่นๆด้วยวิธีนี้ พวกเราเป็นกลุ่มแรกปฐมฤกษ์

จะว่าไปแล้ว คุณ Mountain ก็ทำสำเร็จไปแล้วก่อนที่เราจะเริ่มต้นบททดลองอันแรก เพราะเมื่อพี่นักเขียนถามคุณ Mountain ถึงวันที่ 9 ตุลาคม พี่ก็รับเอาจิตวิญญาณของใครบางคนมาจากลมหายใจในขณะที่ทำสมาธิ แล้วก็รู้สึกเศร้ามากๆอยากร้องไห้ จะเที่ยวไปถามใครว่า ใครเสียวันที่ดังกล่าวก็ไม่เข้าท่า เพราะรู้สึกว่าเสียหลายคน แต่ไม่ใช่พร้อมๆกัน แต่มันมีวันที่แค่วันเดียว จะตั้งคำถามยังตั้งไม่ถูกเลย แต่อยากรู้ อยากพิสูจน์ เพื่อจะได้เรียนรู้ พอคุณ Mountain ปรากฏในห้องวิทย์นี่ จิตมันพุ่งไปที่คุณ Mountain ว่าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณส่วนนั้นๆที่ได้สัมผัส จึงถามไปที่คุณ Mountain คนเดียว ไม่ได้โปรยคำถามไปที่ใครอื่น

ทันทีที่คุณ Mountain ได้รับคำถาม ก็รับเอาจิตวิญญาณส่วนนั้นได้ จึงรู้สึกเศร้าไปอีกต่อหนึ่ง

ส่วนคุณ Mead ก็รับไปแล้วอีกคนเหมือนกัน จึงมาถามพี่นักเขียนว่าเลข 95 มีึความหมายอะไรกับพี่?

ในบทฝึกฝน เราจะทำอย่างเจาะจงมากกว่านี้ และจะทำให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นกว่าการรับแบบลมเพลมพัด

หายเศร้ายังคะ ต้องขอโทษมากๆที่ส่งความเศร้าไปให้ ไม่ว่ากันนะ อยากเห็นคุณ Mountain เต้น rap อีกจัง(rose)

 

หากเศร้ายังคะ ต้องขอโทษที่ส่งความเศร้าไปให้ ไม่ว่ากันนะ อยากเห็นคุณ Mountain เต้น rap อีกจัง(rose)<!-- / message --><!-- sig -->
............................................................

ขอบคุณพี่นักเขียนมากๆครับ ผมหายเศร้าแล้วครับ

 

เราทำได้นะคะ แต่ต้องศึกษาข้อมูลความรู้จากท่านอาจารย์อนาลัยให้เข้าใจก่อน อย่างน้อยเราก็จะมีพื้นฐานที่ทำให้เข้าใจในกระบวนการและผลลัพธ์ ซึ่งจะทำให้เราฝึกฝนอย่างได้ผล บทฝึก การอัดพลังแห่งความมั่งคั่ง, ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข , ความแข็งแรง เป็นข้อมูลความรู้ที่มีอยู่ในหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา ขยันอ่านนะ ทำการบ้านหน่อยแล้วมาทำบทฝึกฝนกัน จะได้ผลมากกว่าหัดทำบทฝึกฝนอย่างเดียวหลายเท่าตัว

 

อ๋อ..ตกลงเลข 95 นี่เป็นบ้านเลขที่ในเมืองไทยเหร๋อครับ
พอดีนั่งอ่านเรื่องทะเลอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ๆเลขนี้ก็วิ้งๆขึ้นมาในความคิดเมื่อวานครับ..
หลับตาทำสมาธิแล้ว Serch ดูเกี่ยวกับสถานที่ครับ ก็ผุดเลขชุดนี้ขึ้นมา..บังเอิญไปตรงกับที่อยู่พี่นักเขียนพอดี..
คงฟลุ๊กมากกว่าน่ะครับ

เคยเล่นเกมส์ทายเลขกับเพื่อน 000 - 999 ในกระทู้อื่น..3 ชุด (9 ตัวเลข)
ครั้งแรกทายถูกไป 5 ตัวเลข..เลยนึกสนุกทดสอบดูอีกทีครับ..ชอบทำการทดลองอ่ะคับ
ว่าแวปแรกที่เห็นนี่พอจะเชื่อถือได้แค่ไหน