เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

พระนิพพาน พระปัจเจก

เหรียญสมเด็จองค์ปฐม เสาร์ห้า พระนิพพาน และเหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้าพญาเต่าเลือน ของแท้ (เนื้อทองเหลือง) สร้างมานานประมาณ ๑๕ ปี รูปร่างหน้าตา เป็นอย่างไร ก็ดูเอาและจดจำตำหนิรูปพรรณเอาไว้ จะได้ไม่ถูกหรอก เห็นเวบอี่นเขานำมาเสนออยู่ที่องค์ละ 999 บาท แต่ที่เหรียญบิน รับประกัน นำมาประมูลร่วมสร้างห้องกรรมฐาน และสร้างพระ เห็นด้วยกับ พี เสาวภา ตอกโค๊ต รับประกัน อีก ๑ โค๊ต เพื่อเป็นหลักประกันว่า มาจากเหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำ

 

อธิษฐานเต็มรูปแบบ: หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


ไปต่อกระทู้หลวงปู่ ๕ องค์ เครื่องบินตก นำมาเล่าสู่กันฟัง
สาธุ อิทัง ปุญญะ พลัง บุญใด กุศลใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสม มาดีแล้ว แต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และที่จะได้กระทำต่อไปในอนาคต จะยังเกิดประโยชน์ความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้นให้กับ ดวงวิญญาณของหลวงปู่ทั้ง ๕ พระองค์ ขอจงได้รับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมรับ ร่วมถวาย ได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ
อีกทั้ง บุญใดกุศลใดที่ หลวงปู่ทั้ง ๕ พระองค์ ได้สร้างสมมาดีแล้วแต่อดีต จนถึงปัจจุบันข้าพเจ้าขอมีจิตร่วมยินดีร่วมโมทนา ในบุญกุศลของหลวงปู่ ทั้ง ๕ พระองค์ ทั้งหมดทั้งสิ้น ด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลในครั้งนี้ ในวันนี้ ขอความไม่มี ความไม่สำเร็จ และความไม่สมหวัง จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน เทอญ อิทธิ ฤทธิ พุทธ นิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดช เดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่ มะ อะ อุ นี้ด้วยเถิด

 

เรียนท่านช้างผู้เจริญ
พระสมเด็จทรงช้างผมไม่ได้สร้างครับ เป็นขององค์การเภสัช สวยงามและมีส่งามาก
ฝีมือชั้นครู ต้องถามเฮียหมู 2492 ดู
อยากนิมนต์มาออกแบบพิมพ์ 1.หน้าสมเด็จองค์ปฐม-ด้านหลังพระศรีอริยเมไตรให้เฉียบขาด
รายละเอียดมวลสาร เช่น สีผึ้ง108อาจารย์ หลวงปู่บุญศรีปลุกสีน่าจะเกือบร้อยครั้ง 2.เหล็กไหลตาแรด 3. แร่ไหลคำดำ จากภูควายเงิน 4. ผงสำเร็จอายุพันปี 5. ผงไม้งิ้วดำ 6. ไม้แก่นมะขาม ผงหวานยาปราบชมพูทวีป ผงยาจินดามณี หลวงปู่เพิ่ม ฯลฯ จะมาให้รายละเอียด

ปัญหาคือ จะให้หลวงปู่องค์ไหนปลุกเสก กี่องค์ จะเข้าพิธีใหญ่ที่ไหนบ้าง ?????? ท่านช้างและสมาชิกพี่น้องบ้านเหรียญบินโปรดให้คำตอบด้วย เพราะมวลสารหลายอย่างเก็บไว้มากกว่าหลายปี ของจะอยู่บนคอไม่ใช่เก็บไว้บนหิ้ง

 

