เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ที่จริงพระชุดนี้น่ะ ถ้าถามผม ให้ผมตอบแบบตรงๆ การปลุกเสกเดี่ยวโดยหลวงปู่ บนกุฏิก็พอแล้ว แต่ในหมู่ลูกศิษย์ที่ช่วยกันสร้างแพและสร้างพระมา ต่างมีความเชื่อตามที่หลวงปู่บอกว่า การปลุกเสกบนแพน้ำที่ไหลผ่านข้างใต้ของจะขลังกว่าปกติ เราเลยรอมาจนถึง เสาร์ ๕ ในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๑ ด้วยเห็นว่าเป็น ฤถษ์ดี เหมาะแก่การปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะ และการปลุกเสกบนแพคงยิ่งขลังขึ้นไปอีก เลยกราบเรียนท่าน ท่านก็ไม่ว่าอย่างไร ว่าอย่างไรว่าตามกัน

แต่ถ้าท่านอ่านที่ผมขอหลวงปู่มาแล้ว จะเห็นว่า หลวงปู่มีเวลาปลุกเสกพระชุดนี้มาก เกินพอ เป็นเดือนๆ ปีๆ และ พวกเราอธิษฐานขอท่านบรรจุวิชา ทุกท่านที่ท่านเรียนมาจากครูบาอาจารย์ต่างลงให้หมด เพื่อสืบต่อวิชาไว้ ซึ่งหลวงปู่ก็รับปาก ซึ่งพระเครื่องชุดอื่นๆ บางทีไม่ได้ขออะไรเป็นพิเศษ ท่านก็เสกให้ และมีอภินิหารทุกชุด จะมีมุขของเสี่ย ธ ที่บางทีจะขอท่านเลยว่าขอแบบครอบจักรวาล ซึ่งท่านฟังแล้วก็ยิ้มๆ และทำให้ ในพระชุดอื่นๆซึ่งผมจะเปิดเผยหมดทุกชิ้นที่ผมได้รับมากับมือของท่าน

วิชาอันหนึ่งขอหลวงปู่ที่มีเด็ดขาดมากคือ การต่อจะชะตา ผมจะบันทึกไว้ตรงนี้ว่า หลวงปู่ต่อพวกชะตาขาดมามาก และเป็นวิชาเฉพาะตัวของท่าน ไม่เคยเห็นใครทำได้เหมือน ( นอกจากพระอาจารย์แม้นที่ผมเคยเห็นกับตาครั้งหนึ่งในการช่วยลูกศิษย์จากอุบัติเหตุรถชน แต่เป็นการป้องกัน คล้ายๆต่อชะตาแต่คนล่ะแนว ) และผมมั่นใจว่าหลวงปู่บรรจุวิชาต่อชะตาให้ในพระชุดนี้

วิชาขอต่อชะตาก็ไม่ยาก อยู่ที่จิตของท่านเป็นปฐม จุดธูปบอกแต่คราวนี้ต้องมีดอกไม้เจ็ดสี ไม่บังคับชนิดของดอกไม้ หาเท่าที่ได้ ข้างรั้วก็ได้ เสร็จแล้วจุดธูปบอก พร้อมดอกไม้ธูปเทียนขอต่อ พระประธาน พระบูชา พระกริ่ง หรือ พระชัย ธูปหมดดอกก็ใช้ได้ ถ้าจะให้มั่นใจก็เอาแช่ทำน้ำมนต์อาบด้วยเลย

วิชาทำน้ำมนต์เป็นวิชาเอกของหลวงปู่อีกแขนง ท่านเก่งหลายอย่าง ถ้าอ่านประวัติตอนที่ท่านเรียนกับหลวงปู่บุญธรรม ท่านจะเคยบอกว่าไปเรียนทำน้ำมนต์มา เพราะฉนั้นพระชุดนี้ใช้ทำน้ำมนต์ พวกรักษาโรคได้ และ ช่วยต่อดวงชะตาได้ด้วย สามารถทำให้คนอื่นก็ได้

พวกนี้ผมจะบรรยายเหตุการณ์ละเอียดตอนถึงเรื่องนั้นๆ เพราะมีตัวบุคคลและพยานอยู่ แต่การต่อชะตา ถ้าชะตาขาดแน่นอน พอหลังจากเขากลับไป ท่านจะพูดเปรยๆเลยว่า ไม่รู้จะช่วยได้ไหม ถ้าพูดแบบนี้ เสร็จแน่นอน ร้อยทั้งร้อย เตรียมหาวัด หาโลงได้ครับ เพราะท่านพญามัจจุราชท่านไม่สามารถ ผ่อนผันให้ได้ครับ

