ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

....สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของวงกรรมฐานบ้านเรา นั้นคือ วันสลายสรีระสังขาร หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา พระอรหันต์เจ้าลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ทำไม ช่างชิตถึงกล้าบอกว่าหลวงปู่หลอดเป็นพระอรหันต์ ภูมิธรรมระดับช่างชิตไม่มีทางรู้หรอกครับว่าใครอยู่ระดับไหน แต่ถ้าอย่าง หลวงตามหาบัวละ!! หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีละ!!! ถ้าท่านเหล่านี้บอกว่าหลวงปู่หลอด "ใช่" ช่างชิตก็จะเห็นเป็นอื่นไปไม่ได้
.
....ในฐานะแอดมินกลุ่มหลวงตาสมหมาย ก็ขอกราบน้อมอาลัยในการสลายสังขารของหลวงปู่ ที่เหมือนเป็นการแสดงธรรมะ แสดงสัจจะะรรม สอนชาวโลกว่า ทุกสิ่งล้วนตั้งอยู่แล้วจากไป สำหรับหลวงปู่หลอดกับหลวงตาเรา ท่านทั้งสองมีความสนิทสนมกันมากพอสมควร
.
....สมัยเมื่อ 10 20 กว่าปีก่อน งานมุทิตาจิตหลวงปู่หลอด คนในงานจะต้องเห็นพระหนุ่มองค์หนึ่งที่มาร่วมงานด้วยเสมอ ภาพที่เห็นคือการนั่งสงบนิ่ง ไม่พูดคุยเรื่อยเปื่อย ไม่พูดเล่นกับใคร อาการสำรวมอย่างมาก ลูกศิษย์หลวงปู่หลอดหลายคนก็ งง ว่าพระหนุ่มองค์นี้เป็นใคร??? ทำไมหลวงปู่หลอดถึงต้องนิมนต์มางานทุกๆปี
.
....ครับ พระองค์นั้นก็คือ หลวงตาของเรานี้เอง ส่วนเหตุผลที่หลวงปู่หลอดท่านนิมนต์หลวงตามางานทุกปี ทั้งๆที่เมื่อ 10 20 ปีก่อน หลวงตายังถือว่าพระหนุ่ม พระพรรษาไม่มากเสียด้วยซ้ำ หลวงปู่หลอดบอกว่า "พระหนุ่มองค์นี้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ"
.
....เท่าที่ช่างชิตรู้ หลวงตาของเรา ท่านนับถือหลวงปู่หลอดเป็นอย่างมาก งานหลวงปู่ทุกปี หลวงตาจะไปร่วมไม่เคยขาด ในงานนี้ก็เช่นกัน เพียงแต่ว่าหลวงตาท่านไม่ได้อยู่ในวันนี้เท่านั้น เพราะท่านติดกิจนิมนต์ทางไกลกับหลวงปู่หลอ วัดถ้ำพวง (นิมนต์ไว้นานแล้ว) แต่ในวันเคลื่อนย้ายสรีระสังขารเมื่อวันศุกร์ หลวงตาท่านก็ไป หลายๆท่านก็คงได้เจอได้กราบกัน
.
.....ณ เวลานี้ สรีระของหลวงปู่ก็คงกลับไปเป็นธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้ว ส่วนดวงจิตท่านก็เข้านิพพานตั้งแต่วันที่ท่านละ ก็ขอน้อมขอบารมีหลวงปู่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ช่วยโปรดดูแลรักษาลูกหลานด้วยนะครับ
.
....ครับ ก่อนนอน ช่างชิตขอฝากประโยคสนทนาของพี่ชายใจดีคนหนึ่งที่เคยอุปัฏฐากหลวงปู่หลอดได้คุยกับช่างชิตว่า
"ช่วงก่อนที่หลวงปู่จะละสังขารพี่ได้กราบเรียนถามหลวงปู่ว่า เมื่อสิ้นหลวงปู่แล้ว กระผมจะไปรับใช้อุปัฐกากครูบาอาจารย์รูปไหนดี???"
หลวงปู่ตอบว่า "สมหมาย สมหมายดี"ิ
.
.....นับแต่วันนั้นมาพี่เขาก็ทำตามที่หลวงปู่บอกจนถึงทุกวันนี้ครับ ราตรีสวัสดิ์
.

