เพื่อการกุศล มอบพระเครื่อง หลวงปู่บุดดาฯ ในงานกฐินสามัคคี สร้างพระประธาน หน้าตัก 20 ศอก

<TABLE class=tborder id=post4906398 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">22-07-2011, 01:18 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#38 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->มหาหิน<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4906398", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิตพิเศษ



วันที่สมัคร: Sep 2005
ข้อความ: 27,126
พลังการให้คะแนน: 16399




</TD><TD class=alt1 id=td_post_4906398 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start --><TABLE class=tborder id=post4905078 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->บุญทรงพระเครื่อง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4905078", true); </SCRIPT>
สมาชิก PREMIUM

วันที่สมัคร: Feb 2009
ข้อความ: 4,000
พลังการให้คะแนน: 748





</TD><TD class=alt1 id=td_post_4905078 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->

 

พิธีพุทธาภิเษก รุ่น เสาร์ 5 มหามงคล
(นามสกุลเดิม ของหลวงปู่ฯ คือ มงคลทอง)

..........................................................................................................................................................

จดหมายเหตุ หลวงปู่บุดดา ถาวโร
โพสท์ในเว็บบอร์ด www.gmwebsite.com/webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-080618094027621
โดย : "เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT) เมื่อ: 25 มิถุนายน 2551

​

ความจริงแล้ว หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านเป็นพระอัจฉริยอรหันตเจ้าที่ทรงอธิคุณที่น่าอัศจรรย์อย่างลึกซึ้งยิ่ง เกินกว่าที่ใครทั่วไปจักคาดคิด โดยนอกจากท่านจะได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดเมื่อบวชได้เพียง "4" พรรษา ซึ่งนับได้ว่ารวดเร็ว เป็นขิปปาภิญญาอรหันต์ได้แล้ว หลวงปู่บุดดายังเป็นที่“ยอมรับ”และ“ยกย่อง”ของพระเถรานุเถระ“ทุกสาย” ทั้งธรรมยุติและมหานิกาย าได้จำกัดแต่เพียงในสายใดสายหนึ่งไม่ สมดังที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร พระอรหันต์แห่งสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ได้เคยกล่าวยกย่องสรรเสริญไว้เป็นที่ยิ่งว่า

<TABLE id=table2 align=left border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR><TR><TD>ซ้าย หลวงปู่บุดดา ครูบาชัยวงศา หลวงปู่สิม พุทธาจาโร (หลัง)

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

“ หลวงปู่บุดดานี้ ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา แก่ทั้งมรรคผลนิพพาน..!!!!”
“ แก่ทั้งมรรคผลนิพพาน” ก็คือการที่หลวงปู่บุดดาท่าน“สำเร็จอรหัต” ล่วงหน้าไปก่อนพระผู้ได้ชื่อว่าเป็น“พระอริยอรหันต์” ในชั้นหลังหลายๆ องค์จะได้สำเร็จธรรมนานนักหนาแล้วนั่นเอง...
หากยังมีใดต้องสงสัย ก็ลองเอา พ.ศ.“2468”ที่หลวงปู่บุดดาท่านไปบรรลุธรรมไปเทียบดูได้ตามอัธยาสัยเทอญฯ
และอัจฉริยคุณอันยอดยิ่งของ“หลวงปู่บุดดา ถาวโร”ก็ยังได้จุดประกายแก่ผู้มี“นัยน์ตาถึง” จนมองทะลุถึงอธิคุณพิเศษที่ได้บรรลุธรรมแต่เยาว์พรรษาแห่งพระคุณท่านได้อย่างแจ่มแจ้ง ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในทางธรรมอย่างสำคัญ จนเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ได้เจริญในบวรพระพุทธศาสนาเป็น“พระอริยะ”ชั้นสุดยอดและมีเกียรติคุณเลื่องลือไกลที่สุดในยุคนี้ในกาลต่อมาอย่างน้อย“2”องค์ด้วยกัน คือ....

<TABLE id=table5 width=130 align=right border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

1. พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร
ปฐมเหตุแห่งการอันเป็นความลับสุดยอดที่ถูกลืมเลือนจนจางใจมานานนับเป็นหลายทศวรรษนี้ เกิดจากครั้งที่หลวงปู่บุดดาพร้อมด้วยหลวงพ่อสงฆ์เดินทางมาแก้อธิกรณ์เมื่อปีพ.ศ. 2475 ที่วัดเทพศิรินทร์นั่นเอง

<TABLE id=table6 width=190 align=left border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR><TR><TD>
ภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ซ้าย)
ผู้บวชถวายพระราชกุศล ร.6
ถ่ายภาพร่วมกับ
ภิกษุพระยาสีหราชฤทธิไกร ผู้บวชถวายพระราชกุศล ร.5 ณ วัดราชบพิตรเมื่อ พ.ศ.2469

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ในกาลนั้น หลวงปู่บุดดาได้ลงทำวัตรที่พระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาส และได้สนทนาธรรมด้วยพระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)อยู่หลายวาระ
โดยตอนนั้น ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เพิ่งอุปสมบทได้เพียง“6”พรรษา (เจ้าคุณนรรัตน์ฯอุปสมบทพ.ศ. 2469) เท่านั้น
อาศัยที่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯนั้น ท่านเคยฝึกฝนทางด้านพลังจิตมาก่อนและมีวิชาดูลักษณะของผู้คนได้อย่างแม่นยำ เมื่อเห็นอากัปกิริยาทั้งภายในและภายนอกอัน“ไม่ธรรมดา”และ“เหนือโลก”ของหลวงปู่บุดดา ถาวโรแล้ว ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ถึงกับประทับใจในคุณพิเศษแห่งหลวงปู่บุดดาเป็นอย่างยิ่ง
และถึงกับมีดำริที่จะติดตามออก“ธุดงค์”ไปเจริญสมณธรรมตามป่าเขาด้วยเลยทีเดียว..!!!!!
แต่หลวงปู่บุดดา ถาวโรได้เมตตาห้ามเอาไว้ ด้วยเล็งเห็นการณ์ล่วงหน้าแล้วว่า ต่อไป พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิตองค์นี้ จะได้สำเร็จเป็น“พระอรหันต์กลางป่าคอนกรีต” อันจะเป็นเนติแบบอันดีให้แก่พระภิกษุและสาธุชนรุ่นหลังได้ชื่นชมอนุโมทนาสาธุการสืบไปไม่รู้สุดสิ้น แผนการตามหลวงปู่บุดดาออกธุดงค์ของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯจึงมีอันได้ยุติลงแต่เพียงนั้นด้วยประการฉะนี้ฯ