ผมเลยอยากจะย้ำว่า ใครมีพระชุดนี้อยู่กับตัว จะมีของดีที่สุดของพระหลวงตา อายุร่วม ร้อยปี ท่านหนึ่ง ที่ท่านทำให้แบบสุดหัวใจของท่าน มอบให้แก่ศิษย์ ซึ่งอาจจะเป็นศิษย์ที่เป็นลูกหลานของท่านมา นานอาจจะหลายร้อยชาติ คนที่ได้ไป อาจจะไม่ทันเป็นศิษย์ในยุคนี้ แต่อาจจะเคยเกี่ยวเนื่องกันมาในอดีตชาติ ท่านก็ยังเมตตา แม้คนที่ไม่เคยรู้จักท่าน ได้พระท่านไป ท่านก็เมตตา ยังมาเสาะแสวงหาท่านที่วัด เหมือนเรื่องปลัดอาวุโส เมืองชัยภูมิ คุณพี่คนหนึ่งที่ค้าขายที่ออสเตรเลีย และอีกมากท่าน ซึ่งผมจะเล่าต่อไป

ที่อยากจะบอกคือว่าใครมีไว้ ให้นำมาใช้บูชา อย่าเอาไปเก็บไว้เฉยๆ เพราะหลวงปู่ตั้งใจให้นำมาใช้ และใช้ได้ตามที่อธิษฐาน ไม่ลองไม่รู้ ไม่เจอกับตัวก็ไม่เชื่อ...แหะๆ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ

 

กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อทรง
กราบพระเดชพระคุณหลวงปู่บุญศรี

สวัสดีเพื่อนๆ บ้านเหรียญบินทุกท่านครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ ครับ

 

การปลุกเสกเสาร์ห้า ( ครั้งที่ ๕ บนแพโบสถ์น้ำ)
<O</O
ในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๑ ( เสาร์ห้า ) เวลาประมาณ ๘ โมง ๑๑ นาที หลวงปู่ บุญศรี และ คณะสงฆ์ รวม ๗ องค์ หลวงปู่ บุญศรี ได้ เริ่มบวงสรวง บูรพาจาร์ในอดีตด้วย บายศรีดอกไม้ชุดใหญ่ หัวหมู ๒ หัว ไก่ต้ม ๒ ตัว มะพร้าวอ่อน ๒ ลูก กล้วยน้ำว้า ๒ หวี เหล้าโรง ๒ ขวด บุหรี่ ๒ ซอง ธูป ๙ ดอก เทียน ๒ เล่ม ข้าวพล่าปลายำ ขนมต้มแดงต้มขาว จากนั้นหลวงปู่ได้เบิกพระเนตรพระองค์ใหญ่หน้าตัก ๒๔ นิ้ว และ พระบูชาจำลอง ๙ นิ้ว จากนั้นหลวงปู่ได้เริ่มพิธีปลุกเสกเดี่ยว พระบูชาจำลอง ๙ นิ้ว พระกริ่ง พระชัยวัตน์ รวมทั้งพระเครื่องและเครื่องรางของขลังที่เข้าร่วมพิธี จนถึงเวลาประมาณ ๘ โมง ๓๕ นาที หลวงปู่และพระสงฆ์ ได้สวดชัยมงคลคาถาสรรเสริญคุณพระสมเด็จสัมมาพระพุทธเจ้า จากนั้นหลวงปู่ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนตร์และหว่านข้าวตอกดอกไม้ไปยัง พระองค์ใหญ่หน้าตัก ๒๔ นิ้ว พระบูชาจำลอง ๙ นิ้ว พระกริ่ง พระชัยวัตน์ รวมทั้งพระพระและเครื่องรางของขลังที่เข้าร่วมพิธี และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไปยังคณะศิษย์ทุกท่าน เสร็จพิธีประมาณ ๙ โมงเช้า

ผมคิดว่าจุดสำคัญ ของพระชุดแพโบสถ์น้ำ คือ การที่หลวงปู่ได้ปลุกเสก ประจุทุกวิชา ลงไปยังพระชุดนี้ซึ่งบรรยายไปแล้ว และต่อมาอีกจุดที่สำคัญ สุดยอด คือ การนำพระมาปลุกเสกบนแพโบสถ์น้ำครับ

ผมเล่าข้ามไป ที่จริงจะต้องดำเนินเรื่องเล่าเรื่องแพฯก่อน เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดพระชุดนี้ สาเหตุที่สร้างแพฯ เพราะวัดนี้ไม่มีพระอุโบสถครับ การรับผ้ากฐินต้องไปวัดอื่น หรือ นิมนต์พระมาจนครบจำนวน และ ใช้แพลูกบวบอันเก่ากระจิ้ดเดียวมารับผ้ากฐิน เป็นพระอุโบสถน้ำ หรือ อุทกเสมาอุโบสถ