 

....สวัสดีพี่ๆน้องๆทุกท่าน ติดเรื่อง หลวงตาสมเกียรติ ชิตมาโร มานานละ วันนี้จะมาเขียนมาเล่าให้ฟังซะที เดี้ยวจะเล่าที่มาที่ไปที่ช่างชิตได้เจอและรู้จักหลวงตาสมเกียรตินะครับ ส่วนประวัติหลวงตาจะลงไว้ท้ายบทความ
.
.....เรื่องของเรื่องก็คือ ช่างชิตไปงานที่ลานธรรมแม่กลองกับหลวงตา จังหวะที่กำลังจะกลับงานเลิก ทางลานธรรมก็ได้แจกหนังสือของพระอาจารย์รูปหนึ่งให้กับผู้ที่มาร่วมงาน หลวงตาก็เอาหนังสือเล่มนี้มาอ่านด้วย
.
....ซักพักก็มีพระองค์หนึ่ง(หลวงตาสมเกียรติ)เดินมากราบลาหลวงตา หลวงตาก็ซักถามพูดคุยไม่นานก็ลาจากกัน แล้วหลวงตาก็ยื่นหนังสือมาให้ช่างชิต "เอาไปอ่านนิ หนังสือธรรมมะ" ช่างชิตรับมา ก็เห็นหน้าปกหนังสือเป็นรูปพระที่มากราบหลวงตาเมื่อกี้ เลยเปิดดู ช่วงหน้าแรกๆก็เจอรูปเกศาและเล็บของท่านที่แปรเป็นพระธาตุ ช่างชิตก็คิด "เฮ้ย ขนาดนี้เลยหรา ท่านเป็นใครทำไมไม่รู้จัก" ก็เลยถามหลวงตา
.
ชช "หลวงตาครับ พระธาตุในรูปของใครครับของพระอาจาย์องค์ที่มากราบหลวงตาเมื่อกี้หรือเปล่าครับ?"
.
ลต "ใช่ หลวงตาก็ถามท่านแล้ว ท่านก็ว่าของท่าน"
.
ชช "โห ทำไมขึ้นขนาดนั้นเลยละครับหลวงตา"
.
.....แล้วหลวงตาตอบว่าอะไรไม่ทราบ ลืมละมันนาน แต่หลังจากนั้นช่างชิตก็จับตาที่หลวงตาสมเกียรติมาอย่างเงียบๆ พอมีโอกาสได้สัมผัสท่านอย่างใกล้ชิดในวันทำบุญของบริษัทดีมายเออร์ ช่างชิตรู้สึกเย็นใจเป็นพิเศษ เพราะสัมผัสได้ถึงบารมีที่คุ้นเคยและความเมตตาที่คุ้นเคย คุ้นเคยยังไงหรา ก็หลังจากนั้นได้กราบท่านอีกครั้งสองครั้งยิ่งมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกไปเอง
.
......คือ จะบอกว่าเวลาอยู่ใกล้ๆกับหลวงตาสมเกียรติแล้วเหมือนอยู่กับหลวงตาสมหมาย อย่างไงอย่างงั้น ทั้งรอยยิ้ม ทั้งความเมตตาที่มีต่อญาติโยม ทั้งปฏิทา ทั้งการวางตัวที่....คือใช่อะ แถมได้ยินมาว่า สมัยก่อนตอนยังไม่เปิดตัว หลวงตาสมเกียรติท่านดุมากอีกด้วย นี้ก็ยิ่งเหมือนหลวงตาเราเลย เพราะสมัยก่อนหลวงตาก็ดุมาก แต่พอ 10 ปีหลังเปิดตัวแล้ว ก็มีแต่เมตตาล้วนๆ แต่ถ้าได้ดุนะ หน้าด้านๆอย่างช่างชิตก็หน้าหล้ามาหลายทีละ 5555 นี้คือความรู้สึกส่วนตัวนะครับ
.
.....มานึกดูว่า พระดีๆแบบหลวงตาสมเกียรติทำไมถึงพึ่งเปิดตัว ก็เคยได้ยินพี่ชายเล่าให้ฟังว่า จริงๆหลวงตาสมเกียรติท่านไม่อยากเปิดตัวสู่วงกว้าง แต่เพราะหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้บอกกับท่านประมาณว่า "ท่านได้แล้วก็ต้องออกมาช่วยกัน ช่วยพระศาสนา นับวันครูบาอาจารย์ยิ่งล้มหายลงไปทุกที" ประจวบกับวัยของท่านที่ล่วงเข้าวัย 60 พรรษา เหมาะสมในทุกๆมุม ท่านถึงออกมา
.
.....เคยถามพี่ชายว่า "ใครนิมนต์ท่านให้มาลานธรรมแม่กลอง" ได้รับคำตอบว่า "หลวงตาสมหมายท่านแนะนำ" นั้นก็แสดงว่าครูบาอาจารย์ท่านถึงกันหมด ทุกรู้อยู่ว่าองค์ไหนเป็นยังไง จึงได้แนะนำให้มาโปรดญาติโยม
.
...ในส่วนวัตถุมงคลนั้น หลวงตาสมเกียรติท่านก็เมตตากับลูกศิษย์ลูกหาพอสมควร มีทั้งเหรียญ พระกริ่ง พระผง หรือ รูปที่แขวนรถ ประสบการณ์ก็เป็นมาตรฐานสแตนดาร์ดพระสายอริยะ คือ "แคล้วคลาด ปลอดภัย ร่มเย็นเป็นสุข และประสบการณ์ที่ดีคือการไม่มีประสบการณ์" ใครมีก็ให้เก็บไว้ให้ดีๆนครับ ไม่ว่ารุ่นไหน พระ...........อธิฐานจิตให้ พลังแบบโลกุตะ เป็นบุญฤทธิ์ อย่างน้อยเราก็ต้องมีติดตัวครับ ส่วนธรรมะคำสอนท่าน ช่างชิตไม่พูดละกัน เพราะมีหลายเพจหลายกลุ่มเอาไปลงบ่อยๆละ ลองไปหาอ่านและมีโอกาสไปกราบท่านให้ได้นะครับ
