เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

มีอีกนืดนึงค่ะ วันก่อนฝันว่ามีใยแมงมุมเต็มบ้านเลย เยอะขนาดที่ว่าเปิดประตูห้องออกไม่ได้ แล้วในความฝันมีน้องชายสามคนเป็นน้องชายในชีวิตชาตินี้ละค่ะแต่กลับเป็นว่าเขากลับไปเป็นเด็ก 7-8 ขวบ ในฝันริสาบอกให้เขาวิ่งหนีไปเราจะสู้กับใยแมงมุมเองแล้วสู้ใหญ่เลยใยแมงมุมยิ่งมากขึ้นจนหาทางออกไม่ได้แล้วมันก้เริ่มใกล้ตัวเข้ามาทุกที จนตื่นขึ้นมา

 

เข้าไปกระทู้ครายออนมา กะลังซึ้งๆได้ที่ มาเจอหมวย ซึ้งอีก...ฮือออ
เข้ามาห้องนี้ แสงบันเจิด เลิศหล้าจ้า ซะเหลือหลาย
จนต้องหยิบแว่นกันแดดมาใส่ อิอิ
ตะละท่านเล่น ปล่อยแสง กันขนาดนี้

คุณริสา มีมุมมองกับหนังเรื่องนี้ คล้ายๆเดรดเลย
ความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ แต่ถึงแม้เปลี่ยนได้
มันก็ไม่มีอะไรที่สมใจนึกไปหมด มันไม่มีอะไรที่มีด้านเดียว
(รออ่าน บทประพันธ์ นะตะเอง ไม่ต้องรีบนะคะ แต่เร็วๆก็ดี 555)

อ้าว...เอ่อ เดี๋ยวคุณเซลล์ จะ งง
คือ Butterfly Effect มันเป็นเรื่อง การตัดสินใจใจเลือกทางเดินอะค่ะ
คือ ให้เลือกชีวิต ใหม่ ได้หลายครั้ง หลายหน
แบบ พอจบไม่ดี เค้าก็เลือกใหม่ เลือกใหม่ไปเรื่อยนะ
ไปหามาดูเถิดท่าน...สะใจจริงๆ ขอบอก

อาคุงมิด ขรา
ครือ เดรดอาจเขียนสั้นไปหน่อย อธิบายไม่แจ้ง ต้องขออภัยนะคะ
เดี๋ยวกลายเป็นว่า เดรดมาหนับหนุน ให้ยึดติด

ที่ว่าให้ความสำคัญกับร่างกาย ครือ
ทั้งเจตนา ความคิด และ คำพูด อะ
เพราะร่างกายเป็นตัวส่ง และรับผล


นะ นะ ตะเอง เข้าใจเค้านะ



"...ตัวกระทำยังอยู่ ตัวกระทำมีผลตอบแทน..."
ว่าแล้ว ก็เผ่น แน่บ......

 

ทุกคนมีฝัน เราก็มีฝัน

แต่ทำไมว้าา ฝันแล้วจำไม่ได้ บางอันก็จำได้

ผ่านไปไม่กี่วิ ก็ลืม ๕๕๕ หรือ หลับสนิทไปเลย

มาแนวรับรู้ แต่ลืม

ส่วนใหญ่ ข้าพเจ้าจะสนุกสนานกับการจินตนาการ นะเอย นะเอย


ว่าแต่ ตอนนีี้ ก็ สงสัยอีกแล้ว ถ้าฝัน ไปเห็นอนาคตล่ะ แว๊บๆ อะไรงี้

จะนึกได้ตอนที่เจอจริงๆ ว่า อ้อ คุ้นๆ ที่แท้ ฝัน แล้วลืม นึกได้ เมื่อมาเจออีกที

๕๕๕ ก็ไม่รู้นะคะ ลืมแล้ววววว >.<

 

