ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หอฯชายแดนชงหอการค้าไทยเสนอรัฐคลายล็อก ไฟเขียวเปิด 91 ด่านถาวร-จุดผ่อนปรนทั่วประเทศ
    .
    เชียงราย 24 ก.ค.- กลุ่มการค้าชายแดนชงหอการค้าไทย เสนอรัฐคลายล็อกสกัดโควิดฟื้นเศรษฐกิจ เปิดจุดผ่านแดนถาวร-จุดผ่อนปรน 91 จุดทั่วประเทศ เริ่มจากเปิดด่านถาวรสิ้นสิงหาฯ-กันยาฯ เปิดจุดผ่อนปรน แต่ห้ามคนประเทศที่ 3 เข้าออก
    .
    น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ห้วงที่มีการปิดด่านพรมแดนสกัดโควิด ทำให้การค้าชายแดนไทย-พม่า, ไทย-ลาว ด้านเชียงราย ที่เคยมีมูลค่าสูงกว่าการค้าผ่านแดนถึง 3 เท่าตัว รวมทั้งกกการค้าชายแดนในจุดอื่นๆ ทั่วประเทศ หายไปอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้คนไม่สามารถเดินทางข้ามฝั่งติดต่อซื้อขายกันได้ตามปกติ
    .
    ดังนั้น ในการประชุม (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) คณะกรรมการกลุ่มค้าชายแดนและค้าข้ามแดน ครั้งที่ 6 วาระปี 2562-2563 ซึ่งมีนายนิยม ไวยรัชพานิช เป็นประธาน ปลายสัปดาห์นี้ จึงมีมติขอให้มีการผลักดันเปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนทุกจุดของไทยทั้ง 91 จุดโดยเร็ว เริ่มต้นจากการเปิดจุดผ่านแดนถาวรก่อนภายในเดือนสิงหาคม 63 นี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ทยอยเปิดจุดผ่อนปรนภายในเดือนกันยายนตามลำดับ
    .
    นอกจากนี้ยังได้ขอให้ทางสภาหอการค้าฯ เร่งประสานกับทางรัฐบาล เพื่อเปิดจุดตรวจผ่านแดนสะพานมิตรภาพ ไทย-พม่า แห่งที่ 1 แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก เพราะเป็นจุดตรวจผ่านแดนสำคัญกับการค้าชายแดนเชียงรายที่เชื่อมกับเมืองสำคัญต่างๆ ของรัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า)
    .
    ทางสภาหอการค้าไทยได้รับว่าจะนำข้อเสนอการเปิดด่านชายแดนไทย-พม่า ทั้งด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยเบื้องต้นได้มีการหารือกับทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (ศบค.) เบื้องต้นแล้วเพื่อหาวิธีการป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยจะไม่อนุญาตให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่ 3 ผ่านเข้าออกด่านพรมแดนดังกล่าวและมาตรการอื่นๆ ตามที่เห็นเหมาะสม จากนั้นก็จะนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
    .
    “ที่ผ่านมามีการผลักดันให้เปิดจุดผ่อนปรนกิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ และส่วนเชียงราย ได้เปิดจุดผ่อนปรนแจมป๋อง ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น และท่าเรือผาถ่าน จ.เวียง อ.เชียงของ ติดกับแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว ไปแล้ว แต่ยังคงรอให้ สปป.ลาว อนุมัติเปิดด่านเชื่อมโยงกันอยู่”
    .
    ขณะที่จุดผ่านแดนถาวรที่เปิดให้มีการขนส่งสินค้า คือ สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย ท่าเรือแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน แห่งที่ 2 และสะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 พบว่าตัวเลขผู้เดินทางข้ามด่านพรมแดนไปมาโดยเฉพาะ อ.แม่สาย เดือน ม.ค.- ก.พ.เดือนละกว่า 600,000-800,000 คน ได้หายไปหมดในเดือน มี.ค.

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สปป.ลาว เจอป่วยโควิดใหม่ 1 ราย หยุดสถิติปลอดเชื้อ 102 วัน
    .
    สปป.ลาว 24 ก.ค. - กระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1 รายในวันนี้ (24) หลังไม่พบผู้ติดเชื้อมาเป็นเวลาติดต่อกัน 102 วัน
    .
    อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้ก็ไม่ใช่คนในประเทศลาว แต่เป็นชายชาวเกาหลีใต้ ที่เป็นพนักงานในโครงการเขื่อนไฟฟ้าของประเทศลาว ตามคำแถลงของกระทรวงสาธารณสุข
    .
    ผู้ป่วยอายุ 32 ปี เดินทางมาจากญี่ปุ่น และแวะเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีใต้เมื่อวันที่ 18 ก.ค.และเดินทางมาถึง สปป.ลาว ในวันเดียวกัน ชายผู้นี้ได้เข้าพักที่ศูนย์กักตัวในนครหลวงเวียงจันทน์โดยนั่งรถตู้พร้อมกับผู้โดยสาร 6 คน ขณะนี้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมิตรภาพในเมืองหลวง
    .
    ลาวมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั้งสิ้น 20 คน รักษาหายแล้ว 19 คน หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิด 2 คนแรกของประเทศเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา.

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ด่วนจ๊วด!!! สภา กทม.เร่งพิจารณางบประมาณรายจ่าย กทม.ปี 2564 กว่า 75,500 ล้านบาท เน้นแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนอย่างเป็นรูปธรรมใน 7 ด้าน พร้อมเตรียมงบฯฉุกเฉินไว้ใช้ในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ 1,300 ล้านบาท

    โดยในปี 2564 กทม.คาดการณ์ว่า จะมีรายรับประมาณ 76,683.16 ล้านบาท ประกอบด้วยประมาณการรายรับของ กทม. 75,500 ล้านบาท ประมาณการรายรับของการพาณิชย์ของ กทม. 1,183.16 ล้านบาท และ กทม.ยังได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเป็นเงินอุดหนุน จำนวน 24,084.86 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา.
    --------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.bltbangkok.com/news/264...RhQzXSBC1jvuOzPMN2_SznZ53r5r6c3EAe3Yx__7jhV3E

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว สะพรึงแรง!!! ข้อมูลเบื้องต้นจาก ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ (CDC) พบว่า สหรัฐฯมีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ระหว่างปี 2018-2019 โดยข้อมูลดังกล่าวระบุว่า ประชาชนในสหรัฐฯเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดราว 70,980 รายในปี 2019 เพิ่มขึ้นจากจำนวน 67,850 รายเมื่อปี 2018 นอกจากนี้ เดือนมกราคม-เมษายนปีนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019

    ศูนย์เปิดเผยว่า สารโอปิออยด์ (opioids) โดยเฉพาะสารโอปิออยด์สังเคราะห์ซึ่งเป็นสารที่ใช้ทำยาประเภทยาแก้ปวดเป็นสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด ส่วนโคเคนและยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นจิตใจ (psychostimulants) คิดเป็นร้อยละ 45.4 ของการเสียชีวิตทั้งหมดในปี 2019 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34.7 ในปี 2017.
    -------------------------------------------
    Source : https://www.thaiquote.org/content/239410

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ทั้งผลักทั้งดัน!!! การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีแนวคิดเพิ่มสัดส่วนการจ่ายเงินอุดหนุน 'เที่ยวด้วยกัน' ในจังหวัดรองหรือเดินทางในวันธรรมดา หวังกระจายเม็ดเงินอย่างทั่วถึง

    โดยเรื่องนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า ส่วนตัวพอใจยอดการลงทะเบียนสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งขณะนี้มียอดผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมากกว่า 4.1 ล้านคน เมื่อเทียบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ใช้สิทธิ์ส่วนใหญ่ยังคงนิยมเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดใกล้กรุงเทพฯในช่วงวันหยุดและวันหยุดยาว จึงเตรียมพิจารณาเพิ่มมาตรการจูงใจให้ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา โดยมีแนวคิดอาจปรับเพิ่มสัดส่วนเงินที่รัฐจะจ่ายอุดหนุนเพิ่มเติม จากเดิมร้อยละ 40 ของค่าห้องต่อคืน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางระยะไกลมากขึ้น รวมทั้งกระจายรายได้ท่องเที่ยวต่อเนื่อง ไม่กระจุกตัวเฉพาะช่วงวันหยุด ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและหารือผู้ที่เกี่ยวข้อง.
    ---------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://news.thaipbs.or.th/content/...IHaucSbHJKHU-MQcPEDXg0ereA5zS7ExIRfvWofljEQNk

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เที่ยวไทยบูม!!? ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างหนัก คาดว่าในครึ่งปีหลังจะหดตัวกว่าร้อยละ 94 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปกว่า 900,000 ล้านบาท ขณะที่ 'มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน' จะส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 3.6 - 6.7 หมื่นล้านบาท หากเทียบกับรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.7 - 6.9

    คาดว่า รายได้จากการท่องเที่ยวผู้ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันไม่สามารถชดเชยรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปจากการท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ จ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่ และ จ.ชลบุรีได้ แต่สามารถชดเชยรายได้ที่หายไปในจังหวัดที่คนไทยนิยมท่องเที่ยว เช่น จ.นครราชสีมา และ จ.เพชรบุรี เป็นต้น.