ประการที่ ๑ ก็ให้ผู้สร้างมาอธิบาย ว่ามีกี่พิมพ์ กี่แบบ มวลสารอะไรบ้าง ปี พ.ศ.ไหน เพราะศิษย์ที่มาทีหลัง เป็นร้อย เป็นพัน เขาไม่รู้ ที่มา ที่ไป จึงทำให้ถูกหลอกได้ง่าย
ประการที่ ๒ สถานที่ปลุกเสก สำนักแม่ชีประทุม กว้างใหญ่ไพศาล และ ทุกปี เดือนกันยายน ป้าอี๊ด จะนิมนต์พระมาทำบุญ ๓๐๐-๔๐๐ รูป ก็ทำพิธีปลุกเสกวันนั้นก็ได้ถ้าฤกษ์ให้ หลวงปู่ที่ปลุกเสกให้ป้าอี๊ด นิมนต์มาก็ได้ เช่น หลวงปู่เกี่ยววัดสระเกศ หรือหลวงพ่อกอไผ่ หรือสมาชิกท่านใด พอจะรู้หรือสามารถนิมนต็์มาได้ก็นิมนต์มา ๙ องค์ หลังจากนั้นรอขอเข้าพิธีใหญ่วัดท่าซุงอีกวาระ ก็น่าจะพอนะท่าน
ก็ขอให้สมาชิกทั้ง หลายแสดงความคิดเห็นกันมาก็แล้วกัน นะครับ ช่วยกันออกความคิดเห็น

 

เมื่อปี ๒๕๕๔ เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ ของกองทัพบกตกที่เขื่อนแก่งกระจาน รวม ๓ ลำ ทหารเสียชีวิต ๑๗ ศพ รุ่งขึ้นข้าพเจ้าได้มอบเงินสดให้ อ.โกศล กิจเจริญ พร้อมรายชื่อทหารทั้ง ๑๗ นาย เพื่อทำสังฆทานชุดใหญ่ ประกอบด้วยพระพุทธรูป มากกว่า ๙ นิ้ว ผ้าไตรจีวร และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อขอโอกาสดวงวิญญาณทั้ง ๑๗ มารับสังฆทานก่อน ด้วยทหารทั้ง ๑๗ นาย มีบุญคุณต่อข้าพเจ้าด้วยเหตุช่วยปกป้องศัตรูของประเทศชาติและปกป้องสมบัติของชาติ (จะทำได้ต้องมีความเกี่ยวพันกัน เป็นพี่ เป็นน้อง หรือเคยมีบุญคุณต่อกัน ถ้าเป็นลูกน้องก็บอกว่าลูกน้องมีพระคุณ ช่วยทำงานให้ หนักเป็นเบา) เรื่องนี้เรื่องจริงหรือไม่ สามารถกระทำได้หรือไม่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มีคำตอบ

จึงได้นึกในใจว่า เอ.. ตากิ่มนี่น่ากลัวจะมีอันตราย นั่นก็หมายความว่า แกอาจจะต้องถูกลงโทษ อาจจะกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงได้กำหนดจิตถามว่า
“เวลานี้นายกิ่มอยู่ที่ไหน ใครควบคุมอยู่ ขอได้โปรดนำมาก่อนด้วย ขอโอกาสนิดหนึ่ง”

ภาพก็ปรากฏเห็นแกเดินมา แกเศร้าสร้อยเหลือเกิน มีโซ่ล่ามคอมา ๒ เส้น คนจูงหางโซ่มาข้างละคน มาถึงก็มานั่งก้มหน้าแสดงความทุกข์ ถามแกก็ไม่พูด

จึงถามคนคุมมา บอกว่า
“วันนี้ลูกสาวเขาบวชลูกชายแก และทำบุญถวายสังฆทาน มีพระมากนี่และก็มีพระเทศน์ บุญนี้เป็นมหากุศล ทำไมบุญขนาดนี้ นายกิ่มจะไม่มีโอกาสได้บ้างเชียวหรือ”

เขาก็ตอบว่า ไม่มีโอกาส เขาก็เลยเล่าประวัติของนายกิ่มที่ทำความไม่ดีมามาก แต่ตอนที่ตากิ่มแกพบอาตมานี่แกทำดี เมื่อตอนนั้นยังอยู่กรุงเทพฯ ขึ้นมาชัยนาททีไรพัก ๕ วัน ๗ วัน ตากิ่มมานอนอยู่ทุกวันไม่ยอมกลับ ตอนเช้าไปเอาข้าวต้มมาจากบ้าน ตอนกลางวันเอาข้าวสวยมา ตอนเย็นตอนบ่ายก็เอาเภสัชมาถวาย ทำดีทุกอย่าง แต่อดีตของแกไม่ดี เขาเรียกว่า ต้นคดปลายตรง ตอนปลายนี่ดีมาก