และหลวงปู่ท่านบอกว่าเคยไปทางเหนือ ที่มีโบสถ์น้ำ (บวชพระในแพ เอาเรือมาต่อกัน ) และ ท่านบอกว่าการปลุกเสก พระเครื่องรางของขลัง ในโบสถ์น้ำ หรือ บนแพที่มีน้ำไหลผ่าน พระเเละเครื่องรางนั้น จะขลังกว่าปกติ เรียกง่ายๆว่าขลังมาก และไม่มีใครในประเทศไทยว่าไว้น่ะครับ ผมเคยได้ยินจากหลวงปู่องค์เดียว แต่อยากจะตั้งข้อสังเกตุว่า หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่าท่านก็มีแพโบสถ์น้ำไว้ทำพิธี หรือ ปลุกเสกเครื่องรางของขลังน่ะครับ พระเครื่องของท่านอานุภาพสุดบรรยายครับ ราคาแพงลิ่บลิ่ว เป็นที่นับถือตลอดจนคนธรรมดาไปถึงเจ้าฟ้านายคน มีประสบการณ์มาช้านาน

อันนี้เป็นปฐมเหตุที่ทำให้พวกเรามาสร้างแพโบสถ์น้ำ แต่มาข้ามเรื่องการสร้างแพไปก่อน

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๑ พวกศิษย์ก็มาพร้อมกัน เรายกพระทั้งหมด มีพระบูชา ๒๐๑ องค์ พระกริ่ง ๑๖๕๔ องค์ พระชัย ๓๓๐๐ องค์ และพระประธานสององค์ องค์หนึ่งหล่อมาก่อนเป็นของผู้มีบุญมาฝากปลุกเสก และเนื่องจากพระองค์หนักมาก การยกพระลงสะพาน (gang way ) ลงไปยังแพโบสถ์น้ำ ทุลักทุเลมาก และเอาพระทั้งหมดวางที่กลางโบสถ์ ญาติโยมทุกคนก็อยากลงไปในแพตอนที่หลวงปู่ ปลุกเสก เพราะจะวงสายสิณญ์รอบแพ ทุกคนอยากจะลงไปปลุกเสกตัวเองในแพ เลยยกพระประธานลงได้องค์เดียว อีกองค์เลยตั้งไว้บนศาลาริมน้ำ ข้างบน แล้วโยงสายสิณญ์ไปยังพระองค์บนฝั่ง และเสี่ย ธ ก็นำพระยังไม่แห้งดีเข้ามาร่วมพิธี ใส่ถาดมา มีหลายอย่าง เป็นพระสมเด็จจานข้าวก็มีคือองค์ใหญ่มากเท่ากับจานข้าว ( อันนี้ผมเรียกเอง ) ผมพอมีเก็บไว้บ้างแต่องค์ใหญ่ๆไม่ได้เอา แต่ยืนยันว่า มีจริง และผมยังเอาของส่วนตัว พวกมีดหมอ พระเครื่องมาอีก สองสามลังมาร่วมพิธี นอกนั้น ก็มีอีกหลายลังจากหลายท่าน เอามาฝากปลุกเสก ไม่มีการกีดกัน ใครอยากเอาอะไรก็เอามา พวกที่ไม่ใด้เตรียมพระมาก็ถอดพระในคอใส่ในพาน ที่เตรียมไว้ ผมบอกว่าถ้าเป็นทองให้ระวังกันเองน่ะครับ สนุกสนานมากครับ

และจะเปิดเผยในที่นี้ว่า ที่เขียนพระ ๗ รูปน่ะ มีหลวงปู่และพระอีกองค์ที่มาจากวัดใหม่ ส่วนอีกห้า น่ะ มาจากสำนักสงฆ์ คง คำ โคก ทม ครับ ( อันนี้ถ้าผมจำชื่อไม่ผิด ) ใน พ.ศ.นั้นเรายังไม่ได้ยินชื่อหลวงปู่หมุน เรียกว่ายังไม่รู้จักท่าน แต่องค์ผู้นำมาน่ะ เป็นเจ้าอาวาส และไม่ใช่หลวงปู่อิงน่ะครับ ผมก็ลืมชื่อท่านและถ้าท่านไปศึกษา วัดนี้หลวงปู่หมุน เคยมาจำพรรษาอยู่ตอนนั้นน่ะครับ ส่วนหลวงปู่หมุน จะมีความสัมพันธ์ รู้จักหลวงปู่หรือไม่ ผมลืมถาม...แหะๆ น่าเสียดาย แต่ท่านเจ้าอาวาสที่เป็นลูกศิษย์ก็พาพระมากราบ หลวงปู่บุญศรีบ่อย มาหลายงาน จนหลวงปู่บุญศรีมรณะภาพ ก็ขาดการติดต่อ ผมเองลืมนึกภาพ เรื่องจะถามว่าท่านรู้จักกัน เลยไม่ได้ถาม

แต่ปี ชาตะ ของหลวงปู่หมุนได้ คือ พ.ศ.๒๔๓๗

ส่วนหลวงปู่บุญศรี ตามที่ผมเชื่อ คือ พ.ศ. ๒๔๔๘

แต่ถ้าตามที่เขาเชื่อกัน ท่านจะเกิด พ.ศ. ๒๔๓๖

แก่ขึ้นอีกรอบ จะมีอายุใกล้เคียงกับหลวงปู่หมุนจนน่าแปลกใจว่า ท่านเป็นคนรุ่นเดียวกัน อาจจะบวชพร้อมๆกัน และอาจจะเคยรู้จักกันมาก่อน เลยแนะนำ ศิษย์ที่ตอนนั้น เป็นเจ้าสำนักสงฆ์ คง คำ โคก ทม ให้มาหา