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PROTEST: นักเรียนเตรียมอุดมฯ แฟลชม็อบกลางสายฝน แถลงจุดยืน 3 ข้อถึงรัฐบาล

    วันที่ 24 ก.ค. 2563 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เขตปทุมวัน ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมฯ จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ใช้ชื่อกิจกรรมว่า โรงเรียนไล่ยุง แต่เราจะไล่เผด็จการ! #วันศุกร์ลุกมาต้านเผด็จการ และ #เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ เวลา 14.30 น. ที่ลาน 70 ปี โดยก่อนเริ่มกิจกรรมบริเวณหน้าโรงเรียน เจ้าหน้าที่ไม่เปิดประตูรั้วให้ประชาชนและผู้สื่อข่าวเข้าด้านใน เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า โรงเรียนคือสถานที่ราชการ จะเข้าไปได้หลังจากเวลา 15.00 น. เท่านั้น แต่ท้ายที่สุดทางเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าว และถ่ายบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวแต่ละสำนักเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    ทั้งนี้ เวลาประมาณ 14.20 น. นักเรียนกลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมมาบริเวณริมรั้ว หน้าประตูทางเข้าฝั่งพญาไท แต่ในขณะเริ่มกิจกรรมมีฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก จึงต้องย้ายไปจัดกิจกรรมบริเวณตึก 1 แทน โดยกิจกรรมจัดขึ้นภายในเวลา 30 นาทีประกอบด้วย การอ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืน การยืนสงบนิ่ง 1 นาที กิจกรรมแฟลชม็อบ และไว้อาลัยประชาธิปไตย โดยวิธีการปราศรัย สิ้นสุดกิจกรรมในเวลา 15.00 น.

    The Reporters ได้สอบถามหนึ่งในแกนนำนักเรียน พบว่า กิจกรรมในวันนี้แกนนำออกค่าใข้จ่ายในการเช่าลำโพงและเครื่องเสียงเองในราคา 800 บาท ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมมีเจ้าหน้าที่มาพ่นหมอกควันกำจัดยุงในโรงเรียน โดยนักเรียนอีกคนเผยว่า ปกติโรงเรียนจะพ่นควันกำจัดยุงปีละ 1 ครั้ง ในครั้งนี้จึงไม่แน่ใจว่าพ่นเพื่อจุดประสงค์ใด

    สำหรับแถลงการณ์จากกลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ เรื่องขอร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านต่อต้านรัฐบาลร่วมกับประชาชน ได้ระบุข้อความดังนี้

    รัฐบาลที่มีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีมีที่มาไม่ชอบธรรม เพราะการจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรกมาจากการรัฐประหาร และครั้งที่สองจากรัฐธรรมนูญที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับฝ่ายของตน รัฐบาลชุดนี้ได้แสดงให้ประชาชนเห็นถึงการขาดความสามารถในการบริหารประเทศโดยเฉพาะการบริหารเศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพและเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่

    นอกจากนี้ยังมีการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต เช่นข่มขู่คุกคามประชาชน รวมไปถึงการไม่เคารพอำนาจอธิปไตยของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ ในช่วงที่ผ่านมานักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากได้ออกมาร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลผ่านการชุมนุมทั่วประเทศและในเครือข่ายสังคมออนไลน์โดยมีจุดยืนร่วมกัน 3 ประการ ได้แก่

    1.รัฐบาลต้องยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชนและจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อเปิดทางให้กับผู้ที่ประชาชนเห็นว่าเหมาะสมกว่ามาบริหารประเทศแทน

    2.รัฐบาลต้องหยุดคุกคามประชาชนทั้งการใช้กำลังจับกุมหรือบังคับสูญหาย และการดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมกับประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารของรัฐบาลโดยเฉพาะนักกิจกรรมทางการเมือง

    3. รัฐบาลต้องจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รวมถึงเนื้อหาของรัฐธรรมนูญต้องเคารพอำนาจอธิปไตยของประชาชนและมีการตรวจสอบและถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพตามหลักประชาธิปไตยสากล

    กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการซึ่งมีจุดยืนต่อต้านอำนาจนิยมและระบอบเผด็จการ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงจุดยืนต่อต้านต่อต้านรัฐบาลเผด็จการร่วมกับภาคประชาชนเพื่อร่วมปกป้องอนาคตของคนไทยทุกคน สร้างความหวังของประเทศชาติและสร้างระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ต่อไป

    เผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ
    "กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ”
    24 กรกฎาคม 2563

    #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #วันศุกร์ลุกมาต้านเผด็จการ #เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: ส.ส.ก้าวไกล อดีตตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันหลักฐานคดี บอส อยู่วิทยา’ กระทำผิดจริง ชี้กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา ต้องปฏิรูป ตั้งคำถาม คุกมีไว้ขังคนจน

    หลังอัยการสั่งไม่สั่งฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังทุกข้อกล่าวหาในคดีขับรถชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 พันตำรวจตรีชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตนักวิทยาศาสตร์ (สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้พิสูจน์หลักคดีนี้ด้วยตัวเอง ทั้งจดบันทึก ถ่ายรูป เก็บร่องรอยหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้ ยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาขับรถชนท้ายดาบตำรวจวิเชียรจริง แต่นายวรยุทธกลับส่งคนรับใช้มามอบตัวแทน จนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้นต้องนำกำลังไปล้อมบ้าน 200 นาย จนนายวรยุทธมอบตัว พร้อมย้ำถึงหลักฐานที่ยืนยันได้ คือรอยช้ำตามแนวคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งตนเองเป็นผู้ดูกล้องวงจรปิดและคำนวณความเร็วด้วยตัวเองและพบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด มั่นใจว่าหลักฐานในขณะนั้นสามารถเอาผิดได้แน่นอน โดยกองพิสูจน์หลักฐานขณะนั้นออกรายงานได้ภายใน 1 เดือน แต่พอเข้าสู่ชั้นพนักงานสอบสวนกลับใช้เวลาหลายปี จึงรู้สึกไม่พอใจมากเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ และควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อขจัดปัญหาให้หมดไป

    นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล กล่าวว่าตำรวจ และอัยการต้องแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุผลที่ไม่สั่งฟ้องคดี ซึ่งตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกสอบแต่ก็ไม่ได้ผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ไม่ได้นำรายงานเรื่องความเร็วจากกองพิสูจน์หลักฐานมาพิจารณา ละเว้นไม่ออกหมายจับ และไม่ติดตามดูแลการสอบสวน จนทำให้กระบวนการหยุดอยู่ที่อัยการ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาลเสียด้วยซ้ำ ซึ่งอัยการเองก็ปล่อยให้มีการเลื่อนนัดพบอัยการถึง 7 ครั้ง ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งในฐานะ ส.ส.ตั้งคำถามว่า คุกมีไว้แค่ขังคนจนหรือไม่ เหมือนกรณีนักมวยติดคุกฟรีเพราะความผิดพลาดของพนักงานสอบสวน และสุดท้ายฝากไปถึงผู้ต้องหา รวยแล้วต้องมีความละอายใจต่อสังคมบ้าง และย้ำว่าเรื่องนี้ต้องติดตาม ปล่อยไว้ไม่ได้

    พลตำรวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีการปฏิรูปตำรวจทั้งกระบวนการสอบสวนคดีและการทำงานของตำรวจ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้มีคุณทรัพย์สูง ผู้ก่อเหตุมีฐานะไม่ธรรมดา ขณะที่กระบวนการก็มีการทอดเวลาให้นานออกไป ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจต้องให้ความรู้พนักงานสอบสวน มีเครื่องมือเก็บพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำอะไร ถึงปล่อยให้การปฏิรูปตำรวจคาราคาซัง

    #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ก้าวไกล #ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน #บอสอยู่วิทยา #ดาบตำรวจวิเชียร #ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #อุดรในเมือง #อุดรสิบ่ทน คนเริ่มหลายแล้ว
    กลุ่มเสรี ประชาธิปไตย นิสิต นักศึกษา อุดรธานี

    การเมืองแอดขอเป็นกลาง...กลางถนนกันมั้ยละ

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    24.07.20

    (สรุป) แถลงข่าว เรื่องสถานการณ์ Coronavirus ประจำวัน และ ข้อกำหนดในการเดินทางใหม่ของชาวนอร์เวย์ (ฉบับปรับปรุงในรอบ 14 วัน)

    วันศุกร์ที่ 24.07.20 เวลา 14.00 น. มีผู้เข้าร่วมการแถลงข่าว 3 ท่านคือ

    ▪รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ Olaug Bollestad
    ▪รองผู้อำนวยการสถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์ Espen Rostrup Nakstad
    ▪หัวหน้าแพทย์ จากสถาบันสาธารณสุขฯ Are Stuwitz Berg

    มีผลตั้งแต่ 00.00 น. วันที่ 25.07.20 เป็นต้นไป
    .

    ⛔พื้นที่สีแดง

    1.ประเทศสเปน - เปลี่ยนเป็น พื้นที่สีแดง เนื่องจากอัตราของ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่เพิ่มขึ้น เกินเกณฑ์ที่ FHI กำหนด ผู้ที่เดินทางไปยัง ประเทศสเปน
    ทุกคน ที่เดินทางกลับมาถึง หลังจาก 00.00 น. ของวันที่ 25.07.20 ต้องกักตัว 10 วัน เมื่อเดินทางกลับมานอร์เวย์ (กฏการกักกันตน ไม่มีผลย้อนหลัง สำหรับผู้ที่เดินทางตั้งแต่วันที่ 15.07.20)
    (ต้นฉบับ : Karantenereglene vil ikke ha tilbakevirkende kraft, men gjelder fra iverksettelsestidspunktet på fredag.)