เมื่อเขาเล่าประวัติจบก็เลยถามว่า
“ความดีเขามีอยู่ แต่เวลาตายจิตมัวหมอง อันนี้ทำอย่างไร จึงจะให้เขามีโอกาสโมทนาบุญได้”

คนที่คุมมาเขาก็เลยบอกว่า
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน บุญที่ลูกทำให้ก็ดี หรือที่นายกิ่มทำมาแล้วก็ดี เวลานี้กำลังไม่พอ”

จึงได้ถามว่า “กำลังบุญอะไรมันถึงจะพอ”
แกก็บอกว่า “กำลังของบุญกรรมฐาน”

บุญกรรมฐานมีกำลังใหญ่มาก สามารถจะแหวกวงล้อมเข้าไปได้ ถ้าไม่หนักจนเกินไป คือยังไม่ลงนรกละก็ช่วยได้ ก็เลยบอกว่า
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะอุทิศส่วนกุศลให้ตากิ่มจะได้ไหม เพราะแกมีบุญคุณกับฉันมาก”

คนคุมเขาก็บอกว่า “ก็ดีเลย บุญของท่านมีกำลังเยอะ”
ก็บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันจะให้นายกิ่ม”

ก็เลยตั้งใจอธิษฐานว่า
“ด้วยอำนาจบุญกุศลบุญบารมีที่บำเพ็ญมา ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ จะพึงมีประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ขอให้นายกิ่มจงโมทนาผลบุญนี้ และมีประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ”

เพียงเท่านี้ละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ปรากฏว่า โซ่ล่ามรัดคอมาทั้ง ๒ เส้น มันหลุดลงไปทันที แล้วนายกิ่มก็ก้มลงกราบครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ ยังมีสภาพเดิม พอครั้งที่ ๓ แหม สวยอร่ามเป็นเทวดา มีความสวยผิดปกติ

จึงได้ถามคนคุมว่า ทำไมเขาถึงสวยมาก เขาบอกว่า
“ด้วยอำนาจบุญกรรมฐานที่ท่านให้ สามารถจะปลดเปลี้องเขาออกจากความทุกข์ เมื่อบุญส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าถึงใจแล้ว บุญทั้งหมดที่นายกิ่มทำก็ดี ที่ลูกสาวทำให้วันนี้ก็ดี มันก็รวมตัวกันหมด จึงเป็นเทวดาที่มีความสวยงามมาก”

 