อันนี้แค่เป็นข้อสังเกตุน่ะครับ แต่ความจริงคือว่าพระคณะนี้มาไกล และมาบ่อย ถ้าไม่มีดีคงไม่มา เพราะที่วัดท่านตอนนั้นก็มีดีอยู่แล้วครับ

หลวงปู่เลยนิมนต์พระทั้งคณะจากสำนักสงฆ์ คง คำ โคก ทม ลงไปที่แพ ไปช่วยสวดพุทธมนต์

ก่อนลงน่ะหลวงปู่ท่านลองใจผม อาจจะหยอกเล่น ท่านว่าจะให้เสกที่ไหน ( ผมยังงงๆ นึกว่าหลวงปู่หยอกเล่น ) ผมยืนยันว่าขอลงไปเสกในแพโบสถ์น้ำครับ ท่านก็พยักหน้า ตกลงพวกเราเลยพาหลวงปู่ไปที่แพ คนตามมาเพียบและเฮกันลงไปที่แพ เต็มเอี้ยด ดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ ตำรวจมา ไม่อย่างนั้น อาจจะถูกห้ามลงไปกันบ้าง ผมยังจำได้อีกว่า พอหลวงปู่นั่งเข้าที่ ท่านเอานิ้วเคาะกระดานพื้นโบสถ์น้ำ แล้วบอกว่าบนนี้บวชได้น่ะ

และที่แปลกใจ คือ พ.ศ.นี้ผมมาหารูปถ่าย ไม่มีใครถ่ายรูปไว้เลยครับ สาเหตุคือไม่กล้า พอลงไปในแพ จำได้ว่าหลวงปู่ท่านบอกให้เงียบๆ พวกที่แย่งกันพูดเลยเงียบ ทุกอย่างเงียบกริบหมดเลยครับ ตอนท่านปลุกเสกก็ไม่มีใครกล้าลุกมาถ่ายรูป ทุกคนพยายามรวมจิตให้เป็นสมาธิ ตักตวงบุญ และ พลังพุทธคุณจากการปลุกเสกครั้งนี้ รูปที่มีจึงมีแค่สองรูปนี่แหละครับ มีแค่นี้จริงๆ



ตามรูปหลวงปู่ท่านบวงสรวง บูชาพระรัตนตรัยและ ครูบาอาจารย์ ท่านว่าเป็นโองการน่ะครับ ท่านพูดเบา ผมน่ะจำไม่ได้หรอกครับ เครื่องบูชา พานบายศรี พานดอกไม้ อยู่ตรงท้ายแพ ในรูปนี้จะติดหน้าสองคน คือ เฮีย โก และ สารวัตร อารยา



หลังจากนั้นท่านก็นั่งปลุกเสกเดี่ยว ประมาณ ครึ่ง ชั่วโมงก็เต็ม แล้ว ท่านนิมนต์พระสวดชยันโต ส่วนท่านก็โปรยดอกไม้แล้วพรมน้ำมนต์ น้ำมนต์จำได้ว่ามีเสียงขอน้ำมนต์กันใหญ่ ท่านเลยพรมญาติโยมทั้งแพ

จากรูปนี้จะเห็นกล่องกระดาษที่ใส่พระบูชา หลังจากพิธี พระนี่ส่วนใหญ่มีสิบล้อจากบริษัทน้ำมันใหญ่มาจอดรอ พอเสกเสร็จก็ช่วยกันยกขึ้นรถตามจำนวนที่จอง เรียกว่ามารอพิธีเลย ส่วนที่เหลือ คนที่จองก็ตามมาเอาวันนั้นจนเกือบหมด พระบูชาไม่พอมีคนอยากได้อีกครับ ตอนให้จองก็ไม่จอง พอเห็นพระแล้วจะเอา ตอนนั้น ก็ไม่ค่อยมีเงิน จะได้เทเผื่อน่ะครับ ในรูปจะเห็นลัง พระประธานหนึ่งองค์ และถาดใส่พระของเสี่ย ธ

ส่วนชายคนที่ยืนหลังหลวงปู่เป็นคนสำคัญคนหนึ่งน่ะครับ ชื่อเดิมคือ พี่ยุทธ จากสำนักงานทนายความใหญ่ สำนักหนึ่ง เป็นคนที่ดำเนินการจน วัดหลวงปู่ได้ที่ดินเพิ่ม ได้โฉนด และช่วยด้านกฎหมายหลายอย่างให้ผมจน ผ่านวิกฤตกาลต่างๆมาได้

พระบูชาตอนนั้นองค์ล่ะ ๕,๐๐๐ บาท แบบรมดำ จ่ายค่าจอง ๒,๕๐๐ บาท เท่าทุนที่ไปจ่ายช่าง ส่วนกำไรเอาไปสร้างโบสถ์ทุกบาท ถ้าจะปิดทอง เอาอีก ๒,๕๐๐ บาท รวมเป็น ๗,๕๐๐ บาท