ยินดีต้อนรับค่ะ คุณ ingshie

เยี่ยมค่ะ... มันคือการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อจาก ทางกายภาพ ไปสู่โลกหลากมิติ
จินตนาการ ที่คมชัด และ มีน้ำหนัก จะก่อให้เกิดโลกเป็นจริงทางกายภาพ
การก่อเกิดวัตถุธาตุ ด้วยจิตวิญญาณค่ะ

เดจาวู ไง...อิอิ

 

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/UzxLXhSLMCA&hl=en_US&fs=1&color1=0x234900&color2=0x4e9e00&hd=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/UzxLXhSLMCA&hl=en_US&fs=1&color1=0x234900&color2=0x4e9e00&hd=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

วงนี้เกี่ยวอะไรนิ - -* (( จินตนาการลำเลิศมาก โยงได้ ฮุๆ ))

 

ยินดีต้อนรับคุณ ingshie ครับ

เรื่องความฝัน ต้องพกสมุดโน๊ตไว้ข้างๆเตียงครับ จดไปเรื่อยๆครับ แล้วจะค่อยๆเห็นความเชื่อมโยง และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้เยอะเลยครับ

เดี๋ยวคงต้องไปหาหนังเรื่อง butterfly มาดูแล้ว เดี๋ยวจะคุยไม่รู้เรื่อง อิอิ..

 

*-* งั้นหมวยเล็กขอพิจารณาต่อในกรณี Butterfly Effect จากพี่ริสากับแจ้เดรด

หมวยว่ายังไงจิตก็ทรงอำนาจสูงสุด แต่มนุษย์ธรรมดาๆทั่วๆไปไม่ได้ทำการฝึกฝน
เพื่อเข้าถึงจิตอันทรงพลังอำนาจ ยังเป็นทวิภาวะแยกห่าง ไม่ได้แนบชิด
ทำให้ยังติดอยู่ในพลังงานแห่งกรรม ซึ่งเป็นสังสารวัฏอันทรงพลังเช่นกัน
มันเลยกลายเป็นว่า อะไรๆเป็นไปตามที่ต้องการบ้าง ไม่เป็นบ้าง
แล้วก็โยนความรับผิดชอบไปให้โชคชะตาฟ้าลิขิต โดยหารู้ไม่ว่าสามารถลิิขิตเองได้
เพียงฝึกฝนเข้าไปในจิตพุทธะเดิมแท้ได้ ก็สามารถกำหนดให้พลังงานกรรมไร้ผล หรือโมฆะไปได้

นี่เป็นความเข้าใจของหมวยน้า...แหะๆ

 

งืมมมมมมมมมมมม
ขอถามเรื่องจักระหน่อยครับ
ถ้าเราเอาสติไปวางไว้ตามตำแหน่ง ทั้งเจ็ด
การเชื่อมต่อจะดียิ่งขึ้นเหรอครับ พลังงานจะไหลเข้าสู่ร่างกายทางกายภาพได้มากขึ้นเหรอครับ
แล้วจะเอาไปวางอย่างไรครับ เอาสติจับอะไรตรงนั้นเหรอครับ
จับประสาทสัมผัสเหรอ???????
ภาษาฉันตันและ หวังว่าคงเข้าใจคำถาม:boo:

 

ตามปกติ พลังงานจะไหลเวียนอยู่เป็นธรรมชาติภายในร่างกายอยู่แล้วครับ
แต่การใช้สติไปจับแต่ละจักระ เป็นการฝึกตัวรู้ ให้รับรู้การไหลเวียนของพลังงานในร่างกาย ที่สัมพันธ์กับจิตใจครับ
และเหนี่ยวนำ ให้พลังงานไหลเวียน ถ่ายเท รับรู้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ได้ดีขึ้นครับ

 

เราคุยกันเรื่อง Butterfly Effect จนคุณเดรดแปลงร่างเป็นผีเสื้อแสนสวยไปแล้วนะครับ อิอิ
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณริสากับคุณเลดี้ออฟไลท์ด้วยครับ มีแง่มุมที่น่าคิดน่าสนใจจริงๆ มาแชร์กันอีกนะครับ