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

ในปัจจุบันของเรา โบราณเขาเรียกว่า “เป็นกาลียุค” กาลี เป็นชื่อของพระแม่กาลี ว่ากันว่า พระแม่กาลี ท่านดุร้าย มีแต่ความตาย และทุกข์เวทนา คนโบราณเคยวาดภาพ กาลียุคเอาไว้ เป็นภาพของการฆ่าฟันกันอย่างไร้ความปรานี คนในยุคนั้น ไม่มีคำว่าเมตตา ปรานี ไม่มีคำว่า คุณธรรม หรือศีลธรรม ซึ่งพวกเราก็คงได้เห็นภาพลางๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วในยุคของเรา อีกทั้ง ขอให้นำภัยพิบัติในปี 2554 บางคนบอกว่าเป็นแค่ลางบอกเหตุ ยังไม่ใช่ของจริง แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้นน่าถือเป็นบทเรียน สิ่งเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปแล้ว กลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่าปี 2554 เรายังเตรียมพร้อมได้มากน้อยแค่ไหน ยังขาดอะไร ยังบกพร่องอะไร คราวหน้าปีหน้า 2555 และปี ต่อ ๆ ไปเราจะเตรียมการณ์อย่างไร และภัยวิบัติยังคงเป็นเรื่องของน้ำ อยู่หรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องของ “น้ำ” ก็ถือเป็นเรื่องของโชค ถือว่าดี น้ำลดยังมีเหลือ ถ้าเป็น “ไฟ” เผาผลาญสิ้นไม่มีชิ้นดี เหลือแต่ซาก ถ้าเป็น “ดิน” แผ่นดินไหว สั่นสะเทือน พินาศย่อยยับ ก็มีตัวอย่างให้เห็น เหลือแต่ซากอีก ไม่มีชิ้นดีอีก นำมาใช้ประโยชน์อีกไม่ได้ กว่าจะฟื้นตัวยาวนาน แต่เสียหายน้อยกว่าไฟ ถ้าเป็นลม ก็มีตัวอย่างให้เห็น พายุ ทอร์นาโด ก็ถล่มทะลาย แต่ยังเหลือซาก ใช้ประโยชน์ไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่ไอ้ที่น่ารำคาญมากที่สุด ก็เรื่องการเมือง การขัดแย้งทางการเมือง สร้างความฉิบหายให้กับประเทศไทยมากที่สุด มากกว่าภัยพิบัติทั้งปวง อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ “ฟ้าเป็นผู้กำหนด“ ถามตัวท่านเองก่อนว่า จะยอมจำนนโดยไม่สู้ หรือจะสู้โดยไม่ยอมจำนน ถ้าจะสู้ต้องคิดเตรียมการณ์ เอาปัจจุบันเป็นบทเรียน “ปฎิวัติ รัฐประหาร” “น้ำท่วมภัยธรรมชาติ” มองปัญหาก็ต้องมองกันเอาปี 2554 เป็นบทเรียน ทั้งภัยจากความโลภ ความโกรธ ความหลวง มาในรูปของ”ธรรมชาติ” และภัยจาก โลภะ โทสะ โมหะ จะมาในรูปแบบ”การแตกแยกทางการเมือง” คนไทยลืมง่าย บางคนอาจจะลืมปี 2554 ไปแล้วก็ได้ ขอนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เหมือนกันกับพวกเรา พระราชทานไว้เมื่อปีใหม่ “อย่าประมาท มีสติ” ถ้าไม่ประมาทก็ควรเตรียมการณ์ไว้อย่างไร โดยนำเอาปี 2554 เป็นบทเรียน
๑.ที่พักอยู่อาศัยไม่ได้ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ปฏิวัติ รัฐประหาร มีแต่ความตาย ความวุ่นวาย ทางแก้ ต้องหาที่พักสำรองที่ ๒ อย่าหวังเป็นผู้พักพิง อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
๒.ที่พักต่ำเกินไป ทางแก้ ต้องหาที่สำรองที่สูง หรือไปจังหวัดอื่น
และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
๓.ขาดน้ำสะอาด อาหารแห้ง ทางแก้ ต้องเตรียมสำรองอาหารแห้ง น้ำสะอาด โดยจะต้องอยู่รอดให้ได้ไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน ถ้าสมาชิกมากก็เตรียมเอาไว้ให้มาก
๔.ขาดแสงสว่าง ทางแก้ เตรียมตะเกียงน้ำมันก๊าซ ไม้ขีด ไฟฉาย แก๊สหุงต้ม
๕.อาหารเป็นพิษ เจ็บป่วย เตรียมยาธาตุน้ำขาว สามัญประจำบ้านพื้นฐาน โดยดูตัวของท่านเองเป็นหลัก ว่าท่านมีโรคประจำตัวอะไร และต้องใช้ยาอะไรอยู่เป็นประจำ
๖.เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์สื่อสารในครอบครัว ทางแก้ติดต่อกันให้ได้ ไปด้วยกันทั้งครอบครัว อย่าแยกกัน กำหนดจุดนัดพบหรือจุดรวมตัวเอาไว้ล่วงหน้า
๗.ถ้ามีรถ เติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ อย่าหวังน้ำบ่อหน้า ก่อนเข้าบ้านทุกครั้งเติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ ถ้านึกจะใช้รถอย่าไปเสียดายเงิน ค่าน้ำมัน การบำรุงรักษา
๘.มุ้ง ถุงนอน อุปกรณ์กันฝน เครื่องนุ่งหุ่ม ให้เพียงพอในครอบครัว ในยุโรปที่เจริญแล้วเจอวิกฤติคลื่นความเย็น พาดผ่านตายไปเกือบ ๓๐๐ คน
๙.เตรียมอาวุธ หรืออุปกรณ์ป้องกันตัว
๑๐.ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ข้อสำคัญ อย่าประมาท พร้อมที่จะทำตามแผน ที่วางเอาไว้
๑๑.หมั่นทำบุญ ทำกุศล ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ตัวเรานั้นเกิดมาชาตินี้ ยังมีบุญ มีกุศลใด ที่เรายังไม่เคยสร้างหรือเคยกระทำ ก็จงทำตามกำลังความสามารถ บุญกุศลจะเป็นเกราะป้องกันภัยให้กับเราและครอบครัวแล้วใช้จิตเป็นตัวเลือกว่า “อันว่าความชั่ว อย่าทำเลยเสียดีกว่า”