.
....อ้าว เขียนเพลินยาวละ ยังไงช่วงท้ายขอเอาประวัติของหลวงตาแนบให้ทุกท่านที่รักการอ่านได้อ่านให้จุใจก่อนนอนคืนนี้เลยละกัน
.............................................
ประวัติ
หลวงตาสมเกียรติ ชิตมาโร
วัดป่าถ้ำพระเทพนิมิต (ถ้ำตาลเลียน)
บ้านทุ่งตาลเลียน ตำบลตาลเลียน
อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี
.
...........ท่านถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๙๘ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม ท่านเกิดในสกุล “จันทร์วงศ์” เป็นบุตรชายคนที่ ๔ ในจำนวนพี่น้อง ๕ คน ณ บ้านสร้างเสี่ยน ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู สมัยเมื่อเกิดเป็นทารกแรกคลอดมีสายรกพันคอและเฉวี่ยงบ่าคล้ายสายสะพายบาตรออกมาด้วย บิดาท่านจึงอุทานออกมาว่า ลูกคนนี้ต้องได้บวชเป็นพระแน่นอน เมื่อเติบใหญ่ท่านพระอาจารย์สมเกียรติได้เคยบอกเพื่อน ๆ ว่า ถ้าอายุครบ ๒๑ ถึงอายุเกณฑ์ทหารแล้ว ถ้าจับไม่โดนใบแดง ติดทหาร ท่านจะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ นี่เป็นสัจจะวาจาที่ท่านตั้งไว้เป็นคำสัตย์
.
...........หลังจากไม่ติดทหาร ท่านจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ณ พัทสีมาวัดจันท์ประสิทธิ์ บ้านสร้างเสี่ยน ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีหลวงปู่บุญมา สุชีโว วัดป่าสุขเกษม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองสูน สุธัมโม เป็นพระผู้สอนนาค และเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์จันทรลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ชิตมาโร” แปลว่า “ผู้พิชิตมาร”
.
..........ภายหลังอุปสมบทหลวงปู่หวัน จุลปัณฑิโต แห่งวัดถ้ำกลองเพล ได้ขอให้พระอาจารย์สมเกียรติ ชิตมาโร ขึ้นไปจำพรรษาที่วัดป่าภูเก้า บ้านดอนหัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าภูเก้า อยู่ถึง ๓ พรรษา จากนั้นในพรรษาที่ ๔ ท่านได้ไปอยู่ที่วัดป่าประสิทธิสามัคคี (วัดของท่านพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม) บ้านต้าย อำเภอสว่างแดนดิน จังหหวัดสกลนคร พรรษาที่ ๕ อยู่ที่วัดญาณสังวร อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พรรษาที่ ๖ วัดป่าหมากแข้ง(วัดหลวงพ่อผจญ อสโม) อ.วังสะพุง จ.เลย พรรษาที่ ๗ วัดป่าทรายทอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พรรษาที่ ๘ กลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดจันทร์ประสิทธิที่ท่านอุปสมบท พรรษาที่ ๙ วัดป่าสานตม ธรรมสถานของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย พรรษาที่ ๑๐-๑๑ วัดถ้ำพระเทพนิมิตบ้านทุ่งตาลเลียน อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี พรรษาที่ ๑๒- ๑๓ ท่านปฏิปัติธรรมอยู่ที่ภูลังกากับหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ณ วัดถ้ำยานาโพธิ์ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม พรรษาที่ ๑๔ ได้ติดตามหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ มาอยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านใหม่ ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี จากนั้นจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำพระตาลเลียนแห่งนี้ ตั้งแต่พรรษาที่ ๑๕ จนถึงปัจจุบันนี้ พรรษาที่ 41 รวม ๒๗ ปีแล้ว
................