<TABLE id=table7 align=right border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

หมายเหตุ1. เกี่ยวกับเรื่องอันเป็นความลับสุดยอดที่น้อยคนนักจักล่วงรู้นี้ หลายๆ ท่านอาจจะเคยผ่านตาและผ่านใจจนมาบ้างแล้วในหนังสือประวัติเจ้าคุณนรรัตน์ฯเล่มเก่าๆ บางเล่ม ซึ่งมีระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ในสมัยแรกอุปสมบทนั้น
“ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เคยมีดำริที่จะออกธุดงค์ตามป่าเขา จนถึงแก่ให้ทางบ้านเตรียมอัฏฐบริขารสำหรับธุดงค์ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มีการระงับไว้ในภายหลัง”
แต่ในบันทึกนั้นๆ หาได้ระบุไว้ว่า เหตุที่เจ้าคุณนรรัตน์ฯดำริออกธุดงค์ตามป่าเขานั้น เกิดจากอะไร และการที่ต้องระงับการออกธุดงค์นั้น เกิดมาจากสาเหตุใด..???
2. เรื่องเจ้าคุณนรรัตน์ฯดำริตามหลวงปู่บุดดา ถาวโรออกธุดงค์เมื่อปีพ.ศ. 2475 นั้น เป็นเรื่องจริงที่หลวงปู่บุดดา ถาวโรเคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ได้ฟ้งกับปากของหลวงปู่เอง (และเหมือนจะมีการบันทึกเทปคำบอกเล่าตอนนี้ไว้ด้วย) ความผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องราวอันเป็นประวัติศาสตร์ตรงจุดนี้ จึงเท่ากับ“0”เปอเซนต์อย่างชัดแจ้ง
2. คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิกสิตาราม กรุงเทพมหานคร

<TABLE id=table8 width=170 align=left border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR><TR><TD>คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

สำหรับสาเหตุที่เป็นแรงบันดาลใจอย่างสำคัญที่ทำให้ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมออกบวชจนสำเร็จธรรมและอิทธิฤทธิ์เบื้องสูงจนมีเกียรติคุณเลื่องลือไกลนั้น ก็เกิดจากได้มาฟังเทศน์ของหลวงปู่บุดดา ตอนที่ท่านได้รับอาราธนามายังวัดสัมพันธวงศ์เมื่อปีพ.ศ. 2475 ครั้งที่มาแก้อธิกรณ์ที่วัดเทพศิรินทร์จนได้พบกับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯจนซาบซึ้งในรสพระธรรมอย่างยิ่ง ถึงกับโกนศีรษะออกบวชเป็นชีในสมัยแรกนั่นแล....
เจ้าคุณพระสิทธิสารโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม(ผู้ดำริสร้าง“พระพุทโธน้อย”อันโด่งดัง) ก่อนจะมาอยู่วัดอาวุธฯ นั้นท่านเคยอยู่วัดสัมพันธวงศ์และได้พบกับหลวงปู่บุดดา ณ ที่นั้นเอง หลวงปู่แนะนำท่านเจ้าคุณให้รักษาศีลเท่าชีวิต ท่านก็นำมาปฏิบัติจนกระทั่งปรากฏแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ ท่านจึงเลื่อมใสศรัทธาและฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

<TABLE id=table9 align=right border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

จนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ท่านเจ้าคุณได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม ท่านก็นิมนต์หลวงปู่มาจำพรรษาที่วัดอาวุธฯ หลวงปู่ก็มาพักเป็นครั้งคราวและในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ จึงได้มาจำพรรษาที่วัดอาวุธฯ ๒ ปี ท่านมาครั้งนี้ท่านเจ้าคุณได้มรณภาพแล้ว โบสถ์ วิหารที่ท่านสร้างไว้ก็ยังไม่เสร็จหลวงปู่ท่านมาอยู่ก็ช่วยสร้างศาลาและที่เก็บน้ำไว้ให้และทอดกฐินร่วมสร้างโบสถ์ที่ยังค้างอยู่
ขณะที่ท่านเจ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ได้เคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ตอนหลวงปู่บุดดาอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ เวลาหลวงปู่แสดงธรรมมีคนมาฟังธรรมกันแน่นมาก รวมถึงคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ก็ได้มีโอกาสฟังธรรมและมอบตัวเป็นศิษย์ ได้นำคำสอนของหลวงปู่มาปฏิบัติและบำเพ็ญความเพียรด้วยตนเองจนได้บรรลุธรรมชั้นสูงสุดในกาลต่อมา
ลำพังเพียงเท่านี้ ก็ย่อมอาจเล็งเห็นถึง“อัจฉริยคุณ”อันยอดเยี่ยมที่สุดของพระคุณเจ้า“หลวงปู่บุดดา ถาวโร” ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ช่างประเสริฐสุดยอดเห็นเพียงไร....
และความ“ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย”ของหลวงปู่บุดดาอย่างที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรกล่าวยกย่องไว้ในที่สูงสุดนั้น จะมีความหมายลึกซึ้งใหญ่หลวงสักเพียงไหน..???
แต่น่าอัศจรรย์ใจและน่าเสียดายอย่างที่สุดว่า เหตุใด “คนรุ่นหลัง”ในยุคปัจจุบันถึงได้“ลืมเลือน”และ“มองข้าม” สุดยอดพระอัจฉริยเจ้าซึ่งเป็นถึง“อาจารย์ของปรมาจารย์”ลงคอเห็นปานนี้ได้..????
แต่ ก็ไม่เป็นไร............
ดีเหมือนกัน....“พุทธวงศ์”จะได้มีโอกาสสร้างมหากุศลอันใหญ่หลวงยิ่งอีกวาระด้วยการพลิกฟื้นนำอัจฉริยคุณของพระคุณเจ้าหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรีให้กลับมาสถิตในความรู้สึกนึกคิดจิตใจของทุกผู้คน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บวรพระพุทธศาสนาสืบไปเองทีเดียว......

