เรื่องเด่น พึงระวังอาการ “ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้”

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 พฤศจิกายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,485
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    A95F0BEF-C349-42C5-B760-F57A4ACEBA8B.jpeg

    พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกประเภท ดีชั่วรู้หมดแล้วอดไม่ได้ ถ้าต้องการคำแนะนำ อาตมาแนะนำว่าไปตายซะ...เผื่อเกิดใหม่จะดีขึ้นบ้าง...!

    บุคคลประเภทนี้เป็นบุคคลที่น่าสงสารมาก เพราะว่ารู้ทุกเรื่องแต่ไม่คิดที่จะทำจริง ถ้าอย่างนี้ทางพระเขาถือว่าศีลขาดเพราะความไม่ละอาย ก็คือรู้แล้วยังขืนทำ บวชเป็นพระก็หมดอนาคต เป็นฆราวาสก็หมดอนาคต

    มีอยู่อย่างเดียวคือต้องละความประพฤติทั้งหลายเหล่านั้นเสีย แล้วมาตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม ซึ่งก็คงจะลำบากยากเข็ญในตอนแรก เพราะว่ากิเลสรุนแรงกว่า ฝึกซ้อมด้านชั่วเอาไว้มากกว่า ถ้าไม่ท้อถอยโอกาสจะได้ดีก็เร็ว เพราะว่ากำลังเก่าสูงมาก เพียงแต่พลิกมาใช้อีกด้านหนึ่งให้ได้เท่านั้น

    สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเทศน์แล้วมีผู้บรรลุมรรคผลกันมาก เพราะว่าท่านเหล่านั้นมีพื้นฐานดีมาแต่เดิมแล้ว ส่วนใหญ่ฝึกปฏิบัติทางจิตจนกระทั่งได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ เป็นปกติ แค่ใช้กำลังทั้งหลายเหล่านั้นมาในการตัดกิเลส อย่างที่โบราณว่า "ชั่วเคี้ยวหมากแหลก" ก็เกิดผลแล้ว เพราะว่ากำลังสูงพอ

    เหมือนกับบุคคลที่สะสมเงินเอาไว้ มีจำนวนมากมายมหาศาล จะซื้อของราคาแพงแค่ไหน ก็แค่ควักกระเป๋าไปซื้อเท่านั้น ขณะที่บุคคลซึ่งไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อน ไม่ได้ฝึกปรือมาก่อน ก็ เหมือนกับคนมีเงินไม่พอ ต้องเสียเวลาสะสมเงินเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน กว่าที่จะซื้อของแต่ละอย่างได้"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๐
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...