 

...คิด..สิ..คิด
.
.....ความที่ช่างชิตเป็นคนชอบเครื่องรางของขลัง สวนทางกับปฏิปทาของหลวงตาที่บอกสอนให้ "เลิกไปถือของขลัง ให้มาภาวนาทำใจตัวเองให้ขลังแทน" ความชอบเรื่องแบบนี้ทำให้หลวงตาดุว่าช่างชิตเสมอและจนเป็นที่จดจำในกลุ่มลูกศิษย์หลวงตาว่าถ้าเอ่ยถึงเรื่อง "เครื่องรางของขลัง" จะต้องมีช่างชิตติดอยู่อย่างแน่นอน
.
....ก็อย่างว่าละครับ คนมันชอบแม้หลวงตาจะสอนยังไง ก็ทำได้แค่ลดละ แต่เลิกยังไม่ได้ ช่างชิตเองก็แสวงหามาเรื่อยๆ ที่ไหนว่าดีก็อยากได้อยากเอา แล้วเวลาได้มาทีไรก็ชอบ "หาเรื่องโดนด่า เอาไปให้หลวงตาพิจารณาแทบทุกครั้ง"
.
....ล่าสุดไปได้ตะกรุดขลังตะกรุดดีจากพระเกจิที่จังหวัดจันทบุรีมา ก็จะเอาไปให้หลวงตาพิจารณาอธิฐานอัดเพิ่มพลังให้ตามเคย ต้องบอกว่าครั้งนี้มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนจะงานเข้า แต่ก็คิดว่า เอาว่ะ ลองดู เลยต้องปฏิบัติการณ์บนความเสี่ยงอย่างมาก
.
.... สุดท้ายก็ไม่รอด งานเข้าจนได้ เพียงแค่คลานเข้าไปแล้วเอาออกมาให้ท่านดู ยังไม่ได้พูดไหว้ครูร่ายยาวเลย เท่านั้นละ ช่างชิตโดนด่าแบบมีดโกนอาบน้ำผึ้งเฉียดคอทันที หลวงตาดุว่า "สอนภาวนาไม่เคยฝึกไม่เคยทำ มีแต่ไปหาแต่ของแบบนี้ เต็มคอ เต็มบ้านไปหมดละ ไป!! เก็บไปซะ!!"
สตั้นไหมละ 555555++
.
...ต้องยิ้มแห้งๆ คอตกไปตามระเบียบ จนเหตุการณ์ก็ผ่านไป 2-3 อาทิตย์ แล้วเมื่อวานตอนกลางคืน แอดฌานได้เข้าไปอุปฏากหลวงตาที่สวนทิพย์งานหลวงปู่บุญฤทธิ์ ช่างชิตก็โทรหาแอดฌานคุยธุระนิดหน่อย หลวงตาก็พูดกับช่างชิตด้วยแต่เสียงเบา เลยไม่ได้ยิน จนแอดฌานกลับช่างชิตจึงโทรหาอีก แล้วก็มีอะไร งงๆ แบบ "อัศจรรย์ใจ" ตามบทสนทนาดังนี้
.
ชช "โต้ง หลวงตาบอกอะไรพี่อะ ได้ยินไม่ค่อยชัด อะไรตะกรุดๆอะ"...
.
ฌก "หลวงตาบอกว่า พวกเครื่องรางของขลังอย่างมงายหลาย ที่เอาตะกรุดไปให้ท่านดู ท่านกลัวจะไปเจอของผีตายโหง เดี้ยวไปเจอพวกเขาเอากระดูกผีมาทำเป็นของขลัง เราเอามาติดตัวก็ทำอะไรไม่ขึ้น ให้ภาวนาทำใจตัวเองให้มีสมาธิมีสติให้ขลังที่ใจก็พอแล้ว"
.
ชช "หมายถึง ตะกรุดที่เอาให้หลวงตาดูมีกระดูกผีหรา"??
.