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ

 

สองอค์นี่จะเปิดประมูลครับ

ผมนึกว่าจะว่างเข้ามาทำ แต่ยุ่งจริงๆครับ

 

พระรุ่นนี้ มีสองพิมพ์ พยายามเล่นกันเป็นรุ่น ๑ โดย ก็อบ พิมพ์ หลวงพ่อ เดิมมา

ถ้าที่มาที่ไปดี ก็ ใช้ได้ครับ

 

ชุดนี้ ค่อยมีที่มาที่ไปหน่อยครับ เพราะนั่งจับเข่า พิมพ์มาเฉพาะ ไม่ได้ ก็อบมาเฉพาะกิจ แล้วนำมาให้หลวงปู่เสก

น่าจะเป็นรุ่นของพวกโรงงานยาสูบครับ เป็นศิษย์รุ่นเก่า

 

พิมพ์นี้สวยงาม เล่นได้ เจอที่ไหนรีบเก็บเลยครับ

 

ส่วนผ้ายันต์ดีทุก รุป ดดยเพาะชนิดเขียว ประสพการณ์ได้ยินมาเพียบ

เช่น รถมอเตอร์ไซด์ ชนกับรถใหญ่

คนเอาไปพกที่ กระเป๋ากางเกง ตูดบวม

ผมเอาติดกับเเพตอนยกลงน้ำที่ ท่าข้าวกำนันจุล เหตุการณ์ราบรื่นจน มาถึงวัด

 

ขอบคุณมากครับพี่พี...ไม่แน่ใจว่าเคยอ่านข้อความของพี่หรือไปอ่านพบที่ไหน...ว่าเป็นของศิษย์สายองค์การเภสัชกรรม(รุ่นแช่น้ำมนต์)ครับ

 

ปรึกษาพี่พีนิดหนึ่งครับ (ไม่รู้จะถามใครดี) เห็นพี่พีก็ชอบสวดมนต์เหมือนกัน

คือเกือบ 2 ปีที่ผมเริ่มสวดมนต์แบบยาวๆ อย่างน้อยก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ทีนี้ทำไปพักหนึ่งก็เริ่มได้กลิ่นแปลกๆ จะว่ากลิ่นธูปหอมก็ไม่เชิง เหมือนกลิ่นพวกควันธูป พวกกระดาษไหม้ไฟมากกว่า โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนหลังมานี่แรงมาก ค่อนข้างแสบจมูกพอสมควร มีวันหนึ่งสวดมนต์อยู่มันแสบจมูก หายใจไม่ออก ไม่แน่ใจจนระหว่างสวดมนต์ต้องลุกลงไปดูข้างล่างว่าปิดไฟ ปิดแก๊สเรียบร้อยหรือยัง แต่แค่ลุกเปิดประตูออกจากห้องนอนกลิ่นหายเรียบ มีเมื่ออาทิตย์ก่อนได้กลิ่นไปทั้งวันขนาดไม่ได้สวดมนต์ จนถามพี่สาวว่าได้กลิ่นไหม (ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่)

สั้นๆ คือมันเกิดจากอะไรครับพี่ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