<TABLE id=table12 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#800000 width="95%" bgColor=#e8e2d7 border=2><TBODY><TR><TD>“ หลวงพ่อบุดดา อายุ ๑๐๐ ปีพอดี...ผู้เฒ่าก็สำคัญอยู่ถึง ๑๐๐ ปีนี่พอแล้วล่ะ...เป็นว่าหลวงพ่อบุดดานี่เป็นพระสำคัญ อยู่นะ ทางด้านจิตใจสำคัญอยู่... คุ้นกันนะกับเราดี แต่ไม่ได้พูดธัมมะ ธัมโมกันโดยเฉพาะ แต่พอเชื่อแน่ในใจแล้ว ผู้เฒ่านี่เป็นพระสำคัญ ในสำนวนโวหารพูดอะไรออกมา มันก็แปลก ๆ อยู่ มันแปลกมาจากใจนั่นล่ะจะแปลกมาจากไหน ใจไม่แปลกมันก็ไม่แปลก ถ้าใจแปลกมันแปลกทั้งนั้นน่ะ กิริยาแสดงออกมันแปลก มันแปลกออกมาจากหัวใจน่ะ..ผู้เฒ่าสำคัญอยู่องค์หนึ่ง...”

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
“ หลวงปู่บุดดาทำอาสวะให้สิ้น” <TABLE id=table10 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>คืนที่หลวงปู่บอก พรรษา ๔ เวลา ๓ ทุ่มกว่า หลวงปู่ทำอะไรอยู่นะครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>จุดเทียน นั่งสนทนาธรรม เจริญวิปัสสนาไปด้วย ทำอยู่ทุกวัน จุดเทียนไว้ ทำวัตรเย็นแล้วสนทนาธรรมต่อ ทำกันอยู่ ๒ องค์ด้วยกัน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>สำเร็จแล้วมีนิมิตอะไร ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>มีธรรมซิ มีมนุษยธรรม เทวธรรม โลกุตตรธรรม เยอะ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>เขามาทำอะไรครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>มาดู มาสอบซ้อม มนุษย์สมบัติแค่ไหน สวรรค์สมบัติแค่ไหน นฤพานสมบัติอย่างไร พระโสดามีนฤพานแค่ไหน ตัดสังโยชน์ได้แค่ไหน สกิทาคามีแค่ไหน เขามาฟังน่ะซี อนาคาแค่ไหน อรหันต์ตัดได้แค่ไหน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>หลวงพ่อสงฆ์ทราบไหม ? แล้วหลวงปู่ทราบไหมว่าจะเสร็จสิ้นภาระกิจ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ฌานล่วงหน้าไม่บอกหรอก ทำเสร็จแล้วจึงทราบทีหลัง หลวงพ่อสงฆ์ท่านทราบเพราะท่านนั่งเฝ้าอยู่

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ตอนหลุดจากกิเลสเป็นอย่างไรครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>กิเลสมันหลุดไปเอง ชีวิตยังอยู่ มันหยุดงาน มันไม่ทำงาน มีแต่งานนั่งอย่างเดียว งานเดิน งานยืน งานนอนไม่เอา งานหลับตาก็ไม่เอา เอาแต่งานลืมตา

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ตอนหลุดจากกิเลส หลวงปู่อายุเท่าไร ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>อายุ ๓๒ ปี ปีนั้นพรรษา ๔ มาแล้ว จะเข้าพรรษา ๕ เดือน ๗ แล้ว ๔ พรรษา ๙ เดือนออกจากวัดผดุงธรรมไปทำความเพียรอยู่ในถ้ำกับคุณพ่อสงฆ์ ที่ถ้ำเขาภูคา ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ที่ว่าแผ่นดินไหวนั้นเพราะอะไร

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>เรื่องธรรมะ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ธรรมะของหลวงปู่หรือ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ธรรมะของเรา ธรรมะของเราจะมีอะไร เขามาพร้อมเพรียงกันทั้งมนุษย์ธรรม เทวธรรม พรหมธรรม โลกุตตระธรรม จะไม่ให้มันดังได้อย่างไร คนรุ่นเก่าเขามี คนรุ่นเก่าบอกว่าวัตถุในนี้มี พวกพ้องเขามี เขาบอกว่าวัตถุอยู่นี่ เอาขึ้นมาสร้างเสีย จะเอาถวายพระ พระไม่เอา ตั้งแต่บวชมา เขาไม่เคยเอาอะไรเลย พระพวกนี้ องค์นี้พรรษา ๔ เขาก็ไม่เอา องค์นั้นพรรษา ๕ เขาก็ไม่เอา อยู่ในบริเวณนี้ เขาดูรักษาพื้นที่ของเขา เขามีทรัพย์คนละเจ็ดแสน พวกเขามีตั้ง ๑๐๐ คน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>เขาเป็นยุคไหนครับหลวงปู่ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>คนยุคอดีตน่ะซี ตั้งแต่ ๓๐๐ ปีมาแล้ว เขาให้ เราไม่เอา เขาเลยเอาหนีไปทางเวียดนามโน่น มาคราวหลังถูกระเบิดเลยตามไปตามนิมิตตามเสียงเขา เหมือนแผ่นดินถล่ม เหมือนภูเขาในจังหวัดนั้นคล้าย ๆ มันพังหมด ชาวบ้านเขาได้ยิน เราก็ได้ยินเสียงถล่มทลายเขาเอาของเขาไป เขาย้ายที่ไป เราไม่เอา เขาก็เสียใจ เขาก็อพยพของเขาไปซี หลวงพ่อสงฆ์ก็ไม่เอา มาแต่บวชแล้วตั้งแต่พรรษา ๕ แล้ว เราก็ไม่เอามา ๔ พรรษาแล้ว เขาถวายให้เอาสมบัติไปสร้างเขาลูกนี้มีศักดิ์สิทธิ์อยู่ในพื้นเขา มันเป็นบ้านเก่าเมืองเก่าเขา