    2.ประเทศ Andorra - เปลี่ยนเป็น พื้นที่สีแดง เนื่องจากอัตราของ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น

    3.รายชื่อประเทศที่เป็น พื้นที่สีแดง ในขณะนี้ โปรตุเกส,โครเอเชีย,โรมาเนีย,บัลแกเรีย และ ลักเซมเบิร์ก

    3.ประเทศที่เป็น พื้นที่สีแดง อื่นๆ ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และ จะมีการประเมินสถานการณ์ทุกๆ 14 วัน
    .

    ✅พื้นที่สีเขียว

    3.ประเทศสวีเดน เพิ่มเขตที่เป็นพื้นที่สีเขียว 4 เขต คือ Östergötland, Örebro, Kalmar และ Värmland และ จากเดิม 3 เขต Kronoberg, Blekinge และ Skåne ที่ยังคงเป็น พื้นที่สีเขียว รวมเป็น 7 ภูมิภาค ใน สวีเดน ที่สามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องกักตัว

    4.ประเทศฮังการี เปลี่ยนเป็น พื้นที่สีเขียว สามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อกลับมา

    5.ประเทศที่เป็น พื้นที่สีเขียว อื่นๆ ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และ จะมีการประเมินสถานการณ์ทุกๆ 14 วัน

    เงื่อนไขเพิ่มเติม

    6.รมต.Bollestad กล่าวว่า สำหรับผู้ที่เดินทางไปยัง ประเทศสเปน ในขณะที่เป็น พื้นที่สีเขียว มีสิทธิได้รับ sykepenger ในขณะที่ต้องกักตัว เมื่อกลับมาที่ประเทศนอร์เวย์

    7.รมต.Bollestad กล่าวว่า นักแสดงชื่อดัง Tom Cruise จะถ่ายทำ ภาพยนตร์ เรื่อง Mission Impossible ภาคล่าสุด ใน ประเทศนอร์เวย์ ช่วง ฤดูใบไม้ร่วงนี้ ที่ Møre og Romsdal และ จะได้รับการยกเว้นจากกฏการควบคุมการติดเชื้อ Coronavirus

    8.รอง.ผอ Nakstad กล่าวว่า ความหมายของ คำว่า การกักกันตนเอง คือ คุณไม่สามารถไปทำงาน ,ไปท่องเที่ยว หรือ ไปปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากได้ คุณควรจะอยู่ที่บ้านของตนเองเพื่อสังเกตุอาการ หากมีอาการป่วย ขอให้รีบติดต่อ แพทย์ทันที

    เพิ่มเติม : ขอแสดงความยินดีกับชาว Viken และ Innlandet สำหรับ ภูมิภาค Värmland ประเทศสวีเดน ที่เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวค่ะ คิดว่า พรุ่งนี้ ร้านค้าชายแดน เต็มไปด้วยฝูงชนแน่นอนค่ะ

    ใครที่จะออกไปช็อป อย่าลืม รักษาระยะห่างทางสังคม ใครสะดวก สวมหน้ากากอนามัย ก็จัดได้เลย เตรียมเจลล้างมือ ไปด้วย เพราะตอนนี้ ประเทศสวีเดน เอง ก็ยังมีผู้ติดเชื้อ เป็นจำนวนมาก Coronavirus ยังไม่ได้หายไปไหน แอด ก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ

    .
    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #Coronavirusinnorway #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ที่มาของข่าว NRK :
    https://www.nrk.no/norge/spania-blir-_rodt_--flere-svenske-regioner-apnes-1.15099784

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    22.07.20

    สหภาพยุโรป สนับสนุนให้ทั้ง นักท่องเที่ยว และ พนักงาน สวมใส่ หน้ากากอนามัย ขณะโดยสารรถไฟ และใช้งานระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ แต่ไม่ใช่สำหรับ นอร์เวย์

    1.คณะกรรมาธิการยุโรป และ หน่วยงานเพื่อการควบคุมโรคติดต่อแห่งสหภาพยุโรป ร่วมกับ หน่วยงานรถไฟของสหภาพยุโรป ให้คำแนะนำล่าสุดในการใช้ หน้ากากอนามัย ขณะที่โดยสารรถไฟ ในกรณีที่ไม่สามารถ รักษาระยะห่างจากผู้อื่น 1.5 เมตร ได้ บุคลากรที่ทำงานบนรถไฟ ควรผ่านการฝึกอบรมในการสวม หน้ากากอนามัย อย่างถูกวิธี รวมถึง สวมหน้ากากอนามัยขณะที่ทำงานอีกด้วย

    2.Cato Asperud ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารของ Sporveien ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถราง และ รถไฟใต้ดิน ของกรุงออสโล กล่าวกับ NRK ว่า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน รถราง หรือ รถไฟ ในนอร์เวย์ ไม่จำเป็นต้อง สวมหน้ากากอนามัย เมื่อใช้บริการ
    - หน่วยงานของเราทำตามคำแนะนำ ของ หน่วยงานสาธารณสุขนอร์เวย์ ดังนั้น NRK ต้องถามพวกเขาไม่ใช่เรา Sporveien ปล่อยให้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เป็นคนให้คำแนะนำในการเดินทาง

    3.ทางด้านผู้ประกอบการรถไฟ Vy และ Flytoget บอกว่า พวกเขาปฏิบัติตามแนวทาง การควบคุมการติดเชื้อ ของ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนอร์เวย์สำหรับระบบขนส่งสาธารณะซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีกฏข้อบังคับให้ผู้ใช้บริการ ต้องสวม หน้ากากอนามัย ดังนั้น มันจึงเป็นทางเลือกของ ผู้โดยสาร เองที่จะ สวมหน้ากากอนามัย หรือไม่

    4.ในปัจจุบัน สถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์ FHI ยังไม่ได้ให้คำแนะนำในการสวม หน้ากากอนามัย บน รถไฟ และ ระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ เนื่อง จากสถานการณ์ทางระบาดวิทยาในปัจจุบัน FHI มีความเห็นว่า ไม่ควรใช้ หน้ากากอนามัย หากไม่มีความจะเป็น หรือ ไม่ใช่ บุคลากรทางการแพทย์

    5.สำหรับ สายการบิน มีความแตกต่างออกไปในเรื่องนี้ ปัจจุบัน สายการบิน SAS และ Norwegian Airline มีกฏว่า ผู้โดยสารจำเป็นต้อง สวมหน้ากากอนามัย ขณะอยู่บนเครื่อง

    6.ทางด้าน Stefan Holmlund จากสำนักงานของ SJ กล่าวว่า หน่วยงานรถไฟของ SJ ยังไม่มีกฏการใช้ หน้ากากอนามัย เช่นเดียวกัน เนื่องจาก FHI ระบุว่า หน้ากากอนามัย ไม่จำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ปกติในสังคม พวกเขาคิดว่ามันเป็นการดีกว่าที่จะ รักษาระยะห่างทางสังคม และ ล้างมือบ่อยๆ

    7.ทางด้าน ผู้ประกอบการรถไฟ MTRX ซึ่งวิ่งระหว่างเส้นทาง สตอกโฮล์ม - โกเธนเบิร์ก แจก หน้ากากอนามัยฟรี แก่ ผู้โดยสาร มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน

    .
    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #Coronavirusinnorway #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ที่มาของข่าว NRK :
    https://cutt.ly/GaMCFAp

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ [Breaking] ⚠️ ราคาทองทะลุ 1,900 เหรียญแล้วคืนนี้ !

    เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่ราคาทองขึ้นมาสูงถึงระดับนี้ และกำลังจะเข้าทดสอบระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 1921 เหรียญต่อออนซ์ที่เคยทำให้เมื่อปี 2011 (ตามกราฟแนบ)

    วันนี้จึงอยากมาวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำสั้นๆว่า #ควรซื้อเพิ่มหรือถึงเวลาขายแล้ว ?!!

    เมื่อเวลา 20.00 น. บ้านเราคืนนี้ราคาทองคำ Spot Gold เพิ่งดีดทะลุระดับ 1,900 เหรียญ หลายๆท่านที่ติดตามราคาอยู่อาจจะไม่แปลกใจ เพราะสัญญาณซื้อทางเทคนิคของราคาทองนั้นชัดเจนมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ทางเพจเรานั้นไม่ได้ติดตามราคาทองเป็นหลัก แต่ #ราคาทองนั้นร้อนแรงมากๆ ช่วงหลังๆนี้จนหลายท่านก็เขียนเข้ามาขอให้ลองมาวิเคราะห์ดูหน่อย เราจึงอยากสรุปสั้นๆเป็นสองมุมมอง

    1️⃣ #วิเคราะห์จากมุมนักลงทุน

    2️⃣ #วิเคราะห์จากมุมเทรดเดอร์

    กลับติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เร็วๆนี้ครับ

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาด แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับนะครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารของทางเพจเรา

    หรือกด Like โพสต์ของเราบ่อยๆ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ๆที่แบบทันตลาดครับ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทองคำ VS ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำไมถึงสวนทางกัน?
    goldbar41.jpg
    EP.1 จุดเริ่มต้นของ Gold Standard โดย Mr.Gold