เรื่องตำแหน่งต่างๆของจักระทั้ง 7 นี่เป็นเพียงจุดอ้างอิงเท่านั้นครับ ในร่างกายเรามีเป็นร้อยๆตำแหน่งนะครับ การโฟกัสลงไปแต่ละตำแหน่งก็จะช่วยให้เรารวมรวมพลังในแต่ละจุด และยกระดับการสั่นสะเทือนให้สูงขึ้นเพื่อเปิดท่อพลังงานของกายทิพย์ให้ทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ( คล้ายๆสายพานหมุนเวียนพลังงาน) ทำให้อยู่ในสภาวะเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับพลังงานต้นกำเนิดด้วยครับ

.

 

คิ คิ คิ...อารมณ์บรรเจิดนะค่ะท่าน เลยแปลงร่างอวตาร เล่น
รูปเดิม เค้าสีออกน้ำตาลทองๆ ที่นี้สีไม่เข้ากับ สีชื่อ เลยยำซะ
นั่งขลุกกับ โฟโต้ชอป ตั้งนาน....เพลิด เพลิน เจริญใจมากเลย...

คุณเซลล์ และคุณ mead อธิบายคำถามแรกไปแล้ว ชัดเจน ทุกถ้อยคำ

ส่วนอันนี้ เดรดขอเสนอวิธีที่ ตัวเองใช้นะ

การเอาสติไปจับ ก็คือ การนึกถึง นะแหล่ะค่ะ
นึกถึงจุดกลางหน้าผาก(จักระ6)
นึกถึงกลางอก ตรงลิ้นปี่(จักระ4)
นึกถึงเหนือสะดือ นิดนึง(จักระ5)ฯลฯ

อะไรประมาณเนี่ย คือวิธีที่ข้าพเจ้าทำ ถ้านึกไม่ออก
เอานิ้วไปจิ้มๆก่อน แล้วจำความรู้สึกตรงนั้น ง่ายมะ

แต่จริงๆ ร่างกายมีตำแหน่งของจักระมากกว่านี้
เพราะงั้นบางที ข้าเจ้าใช้วิธี ทำขนลุกไปทั่วๆ อิอิ ลองดูดิ หนุกดี
กระตุ้นได้ทั่วถึง เบาสบายมากมาย ขอบอก
-----------------------------------------------------------

มีเรื่องมาเปิดประเด็นหน่อยนึง
สองสามสี่วันมานี้ ท้องฟ้าปลอดโปร่งมากๆเลย
กลางวันเดรดไม่เห็นเมฆเลย กลางคืนก็ดาวเพียบ
เดี๋ยวเอารูป มาให้ดู ไม่มีจริงๆ ยังกับกระดาษ

คนอื่นเห็นเหมือนกันไหม

เลยนึกถึง หนังสือของอ.อนาลัย เดี๋ยวโพสต์ถัดไปนะ

 

โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-ภาคปลาย
บทที่ ๒๘ ภาวะของโลกและชีวิต
หน้าที่ 374-376

"มนุษย์ไม่ใช่เจ้านายของธรรมชาติ
แต่ธรรมชาติคือครูบาอาจารย์ของมนุษย์"

ผู้สร้างไม่ใช่เจ้านายของสิ่งที่ตนสร้างสรรค์ขึ้น
ผู้สร้างเป็นเพียงผู้สร้างโดยไม่ปรารถนาที่จะเป็นผู้ควบคุมสิ่งสร้างสรรค์เหล่านั้น