ฌก "เปล่า ท่านเล่าให้ฟังเฉยๆ ที่พี่เอาให้ดูอะไม่มีอะไร เขาไม่ได้ใส่มา ใช้ได้อยู่ แต่ท่านไม่อยากให้ไปหามาอีก มันเยอะละพวกของขลัง ท่านอยากให้ภาวนากัน"
.
ชช "อ่อ วันนั้นก็โดนด่าประมาณนี้ละ"
.
ฌก "แล้วท่านบอกว่า หลอดจันทบุรี!!!(หมายตะกรุด)พวกของขลังต่างๆไม่ต้องไปหามาเพิ่มเด้อ"
.
ชช "อ่อ... เครๆ อ้าว!! แล้วโต้งบอกหลวงตาหราว่า ตะกรุดมาจากจันทบุรี??"
.
ฌก "เปล่า!!!..ว่าจะถามพี่อยู่ว่าพี่บอกหลวงตาหรา"???
.
ชช "บอกตอนไหนละ ตอนเอาไปให้หลวงตาดู ยังไม่ได้พูดเลยโดนด่าละ แล้ว........แล้ว............แล้วหลวงตารู้ได้ไงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง"
.
ฌก "อันนี้แปลกใจจริงพี่...ผมเองก็ งง..!!!!!........"
.
.....สตั้นกันทางโทรศัพท์ไปตามๆกัน นี้ละครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน สาบานให้ตายห่าตายโหงเลยครับ วันนั้นช่างชิตยังไม่ได้แม้จะบอกหลวงตาเลยว่าตะกรุดมาจากไหนของใคร อะไรยังไง แค่หยิบออกมาก็โดนด่าละ
แล้วหลวงตารู้ได้ยังไงว่า ตะกรุดมาจากจันทบุรี!!!
แล้วหลวงตาพิจารณาตอนไหนว่าผงที่ผอกตะกรุดไม่ได้มีกระดูกผี!!!
เอาสิเอา หึหึๆ
.
....อย่างที่ช่างชิตเขียนไปไม่รู้จะกี่รอบละ เรื่องแบบนี้มันเป็นอะไรที่ "Surprise" ช่างชิตได้เสมอ แม้จะรู้ทั้งรู้เต็มอกก็เถอะว่า "หลวงตานั้นมีอภิญญาอย่างแน่นอนและพลังจิตก็ไม่ธรรมดาด้วย" แต่ความที่หลวงตาท่านไม่ได้ชอบทางนี้เลย ท่านเฉยๆเหมือนคนปรกติทั่วไป จนบางครั้งช่างชิตเองก็ "ลืม"
.
....จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ช่างชิตมาพิจารณาดูนะ ครูบาอาจารย์ที่เข้าถึง "มหาสติ" แบบนี้ ไม่มีคำว่า "เผลอพูด" หรือ "พูดไม่คิด" แน่นอน ท่านต้องมีเจตนาจะ "สะกิด" ให้พวกเราคิด ให้เราใช้ปัญญากับสิ่งที่ท่านทำให้เห็น ซึ่งตอนนี้ช่างชิตก็คิดได้บ้าง....บ้างนะ แต่ยังเลิกไม่ได้หรอก 555++
.
....ก็เอามาเล่าสู่กันฟังครับ ประสบการณ์ที่เจอมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งแต่ก็ไม่เคยจำซักที เฮ้อออออออ
.
#ตะกรุดที่เอามาดีนะครับสำนักนี้ของเขาดีจริง
#แต่หลวงตาไม่อยากให้ช่างชิตหลงกับพวกเรื่องเครื่องรางของขลังเฉยๆ