    “ทำไมดอลลาร์แข็งค่าแล้วทองคำถึงต้องลงหล่ะ” นี่คือข้อความที่เด้งขึ้นมาบน Facebook ส่วนตัวของผม จากเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ต้องยอมรับว่าสตั๊นท์ไปหลายนาทีอยู่เหมือนกันครับ(ร้อยวันพันปีไม่เคยทัก ทักมาที หางานให้เลยนะไอ้เพื่อนยาก) ซึ่งอย่างที่นักลงทุนทองคำทุกท่านทราบกันดีนอกเหนือจากการเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อของทองคำและการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแล้ว ลักษณะการเคลื่อนไหวของทองคำและดอลลาร์สหรัฐฯมันจะสวนทางกันครับ นั่นเป็นสิ่งที่เรารู้มาตลอด แต่ถ้าถามลึกไปว่า ทำไม? อันนี้ก็คงต้องคุยกันยาวหน่อย จะบอกว่าเพราะว่าเรียนมาอย่างนี้ ก็กระไรอยู่ ว่าแล้วก็ไปคุ้ยข้อมูล และก็มานั่งปั่นบทความมาให้ท่านผู้อ่านปวดหัวไปกับผมด้วยก็แล้วกัน เอาให้กระจ่างกันไปเลยดีกว่าครับว่าทำไม

    ต้องขอพาผู้อ่านย้อนกลับไปสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ครับ(ยุคนั้นประเทศในแถบยุโรปเป็นมหาอำนาจครับ) สมัยก่อนระบบการเงินยังไม่เหมือนสมัยนี้ครับ ก็พัฒนากันมาเรื่อยๆจากเดิมที่ใช้ของแลกของ (Barter Trade) ก็หันมากำหนดสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เริ่มแลกก็เป็นวัตถุมีค่าอย่างทองคำ เป็นต้น จนพัฒนามาเป็นระบบเงินกระดาษครับ แต่เงินกระดาษไม่ได้มีค่าโดยตัวมันเองนะครับ จะเอามาใช้โดยไม่มีหลักเกณฑ์อะไร อาจจะได้เห็นเงินกระดาษท่วมโลก เมื่อคิดได้ดังนั้น ทั่วโลกก็มานั่งประชุมตกลงกันว่าจะใช้หลักเกณฑ์หรือระบบอะไรดี เพื่อให้ระบบการเงินมันมีเสถียรภาพมากกว่าที่มันเคยเป็นอยู่ ทำมาค้าขายจะได้สะดวกๆ คุยกันนานสองนาน มาตรฐานทองคำหรือ Gold Standard จึงถือกำเนิดขึ้นมาครับ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เงินดอลลาร์มาเกี่ยวข้องกับทองคำจนถึงปัจจุบันนี้ โดยหลักการและระเบียบปฏิบัติของมาตรฐานทองคำที่สำคัญมี สามข้อด้วยกัน

    ทุกประเทศต้องเปรียบเทียบค่าเงินของตัวเองกับทองคำจำนวนหนึ่ง พูดง่ายๆก็คือต้องผูกค่าเงินของตัวเองไว้กับทองคำ ส่วนจะผูกไว้เท่าไหร่ นั่นก็สุดแล้วแต่ประเทศนั้นๆครับ

    ประเทศจะต้องรักษาสัดส่วนระหว่างเงินสกุลของประเทศตัวเองกับปริมาณทองคำให้คงที่ อธิบายให้เห็นภาพก็คือ เงินที่ทุกๆประเทศที่พิมพ์ได้จะขึ้นอยู่ปริมาณทองคำในประเทศที่ ธ.กลางแต่ละประเทศมีครับ อีกนัยหนึ่งก็คือ เงินกระดาษเหล่านี้มันมีค่าก็เพราะมีรุ่นพี่อย่างทองคำคอยหนุนหลังนั่นเอง

    ต้องให้การนำเข้าส่งออกทองเป็นไปอย่างเสรี

    พูดเป็นข้อๆคงไม่เห็นภาพ ขอยกตัวอย่างให้ดูเลยดีกว่าครับโดยให้โลกนี้มี 2 ประเทศคืออังกฤษที่มีปอนด์เป็นสกุลเงินประจำชาติและสหรัฐฯที่มีดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอังกฤษบอกว่าเงิน 25 ปอนด์จะแลกทองคำได้ 1 ออนซ์หรือ 1 ปอนด์แลกได้ 0.04 ออนซ์ ส่วนสหรัฐฯบอกว่าเงิน 40 ดอลลาร์แลกทองคำได้ 1 ออนซ์ หรือ 1 ดอลลาร์แลกได้ 0.02 ออนซ์ เมื่อเทียบเป็นอัตราแลกเปลี่ยนกัน 1 ปอนด์จะแลกได้ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯนั่นเองหากสหรัฐฯมีทองคำอยู่ทั้งหมด 1 ร้อยล้านออนซ์ จะสามารถผลิตเงินใส่เข้าไปในเศรษฐกิจได้ที่ 2.5ล้านดอลลาร์สหรัฐฯครับ(เอา 40 หาร) ถ้าอยากผลิตเงินเพิ่มก็ต้องเอาทองคำมาเพิ่ม(นี่ก็เป็นสาเหตุให้ปัจจุบันธ.กลางทุกประเทศมีการเก็บทองคำไว้ครับ แต่ไม่ต้องผูกค่าเงินไว้กับทองคำแล้ว) จากนั้นเมื่อมีการค้าขายกัน หากสหรัฐฯนำเข้าสินค้าจากอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆ ผลที่ตามมาก็คือจะต้องการเงินปอนด์มากขึ้น(ซื้อของอังกฤษก็ต้องใช้สกุลเงินของเขาสิ) และต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐฯน้อยลง หากความต้องการมีมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราแลกเปลี่ยนมีโอกาสเปลี่ยนแปลงครับ จากเดิมที่ต้องเอา 2 ดอลลาร์สหรัฐฯแลก 1 ปอนด์ อาจต้องใช้ถึง 3 ดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อแลก 1 ปอนด์ตามกฎอุปสงค์อุปทาน ที่มีหลักว่าเมื่อต้องการมากขึ้นแต่ของเท่าเดิม ราคาก็ต้องเปลี่ยนครับ(อัตราแลกเปลี่ยนต้องเปลี่ยนนั่นเอง) แต่หากย้อนกลับไปดูข้อกำหนด จะแสดงให้เห็นว่า อัตราแลกเปลี่ยนหรือราคาของเงินปอนด์ที่ต้องใช้ดอลลาร์ซื้อหรืออัตราแลกเปลี่ยนนั้น มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ครับ เพราะค่าเงินมันผูกไว้กับทองคำ หากปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงได้ หากต้องเอาเงิน 3 ดอลลาร์สหรัฐฯไปซื้อเงินปอนด์ อัตราส่วนระหว่างจำนวนเงินในระบบกับทองคำที่เก็บไว้จะเปลี่ยนไป เหลือเพียงวิธีเดียวที่จะตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ก็คือลดปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐฯลงและเพิ่มปริมาณเงินปอนด์เข้าไป ก็โดยการที่ย้ายทองคำจากสหรัฐฯไปอังกฤษครับที่ทำได้เพราะกฎข้อที่สามนั่นเอง(ในที่นี้กำหนดให้ไม่มีต้นทุนการขนย้ายนะครับ จะได้อธิบายง่ายๆ) ปริมาณเงินปอนด์จะเพิ่มขึ้นขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะลดลง ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนยังคงเดิม ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากปริมาณเงินปอนด์ที่เพิ่มขึ้นก็คือเศรษฐกิจอังกฤษก็จะดีขึ้น ผู้คนมีเงินมากขึ้น ต้องการบริโภคมากขึ้น สวนทางกับสหรัฐฯที่เมื่อปริมาณเงินลดลง ผู้คนจะใช้จ่ายน้อยลง เมื่ออังกฤษต้องการบริโภคมากขึ้นจนผลิตในประเทศไม่ทัน ก็ต้องหันไปพึ่งพาการนำเข้า อังกฤษจึงไปนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯบ้างขณะที่สหรัฐฯก็ต้องส่งออกให้มากขึ้นเพราะผลผลิตเหลือเนื่องจากคนใช้จ่ายน้อยลง เมื่ออังกฤษนำเข้ามากขึ้น ผลที่ตามมาก็จะวนกลับไปข้างต้น แต่สลับกัน

    ข้อดีของมาตรฐานทองคำก็คือเศรษฐกิจจะสามารถปรับตัวได้เองครับ ดังที่ได้อธิบายไปแล้ว หากมีการบริโภคมากไป กลไกของมาตรฐานทองคำก็จะทำหน้าที่ปรับสมดุลของระบบเศรษฐกิจ จะไม่มีประเทศใดมีดุลบัญชีเดินสะพัด(คิดโดยเอามูลค่าสินค้าและปริมาณที่ส่งออกลบกับที่นำเข้ามา) มากหรือน้อยจนสุดโต่ง เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางก็สบายแฮ ไม่ต้องไปเสียเวลาแทรกแซงเศรษฐกิจให้เมื่อยเหมือนสหรัฐฯที่ต้องอัดสภาพคล่องเพื่อปลุกเศรษฐกิจอยู่เหมือนเมื่อ 2-3ปีที่แล้วครับ ปล่อยมันไปตามกลไก

    มาถึงตรงนี้เราก็รู้กันแล้วนะครับ ว่าทองคำเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินกระดาษเหล่านี้ได้อย่างไร ทำไมธ.กลางต้องเก็บทองคำสำรองไว้ ตอนหน้า เราจะลงลึกต่อไปเพื่อดูว่าทำไมทองคำถึงเกี่ยวข้องกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิดซะขนาดนั้นกันต่อครับ แน่นอนครับ เราจะได้รู้ถึงการล่มสลายของมาตรฐานทองคำ ว่ามันเกิดจากอะไรและลากยาวไปถึงการกำเนิดของระบบ Bretton Woods ครับ ฮั่นแน่ สงสัยหล่ะสิ เอาเป็นว่า รอดูตอนหน้านะคร้าบ

    EP.2 การล่มสลายของ Gold Standard


    จากบทความที่แล้วเราก็ได้ทำความรู้จักกับมาตรฐานทองคำหรือ Gold Standardไปเรียบร้อยกันแล้ว ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่คำตอบที่ว่าทำไมทองคำกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯถึงสวนทางกัน มาบทความนี้ก่อนเราจะลุยกันต่อ ย้อนความเดิมตอนที่แล้วกันซักนิดนะครับ จะได้ไม่หลง โดยจากบทความที่แล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1879 จนถึง 1930 ยกเว้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระบบการเงินของโลกต่างยึดถือกับระบบมาตรฐานทองคำ ซึ่งวิธีการและข้อดีของเจ้าระบบนี้สามารถอ่านได้จากบทความตอนที่แล้วครับ และแน่นอนครับ ทุกระบบมีข้อเสีย มาตรฐานทองคำก็เช่นกัน…..