ประสบการณ์แบบนี้ ข้าพเจ้าก็เคยเจอมา ๒ ครั้ง เป็นการสื่อสารกันด้วยกลิ่น ครั้งแรกปลูกบ้านเสร็จ ก็ตั้งใจเอาไว้ว่า จะทำบุญเลี้ยงพระ สัก ๙ องค์ แต่ก็เลื่อนไป จน ๖ เดือน ก็แล้ว ๗ เดือน ก็แล้ว ก็เลยโดนเตีอน อีก ๒ วันต่อมาก็เลยทำบุญเลี้ยงพระ นิมนต์มา ๙ องค์ จ้างร้านทำอาหารประเภท ส้มตำ น้ำตก ต้มแซบ เพราะอาหารประเภทนี้ รับรัอง ไม่มีใครนำมาใส่บาตร พระไม่มีโอกาสได้ฉัน วกเข้าเรื่องของท่าน ton3170 ก็เหมือนกัน เป็นการสื่อสารกันด้วยกลิ่น มาขอส่้วนบุญส่วนกุศล กันมากกว่า และโดยเฉพาะวิญญาณดวงนี้ จะต้องเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเราอย่างใด อย่างหนึ่งลองนึกดู อาจเป็นเพื่อนสนิทที่เคยเกื้อหมุนกัน มา เคยช่วยเหลือกันมา เพราะการจะมาส่วนบุญกันได้ต้องเกี่ยวข้องกัน อย่างใด อย่างหนึ่ง เช่น มีพระคุณกันอย่างใด อย่างหนึ่่่ง วิธีการก็ลองทำดูนะครับ ก่อนปฏิบัติกรรมฐานหรือก่อนสวดมนต์ จุดธูป อาราธนาพระ แล้ว แผ่เมตตาดังนี้ สาธุ อิทัง ปุญญะ พะลัง บุญใด กุศลใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสม มาดีแล้ว แต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และที่จะได้กระทำต่อไปในอนาคต จะยังเกิดประโยชน์ความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้นให้กับ

๑.ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้นให้กับ เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทั้งหลายที่เคยล่วงเกินมา แต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน จะเป็นด้วยทางกายก็ดี ทางวาจาก็ดี ทางใจก็ดี ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ขอจงได้รับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมถวาย ได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพึงได้รับ และ ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า นับแต่บัดนี้ ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน
๒.ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้นให้กับ เทพเจ้าเหล่าเทวดาทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า ครอบครัวของข้าพเจ้า ที่อยู่อาศัยบ้านเรือน ยานพาหนะ และตามวัดวาอารามทั้งหลาย ขอจงร่วมรับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมถวาย ได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพึงได้รับ
๓.ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้นให้กับ ผู้มีพระคุณของข้าพเจ้าทั้งหลายแต่อดีตชาติ จนถึงชาติปัจจุบันนี้ อันมีบิดามารดา คุณครูอุปปัชฌา อาจารย์ ผู้ให้ข้าว ผู้ให้น้ำ ผู้ให้การเลี้ยงดู ขอจงร่วมรับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมถวาย ได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพึงได้รับ
๔.ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้นให้กับเหล่าสัมภะเวสี และโอปปาติกะทั้งหลาย ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งหลาย เป็นญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี รู้จักก็ดี ไม่รู้จักก็ดี ขอจงร่วมรับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมถวาย ได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพึงได้รับ ที่เสวยสุขอยู่ก็ให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ที่เสวยทุกข์อยู่ก็ขอให้ทุกข์นั้นจงเบาบางลง เทอญ อิทธิ ฤทธิ พุทธะ นิิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดช เดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่ มะ อะ อุ นี้ด้วยเถิืด สาธุ

หลังจากที่เราสวดมนต์เสร็จ หรือนั่งกรรมฐานเสร็จ ก็ต้องกล่าวเป็นนี้อีกครั้ง แล้วลองติดตามผลที่ตามมาว่าเป็นอย่างไร

 

รุ่นแช่น้ำมนต์ ใต้ฐานตอกโค้ดครับ

ลอง ถ่ายมาดูน่ะครับ

 