ส่วนพระกริ่งก็แจกตามใบจอง ใครไม่มีใบจอง เอาชุดล่ะ ๑,๐๐๐ บาท พระกริ่งองค์ล่ะ ๘๐๐ บาทพระชัย องค์ ๒๐๐ บาท คนรุมกันเพียบ วันนี้วันเดียวได้เงินใช้หนี้ข่างทั้งหมด ถ้าก่อนจองผมจำได้ว่าชุดล่ะ ๘๐๐ บาท เป็นเงินเอาไปจ่ายมัดจำช่าง

รวมเงินค่าเทพระน่ะครับ

พระบูชา ๒๐๑ องค์ ทุนที่ให้ช่างไม่รวมค่าอื่นๆ ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท

พระกริ่งและพระชัย ทุนประมาณ ๙๐,๐๐๐ บาท

พระประธาน ประมาณ ๖๐,๐๐๐ บาท

รวมเฉพาะค่าช่าง น่ะประมาณ หก แสนกว่าบาท ใน พ.นั้น ค่ามัดจำ จำได้ว่าครึ่งหนึ่ง ผมเป็นคนออกหน้า ไม่ใช่หลวงปู่น่ะครับ เพราะเกรงใจท่าน หนี้ผมรับคนเดียวเป็นคนเซ็นสัญญา พอวันให้ออกบูชา มีเงินใช่หนี้หมดทุกบาท เรียกว่าโล่งอกไปเลย จะเรียกรุ่นเต็มว่าปลดหนี้ จากหลวงปู่ก็เป็นความจริงครับ เพราะจำหน่ายไปทั้งรวมที่จอง เคลีร์ยหนี้ภายในวันเดียว วันเดียวจำหน่ายพระกริ่งรว่มประมาณ ๗๐๐ กว่าชุด รวมทั้งพระชัยด้วย พระชัยราคาย่อมเยาว์หน่อย มีบางคนบูชาไป ๕๐ กว่าองค์ คนเดียว

ผมพอจำได้ว่า เป็นพี่จากองค์การเภสัชฯ เพราะท่านเอาไปให้อาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งดู อาจารย์ท่านนั้นมีตาในดี บอกพี่แกว่า เป็นของดีมากตั้งแต่ดูพระมา อีกหน่อยจะหายากและราคาสูงมาก พี่แกเลยรีบกลับมาเอาอีก ตุนไว้เพียบ พระกริ่งราคาแพงกว่า เลยเก็บพระชัยไว้...แหะ ๆๆ และถ้าถามผม ผมน่ะรู้อยู่แล้วอนาคต ของดี ของหลวงปู่จะเป็นอย่างไร ทองแท้ ย่อมเปล่งประกาย อีกไม่นานหรอกครับ ถึงเวลาเปิดเผยเรื่องของท่านแล้ว<O</O

 

สอบถามพี่พีครับ

หลวงปู่หมุนที่ว่านี้ใช่ หลวงปู่หมุน (วัดเขาแดง) หรือหลวงปู่หมุน (ฐีตสีโล วัดบ้านจาน) ที่อีสานครับ

ขอบคุณครับ

 

กราบหลวงปู่ทรง และพลวงพี่พี และพี่ๆทั้งหลายครับ

ตอนนี้ผมศรัทธาในพระนักธรรมมากเลยครับ ช่วงนี้ผมเรียนต่อและกำลังเรียนหนัก

เลยคิดตามหาวัตถุมงคงเป็นขวัญกำลังใจ จนมาพบกับความเมตตาของหลวงปู่ทรงครับ ที่ท่านทำพระนักธรรมเองภายในวัดด้วยเจตนาดี

เมื่ออ่านถึงประวัติ และเข้าใจเจตนาของหลวงปู่ในการจัดสร้างพระนักธรรมก็เกิดความศรัทธา อยากได้บูชาไว้ติดตัว เป็นขวัญกำลังใจเล่าเรียน

มีพี่ท่านใดพอแนะนำว่า สามารถบูชาจากที่ใดได้บ้างครับ ผมตามข้อมูลมา 2 วันแล้วครับ

จะหาว่าผมมุ่งจะพึ่งพระไม่ช่วยตัวเองก็ไม่ใช่นะครับ ส่วนตัวก็อ่านหนังสือทุกวัน ช่วงนี่หยุดพักผ่อนสองวันหลังฟื้นไข้น่ะครับ พรุ้งนี้ต้องอ่านต่ออีก

ยอมรับว่าท้อมาก พี่ๆเมตตาแนะนำด้วยนะครับ ตอนนี้ผมมาเรียนต่อ กทม ครับ อยากรีบเรียนให้จบ จะได้ไม่ลำบากพ่อแม่นาน เผื่อได้ทำท่านภูมิใจบ้าง ตัวเราก็ไม่เคยทำให้ท่านได้ภูมิใจเท่าลูกหลานญาติพี่น้องคนอื่น