    จุดอ่อนอันร้ายแรงของระบบมาตรฐานทองคำมีอยู่ 2 อย่างหลักๆ ข้อแรก อย่างที่กล่าวไปเมื่อตอนที่แล้ว ระบบมาตรฐานทองคำจะช่วยปรับสมดุลเศรษฐกิจ จะไม่มีประเทศไหนที่มั่งคั่งหรือแร้นแค้นเกินไป เพราะเมื่อถึงจุดๆหนึ่งเจ้าระบบนี้จะช่วยปรับให้ทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับสู่สมดุลของมัน ส่วนรายละเอียดของการปรับตัวที่ว่าลองไปอ่านที่บทความตอนแรกกันดูนะครับ (ขอโฆษณาอีกรอบ) ถ้าการปรับตัวเข้าสู่สมดุลไม่ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ระบบนี้ก็คงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแหงแซะ แต่ทุกคนอยากได้อยากมีครับ เมื่อมีแล้วก็อยากมีตลอดไป(ไปเรื่องธรรมะได้ไงเนื่ย) เมื่อประเทศเคยมั่งมีแต่อยู่ดีๆต้องเข้าสู่ภาวะถดถอยซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวในระบบมาตรฐานทองคำ ประชาชนในประเทศก็คงยากที่จะทำใจ รัฐบาลที่บริหารประเทศก็ต้องการที่จะเห็นเศรษฐกิจของตัวเองรุ่งเรืองตลอดไปและทนไม่ได้ที่จะเห็นประเทศที่ตัวเองบริหารเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นแน่แท้(เพราะมันอาจมีผลต่อคะแนนเสียงไง) ข้อต่อไปก็คือ ระบบนี้จำนวนเงินในระบบเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับจำนวนทองคำที่ธ.กลางเก็บไว้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะผลิตทองคำได้หมดนะครับ แน่นอนครับ ประเทศที่ผลิตทองคำเองได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็หมายความว่าจะสามารถผลิตเงินได้เรื่อยๆ ต่างจากประเทศที่ไม่สามารถผลิตทองคำได้เองที่อาจต้องกระเบียดกระเสียดกว่า

    จุดอ่อนอันร้ายแรงทั้ง 2 ข้อที่กล่าวไปข้างต้นนั่นแหละครับที่บั่นทอนความน่าเชื่อถือของระบบมาตรฐานทองคำ ประเทศทั้งหลายต้องการให้เศรษฐกิจตัวเองรุ่งเรืองอยู่ตลอดเวลา แต่จะปล่อยให้สัดส่วนระหว่างทองคำและเงินในประเทศมันเปลี่ยนไม่ได้ วิธีการที่ประเทศส่วนใหญ่ทำก็คือ ลดค่าเงินตัวเองมันซะเลย เพราะกฎก็ไม่ได้บอกนี่นาว่าห้ามเปลี่ยนแปลงค่าเงินที่ผูกไว้กับทองคำ เช่นจากเดิมที่บอกว่าเงิน 40 ดอลลาร์สหรัฐฯแลกทองคำได้ 1 ออนซ์ ก็บอกใหม่ ว่าให้เงิน 80 ดอลลาร์สหรัฐฯแลกทองได้ 1 ออนซ์ละกัน ผลที่ตามมาคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็ลดมูลค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินในประเทศอื่นๆ ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้สินค้าที่ตนส่งออกมีค่าถูกลงในสายตาของประเทศอื่น เพื่อให้ส่งออกได้มากขึ้นตลอดไป ประเทศอื่นก็เช่นกันครับ ต่างแข่งขันกันลดค่าเงินของตัวเองรวมทั้งเล่นนอกเกมโดยการออกกฎหมายกีดกันการค้ากับประเทศอื่นเสียด้วยซ้ำ

    เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นมา ระบบมาตรฐานทองคำก็ถูกเอาขึ้นหิ้งไว้ เพราะในภาวะสงคราม ทุกประเทศต่างต้องการเงินเพื่อซื้ออาวุธเพื่อมาไฝว้กับคู่กรณี จะพิมพ์เงินเพิ่มก็ต้องเสียเวลาหาทองคำเพิ่มเติมเพื่อมาหนุนหลังเงินที่พิมพ์ออกมาใหม่ วิธีการแก้ไขก็ง่ายดายเหมือนที่บอกไปเมื่อกี้ครับ ยกเลิกไปก่อน สงครามเลิกค่อยมาใช้ใหม่ละกัน

    เมื่อรบกันเสร็จเรียบร้อย ทุกประเทศก็กลับมาใช้มาตรฐานทองคำเหมือนเดิมครับ(อารมณ์เหมือนเลิกกะแฟนไปแล้วกลับมาคบกันใหม่ยังไงยังงั้น) แต่แน่นอนครับ ต่างคนต่างก็พากันลดค่าเงินตัวเองเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังผ่านช่วงสงครามมาซึ่งเกิดเป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่หรือ Great Depression บวกกับช่วงสงครามที่มีการพิมพ์เงินกันอุตลุตจนเงินกระดาษเพิ่มขึ้นพรวดพราด การจะรักษาสัดส่วนระหว่างทองคำและเงินกระดาษก็เป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก มาตรฐานทองคำที่นำกลับมาใช้หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจึงดำเนินไปแบบโซซัดโซเซ จนสุดท้ายก็ต้องล้มเลิกกันไป เพราะไม่สามารถรักษาสัดส่วนทองคำและเงินไว้ได้อีกแล้ว นอกจากนี้ระบบการค้าและการเงินของโลกก็ถูกทำลายอีกครั้งจากสงครามโลกครั้งที่สอง จนในที่สุดตัวละครที่สำคัญอีกตัวก็ปรากฎตัวขึ้นมานั่นก็คือข้อตกลง Bretton Woodsแต่ครั้นจะเล่าต่อ ก็คงจะยาวไป(นั่น) ทางที่ดี ขออนุญาตลากต่อไปอีกตอนก็แล้วกันนะครับ

    ในบทความนี้เราก็ได้รู้ถึงข้อบกพร่องและการล่มสลายของระบบมาตรฐาทองคำกันไปแล้วนะครับ ครั้งหน้าไอ้เจ้า Bretton Woodsที่ผมพูดถึงมา 2ครั้งแล้วนี่จะโผล่มาให้ผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราวแน่นอนครับ สำหรับวันนี้คงต้องจรลีไปก่อนคร้าบ

    EP.3 Bretton Woods System

    มาถึงตอนที่ 3 กันแล้วนะครับ ต้องยอมรับว่ายาวกว่าที่คิดไว้สำหรับการตอบคำถามที่ว่าทำไมราคาทองคำกับดอลลาร์สหรัฐฯถึงสวนทางกัน ถึงขนาดต้องไปขุดคุ้ยกันเป็นการใหญ่เลยทีเดียว(ฮา) ครั้นจะยกคำตอบมาเพียงประโยคสั้นๆ แน่นอนว่าจะต้องเจอคำถามต่อมายาวเป็นหางว่าวแน่แท้ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องย้อนเวลากันไปไกลเลยทีเดียว คราวนี้เราจะมาพูดถึงตัวละครสำคัญของเรื่องนี้ที่ผมได้พูดลอยๆไว้ทั้ง 2 บทความที่ผ่านมานั่นก็คือ Bretton Woods ว่าคืออะไรกันแน่

    ตามสูตรครับ…. ความเดิมตอนที่แล้วเราได้พูดถึงการล่มสลายของมาตรฐานทองคำพระเอกในภาคที่ผ่านมา ว่าเป็นผลมาจากการแข่งขันกันลดค่าเงินของประเทศตัวเองเพื่อให้ส่งออกได้มากขึ้น รวมถึงการเกิดสงครามโลกทั้ง 2 ครั้งที่ส่งผลให้เงินกระดาษเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ไม่สมดุลกับปริมาณทองคำ จนสุดท้ายระบบก็ถูกยกเลิกไปดื้อๆและเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ขั้วอำนาจได้เปลี่ยนจากประเทศในฝั่งยุโรปมาอยู่กับสหรัฐอเมริกาจวบจนถึงทุกวันนี้ สาเหตุก็เพราะประเทสในแถบยุโรปได้รับความบอบช้ำจากภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง รวมถึงยังเป็นหนี้ค่าอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 น้อยกว่ายุโรปนั่นเอง(ซึ่งสหรัฐฯได้ขอให้ประเทศเหล่านั้นชำระหนี้ด้วยทองคำแทนเงินกระดาษที่มีค่าต่ำเตี้ยไปแล้ว)

