เรื่องเด่น "คุณไสย" แพ้ สามประโยคสั้นๆ เรื่องเล่าของ "พระพุฒาจารย์โต"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Prophecy, 23 กรกฎาคม 2012.

  1. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนตร์ด้วยตัวอาตมาเอง ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูตผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนตร์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง


    [​IMG]

    อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใดก็จะกล่าวเพียงคำนี้ ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้ เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดในที่แห่งนั้น อาตมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นระยะเวลาหลายปี และ ณ ที่แห่งนั้น อาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์

    มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว ชาวบ้านผู้นั้นอาตมาทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล นายผลได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทมนตร์คาถาอาคมเล่าเรียนจนมีญาณแก่กล้า และมักจะทดสอบเวทมนตร์คาถาอาคมแก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ บริเวณนี้เป็นประจำ เขาเล่าให้อาตมาฟังว่าเขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่ไม่ได้หวังทำร้ายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้น จะมีวิชาอาคมแก่กล้าสามารถที่จะต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่ นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตมาถึง 7 วัน เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้เลย

    วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ศึกษาพระเวทมนตร์คาถา หรือคุณไสยใด นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก ถ้าหากไม่มีของดีแล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมาจึงกลับมายังเขา ซึ่งเป็นผู้กระทำ ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่า อาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้นายผลสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดอาตมา จึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนตร์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำร้ายได้ อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ



    [​IMG]

    จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลยอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ

    นายผล เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านในวันนี้ ก่อนที่ท่านจะจำวัดจงหยุดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่ ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่าการสวดมนตร์ของท่านเช่นนี้ จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่านหรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนตร์คาถาในภูตผีปิศาจ ของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่ ข้าพเจ้าขอรับรองว่า จะไม่ทำอันตรายแก่ท่านอาจารย์อย่างเด็ดขาด เพียงแต่ต้องการที่จะทดสอบให้ความรู้แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

    อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์ นายผลจึงได้ลากลับไป ครั้นถึงเวลาพลบค่ำอาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนตร์ตามที่ได้ปฎิบัติเป็นปกติ เมื่ออาตมานอนหลับไป อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาตมาได้ยินเสียง กุกกัก กุกกัก ดังขึ้นมา จึงได้จุดเที่ยนและพบตะขาบใหญ่ยาวเท่าขาของอาตมากำลังเลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ตัว ของอาตมามาก อาตมารู้สึกตกใจถึงหน้าถอดสี และด้วยสัญชาติญาณจึ่งกล่าวคำสวดมนต์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ เสียงกุกกักและตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดนอนเป็นปกติ ในวันรุ่งขึ้น นายผลก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ปล่อยตะขาบเข้าไปในกลดที่ท่านพักพำนักอยู่ อาตมาบอกว่าอาตมาได้ตื่นมาและตกใจ จึงได้สวดมนต์ภาวนา ตะขาบตัวนั้น ก็อันตรธานหายไป

    นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่า บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า อำนาจเวทมนตร์คาถา และคุณไสยใดๆ ของข้าพเจ้ามิอาจทำร้ายท่านได้ ก็เพราะอำนาจแก่การสวดมนตร์ภาวนาของท่านเป็นเกราะคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ได้

    ที่อาตมา (สมเด็จโต) ได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน เพื่อให้เป็นอานิสงส์ของการสวดมนตร์ว่า เหล่าพรหมเทพได้มาฟังการสวดมนตร์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้ เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าพวกพรหมเทพแล้วไซร้ ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย ที่นายผลส่งมาเล่นงานอาตมาได้อย่างแน่นอน ท่านเจ้าพระยา และ อุบาสก อุบาสิกา ในที่นั้น เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้วต่างก็ยกมือขึ้นสาธุว่า อานิสงส์ของการสวดมนตร์มีคุณค่าสูงส่งยิ่งนัก


    ........................................................