ผมอยากได้ไว้เป็นขวัญกำลังใจจริงๆครับ

ขอบคุณพวกพี่ๆมากครับ

 

วัดบ้านจานครับ วัดนี้ถ้าไปตามประวัติ ผมคิดว่าท่านย้ายไปที่หลังครับ

 

สวัสดีครับพี่ พี
ติดตามาเรื่องพระกริ่งแพโบสถ์น้ำมาตลอดแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น
แต่มาอ่านครั้งนี้มีชื่อของหลวงปู่หมุน มาร่วมปลุกเสกด้วย ใช่ไหมครับ

 

ผมขยายความน่ะครับ

ข้อความนี้เป็นความเห็นของผมคนเดียว พวกท่านอย่าเชื่ออะไรตามผมง่ายๆน่ะครับ

ผมพอจำได้ ว่าท่านเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ โคคำโคกทม ตอนนั้น ไม่ใช่หลวงปู่ หมุน หรือ หลวงปู่อิง น่ะครับ หลวงพ่อองค์นี้ อายุประมาณ ๖ - ๗๐ ปี บอกตามตรงท่านชื่ออะไรผม ลืมไปซ่ะแล้ว ท่านรู้จัก คุณแม่ ประทุม และท่านมาที่วัดหลวงปู่บุญศรี หลายครั้ง รูปร่างสูงปานกลาง พูดไทยสำเนียงอีสาน และท่าทางเป็นคนมีวิชาครับ เรียกท่านว่า หลวงพ่อ ถ ไปก่อนก็แล้วกันครับ


ตอนงานปลุกเสก หลวงพ่อ ถ ท่านไปอยู่ที่แพโบสถ์น้ำด้วย เพราะหลวงปู่บุญศรีนิมนต์ไป ( พระที่หลวงปู่ ยุ่งด้วย คำนี้คือ สุงสิงด้วย นิมนต์มาด้วย หรือ เล่นด้วยจะหายากน่ะครับ ผมไม่ทราบจะบรรยายอย่างไรให้เห็นภาพ แต่หลวงปู่ท่านจะถือตัวกับพระธรรมดามาก ถ้าไม่เข้าตาท่าน ท่านจะนั่งเฉยๆ เรื่องเมตตามีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะสุงสิง พูดคุย พระองค์นั้นต้อง " ถึง " น่ะครับ ผมจะพูดแค่นี้แหละ )

การที่หลวงปู่นิมนต์ไปด้วย จึงค่อนข้างแปลกในสายตาของผมที่แอบเฝ้ามองท่านมานาน เพราะการปลุกเสก ผมเห็นท่านทำคนเดียวมาตลอด และ เพียงพอ เป็นพญาราชสีห์ทองคำที่ท่องไปตัวเดียวครับ สันโดดและไม่เข้าฝูง การที่จะเห็นหลวงปู่อยู่รวมกับพระเป็นกลุ่มๆ จะเป็นกรณีพิเศษ แล้วตอนนี้หลวงปู่ท่านนิมนต์ ไปช่วยสวด ผมพอจำคำพูดของหลวงปู่ได้ ว่า ไปสวด ให้หน่อยซิ

หลังปลุกเสก ผมจำได้หลังจากนั้น หลวงพ่อ ถ ท่านบอกว่า อยากบูชา พระบูชาเก้านิ้ว แต่ติดขัดเรื่องเงิน ห้าพันบาท จะนำมาให้ทีหลัง ผมเลยถวายท่าน ไปหนึ่งองค์ แต่เนื่องจากเป็นพระส่วนรวมเอาเงินไปสร้างโบสถ์ ผมเลยไม่กล้าพูดให้ด้วยวาจา เงียบเสีย และหลังจากหลวงปู่บูญศรี ล่ะสังขารก็ไม่ได้เจอท่านอีกเลย แต่ใจน่ะถวายท่านไปเลย เพราะท่านมาช่วยงานเราน่ะ ( ขยายความตรงนี้นิด เพราะผมขอหลวงปู่และท่านอนุญาตแล้วให้ผมจัดการได้ตามที่เห็นควรสำหรับพระชุดนี้ )

ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ผมไปถามหลังจากงานปลุกเสก สักสองสามอาทิตย์ต่อมา ริมแม่น้ำ ( ท่านมาบ่อยๆ ) ตอนท่านนั่งดูโบสถ์น้ำที่กำลังสร้างต่อ อยู่องค์เดียว ผมกราบเรียนถามท่านตรงๆ ว่าหลวงพ่อเห็นอะไร บ้างครับ ( ตอนนั้น ผมคุยกับคนสามคนมาก่อนหน้า แล้วเรื่องเห็นพญานาค และไม่ได้พูดกับใคร คนแรกคือ เฮียโก คนที่สองเป็นหญิงที่ฝึกมโนมยิทธิ บอกต่อมากับรุ่นพี่อีกคน ส่วนคนสุดท้ายน่ะเป็นเด็กจะแยกเล่าน่ะครับ เพราะเดี๋ยวจะงง และต่างกรรม ต่างวาระกัน )