เมื่อใดก็ตามที่เธอปรารถนาที่จะควบคุมพลังอำนาจ
หรือควบคุมกลุ่มคนเธอทำได้อย่างมากก็เพียงการลอกเลียน
ในบางระดับ-โลกของเธอลอกเลียนตนเอง
เพราะโลกมีแบบแผนหลายแบแผนด้วยกัน
แต่แบบแผนเหล่านั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเสมอ ไม่มากก็น้อย
ดังนั้นจึงไม่มีวัตถูธาตุใดๆในโลกที่ซ้ำแบบกัน
ไม่ว่ามันจะปรากฎเหมือนกันมากเพียงใดก็ตาม

ในนัยของเธอกล่าวได้ว่าโลกมีความแตกต่างกันอย่างมากจากขณะหนึ่งไปสู่อีกขณะหนึ่ง
โดยที่ส่วนย่อยของจิตวิญญาณเลือกโลกแห่งความเป็นจริงของมัน
จากเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย-เป็นอนันต์

การคำนวณที่อยู่นอกเหนือสติสัมปชัญญะของพวกเธอ
ซึ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ทางกายภาพทั้งทางกาย-ทางจิตและจิตวิญญาณเป็นไปได้
ได้แก่อิสระภาพที่อยู่ภายในตลอดจนแบบแผนอันเป็นเลิศของความสัมพันธ์
ของจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ที่ประสานกันอย่างเป็นเอกลักษณ์

การเคลื่อนไหวอย่างอิสระของจิตวิญญาณและการเกี่ยวพันด้วยการเกื้อกูลกันและกัน
ซึ่งเป็นพลังอำนาจที่ทำให้วัตถุธาตุที่เล็กจิ๊บจ๊อยเช่นอะตอมคงรูปกายของมันไว้ได้
และทำให้วัตถุธาตุที่มีขนาดใหญ่มหาศาล เช่น ดาวฤกษ์ส่องแสงสว่างเรืองรอง

สิ่งเรียบง่ายและสิ่งที่แปลกประหลาดล้วนเกี่ยวพันกันอย่างชัดเจนลึกซึ้งเสมอ
เธอทั้งหายถูกห้อมล้อมด้วยปาฏิหาริย์
แต่เหตุใดเธอจึงมองเห็นโลกของเธอเต็มไปด้วยความโหดร้ายและศัตรู?

เหตุใดบางครั้งเพื่อนร่วมโลกของเธอจึงดูราวกับว่า
เป็นอสูรกายที่ปราศจากหัวใจ?

ปีศาจร้ายหรืออสุรกายทั้งหลายไม่ได้มีอยู่ที่ร่างกายตัวตนแต่อยู่ที่จิตใจ
อยู่ที่ความไม่รู้-ความเขลาของจิตวิญญาณ
อยู่ที่ความไม่รู้ของมรดกของความรัก
ความจริงและความสง่างามของสรรพสิ่งทั้งปวง-แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่เธอเรียกกันว่า"เดียรัจฉาน"

เหตุใดพวกเธอจำนวนมากจึงรู้สึกเหมือนว่า... เผ่าพันธ์มนุษย์กำลังมุ่งไปสู่ความหายนะ?
เหตุใดพวกเธอบางคนจึงไม่มีความรู้สึกว่า...เรื่องเลวร้ายทั้งหลายเป็นความจริง?

"เธอสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเอง"

กล่าวโดยทั่วไปได้ว่าเธอแต่ละคนดำเนินชีวิตอยู่
ในโลกแห่งความเป็นจริง อันเป็นโลกส่วนตัวของตนเอง
ซึ่งเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความเชื่อและคล้องจองกับเธอ

หากเธอไม่เชื่อในสงครามคือไม่ยอมรับความเป็นจริงของสงคราม
แม้เธอจะได้รู้ได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสงคราม
แต่เธอก็จะไม่มีวัยเผชิญกับสงครามโดยตรง

หากเธอปรารถนาความเชื่อในความโลภ
เธอก็จะปราศจากความทุกข์อันเกิดจากความโลภ
แม้ว่าเธอจะมองเห็นความโลภ
มันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกแห่งความเป็นจริงของเธอเท่านั้น

หากเธอมีความซื่อสัตย์และปราศจากความโลภ
แต่เธอก็พบเห็นความโลภเพื่อที่จะทำให้ตนเป้นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น
แต่ทั้งนี้-ทั้งนั้น-เธอทั้งหลายก็เป็นผู้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเอง...