    [​IMG]

    “ เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ”

    เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโตมาเทศน์ที่บ้านครั้นพลบค่ำ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพร้อมลูกศิษย์ได้เดินทางจากวัดระฆังมายังบ้านของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี ซึ่งในขณะนั้นมีอุบาสก อุบาสิกา นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเป็นจำนวนมาก ด้วยต้องการสดับรับฟังการเทศน์ของท่านเจ้าประคุณ ณ ที่เรือนของท่านเจ้าพระยา
    เจ้าประคุณสมเด็จโต ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์ “ เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ”

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่ายังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามากหรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย่างไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้ามีคุณเช่นไร การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์

    ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี 5 โอกาสด้วยกันคือ


    • เมื่อฟังธรรม
    • เมื่อแสดงธรรม
    • เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์
    • เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
    • เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ


    การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไปเพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ

    • กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม
    • ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย
    • วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาด


    [​IMG]

    หากมีและกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดที่เดียว อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน

    การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดับพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น

    *ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้น ๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด

    *ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอย ได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดา ทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม


    ดูก่อน.. ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเมื่อจิตมีที่พึ่งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใด ๆ ก็ดีจะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั่นแล.


    จากหนังสือ อมตะธรรม สมเด็จโต พรหมรังษี

    ข้อมูลจาก MORAL THINKING: อานิสงส์จากการสวดมนต์ (สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี)

    ..................................


    [​IMG]

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) (นามเดิม: โต; อังกฤษ: Somdej Toh) หรือนามที่นิยมเรียก "สมเด็จโต" "หลวงปู่โต" หรือ "สมเด็จวัดระฆัง" เป็นพระสงฆ์มหานิกาย เป็นพระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความนิยมนับถืออย่างมากในประเทศไทย ท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ 4-5

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) นับเป็นพระเกจิเถราจารย์ผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส เป็นที่เคารพนับถือทั่วไปมาตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชน[1] และนอกจากจริยาวัตรด้านความสมถะอันโดดเด่นของท่านแล้ว ท่านยังทรงคุณทางด้านวิชชาคาถาอาคม เมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุมงคล " พระสมเด็จ" ที่ท่านได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ได้ถูกจัดเข้าในพระเครื่องเบญจภาคี หรือสุดยอดของพระเครื่องวัตถุมงคล 1 ใน 5 ของประเทศไทย[2] และมีราคาซื้อขายในปัจจุบันต่อองค์เป็นราคานับล้านบาท[3] ด้วยปฏิปทาจริยาวัตรและคุณวิเศษอัศจรรย์ของท่าน ทำให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยเคารพนับถือว่าท่านเป็นอมตะเถราจารย์รูปหนึ่งของเมืองไทย และมีผู้นับถือจำนวนมากในปัจจุบัน


    จาก http://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระพุฒาจารย์_(โต_พฺรหฺมรํสี)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  2. สมณะโมกข์

    สมณะโมกข์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +91
    สาธุ สาูธุ สาธุ
    "พุทโธ อัปปมาโณ" คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้
    "ธัมโม อัปปมาโณ" คุณของพระธรรมหาประมาณมิได้
    "สังโฆ อัปปมาโณ" คุณพระสงฆ์หาประมาณมิได้

    นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ที่พึงอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
    พุทโธ เม สะระณัง วะรัง พระพุทธเจ้า เป็นที่พึงของข้าพเจ้าอันประเสริฐ

    นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ที่พึงอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
    ธัมโม เม สะระณัง วะรัง พระธัมมะเจ้า เป็นที่ึพึงของข้าพเจ้าอันประเสริฐ

    นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ที่พึงอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
    สังโฆ เม สะระณัง วะรัง พระสงฆะเจ้าเป็นที่พึงของข้าพเจ้าอันประเสริฐ

    (deejai)(smile)
     