    เมื่อสงครามโลกจบ ระบบการเงินที่เลื่อนลอยทำให้การค้าระหว่างประเทศเป็นไปด้วยความเอื่อยเฉื่อย ทำให้หลายประเทศเริ่มคิดว่าต้องมีการวางรากฐานระบบการเงินกันอีกรอบเมื่อปี ค.ศ. 1944 ได้มีการจัดประชุมเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวที่ เมืองเบรตตันวูดส์ มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประเทศสหรัฐฯอเมริกา ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอย่างจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเศรษฐศาสตร์ Keynsians เข้าร่วมด้วยแต่น่าเสียดายที่ข้อเสนอของเขาไม่ได้ถูกนำไปใช้ และไปรับข้อเสนอของนายแฮร์รี่ ไวท์และนำมาปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดซึ่งเป็นที่มาของระบบ Bretton Woods ตามชื่อเมืองที่มีการประชุมนั่นเอง

    รายละเอียดของข้อตกลงในระบบนี้จะคล้ายกับระบบมาตรฐานทองคำครับ โดย

    ยังคงให้ทุกประเทศยกเว้นสหรัฐฯต้องผูกค่าเงินไว้กับทองคำหรือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงมีการจัดกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF(International Monetary Fund) ขึ้นมาเพื่อเป็นองค์กร ควบคุมและบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน โดยอัตราแลกเปลี่ยนจากเดิมของมาตรฐานทองคำนั้นต้องให้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ แต่มาถึงข้อตกลงนี้แต่ละประเทศสามารถปรับเปลี่ยนค่าเงินได้ 10% หากมากกว่านั้นต้องแจ้งและได้รับความยินยอมจาก IMF สาเหตุที่ปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนสามารถเคลื่อนไหวได้เพื่อปิดข้อเสียของระบบมาตรฐานทองคำเดิมนั่นเอง ซึ่งอาจทำให้หลายๆประเทศแข่งกันลดค่าเงินของตัวเองอีกครั้ง ดังนั้น ก็เลยปล่อยให้ลดได้แต่มีการควบคุมจะดีกว่า

    ส่วนตัวเงินดอลลาร์สหรัฐฯเองนั้น เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือกับประเทศอื่นๆที่นำค่าเงินตนเองมาผูกด้วยนั้น ก็ได้มีข้อตกลงที่สำคัญอีกข้อหนึ่งนั่นคือ “ทุกประเทศสามารถนำเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ตนเองมีมาเปลี่ยนให้เป็นทองคำกับสหรัฐฯได้ในอัตรา 35 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อ 1 ออนซ์” ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนี้แหละครับ ที่เป็นต้นเหตุให้ราคาทองคำและเงินดอลลาร์สหรัฐฯสวนทางกันในปัจจุบันนี้

    โดยผลของข้อตกลงที่เกิดขึ้นและส่งผลมาถึงปัจจุบันอย่างแรกเลยก็คือค่าเงินดอลลาร์จะกลายมาเป็นสื่อกลางในการค้าขายระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นไปได้ด้วยดีครับ เพราะในตอนนั้นเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งรวมถึงมีทองคำมากที่สุดในโลก และจากการใช้ระบบดังกล่าวนี้เองส่งผลให้สหรัฐฯมีบทบาทอย่างมากต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจของโลกจวบจนถึงปัจจุบันนี้

    เมื่อระบบ Bretton Woods มันดีเสียขนาดนี้ ทำไมมันถึงไม่สามารถดำรงอยู่มาถึงปัจจุบันได้หล่ะ? ในตอนหน้าเราจะได้รู้กันครับถึงสาเหตุของการล่มสลายของระบบ Bretton Woods รวมถึงตอบคำถามที่เกี่ยวกับทองคำและดอลลาร์อย่างสมบูรณ์ครับ รอกันนิดนึงนะคร้าบบบบ

    EP.4 จนถึงปัจจุบัน (ตอนจบ)

    2 ปี ago Mr.Gold



    Spread the love

    0

    Shares

    ลากยาวมาถึงตอนจบซักทีนะครับสำหรับซีรีย์เรื่องยาวเรื่องนี้ที่เริ่มด้วยคำถามสั้นๆว่า ทำไมทองคำกับดอลลาร์ถึงสวนทางกัน? ถ้าลองอ่านไล่มาตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง ผู้อ่านหลายๆท่านก็คงพอจับจุดได้แล้วนะครับ ว่าทำไมทองคำถึงมาเกี่ยวกับค่าเงิน ทำไมธ.กลางต้องเก็บทองคำเป็นทุนสำรอง รวมถึงทำไมทองคำกับดอลลาร์ถึงเกี่ยวข้องกัน วันนี้เรามาขมวดปมให้เรียบร้อยกันดีกว่าครับ

    จากตอนที่แล้วที่โลกของเราหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั่วโลกก็มานั่งคุยกันว่าจะเอายังไงต่อกับระบบการเงินโลกในตอนนี้ จนในที่สุดก็บรึ้มออกมาเป็นระบบ Bretton Woods ซึ่งเจ้าความคิดก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็สหรัฐฯซึ่งในตอนนั้นได้ขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลกหมาดๆแทนที่ประเทศในยุโรปที่บอบช้ำจากการเอาปืนมายิงเล่นกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รายละเอียดเป็นอย่างไรคงต้องย้อนไปดูในตอนที่แล้วกันเองนะครับ ซึ่งตอนนี้ขอสรุปเพียงสั้นๆว่าด้วยระบบ Bretton Woods นี้เองที่ทำให้สหรัฐฯมีบทบาทมากที่สุดในระบบเศรษฐกิจโลกซึ่งลากยาวมาถึงปัจจุบันนี้ เนื่องมาจากเงื่อนไขสำคัญที่ให้ทุกชาติต้องผูกค่าเงินไว้กับทองคำหรือดอลลาร์และกำหนดให้ทุกประเทศสามารถนำเงินดอลลาร์ที่ตนมีมาแลกกับทองคำจากสหรัฐฯได้ในอัตรา 35ดอลลาร์ต่อ 1 ออนซ์ ซึ่งมองผิวเผินแล้วระบบ Bretton Woods ก็ดูเป็นระบบที่เหมาะสม เพราะแต่ละประเทศก็สามารถปรับเปลี่ยนค่าเงินของตนได้ ไม่เกิน 10% ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ไม่ต้องตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้เหมือนมาตรฐานทองคำและมีองค์กรคอยกำกับดูแลเรื่องดังกล่าวอยู่ (IMF) รวมถึง สามารถพิมพ์เงินได้มากขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่ทุกประเทศต้องเอาค่าเงินไปผูก ด้วยนั้น ก็ผลิตกันได้ง่ายกว่าทองคำ และมีความน่าเชื่อถือด้วย เพราะหากอยากได้ทองคำมาเก็บไว้ ก็เอาดอลลาร์ไปแลกทองคำจากสหรัฐฯ แต่ระบบนี้ก็มีจุดอ่อนครับ สำหรับผมแล้ว มันอาจหนักหนากว่าระบบมาตรฐานทองคำเสียด้วย

    จากที่อธิบายมาข้างต้นแล้วจะเห็นได้ว่า สหรัฐฯเข้าไปเกี่ยวข้องกับทุกประเทศ จนทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯกลายมาเป็นสื่อกลางสำหรับการค้าขายระหว่างประเทศ หมายความอีกนัยหนึ่งก็คือ ระบบนี้จะไปรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯครับ ซึ่งช่วงแรกๆก็ไปได้ด้วยดีครับ เพราะตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯต้องบอกได้ว่าค่อนข้างเข้มแข็งเลยทีเดียว เพราะประเทศอื่นต่างโดนภัยสงครามเล่นงานกันหมด ปริมาณเงินดอลลาร์ในช่วงแรกๆก็ยังมีไม่มากนัก แต่แน่นอนครับ สหรัฐฯเข้าไปมีบทบาทต่อโลกมากขึ้น เมื่อเงินดอลลาร์เป็นสื่อกลางในการค้าขายระหว่างประเทศ สหรัฐฯก็ต้องพิมพ์เงินออกมาตลอดเวลา นี่ยังไม่รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามนะครับ ที่ดังๆเลยก็แผนการมาร์แชลหรือ Marchall Plan ที่สหรัฐฯได้เข้าไปกอบกู้เศรษฐกิจในยุโรปตะวันตกไม่ให้ล้มครืนลงมา ทั้งในรูปแบบเงินช่วยเหลือและเงินกู้ โดยประเมินกันว่าแผนการช่วยเหลือครั้งนั้น ใช้เงินไปกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์กันเลยทีเดียว รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เน้นการบริโภคเป็นหลัก คนในสหรัฐฯมีเยอะครับ ของในประเทศบริโภคไม่พอก็ต้องนำเข้ากันอีก ก็ขาดดุลการค้ากันโครมคราม โดยจากญี่ปุ่นครับ ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมสหรัฐฯถึงกล้าพิมพ์เงินมาเยอะขนาดนั้นหล่ะ ก็เพราะทุกๆ 35 ดอลลาร์แลกเป็นทองได้นั่นเอง ฉันจะพิมพ์ ไม่โอเคก็เอาเงินดอลลาร์มาแลกทองไป สบายจะตาย แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ ทองคำมีได้มันก็หมดได้ครับ ถึงสหรัฐฯจะถือทองคำไว้มากที่สุด แต่จากการที่สหรัฐฯเข้าไปวุ่นวายกับประเทศอื่นขนาดนั้น รวมถึงนำเข้ามากจนดุลบัญชีเดินสะพัดแดงเป็นทะเลเพลิงขนาดนั้น ไม่มีประเทศไหนกล้าถือเงินดอลลาร์ไว้หรอกครับ ไม่แคล้วก็ต้องนำเงินดอลลาร์มาแลกเป็นทองคำกันเกือบทุกประเทศ จนทองคำของสหรัฐฯก็ร่อยหรอลงไป แม้จะมีความพยายามตั้งกองทุนทองคำขึ้นมาเพื่อรักษาระบบนี้ไว้ แต่ด้วยเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอลง ก็ทำให้ประธานาธิบดีในขณะนั้ ริชาร์ด นิกสัน ก็ออกมายกเลิกข้อไม่รับแลกเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นทองคำเป็นผลให้ระบบ Bretton Woods จบลงไปในปี 1971 (ระบบนี้เริ่มขึ้นเมื่อ ปี คศ.1944)และปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆจนปัจจุบันเกือบทุกประเทศได้หันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวภายใต้การจัดการ