.................................................................................

 

หนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา
บทที่ ๙ การทำลายล้างอันสร้างสรรค์
หน้าที่ 152....
....
ความรู้สึกของเธอทั้งหลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
เช่นเดียวกันกับต้นไม้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ความรู้สึกของเธอมีอิทธิพลต่อสภาพดินฟ้าอากาศเป็นอันมาก
เช่นโรคลมบ้าหมู เกี่ยวพันโดยตรงกับแผ่นดินไหว

การที่พลังงานจำนวนมากไม่อาจรวมตัวกันได้ทำให้บุคคลผู้ป่วยเป็นโรคลมบ้าหมู
มีการชักและไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อและส่วนต่างๆของร่างกายได้
เช่นเดียวกับ อาการแผ่นดินไหวของโลกก็เกิดขึ้นจากสาเหตุเดียวกัน

ความเชื่อเป็นการก่อร่างสร้างสาระจากความคิดในระดับสติสัมปชัญญะ
เช่นเดียวกันกับการก่อร่างสร้างบ้านเรือนอันเป็นระดับกายภาพ

...............................
....................
.......

....................ความรู้สึกมีคุณสมบัติเป็นประจุแม่เหล็กไฟฟ้า
เช่นเดียวกับความคิดของเธอ
ร่างกายของเธอจำเป็นต้องขจัดสารเคมีส่วนเกิน ออกไปเช่นเดียวกับ
ที่พื้นโลกกำจัดน้ำส่วนเกินออกไปจากพื้นที่ที่ไม่ใช่แหล่งน้ำ

ร่างกายของเธอมีสิ่งที่ฉันจะเรียกว่า"สารเคมีผี"
ซึ่งเป็นสารเคมีที่เธอทั้งหลายยังไม่อาจรู้เห็นได้
มันหลั่งไหลไปสู่จุดจำเพาะจุดหนึ่ง
ซึ่งมันจะแปลงสภาวะกลายเป็นประจุแม่เหล็กไฟฟ้า
และส่งพลังงานออกไปกระทบกับบรรยากาศทางกายภาพ
.............

ขี้เกียจพิมพ์ แระ อ่านต่อตรงนี้จ้า...
>>>> http://www.novaanalai.com/Book_5/Bk5_chap9_p153.html
.................................................................

 

ไม่รู้เป็นไร ลืมคนแถวนี้ไม่ได้สักทีอิอิ.
เนี่ยกำลังหาคนโพสเรื่องประมาณนี้อยู่ พอดีไปอ่านเจออยู่เล่มนึง หนังสือราคาของมันแสนจะถูก..
เฮ้อ ..อ่านไปคิดถึงคุณเดรดไปแล้วก็ใครต่อใคร 55(kiss)
ขอตามอ่านก่อนนะค่ะ
(กลัวโดนเบรค):'(

 

ช่วงนี้ ร่างกายเฉยๆ
ความคิดเบาบาง ไม่ค่อยได้พูดคุยเสวนากับใครมาก
บางวัน ไม่ได้พูดเลย (ใช้เขียนเอา...อิอิ)

วันที่ 14 ทำสมาธิ รู้สึกว่าพลังงานถาโถมเข้ามามากมาย
คิดอย่างเดียว แผ่ออกให้มากที่สุด ดันออก หลับหูหลับตาดัน
ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ตั้งหน้าตั้งตา แผ่ลูกเดียว อิอิ...ออกจากสมาธิ เพลีย
เมื่อคืนก็เป็น ทำสมาธิเสร็จ ง่วงมากมาย