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>เขามาฟังธรรมหลวงปู่หรือเปล่าครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>เขาฟังอยู่แล้ว ก่อนเราไปก็มีพระธุดงค์ไปอยู่เป็นประจำ เขามาเดินให้ดู แล้วมาพูดใกล้ ๆ ว่า ทรัพย์อยู่นี่ เอาไปสร้างเสีย เราก็บอกไม่เอา หลวงพ่อสงฆ์ไม่ได้ยิน ได้ยินเราคนเดียวกับชาวบ้านโน่น ของอย่างนี้ไม่ใช่สาธารณะ ได้ยินเป็นคน ๆ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>หลวงปู่นั่งรถมากับคุณหมอสมศักดิ์ สืบสงวน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจนั้น เกิดปาฏิหาริย์อะไรครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>นั่งรถมาจากเชียงแสน (ไปกับหลวงพ่อมหาวีระ) มากับ ดร.ปริญญา นุตาลัย (เป็นคนขับ) คุณปานนั่งหน้า หลวงปู่นั่งกับคุณหมอสมศักดิ์ ด้านหลัง หัวเป็นหมา ตัวเป็นคน วิ่งตัดหน้ารถ บอกให้หลีกรถเสีย เขาวิ่งหลบคืนไป

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>เขายังไม่ถึงอายุขัยใช่ไหมครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ถ้าไม่บังคับให้พ้นก็จะตาย

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>เป็นกรรมของเขาหรือเปล่าครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>เป็นกรรมของเขา ตายแล้วจะเกิดเป็นหมา

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ผู้หญิงหรือชาย ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ผู้ชาย คนกลางคนนุ่งกางเกงขายาว ว่าหมาตัวนี้ทำไมโต หัวเป็นหมาท้ายเป็นคน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>คนที่นั่งมาในรถทราบไหมครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>มาทราบตอนหลัง

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>กลางวันหรือกลางคืนครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>กลางวันเวลาบ่าย ถึงเมืองตากแล้ว

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>หลวงปู่เจอหลวงปู่ หลวงพ่อดัง ๆ ไหมครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>เจอ ครูบาศรีวิชัย วัดเบญจมบพิตร พรรษาที่ ๑๐ กว่า ใบสุทธิออกไปนั้น เจออาจารย์มั่นที่วัดสระปทุม

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>สมเด็จพระสังฆราช กรมหลวงวชิรญาณวงศ์นิมนต์หลวงปู่ ตอนนั้นหลวงปู่อยู่ที่ไหน ? ถามธรรมอะไร ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>อยู่วัดราชาธิวาส ให้คนเอารถมารับ ถามว่าปฏิบัติอย่างไรจึงจะรู้ธรรม ศีล สมุทเฉทน่ะซี ไม่ต้องสมาทาน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ตอนนั้นหลวงปู่พรรษาเท่าไหร่ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>พรรษา ๖ แล้ว

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ที่หลวงปู่ระลึกชาติได้ ๗ ชาตินั้น หลวงปู่ตายแล้วเกิดที่ไหน ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ตายตำบลไหนก็เกิดตำบลนั้น

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>อายุเท่าไรจึงตาย ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>สมัยนั้นไข้ป่ามาก ยาไม่มีรักษาก็เลยตายก่อน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>หลวงปู่เคยเกิดเป็นผู้หญิงบ้างไหม ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ไม่เคย เกิดทีไรเป็นชายทุกที เกิดทีไรมาเกิดกับผู้หญิงทุกที เราจึงได้รู้ว่า มนุษย์นี้เป็นอย่างนี้ แม่เราเป็นผู้หญิง เราจึงไม่ประมาทพวกผู้หญิง ผู้หญิงมาเกะกะเรา ๆ ไม่เอาหรอก แม่เราก็เป็นผู้หญิง พวกผู้ชายมาชวนเป็นพวกปล้น พวกระดม ก็ไม่เอาหรอก พ่อเราก็เป็นผู้ชาย

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>หลวงปู่เกิดที่ไหนมาก ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>เกิดสองฝั่งแม่น้ำโขง สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>หลวงปู่เกิดสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาสมัยไหน ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>สมัยรัชกาลที่ ๑ มารัชกาลที่ ๖ จึงได้บวช

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ที่ว่า หลวงปู่วิ่งออกไปนอกบ้าน แล้วตะโกนว่า พ่อโกหก ๆ นั่นอย่างไร ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>เป็นพี่ชายในอดีตมาเกิดด้วยกัน ว่าจะไม่ตีกัน เกิดมาตีขึ้น ตอนนั้นอายุประมาณ ๑๐ ขวบก็เลยไปบอกแม่

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>แม่ทราบไหมว่า หลวงปู่ระลึกชาติได้ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ไม่รู้หร๊อก

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ที่ระลึกได้นั้นเหมือนกับว่า สถานที่นั้นเคยไปมาแล้วจำได้ใช่ไหม ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>อือ ! จิตมันบอกเอง กุศลจิตทำมาแต่อดีตมารู้ได้ตั้งแต่เขาภูคาบรรพต เคยทำบุญร่วมพระสงฆ์ ๕๐๐ รูป มาแล้ว มาเกิดมาตายตั้ง ๑๐๐ ชาติ ๑,๐๐๐ ชาติ อดีตมี ๒ พวก ปัจจุบันมี ๑ พวก อนาคตมี ๒ พวก