    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้อ่านคงสงสัยเพิ่มเติมว่าระบบ Bretton Woods มันถูกยกเลิกไปทั้งกว่า 4 ทศวรรษแล้ว ทำไมหลายประเทศยังใช้เงินดอลลาร์อยู่หล่ะ ทำไมไม่ยกเลิกมันไปเสีย ตรงนี้อาจจะอธิบายได้เป็นข้อๆตามนี้ครับ

    ระบบ Bretton Woods ฝังอยู่กกับการเงินโลกมาเกือบ 3 ทศวรรษด้วยกัน ซึ่งในระหว่างนั้นจำนวนเงินดอลลาร์ก็เพิ่มขึ้น มากมายมหาศาลไปแล้วนั่นเอง เพราะต้องใช้เป็นทั้งสื่อกลางการค้า ช่วยเหลืประเทศในแถบยุโรป นำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นอีก

    จากข้อแรก เงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงนั้นได้กระจัดกระจายไปอยู่กับทุกๆประเทศและถือเงินดอลลาร์เป็นหนึ่งในทุนสำรองกันทั้งหมด โดยเฉพาะประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯมาตลอด เช่น ญี่ปุ่น พูดง่ายๆก็คือทุกประเทสเก็บสะสมความั่งคั่งของตัวเองในรูปเงินดอลลาร์กันไปเป็นจำนวนมาก(แม้จะเก็บทองคำด้วย แต่ก็ยังน้อยกว่าดอลลาร์อยู่โข) การยุติบทบาทของดอลลาร์จะเป็นการ “ลบ” ความมั่งคั่งของประเทศเหล่านั้นออกไป ซึ่งทุกๆประเทศคงไม่ยอมเป็นแน่แท้

    ผลที่ตามมาอีกหนึ่งประการก็คือทำให้ราคาทองคำถูกนำไปเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯครับ ถึงแม้จะใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแลกทองคำไม่ได้แล้ว แต่ค่าที่เปรียบเทียบก็ไม่ได้ผูกที่ 35 ดอลลาร์ต่อหนึ่งออนซ์ต่อไป ก็ปล่อยให้เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ จนทำให้ทองคำ 1 ออนซ์ในตอนนี้มาอยู่ที่ $1,300(ในขณะเขียนบทความ) หากลองเทียบกับในอดีตเราก็จะรู้ครับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้มแข็งราวกับหินผาเลยทีเดียว (อันนี้ประชดนะ – -”)

    ถูลู่ถูกังมาถึงตอนจบจนได้ครับ บทความที่เขียนมาถึงสี่ตอนนั้น ผมก็หวังเพียงว่าทุกท่านจะได้เข้าใจกันแล้วว่าน้องทองกับพี่ดอลลาร์มันมาเกี่ยวข้องกันอย่างไรนะครับ ครั้งหน้าจะมีเรื่องอะไรมาโม้ให้อ่านอีก อยากให้ทุกท่านติดตามกันต่อไปนะครับ




    https://www.gold.in.th/ทองคำ-vs-ดอลลาร์สหรัฐฯ-ทำไ/

    https://www.gold.in.th/ทองคำ-vs-ดอลลาร์สหรัฐฯ-ทำไ-2/

    https://www.gold.in.th/ทองคำ-vs-ดอลลาร์สหรัฐฯ-ทำไ-3/

    https://www.gold.in.th/ทองคำ-vs-ดอลลาร์สหรัฐฯ-ทำไ-4/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคาทองคำยิ่งสูงขึ้น ปัญหาค่าเงินของสหรัฐอเมริกาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ในอดีตตามความเข้าใจของผม เพื่อปกป้องค่าเงิน เขาก็พยายามกดราคาทองคำให้ต่ำๆ แต่ตอนนี้เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ และโรคระบาด ก็เลยทำให้ราคาทองคำที่ถูกกดไว้ กดไว้ไม่อยู่ราคาถึงได้สูงขึ้น สถานการณ์น่ากลัว เพราะสหรัฐอเมริกาจะจัดการปัญหานี้อย่างไร

    ความคิดเห็นที่ 1
    เงินสกุลดอลลาร์เปรียบเสมือนสกุลหลัก ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าที่มีอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ต่างๆ เช่น น้ำมัน ทองคำ เหล็ก ธัญพืช เป็นต้น ต่างก็ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ดังนั้นสินค้าเหล่านี้จึงมีความสัมพันธ์กับการขึ้นลงของเงินสกุลดอลลาร์เช่นกัน เพื่อรักษาคุณค่าที่แท้จริงของตัวมันเองเอาไว้

    กลับมาที่หัวข้อของเรากันดีกว่า ในภาวะปกติ ทองคำและน้ำมันกับเงินตรานั้นสามารถแลกเปลี่ยนทดแทนกันได้เป็นปกติ แต่ในยามที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ ค่าเงินของประเทศนั้นๆจะด้อยค่าลง แต่ในทางตรงกันข้าม ค่าของทองคำและน้ำมันนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของเงินตราที่เป็นกระดาษ ดังนั้นถ้าค่าเงินสกุลหนึ่งด้อยค่าลงเพราะเกิดเงินเฟ้อ ราคาทองคำและน้ำมันจะสูงขึ้นเพื่อชดเชยการด้อยค่านั้น ทองคำและน้ำมันจึงมักมีราคาสูงขึ้นเมื่อโลกมีภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

    ถ้าจะให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น ประเทศคู่ค้าต่างๆต้องการที่จะขายสินค้าในมูลค่าทางการเงินเท่าเดิม (ปรับราคาสินค้าเพื่อให้สัมพันธ์กับค่าเงินสกุลดอลลาร์ที่ผันผวน) หากค่าเงินดอลลาร์อ่อนก็หมายถึงอำนาจซื้อของเงินดอลลาร์ลดน้อยลง จึงทำให้ผู้ขายสินค้าเหล่านี้ปรับราคาให้สูงขึ้นเพื่มมาชดเชยมูลค่าดอลลาร์ที่ขาดหายไป และในอีกมุมมองหนึ่ง อาจเกิดสภาวะการเก็งกำไร โดยเข้าถือครองในสินทรัพย์โภคภัณฑ์ (Commodities) มากขึ้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่า เพราะนักลงทุนทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะถือสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากกว่าอ่อนค่า เพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์รวมที่ได้ลงทุนไว้ ดังนั้น เมื่อแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์อ่อนก็จะส่งผลให้ราคา Commodities ปรับตัวสูงขึ้น

    แต่ปัจจัยที่เข้ามากระทบยังมีอีกหลายด้าน ยกตัวอย่างนะครับ ราคาน้ำมันสมมติว่าสูงขึ้นมาก อาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อในโลก ค่าเงินมักจะอ่อนค่าลงเมื่อเกิดเงินเฟ้อ แต่สมมติประเทศหนึ่งปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมากเพื่อชะลอเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยคือผลตอบแทนจากการลงทุน อาจจะกลายเป็นว่าเงินสกุลนั้นดึงดูดการลงทุนจากประเทศอื่นให้ไหลเข้ามาเพื่อหาประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่อื่น การไหลเข้ามาของเงินทุนทำให้ค่าเงินประเทศนั้นแข็งค่าได้ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์มันจะไม่ใช่ตัวหนึ่งขึ้นไป x หน่วย อีกตัวต้องลง x หน่วยเสมอไป แต่จะเป็นจุดที่เหมาะสมจากทุกๆปัจจัยที่เข้ามากระทบ

    สมาชิกหมายเลข 1939239
    15 มกราคม 2558 เวลา 23:21:27 น.