เล่าเรื่องหลวงพ่อ ถ องค์นี้ก่อน ผมกราบเรียนถามท่านเป็นแบบส่วนตัว เพราะค่อนข้างจะคุ้นกัน ว่าหลวงพ่อเห็นอะไรบ้างครับ ผมอยากทราบ บอกผมได้ไหม ท่านมองหน้าผมแบบ อ้ำอึ้งสักพัก ผมเลยรุกไล่หน่อยว่า หลวงพ่อบอกผมแค่สองคนก็ได้ครับ เมตตาด้วยผมอยากจะบันทึกไว้ในอนาคต

ท่านเลยคิดว่าตัดใจเล่า ท่านบอกว่า ตอนปลุกเสก หลังจากหลวงปู่บวงสรวง และไปนั่งเข้าที่ ขณะที่นั่งเข้าที่ ก็มีพญานาค สองตัวปรากฎตัวขึ้นมาจากน้ำ ตัวหนึ่ง ตัวใหญ่ เลื้อยมาที่ บายศรีแล้ว มองสักพัก แล้วหันไปดูพระประธานองค์ที่อยู่ในแพ และพระเครื่องที่กองอยู่ ในขณะที่อีกตัวเลื้อยไปบนฝั่ง ไปดู พระ ประธานที่ตั้งอยู่บนศาลาริมน้ำ เพราะเรายกลงกันไม่ไหว เมื่อดูเสร็จ ก็เลื้อยกลับมาอยู่ในพิธีสักพัก ก็กลับลงน้ำไป ทั้งคู่ อาจจะเป็นคู่กันมาน่ะครับ...แหะๆ

หลวงพ่อ ถ ท่านนี้ ตอนผมรู้จัก หลวงปู่หมุนท่านยังไม่เปิดเผยตัวน่ะครับ ส่วนหลวงปู่อิง พอจะได้ยินชื่อมาบ้างเพราะท่านอายุพรรษาสูง พอหลวงปู่หมุนท่านเปิดเผยตัว และลงในหน้าหนังสือต่างๆ คำว่าสำนักสงฆ์ โคคำโคกทม สะกิดใจผมมาก เพราะชื่อนี้แปลก บอกที่เดียวพอจะจำได้ และ ผมเลยคิดว่าถ้าเจอหลวงพ่อ ถ อีกจะขอพระหลวงปู่หมุน แท้ๆ สักองค์ เพราะต้องดีแน่นอน และบอกตามตรง หลวงปู่ หมุน ท่านเข้าตาผมมาก แต่ผมบุญน้อย ท่านอยู่ไกล ก็ ว่าจะ ว่าจะ จนหลวงปู่หมุนท่านล่ะสังขาร เลยอดไปกราบท่าน ผมคงไม่เคยทำบุญร่วมกับท่านมา

และพระที่ทำโดยพวกพ่อค้าเป็นการพานิช ของหลวงปู่หมุน ผมไม่เคยคิดเก็บด้วยเหตุผลส่วนตัวน่ะครับ เลยมีแค่พระชัยองค์หนึ่งที่ แฟนในเว็บพลังจิตให้ผมมาด้วยเสน่หา แค่นี้จริงๆ ส่วนพระชนิดอื่นน่ะ ผมเดินสนามพระเจอเพียบ ไม่เคยคิดที่จะซื้อมาครอบครอง เพราะผมเองก็สร้างพระแจกคนมาเยอะ หลายหมื่นองค์ ทราบดีว่าวิธีการสร้างพระน่ะทำอน่างไร ใจคนเป็นอย่างไรเรื่องการค้าขาย ใจแบบไหน ผมอยากได้ ใจแบบไหนผมไม่อยากได้...แหะๆ โดยตั้งใจว่าจะไปรับกับมือหลวงปู่หมุนท่านถึงจะเอา และบอกตามตรง ชอบของฟรี...แหะๆ ส่วนเรื่องทำบุญน่ะอีกเรื่อง เจอท่าน ท่านต้องแจกอะไรบ้างแหละ แต่ไม่มีบุญพอครับ

ตกลงหลวงพ่อ ถ ผมก็ไม่ได้เจออีก หลวงปู่หมุน ผมก็ไม่ได้เจอ จนมาเล่าให้พวกท่านฟังนี่แหละครับ

แต่เอาเรื่องมารวมๆกัน ถ้าหลวงพ่อ ถ ไม่เห็นอะไรในหลวงปู่ บุญศรี คงไม่มา เพราะตอนนั้น มีหลวงปู่ หมุน อยุ่ที่วัดแล้ว ท่านอาจจะมาด้วยเหตุผลที่รู้จักกับคุณแม่ประทุม หรือ หลวงปู่หมุนบอกให้มาหาครับ อันนี้ว่าตามตรรกกะ และเมื่อเทียบอายุ มีความเป็นไปได้สูง ที่หลวงปู่บุญศรี และ หลวงปู่ หมุน อายุจะใกล้เคียงกันครับ อาจจะเป็นคนยุคเดียวกัน และอาจจะมีอะไรๆ ที่คล้ายกัน และอาจจะเคยเจอกันมา อาจจะเจอกับแบบกายเนื้อ หรือ กายในก้เป็นได้ ก็อันนี้เป็นการคาดเดาของผมเองน่ะครับ