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>แล้วหลวงปู่จะมาเกิดอีกไหมครับ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>เชื้อไม่มีจะมาเกิดได้อย่างไร ข้าวสารหมดเชื้อแล้วปลูกไม่ขึ้น

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>ศิษย์

</TD><TD>ชาติสุดท้ายแล้วหลวงปู่โปรดเต็มที่

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=88>หลวงปู่

</TD><TD>ยิ้ม ……

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE id=table11 cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD align=middle></TD><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>​

หมายเหตุ 1. ภาพข้างบนนี้“พุทธวงศ์”ได้รับมาจากพระอาจารย์เกษมสุข เขมสุโข วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ กทม. (องค์ที่ถือเครื่องบันทึกเทปเบื้องหน้าหลวงปู่บุดดา) โดยตรง ขอกราบขอบพระคุณไว้ ณที่นี้เป็นอย่างยิ่งฯ
2. เรื่องหลวงปู่บุดดากับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ก็ได้รับถ่ายทอดมาจากท่านพระอาจารย์เกษมสุข ซึ่งท่านได้ยินมาจากปากของหลวงปู่บุดดาโดยตรงเช่นกัน ซึ่งหากท่านที่สนใจข้อมูลเบื้องลึก สามารถไปกราบเรียนถามกับท่านได้ตามอัธยาศัย
ความเป็น“พระอรหันต์อาวุโส”ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรีนั้น เป็นที่รับรู้และยอมรับของบรรดาพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมเบื้องสูงโดยทั่วไป

<TABLE id=table13 width=170 align=left border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

แม้หลวงปู่คำพันธ์ พระอัจฉริยสงฆ์ผู้ทรงฤทธิคุณแห่งวัดธาตุมหาชัย นครพนมก็เช่นเดียวกัน
ยามใดที่ท่านได้พบกับหลวงปู่บุดดา หลวงปู่คำพันธ์จะให้ความเคารพสักการะและถวายความนบน้อมอย่างยิ่งทุกๆครั้ง น่าประทับตาประทับใจ และถือเป็นเนติแบบอันดียิ่งให้คนรุ่นหลังได้เจริญรอยตามอย่างมิรู้จักขาดสูญ
ครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์ของหลวงปู่คำพันธ์ท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ซึ่งออกจะมีนิสัยฮึกห้าวเอาเรื่อง และมีความเคารพนับถือว่าหลวงปู่คำพันธ์ว่าเป็น“หนึ่งเดียวในดวงใจ”อย่างยิ่งยวด ทำให้ไม่เห็นศีรษะพระองค์อื่นใดในแผ่นดินนี้จะเท่าเทียมหรือเสมอเหมือนได้ (ความจริง กรณีแบบเดียวกันนี้ ศิษย์ในหลวงปู่หลวงพ่ออื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกันเยอะมากๆ หาดูหาชมได้แทบจะในทุกสาย ตามวิสัยของปุถุชนที่ยังยึดติดในตัวตนเป็นธรรมดาโดยทั่วไป) แม้ยามเรียกหาพระองค์อื่นๆ ก็จะเรียกชื่อโดยตรงแบบขาดความเคารพเท่าที่ควรหรือถึงที่สุด ด้วยถือว่า หลวงปู่ของข้า ดีที่สุด เก่งที่สุด สุดยอดที่สุด ไม่เป็นสองรองใคร จึงมิจำต้องยกย่องให้เกียรติใครอีกแล้วในแผ่นดินนี้ก็ปานนั้น

<TABLE id=table14 align=right border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ที่สุด แม้หลวงปู่บุดดาจะเป็น“หล่าวล่อหั่น”ผู้ทรงอริยคุณอันยิ่งยวดเห็นปานนี้ ศิษย์ท่านนั้นก็เรียกหาอย่างห้วนๆ ที่สุดว่า“บุดดาๆ” โดยปราศจากสรรพนามนำหน้าอย่างหน้าตาเฉย จนเรื่องไปเข้าหูหลวงปู่คำพันธ์เข้าในวันหนึ่งจนได้ หลวงปู่คำพันธ์จึงเรียกศิษย์รักคนนี้มาเทศนายกใหญ่เสียเลยทีเดียวว่า
“ ไปเรียกหลวงปู่บุดดาท่านอย่างไม่เคารพอย่างนั้นได้อย่างไรกัน หลวงปู่บุดดานั้นท่านเป็นพระอริยสงฆ์ชั้นสูง ไปเรียกชื่อท่านเปล่าๆ แบบนี้ ถือเป็นการปรามาส เป็นบาปเป็นกรรมอย่างมาก ต่อไปนี้ห้ามเรียกชื่อท่านแบบไม่เคารพแบบนี้เป็นอันเด็ดขาด และให้รีบไปขอขมาลาโทษกับหลวงปู่ท่านเสียไวๆ ด้วย..!!!!!”
หมายเหตุ , เพียงเพราะไม่“ตามรู้”จนเท่าทัน“มานะ”และ“อัตตา” ก็ยังทำให้คนที่ใกล้ชิดพระเจ้าพระสงฆ์ต้องหลงทำบาปกรรมด้วยการ“ยกของตน ข่มของท่าน” ราวกับเป็นทารกทาริกาที่ไร้เดียงสา ดุจหนึ่งว่าหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละองค์เป็นสาวกคนละศาสดา จนร่ำๆจะทำให้พระศาสนาแทบจะแตกจะแยกเป็นเสี่ยงๆได้เห็นปานนี้
ดีไม่ดี จะเป็นต้นเค้าแห่ง“สังฆเภท”เอาได้ง่ายๆ ใครจะรู้....
ทางที่ดี ถึงเราจะนับถือหลวงปู่หลวงพ่อองค์ใดเป็นพิเศษ ก็ให้ยกไว้ในฐานที่เข้าใจ
ไม่ควรไม่กดข่มองค์อื่นๆให้เกิดบาปเกิดโทษไปเปล่าๆโดยใช่ที่