    credit: www.facebook.com/sleepingpartnertalk

    https://m.pantip.com/topic/33109777?
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- กลุ่มนิสิตนักศึกษาเยาวชนคนโคราช โผล่ชุมนุมหน้าย่าโม แสดงพลังทวงคืนประชาธิปไตย คนโคราชไม่ทน เยาวชนปลดแอก พร้อมประกาศข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล 4 ข้อ อ้างหยุดใช้สถาบันโจมตีนักศึกษา
    .
    เมื่อเวลา 17.30 น.วันนี้ ( 24 ก.ค.) ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีกลุ่ม นิสิต นักศึกษาเยาวชนคนโคราช ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก 4 มหาวิทยาลัยใน จ.นครราชสีมา คือ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราสีมา , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จ.นครราชสีมา , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี , มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล รวมทั้งนักเรียนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ และ ประชาชนส่วนหนึ่ง เดินทางมารวมตัวชุมนุม “แสดงพลังเพื่อทวงคืน ประชาธิปไตย คนโคราชไม่ทน เยาวชนปลดแอก”
    .
    พร้อมเปิดเวทีปราศรัยโจมตี ชูป้ายข้อความขับไล่รัฐบาล และตะโกน คำว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกไป” , “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกไป” โดยมีแกนนำกลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายปฏิภาณ สมพันธ์เพียร แกนนำนักศึกษา หมุนเวียนกันกล่าวปราศรัย เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญ ให้นายกรัฐมนตรี ลาออก พร้อมทั้งใช้โทรโข่งประกาศเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมแสดงพลัง
    .
    ทั้งนี้ ก่อนช่วงเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้พากันลุกขึ้นยืน ชู 3 นิ้ว เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ ก่อนยืนตรงเคารพธงชาติไทย พร้อมประกาศ ข้อเรียกร้อง 4 ปะการ ถึงรัฐบาล ประกอบด้วย 1.หยุดใช้สถาบันโจมตีนักศึกษา , 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ , 3.ยุบสภา และ 4.หยุดคุกคามประชาชน
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/local/detail/9630000076190
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (24/7/63)
    ...กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในจังหวัดลำพูน เดินทางไปรวมตัวกันบริเวณลานอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยุบสภาเพื่อเปิดทางให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ตลอดจนมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
    ...
    โดยมีการถือป้ายชุมนุม เขียนข้อความนต่างๆ ซึ่งในระหว่างการชุมนุม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองลำพูน คอยควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุม ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย และเน้นย้ำเรื่องของการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
    ภาพ/ข่าว...ทีมศูนย์ข่าวภาคเหนือ
    #ThaiPBSNorth #ThaiPBS #ThaiPBSNews

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ม.อ.ปัตตานีพรึ่บ! ไล่นายกฯลามต้านนิคมจะนะ - ป้ายเอกราชปาตานีโผล่ร่วมวง
    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.isranews.org/article/south-news/other-news/90605-mob.html
    .
    นักศึกษา ม.อ.ปัตตานีกว่าครึ่งพันพรึ่บ! ไม่สนคำสั่งอธิการ ลุยจัดชุมนุมไล่รัฐบาล จี้ยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มข้อเรียกร้องไล่ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ฐานปิดกั้นเสรีภาพ จัดเรียนออนไลน์ไร้คุณภาพ ลามต้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เผยภาพป้ายบางส่วนเขียนข้อความ "เอกราช ปาตานี"

    #isranews #สำนักข่าวอิศรา #มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ #เอกราชปาตานี #นักศึกษา

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'รัสเซีย'คาดก่อนสิ้นปีผลิตวัคซีน1ล้านโดส! โควิดโลก 15.6 ล.-'ฟิลิปปินส์'ติดเชื้อใหม่ 2.2 พันคน
    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.isranews.org/article/isranews/90609-india01.html
    .
    'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดสะสม 15.6 ล้าน -'ทรัมป์' ยกเลิกงานชุมนุมพรรครีพับลิกัน รัฐฟลอริดา เล็งของบ 3.3 ล้านล้าน สนับสนุนเปิดภาคเรียน ก.ย.นี้ - บราซิล แถลงคุมการระบาดในประเทศได้แล้ว หลังติดเชื้อ 2 ล้าน ตาย 8 หมื่น -'รัสเซีย' คาดก่อนสิ้นปี ผลิตวัคซีนได้ 1 ล้านโดส- 'อินเดีย' เริ่มกระบวนการผลิตวัคซีนทดลอง 'ออกซ์ฟอร์ด' แล้ว คาดผลิตได้ 1 พันล้านโดส-ล่าสุด 'ญี่ปุ่น'ติดเชื้อใหม่เกือบพันราย-'ฟิลิปปินส์'ติดเชื้อเกิน 2 พันราย

    #isranews #สำนักข่าวอิศรา #รัสเซีย #โควิดโลก #โควิด19 #วัคซีน #ผู้ติดเชื้อ

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FLASHMOB:กลุ่มมอกะเสด ออกแถลงการณ์เรียกร้อง 4 ข้อให้รัฐบาลส่งเสริมประชาธิปไตย-รัฐสวัสดิการเท่าเทียม-ยุบส.ว.ที่มาจากคสช.และกระจายอำนาจ

    แถลงการณ์กลุ่มมอกะเสด ระบุว่า เป็นเวลากว่า 6 ปีมาแล้ว ที่ประชาชนถูกปกครองโดยรัฐบาลทหารที่ลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ ใช้อํานาจรัฐเข้าข่มขู่ คุกคามโดยไม่เห็นหัวประชาชนที่ถือครองอํานาจอธิปไตย แนวทางนโยบายของรัฐบาลเน้นไปที่ความมั่นคงทางการทหาร และ ความปลอดภัยของตัวรัฐบาลเอง ปล่อยให้เศรษฐกิจของประเทศพังทลาย ปากท้องประชาชนไม่เคยได้รับการเหลียวแล ผู้ที่จะ สามารถเข้าถึงสวัสดิการ หรือผลประโยชน์จากรัฐได้ มีแต่เหล่าเจ้าสัวนายทุน หากเป็นประชาชนทั่วไป กลับต้องพิสูจน์ความจน กลายเป็นคนอนาถา โดนคัดกรองหลายขั้นตอน ไม่มีความเสมอภาคเท่าเทียมอย่างที่ควรจะเป็น

    ในช่วงต้นปี เมื่อมีภัยจากโรคติดต่ออย่าง COVID-19 รัฐบาลก็นิ่งเฉย ไม่มีการวางมาตรการที่รัดกุม ปล่อยให้ประชาชนต้องดูแล และช่วยเหลือกันเองตามสภาพ ในขณะที่ผู้มีอํานาจกลับปล่อยให้มีการติดเชื้อจนแพร่ระบาดลุกลามจาก สนามมวย ไม่รับผิดชอบต่อสังคม และประชาชน ประกาศคําสั่งที่ออกมาภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่เห็นหัวประชาชน เงินเยียวยา ไม่ถ้วนหน้า และมีขั้นตอนที่ยากลําบาก คนฆ่าตัวตายมีจํานวนแทบจะไม่ต่างจากผู้เสียชีวิตเพราะโรคติดต่อ ประชาชนอดทน และทนอด จนสถานการณ์เริ่มดีขึ้น พร้อมๆ กับคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ลง รัฐบาลก็ปล่อยให้มีแขก VIP เข้ามาจนประชาชนมีความ เสี่ยงอีกครั้ง และปัดความรับผิดชอบ กล่าวขอโทษอย่างไม่เต็มใจ และไม่แยแส สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล

    การกระทําของรัฐบาลที่ผ่านมานี้ เป็นเพราะการการออกแบบกฎกติกาที่เอื้อประโยชน์ตนเอง และพวกพ้อง โดยไม่ คํานึงถึงประชาชน จนเกิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาลขึ้นในทุกภูมิภาค รัฐบาลก็มีความพยายามตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อ ลดทอนพลังนิสิต นักศึกษา และประชาชน ซึ่งทางกลุ่มมอกะเสดไม่ขอเข้าร่วม พวกเราในฐานะประชาชน ไม่ขอไว้วางใจให้ รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป และของส่งข้อเรียกร้องดังนี้

    1. ต้องมีการส่งเสริมประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องได้รับการคุ้มครอง เพราะอํานาจอธิปไตยนั้น เป็นของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเพศใด ชาติพันธุ์ใด ศาสนาใด หรือมีความแตกต่างหลากหลายอย่างไร ก็ถือว่าเป็นประชาชนที่มี ความเสมอภาคโดยถ้วนหน้า

    2. ต้องจัดทํารัฐสวัสดิการให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง เสมอภาค และเท่าเทียมในทุกด้าน

    3. ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง

    4. ยกเลิก ส.ว. ที่แต่งตั้งมาโดยเครือข่าย คสช. โดยให้เปลี่ยนมาเป็นการเลือกตั้ง ส.ว. ทั้งหมด หรือยกเลิกไม่ให้มี
    ส.ว. อีกต่อไป และปฏิรูปองค์กรอิสระให้ยึดโยงกับประชาชน

    5. จากนี้ให้มีการกระจายอํานาจจากส่วนกลางไปยังทุกภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนมีอํานาจตัดสินใจโดยลดการควบคุมจากส่วนกลางที่ไม่จําเป็นลง

    ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นผู้นํา เพราะเราต่างทราบดีว่าท่านไม่ได้สนใจในประชาชน และความเป็นประชาธิปไตย ข้อเรียกร้องที่มีต่อรัฐบาลนี้มีเพียงประการเดียว นั่นคือให้ลง จากอํานาจและเปดิ ทางให้ประชาชนได้เดินหน้าสร้างประชาธิปไตยต่อไป

    ด้วยความศรัทธาในอํานาจประชาชน กลุ่มมอกะเสด
    24 กรกฎาคม 2563

    #TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #กลุ่มมอกะเสด #แถลงการณ์

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,768
    ค่าพลัง:
    +97,150
    22.07.2020 ภูเขาไฟ Popocatepetl (โปโปคาเตเปตล์ ) ที่เม็กซิโก ปะทุพ่นควันและเถ้าออกมา
    1- Por Susana Harp
    2- Por SkyAlert
    1- Por Volcan Popocatepetl

     

แชร์หน้านี้

Loading...