  3. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605


    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ. (กราบ)
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมังนะมัสสามิ. (กราบ)
    สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. (กราบ)


    พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
    ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน (กราบ)

    พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว , ข้าพเจ้าขอนมัสการ พระธรรม (กราบ)

    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสงฆ์ (กราบ)




    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ

    ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ

    ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  4. somkun62

    somkun62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +766
    ผมขออนุญาตนำไปแชร์ในเฟสฯนะครับ
    ปล ถึงผมจะแก่แต่ก็มีเฟสฯเป็นของตัวเอง เหมือนกันนะ อิอิ
     
  5. Toon Eastern

    Toon Eastern เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +309
    สาธุ...ผมก็ท่องชินบัญชรนะครับ....
    รบกวนถามหน่อยนะครับ...
    เดิมตั้งแต่เด็ก ผมนอนจะเห็นลูกไฟ ลอยไปลอยมาในมุ้ง...วนอยู่แบบนั้นแหล่ะ
    เห็นคนเดียว เห็นด้วยตาปล่าว ๆ นี่แหล่ะครับ...ตอนเป็นไข้ ไม่สบาย
    แล้วไม่รู้ว่าที่บ้านทำยังไงก็หายไป.. แต่เวลานอนก็ผวาตลอด เหมือนมีใครอยู่ด้วย
    (ผมมีน้องสาวคนนึง เสียไปแล้ว เห็นดวงไฟตอนน้องเสียครับ)
    พอโตขึ้นได้มาท่องชินบัญชร เวลาฝันจิตก็นึกถึงชินบัญชรครับ... แต่เวลาคิดจะท่อง
    ก็ปวดสีข้างมาก ๆ จนท่องไม่ไหว กึ่งหลับกึ่งตื่นหน่ะ
    แต่ก่อนนอนท่องปกติ ไม่เป็นไรนะ... ไม่รู้ว่าเป็นไรรึป่าว.
    เวลาฝันร้าย จิตจะนึกถึงชินบัญชรตลอดเวลา แต่ท่องไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  6. ิิbetarird

    ิิbetarird เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +161
    กราบ อัญชลี วันทา อภิวาท
     
  7. kennyjee

    kennyjee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +202
    ทำทุกอย่าง ต้องทำด้วย ใจ
     
  8. จินตภัทร

    จินตภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +396
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญ และขอน้อมนำคำสอนของท่านไปปฏิบัติ สาธุ
     
  9. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันเกษม
     
  10. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    ข้าพเจ้าได้ศึกษาประวัติขององค์สัมาสัมพุทธเจ้า ได้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พุทธะ ได้เห็นแล้วว่าธรรมใดพระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ควรนำมาปฏิบัติอย่างยิ่ง บ่อยครั้งเมื่อได้เอ่ยสามประโยคสั้นๆ นี้แล้วจะเกิดอาการณ์ปิติอย่างมาก เพราะได้ตระหนักดีถึงความหมายของสามประโยคนี้ ข้าพเจ้ามิได้เอ่ยสามประโยคนี้เพียงเพราะเขาบอกให้เอ่ย หรือเพียงเพราะเป็นประเพณีที่ชาวพุทธพึงทำ...หากแต่เอ่ยออกมาด้วยใจที่เคารพบูชาและศรัทธาอย่างยิ่ง


    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  11. bonnie99

    bonnie99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +1,538
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ค่ะ คราวหน้าหากต้องไปนอนต่างจังหวัด จะได้มีคาถาป้องกันตัว สาธุ
     
  12. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    ข้าพเจ้าเกิดมาตั้งแต่เด็กจนโต ได้พบความทุกข์อย่างมาก สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นทางสว่าง ได้พบทางพ้นทุกข์ ก็คือพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ข้าพเจ้าพูดจากใจจริง ...