<TABLE id=table15 width=170 align=left border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ชอบแต่เคารพบูชาในฐานที่ทุกๆองค์ ล้วนแต่เป็น“สาวกสังโฆ”ในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนๆกัน จะเป็นการอันประเสริฐกว่าเป็นไหนๆ
แล้วท่านเองนั่นแหละ ก็มีสิทธิที่จะได้“ของดี”ที่“หลากหลาย”และ“อินเตอร์”กว่าอย่างที่คาดคิดแทบไม่ถึงเลยนั่นเทียว.....
และแน่นอน ความหลากหลายของเรื่องและภาพซึ่งอยู่เหนือความคาดหมาย อันใครๆยากจะลอกเลียนแบบและทำตามได้ของ“เวปไซต์พุทธวงศ์”นี้ ก็คือผลแห่งการไม่ยึดติดผูกล็อคจำกัดตัวเองกับสิ่งใดๆอย่างไร้เหตุผลอันควร ด้วยมุ่งหมาย“อานิสงส์สากล”ที่สุดดังว่า มิจำต้องพักสงสัยเลยฯ

เล่าเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดร......
<TABLE id=table16 align=right border=0><TBODY><TR><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

คืนหนึ่งในเดือนพฤษภาคม 2527 หลวงปู่ (บุดดา ถาวโร) นอนให้ลูกศิษย์นวดอยู่ หลวงปู่ก็จะเล่านิทานธรรมะ ให้ลูกศิษย์ฟังไปด้วย พวกเรานั่งฟังธรรมะหลวงปู่ราว 6-7 คน
ข้าพเจ้ามีความสงสัยเรื่องของหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งลงในหนังสือ“คนพ้นโลก” ของอาจารย์ปถัมภ์ ในหนังสือเล่าว่า หลวงปู่โลกอุดร มีอายุเป็นพันปี และท่านเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ที่มีญาณวิเศษ ท่านสามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนแก่ คนหนุ่ม หรือ ฆราวาส แล้วแต่ท่านจะสงเคราะห์บุคคลนั้นๆ เพราะเหตุใด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค้างคาใจข้าพเจ้าตลอดมา เมื่อมีโอกาส ข้าพเจ้าจึงถามหลวงปู่ว่า.....
ข้าพเจ้า-หลวงปู่เจ้าคะ หลวงปู่เทพโลกอุดรมีจริงไหมคะ?
หลวงปู่- มีจริงซิ โอ!!!! รูปร่างท่านสูงใหญ่ สูงแปดศอกโน่น !!! เวลานอน ท่านนอนหนุนขอนไม้ เราไม่เคยเจอท่านหรอก
ข้าพเจ้า-หลวงปู่เจ้าคะ อายุเป็นพันปี ท่านอยู่ได้อย่างไร?
หลวงปู่- อยู่ได้ด้วยญาณวิชา อยู่ในจอมปลวก ในถ้ำ ในภูเขา อยู่ได้เป็นพันๆ ปี อยากรู้เรื่องของท่าน ไปถามหลวงปู่วัยซี โน่น!! ท่านอยู่หินกองโน่น หลวงปู่ใหญ่ ท่านมาหาหลวงปู่วัยบ่อยๆ
ข้าพเจ้า-หลวงปู่เจ้าคะ หลวงปู่วัย ที่เอาจีวรหลวงปู่โลกอุดร มาถวายหลวงปู่ใช่ไหมเจ้าคะ?
หลวงปู่- อือ.....
หลังจากนั้น ข้าพเจ้าได้มีโอกาสมานมัสการหลวงปู่วัย จัตตาลโย ที่วัดเขาเทพพนมยงค์ จ.สระบุรี หลวงปู่วัย เมตตาเล่าเรื่องหลวงปู่ใหญ่ให้ฟังว่า
ท่านมาเยี่ยมหลวงปู่ถึงกุฏิ องค์หลวงปู่ท่านสูง เวลาเดินเข้ากุฏิหลวงปู่ ท่านต้องก้มศีรษะลง วันนั้นมีหม่อมอรพินท์อยู่ด้วย ได้เห็นท่านหลวงปู่ไม่ทราบว่าท่านจะมา จึงไม่ได้เตรียมต้อนรับ ได้ยกเก้าอี้มาให้หลวงปู่ใหญ่นั่ง พร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ที่หลวงปู่ใหญ่นั่งให้ดู หลวงปู่ใหญ่ได้สนทนากับหลวงปู่พอสมควรแล้ว ท่านออกจากกุฏิหลวงปู่ คนที่นั่งอยู่ข้างนอกไม่เห็นหลวงปู่ใหญ่เลย คงเป็นเพราะท่านไม่ต้องการให้เห็น
ในวันนั้น ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาจากหลวงปู่วัย โดยท่านได้มอบจีวรหลวงปู่ใหญ่ให้ไว้บูชา ข้าพเจ้าดีใจมาก และตื่นเต้นที่ทราบว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรมีตัวตนจริงๆ และหลวงปู่วัยก็เป็นลูกศิษย์ ท่านถ่ายทอดธรรมะให้ก่อนเข้าพรรษาทุกๆ ปี หลวงปู่วัย จะตัดเย็บจีวรไปถวายหลวงปู่ใหญ่ ใช้ผ้าถึง 45 เมตร!!! ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ถวายปัจจัยร่วมซื้อผ้าไหมถวายหลวงปู่ใหญ่โลกอุดรด้วย......