สวดมนต์ก็เป้นการ ทำสมาธิ กรรมฐาน เจริญสติอย่างหนึ่ง ให้จิตจดจ่ออยู่ที่ คำสวดมนต์ จิตจะเป็นสมาธิได้ จาก ขณิก หรือ อุปปจาระ ส่วนอัปปณา ผมทำไม่เป็น

๑) เมื่อจิตมีสมาธิ จะมีปรากฎการต่างๆ เช่น เห็น เกิดปิติ ขนลุกชัน เห็น แสงสี เห็นแวบบๆเหมือนหมาวิ่งผ่าน รู้สึกเหมือนหงายหลัง ขนพอง สยองเกล้า น้ำตาไหล ได้ยินเสียง ได้กลิ่น อาจจะเป็นอาการของจิต ถ้าเป็นแบบนั้น อย่าไปสนใจ สวดมนต์ต่อไป ช่างหัวมัน

๒) อาจจะมีใครมาทัก พวก เทวดา ครูอาจารย์ โดยใช้กลิ่น มีกลิ่นธูป กลิ่นดอกมะลิ กลิ่น ทรากศพ กลิ่นดอกไม้ กลิ่มน้ำหอมผมก็เคยได้กลิ่น ก็ แผ่เมตตาไป

๓) คิดไปเอง โดยสัญญาเก่า ถ้าถามผม กรณีนี้ เกิดขึ้นได้ ๙๙.๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ % ว่า ได้กลิ่นนั้น กลิ่นนี้ คิดเอาเอง จินตนาการไปเองด้านที่จิตชอบ ว่าเป็นนั่น เป็นนี่ มีอภินิหาร ที่จิตชอบเสพ สนุกดี มันส์ดี จิตมันเลยปรุงให้ ตามรสที่ชอบ

ถ้าเป็นแบบนี้ ปล่อยไป ถ้ามากขึ้น ให้หยุดสวดมนต์ แล้ว ตั้งสติ บริกรรมว่า กลิ่น หนอ ๆ ๆ ๆ ไปจนกลิ่นหายไป เป็นการ แสดงว่าเรารู้เท่าทัน ด้วยสติ ว่าได้กลิ่น ถ้าเห็น ก็ ภาวนา ว่าเห็น ๆๆ ไปจนภาพหายไป

ที่เราสวดมนต์ นั่งสมาธิ เราไม่ต้องการเห็นอะไร ได้กลิ่นอะไร ที่ต้องการ คือ ธรรมเท่านั้น ให้รู้ในภาวะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อนิจจัง ทุกขัง อนันตา ขององค์บรมครูเท่านั้น ขอให้มาบังเกิดในจักษุ ทวาร มโนทวาร เราเท่านั้น อย่าอื่นไม่เอา

แต่ถ้าเป็นเรื่องฤทธิ์ ให้ แถมมาให้ ( ก็ดี )...แหะๆ ของมันชอบครับ

เอวังก็มีด้วยประการล่ะนี้แล

 

สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ครับพี่พี เสาวภา,พี่Chang แทะทุกๆท่านนน(^__^)

 

อดีตกาล พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อุบัติขึ้นในโลก นั้น อุบัติที่ไหน ส่วนไหนของโลกบ้าง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มีคำตอบ

พระพุทธเจ้ามาโปรด : สมัยนั้นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระพุทธสิกขี"ทรงอุบัติขึ้นในโลกทรงเที่ยวแสดงพระธรรมโปรดอยู่ในแคว้นชมพูทวีป (พระพุทธเจ้าอุบัติทุกพระองค์เฉพาะชมพูทวีปเท่านั้น)ชมพูทวีปหมายถึงแคว้นอินเดียพม่าไทยญวนลาวเขมรถิ่นนี้รวมเรียกว่าชมพูทวีปท่านกล่าวตามตำนานว่า สมัยเดิม มีต้นชมพู (ต้นหว้า) ขนาดโคตรต้นไม้ประจำทวีปเดี๋ยวนี้คงเป็นขี้เถ้าไปแล้วท่านได้เสด็จมาโปรดถึงสำนักมาพร้อมกับพระสงฆ์สาวกประมาณ ๒ หมื่นองค์... <o ></o>
<o ></o>

 

ก้นครับ...พี่พี...ขอบคุณมากครับพี่