    ผู้ใดได้พบพระธรรมคำสั่งสอน ได้มีโอกาศฟังธรรมของพระพุทธองค์ ถือว่าเป็นผู้โชคดีแล้ว แม้ได้ทองกองเท่าภูเขาหามีค่าเท่าไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  13. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,712
    ค่าพลัง:
    +5,723
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ



    ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
    พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
    อนุโมทนากับจขกท.ด้วยครับ สาธุ ๆ ๆ ครับ
     
  14. oat007

    oat007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    3,257
    ค่าพลัง:
    +6,770
    สาธุ สาธุ สาธุ

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
     
  15. ranlikit

    ranlikit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +125
    พุทธังรักษา ธรรมมังรักษา สังฆังรักษา
    พุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆะบูชา
    อิติบูชา ข้าพเจ้าบูชา พระพุทธคุณแห่งองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า
    และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
     
  16. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ตั้งแต่หยุดกิจกรรมพลังจิตลงไปด้วยวาระ.. ตั้งใจปฎิบัติและสวดมนต์อย่างจริงจัง.
    (อย่างต่ำไม่เกิน1ชั่วโมงทุกวัน) เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน..พุทธังสรณัง คัจฉามิ
    ธัมมังสรณัง คัจฉามิ
    สังฆังสรณัง คัจฉามิ
    ด้วยหัวใจน้อมบูชาศรัทธายิ่ง..
     
  17. artbuddhabless

    artbuddhabless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +161
    " พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธรรมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ "
    กำลังใจท่านมาเต็มจริงๆครับ
     
  18. Thai Amulet

    Thai Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +203
    ขอร่วมอนุโมนาครับ
     
  19. suparush

    suparush Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +61
    ข้าพเจ้าขออาศัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ. (กราบ)
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมังนะมัสสามิ. (กราบ)
    สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. (กราบ)
     
  20. Thepkanya

    Thepkanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2008
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +10,071
    เหตุ...และ....ผล คือ.....เย ธัมมา เหตุป ปะภะวา ฯลฯ

    หากการสังวัธยายพระพุทธมนต์ ของพระพุทธเจ้าบทใด ๆ ก็ตาม เป็นไปด้วยจิตใจอันตั้งมั่น แน่วแน่ มิวอกแวกไปคิดในเรื่องอื่น ๆ แลท่องต่อเนื่องเป็นจังหวะยาว-สั้น โดยสอดคล้องกับลมหายใจที่ฝึกอดกลั้นมาดีแล้ว ก็จักเกิด....พลังการสั่นสะเทือนของจิต หรือ Vibrate/Vibration

    จิตที่มีการสั่นสะเทือนจาก...เหตุที่ เป็นคุณ จะให้ผลลัพธ์ ที่ดีกว่า จิตที่มีการสะเทือนจาก...เหตุที่ เป็นโทษ

    เช่น จิตที่มีโทสะ เป็นต้น เพราะการโกรธจนตัวสั่น..นั้น จิตจะสั่นก่อน และสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง...กายสั่นตาม ฉะนี้แล้ว....พลังจิตจากความโกรธ ณ ช่วงขณะนั้น...จักให้ผลลัพธ์...ที่รุนแรงปานใดเล่า?

    ส่วนจิตที่สั่นสะเทือนด้วย....เหตุจากองค์คุณ ย่อมเปล่งแสงออร่าของจิตออกมา เชื่อมต่อกับ...พลังพุทธานุภาพ ของ พระพุทธฯ ที่อยู่ในจักรวาล ส่งผลให้....ดอกบัวบานเร็วขึ้น ความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เกิดได้ง่ายขึ้น

    มนุษย์ทุกคนมี ดอกบัวด้วยกันทุกคน ไม่เว้นทั้งคนดีคนชั่ว คนมีวิบากอกุศลมาก หรือ วิบากอกุศลน้อย เมื่อมาเกิดแดนโลกธาตุมนุษย์ ต่างได้มาเหมือน ๆ กัน ทุกสิ่งแก้ไขได้ เปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการกระทำเหตุใหม่..ที่ดี ในภพนี้ ในชาตินี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...