ที่มา ชัย แสงทิพย์ www.buddha-dhamma.com​

หมายเหตุ, แต่ก่อน ทางชมรมพุทธศาสน์วังจันทน์เกษม กระทรวงศึกษาธิการก็ได้เคยนิมนต์หลวงปู่วัย จัตตาลโย วัดเขาเทพพนมยงค์ สระบุรีมาเทศน์ที่ชมรมเป็นประจำ ซึ่ง“พุทธวงศ์”ก็ได้เคยกราบท่านเป็นหลายครั้งตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 ตราบจนท่านถึงแก่มรณภาพ และได้เคยร่วมทำบุญถวายผ้าจีวรแด่หลวงปู่ใหญ่พระครูเทพโลกอุดรกับทางชมรมโดยผ่านหลวงปู่วัยไปก็หลายคราว (ทางชมรมเคยเอามาตั้งแสดงให้ดู เป็นผ้าไตรขนาดใหญ่มหึมา เห็นแล้วชวนให้ตะลึงลานไปเลยทีเดียว) แม้ในใจจะไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องนี้สักเท่าไร แต่พอได้รับชมการันตีจากหลวงปู่บุดดาที่หลวงปู่สิมยกย่องนักหนาดังกล่าว จึงได้ลงใจอย่างสนิทและก็อดนึกปลื้มปีติในกุศลอันยิ่งที่ได้เคยทำถวายแด่หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรแต่ครั้งนั้นไปเสียมิได้
ส่วนกับ“หลวงปู่บุดดา ถาวโร”นั้น“พุทธวงศ์”ได้เคยกราบท่านตั้งแต่ปีพ.ศ. 2529 ในงานวันเกิด ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน ซึ่งจัดที่วัดบุปผาราม ฝั่งธนบุรีเป็นครั้งแรก โดยคราวแรกที่ได้พบท่าน ก็มีเรื่อง“สนุกๆ”และน่าตลกขบขันอุบัติขึ้นในความ“ไร้เดียงสา”(โง่) ของตัวเอง ซึ่งว่างๆ จะนำมาขยายประจานตัวเองให้ได้รับทราบและห้ามทุกคนนำเอาไปเป็นเยี่ยงอย่างต่อไปอีกที......
เป็นเรื่องของ“บุญใหญ่”ที่มีคนผลักไสไล่ส่งให้ไปทำ (ทั้งที่หลายๆ คนอยากจะทำจนใจจะขาด)แต่เพราะ “ไม่รู้” จึงอิดออดไม่ทำเอาเสียดื้อๆ แล้วหนีไปเอาบุญใหญ่อีกกองซึ่งอยู่ติดๆ กันอีกที (เหตุที่รู้สรรพคุณดีอยู่แล้ว) !!!!???? เป็นเรื่องที่ “พุทธวงศ์” ย้อนนึกถึงทีไร ก็อดยิ้มนึกขำไปกับ “อวิชชา”ความไม่รู้ของตัวเองไปเสียมิได้ทุกคราวไปเลยทีเดียว..!!!!!!
ถ้าอย่างไร ก็ดูภาพเหตุการณ์ ณ สถานที่จริงข้างล่างนี้ไปพลางๆก่อน
ถึงเวลาแล้ว จะเล่าให้ชมอีกทีก็แล้วกันนะครับ...............

​

Link จาก....
http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-budda/lp-budda-hist-12.htm​

..........................................................................................................................................................<!-- END WEBSTAT CODE -->​

<SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_donate_1.8.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

องค์หลวงพ่อฯ เคยกล่าวถึง สมบัติพ่อให้ สิ่งหนึ่ง ว่า..
"..ของดี ราคาถูก สามารถป้องกันได้ถึง รังสี"

สิ่งนั้น คือ แหนบ

และ ก็มี สมบัติพ่อให้ฯ เพียงอย่างเดียว
ที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ แหนบ นั่นเอง

ที่ไม่เหมือนใคร เพราะว่า..
ต้นทุน สร้าง "แหนบ" ไม่ได้ใช้ เงินสงฆ์
แต่ใช้ "เงินส่วนองค์ฯ" ที่ลูกหลานน้อมถวายส่วนองค์

ปัจจัยส่วนนี้ องค์หลวงพ่อฯ ท่านนำมาเป็น "ทุน" สร้างแหนบ

มีผล คือ..

1 ต่อบุญ สร้างอานิสงส์ เงิน ที่ลูกหลานให้ ได้อานิสงส์เพิ่มเติม
2 องค์หลวงพ่อฯ สามารถ "แจก" ให้ใคร ๆ ได้ โดยสะดวก
(โดยที่ ท่านผู้นั้น อาจจะไม่มีกะตังค์ ได้ร่วมทำบุญ)

จึงนับเป็น สิ่งพิเศษสิ่งหนึ่ง

..............................................................................................................................................................

องค์หลวงพ่อฯ รับรอง หลวงปู่บุดดาฯ ว่า "ยอดพระฯ"

สิ่งอันเป็นยอดมงคล ของหลวงปู่ฯ
ปัจจุบันนี้ ราคาไม่แพงมาก นับว่าเป็นความเมตตาของหลวงปู่ฯ
และเป็นความโชคดีของพวกเรา ที่จะได้มีโอกาส เป็นเจ้าภาพ เจ้าของ
"ของดี ราคาถูก" ได้อีกสิ่งหนึ่ง

เพราะว่า เมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่สำคัญ
คงไม่มีใคร นำ "พระคำข้าว" มาแจกกันได้อีก

ของดี ราคาถูก ขององค์หลวงพ่อฯ ก็ดี
ของหลวงปู่ฯ ก็ตาม....