เอาแค่นี้ก็แล้วกันน่ะครับ ไม่ได้อ้างชื่อ หลวงปุ่หมุน มาเน้นให้หลวงปู่บุญศรีดัง หรือ พระชุดแพฯ ดังแต่อย่างใด เพราะหลวงปู่ท่าน ล่ะสังขารไปนานแล้วทั้งคู่ และ พระชุดแพฯ นี้ก็ออกไปนานแล้ว ของก็หายากอยู่แล้วเพราะทำจำนวนไม่มาก โดยเฉพาะพระบูชา อย่าไปหาเลยครับ คนเก็บบูชาไว้เป็นคนมีเงินทั้งสิ้น และคงจะมีไปเรื่อยๆ เพราะฉนั้นคงไม่มีใครปล่อยออก...แหะๆ

 

กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ... ครับ
ยิ่งอ่านยิ่งเกิดกิเลสครับ.... ( ต้องทำใจ และปล่อยวาง....555 )

 

กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ

สวัสดีพี่พี และพี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านค่ะ

 

แหะๆ ...เป็นสมาชิกฟรีเมี่ยมจะให้บูชาของ ไปเปิดกระทู้ตัวเองเลยจ้า ผมพูดไม่ออก...แหะๆ

แต่ถ้ามาแจกฟรีแก่สมาชิก เชิญได้ทุกเวลาครับ

 

กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ ครับ

 

อ่านแล้วขนลุก...

สุดยอดครับ หลวงปู่หมุนท่านมาช่วยเสกด้วย ถือได้ว่าเป็นของยุคแรกๆของหลวงปู่เลยก็ว่าได้

ทั้งหลวงปู่บุญศรี+หลวงปู่หมุน แหะๆๆ

ต้องรีบอารธนามาห้อยคอซะแล้ว ^^

 

โมทนากับทุกท่านที่มี พระบูชาหลวงปู่บุญศรีด้วยครับ

 

เมื่อวันที่ 26 ที่ผ่านมา ผมไปแวะที่ป้าอี๊ด ได้พระชุดแพโบสต์น้ำมาชุดนึงครับ แถมป้าอี๊ดใจดี ให้เส้นเกศาท่านมาด้วย ดีใจน้ำตาไหลเลยครับ

 

แหะๆ ....ผมชักกลัวจะไปกันใหญ่ กรุณาอ่านให้ละเอียดน่ะครับ

ว่า ท่านเจ้าอาวาส สำนักสงฆ์โคคำ โคก ทม ใน พ.ศ. ๒๕๔๑ น่ะไม่ใช่หลวงปู่หมุน หรือ หลวงปู่อิงน่ะครับ แต่เป็นที่ๆหลวงปู่หมุนท่านไปจำวัดมาก่อน ย้ายไปวัดบ้านจาน ใน พ.ศ.นั้นหลวงปู่หมุน ยังไม่เปิดเผยตัวเอง และ จำพรรษาเงียบๆครับ แบบเดียวกับหลวงปู่บุญศรีครับ

ผมไม่เคยเจอหลวงปู่หมุนเลย เพียงแต่มาสดุดใจตรง คำว่า สำนักสงฆ์ โค คำ โคก ทม ตอนเขาลงหนังสือ เพราะผมจำได้ว่า มีพระมาร่วมปลุกเสก ด้วย ประมาณ ๕ องค์ โดยคณะนี้มีเจ้าอาวาสนำมา นอกจากนั้นจะเป็นพระหนุ่มๆครับ จำได้แน่นอนว่าไม่มีหลวงปู่หมุนครับ...แหะ ๆ ยกเว้นท่านจะมาในร่างอื่น และอายุท่านขนาดนั้นแล้ว คงไม่นั่งรถมาไกลๆ บ่อยๆได้ครับ

ด้วยความเคารพ เดี๋ยวลูกศิษย์หลวงปู่หมุน จะเข้าใจผิดน่ะจ้ะ

 

ดีใจด้วยน่ะครับ

เส้นเกศาหลวงปู่บุญศรี ได้ยากมากครับ

 

พระบูชามีออกไปต่างประเทศหลายองค์ครับ ที่แน่ๆน่ะสิงค์โปร์หลายองค์ และ มาเลเซีย

ส่วนจะไปไกลถึง ด้านยุโรป หรือ อเมริกา ยังไม่มีข้อมูลยืนยันครับ

ผมใกล้จะจบ ด้ามกรรมวิธีของพระชุดแพฯแล้ว จะลงเรื่องวัตถุมงคลพิธีนี้ต่อเลยครับ

เพราะหากันเยอะแล้ว ผมยังไม่ได้เขียนอะไรละเอียดเลย...แหะๆ