แปลกแต่จริงนะ ถ้ารับเข้ามา จะตื่นตัว แต่ถ้าปล่อยออกจะหมดเรี่ยวแรง
แต่ถ้าให้เลือก ขอแบบปล่อย..เพราะ หลับสบายดี ฝันก็ชัดเจน
ความรู้สึกจากภายใน ถ่ายทอดออกมาเป็นสภาพบรรยากาศรอบๆตัวจริงๆ

เพื่อนๆ เคยสังเกตุอะไรรอบๆตัวไหม มันออกมาจากข้างในจริงๆ
แต่เรากลับคิดว่า สิ่งเร้าภายนอกมีผลทำให้เราเป็น
แต่ พอเราปล่อย ไม่ต้องการ ไม่เอา....อิอิอิ มาจัง


รู้สึก หลังๆ ตัวเองพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง แหะ แหะ ไปดีก่า....

 

อ้าว...คุณหงบ หายไปนานเลย ไปฝึกวิดยายุด อยู่เหรอ
ยินดีต้อนรับกลับห้องจ้า....จุ๊บๆๆๆ

มีอาราย โพสต์ เข้าปาย...ส่งไม้ต่อจ้า

 

หายไปนานเลยคุณหงบ สบายดีนะครับ

รูปท้องฟ้า งามแต้ๆ คุณมะเดรด

เมื่อคืนฝันว่า ต้องส่งงานศิลปะชิ้นนึง จนถึงคิวแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะส่งอะไรเหมือนกัน
เลยขอผลัดแล้วผลัดอีก เพราะยังไม่มีไอเดีย

ตอนนี้รู้แล้วว่า ต้องส่งอะไรดี

รูปถ่ายท้องฟ้า ยามค่ำคืน น่าจะเวิร์ค อิอิ..
ช่วงนี้ท้องฟ้าสดใสน่าดูเลยครับ

สภาพแวดล้อม รอบตัวเรา มาจากความเชื่อภายในของเราจริงๆ

 

ถ่ายดาวสามดวงที่เรียงกันอยู่ด้วย นะท่าน
งามแต้... งามว่า แล้วก็ดวงที่สีทองๆนะ เห็นปะ
เค้าเรียกดาวอะไรบ้าง ไม่รู้หรอก

 

*-* แจ้เดรดเลือก ตอนเนื้อหามาโพสต์ได้ดีเยี่ยมจริงๆค่ะ

ผู้คนยุคนี้ ติดกับดัก "ความไม่รู้ของมรดกของความรัก" ไปเต็มๆ
ติดอยู่กะ ดราม่าทั้งหลายแหล่ จนลืมไปว่า รักบริสุทธิ์โดยปราศจากการควบคุม การตัดสินพิพากษาใด ของพระผู้สร้าง เป็นยังไง

คืนนั้น นั่งเสร็จก็ล้ามากค่ะ ล้าแบบไม่เคยล้ามาก่อนอีกตะหาก
เพราะตั้งใจส่งแสงไปในปิรามิดมืดเต็มกำลัง กระจายซะ รัศมีเป็นร้อยเมตร อิอิ

อ้อ ข้อสังเกตุง่ายๆของแต่ละจักระ คือ ต่อมไร้ท่อ ตามตำแหน่ง ต่างๆของร่างกายค่ะ
หาภาพ กายวิภาคศาสตร์ มาศึกษากันเอานะแคะ แหะๆ *-*

ปล. คุณหงบ อย่ากังวล และมองโลกหรือผู้อื่นในแง่ลบ ไปเลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราเองแต่ผู้เดียว ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากเรานำพาและสร้างความรู้สึกไปเอง ถ้าเราคาดการณ์ไว้แต่แง่ลบ เราก็เห็นและรู้สึกแต่ลบๆ ลองคิดถึงความเป็นไปได้ที่หลายๆคนมีความบริสุทธิ์ใจต่อกันสิคะ ดีออกนะ *0*

 

ขอบคุณครับ:z2