ก็จะเป็น "ของดี ราคาที่ยอดยิ่ง"
ด้วยกันทั้งนั้น

ตรงนี้ ต้องเป็น การใคร่ครวญ พิจรณา ของพวกเราเอง

ใช่ไหมครับ

..............................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

รายการ สิ่งอันเป็นยอดมงคล
ที่มีให้ร่วมงานบุญ สร้างพระประธาน หน้าตัก 20 ศอก

1. พระสมเด็จสายรุ้ง รุ่น โภคทรัพย์ ชุด 14 องค์ เนื้อผง ชุดละ 2,000 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์
2. ชุดมหาเศรษฐี 100 ปี (ชุด 3 องค์) เนื้อโลหะ ชุดละ 1,000 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์
3. พระสมเด็จ 3 กษัตริย์ เนื้อโลหะ องค์ละ 500 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์
4. นางพญา 3 กษัตริย์ เนื้อโลหะ องค์ละ 500 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์
5. พระลีลา มหาเศรษฐี เนื้อผง องค์ละ 100 บาท
6. พระพิมพ์หลวงปู่บุดดา พิมพ์ใบโพธิ์ (คล้ายพิมพ์ปืนแตก) องค์ละ 100 บาท
(หากรายการที่ 6 นี้ หมดไปแล้ว จะจัดรายการที่ 5 ทดแทน)
7. หลวงพ่อพระพุทธชินราช พระผง ปิดทอง 1 ด้าน องค์ละ 100 บาท
8. พระสมเด็จร่มโพธิ์ พระผง องค์ละ 100 บาท
9. พระพุทธเจ้า กายเนื้อ พระผง องค์ละ 100 บาท
10. พระนางพญา เนื้อดิน ด้านหลัง บุดดา 100 ปี องค์ละ 100 บาท
11. หลวงปู่บุดดา พิมพ์ นั่งซุ้ม เนื้อผง องค์ละ 100 บาท
12. พระกริ่งถาวโร เนื้อผง แดง องค์ละ 200 บาท
13. พระกริ่งถาวโร เนื้อผง เหลืององค์ละ 200 บาท
14. เหรียญ ร.5 - หลวงปู่บุดดา ชุบทอง องค์ละ 200 บาท
15. พระผงพระเจ้า 5 พระองค์ พิมพ์เตารีด องค์ละ 200 บาท
16. หลวงปู่บุดดา รุ่น 9 เหลี่ยม ก้าวหน้า เนื้อนวดำ องค์ละ 200 บาท
17. หลวงปู่บุดดา รุ่น มหามงคลทองเนื้อโลหะ (พิมพ์เตารีด) องค์ละ 300 บาท

................................................................................................................................................

การร่วมงานสร้างพระพุทธรูป​

1. โอนเงินเข้าบัญชี
<O</O​

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดยิ่งเจริญ
ชื่อบัญชี มหาหินทร์ มีเนตร์ขำ

บัญชีออมทรัพย์ 181-225239-4<O</O​

บัญชีบุญ นี้ ได้รับอนุญาต จาก ทางวัดฯ แล้ว​

บัญชีบุญ นี้ จะไม่มีการ ถอนออก จะมีการ Update แสดงผลตลอดเวลา
และ สุดท้าย จะโอนเข้าไปที่วัดฯ แสดงให้เห็น เพื่อเป็น ค่าใช้จ่าย ต้นทุนสร้าง พระพุทธรูป ต่อไป​

2. แจ้งรายการ จำนวน สิ่งอันเป็นยอดมงคล ที่ควรจะได้รับ ให้สอดคล้อง ตรงกับ ยอดเงินบุญ​

3. ส่ง หรือแจ้ง สำเนา ในรายการ ลำดับที่ 1
และแจ้ง รายละเอียดในลำดับที่ 2 พร้อมด้วย "ที่อยู่" ของท่าน
มาให้กระผมได้ทราบ ในช่องทาง ดังนี้​

3.1 โพส ลงในกระทู้แห่งนี้ หรือ PM<O</O
3.2 ไปรษณีย์ มหาหิน มีเนตร์ขำ ตู้ ป.ณ.8 ปณฝ.สะพานใหม่ กทม. 10221
3.3 ทางเมล์ meenetrkam@gmil.com
3.4 FAX : 02-5520979 (ส่งให้ : มหาหินทร์ฯ)
3.5 สอบถามเพิ่มเติม.. มหาหินทร์ฯ โทร. 081-1700 567<O</O​

หมายเหตุ
หากยอดเงินบุญ ไม่เกิน 500 บาท โปรดช่วยค่าจัดส่ง 50 บาท
โดยโอนเงินรวมในบัญชีได้เลย (เกิน 500 บาท จัดส่งให้ฟรี)​

...............................................................................................................................................................................................​

ขณะนี้ พระเครื่องอันเป็นยอดมงคล ของหลวงปู่ฯ
ได้ถูกจัดส่ง มาถึงกระผมฯ แล้ว

หากพวกเราที่ประสงค์จะขอรับ
ก็จะสามารถจัดส่งให้ได้ โดยทันที

ขอน้อมโมทนา อย่างยอดยิ่ง

สาธุ..
สาธุ..
สาธุ....

...............................................................................................<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

มอบเพิ่มให้พิเศษ อีก 1 องค์ คือ....



1. พระสมเด็จสายรุ้ง รุ่นโภคทรัพย์ 14 องค์ เนื้อผง
ชุดละ 2,000 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์

(เฉลี่ยแล้ว บูชาพระ องค์ละประมาณ 134 บาท เท่านั้นเองครับ)

........................................................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

มอบเพิ่มให้พิเศษ อีก 1 องค์ คือ....



2. ชุดมหาเศรษฐี 100 ปี (ชุด 3 องค์) เนื้อโลหะ
ชุดละ 1,000 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์

............................................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

มอบเพิ่มให้พิเศษ อีก 1 องค์ คือ....



3. พระสมเด็จ 3 กษัตริย์ เนื้อโลหะ
องค์ละ 500 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์

................................................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

มอบเพิ่มให้พิเศษ อีก 1 องค์ คือ....



4. นางพญา 3 กษัตริย์ เนื้อโลหะ
องค์ละ 500 บาท + รายการที่ 6 จำนวน 1 องค์

.................................................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->