 

เล่าด้วยภาพก่อนนอนครับ สาธุ

 

ธรรมะข้อคิดก่อนนอนครับ

 

....วันอาทิตย์มากราบหลวงตาครับ. ท่านยังไม่หายจากอาการไข้หวัด มีน้ำมูกเสียงแหบ ช่วงนี้สุขภาพท่านไม่ค่อยสู้ดี แต่กระนั้นก็ยังเมตตาลูกศิษย์ลูกหาตามกิจนิมนต์ที่ได้รับไว้เหมือนเดิม
.
....พอดีพี่ที่เป็นโยมอุปัฏฐากหลวงตามากราบเยี่ยมหลวงตา หลวงตาก็เมตตาเทศน์อบรมสั่งสอนเรื่องต่างๆไป จับใจความได้ว่า
.
"กรรมบางอย่างเราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เวลาให้ผลมันมากนะ ให้ระวัง"
.
....ช่างชิตก็ทำนั้นทำนี่ไปชิวๆ. พอดีเข้ามานั่งพอดีได้ยินแล้ว คมจับใจ เลยเอามาฝากพี่ๆน้องๆครับ

 

หลังจากหลวงตาต้อนรับลูกศิษย์ลูกหาที่มากราบเสร็จ แม้ท่านไม่สบายแต่ท่านก็เดินออกไปดูวัดดูพระเณรที่ทำข้อวัตรกวาดตาด ดูไม่ดูเปล่าท่านเองก็ทำกับพระเณรด้วย ท่านก็กวาดตาดตามถนนไปเรื่อยๆคนเดียว
.
....ช่างชิตก็มองดูหลวงตาค่อยๆเดินหายไปจนสุดสายตา ใจก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆตั้งแต่มาบวชกับหลวงตาเมื่อ 14 ปีก่อน
.
...แล้วก็มาสะดุดตรงเรื่องที่หลวงปู่อาพาธหนัก ให้คนไปตามหลวงตาที่ตอนนั้นดูแลวัดโคกใหญ่อยู่ หลวงปู่ท่านให้คนไปตามเพราะ ท่านจะฝากวัดให้หลวงตาดูแล
.
....จากวันนั้นจนวันนี้ หลวงตาท่านก็ทำมาได้ดีอย่างไร้ที่ติ. ช่างชิตเคยถามหลวงตาเมื่อนานมาแล้วว่า
.
ชช "หลวงตา ถ้าหลวงตาไม่อยู่แล้วใครดูแลวัดต่อไปครับ หลวงตาไม่ห่วงหรา???"
.
ลต "หลวงตาตายแล้วก็แล้วกันเท่านั้นละ ใครอยู่ก็ดูเอาโลด"
.
....ฟังเผินๆอาจไม่มีอะไรมาก แต่มานั่งคิดดีๆช่างชิตว่าก็เป็นหลักธรรมสอนใจได้อยู่เหมือนกันนะครับใครจะตีความหมายยังไงก็สุดแล้วแต่ สำหรับช่างชิต เรื่องนี้สอนให้คิดได้ว่า
.
"คนเราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ซักอย่าง ถ้ามัวแต่ยึดติดยึดมั่นถือมั่น ของกู ของมึง จิตก็ผูกกับสิ่งนั้นคนนั้น เป็นเชื้อแห่งการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้นตลอดไป"

 

ชช "หลวงตาครับ ชิตังเม แปลว่าอะไรครับ"
.
ลต "ชิตังเม แปลว่า ชนะแล้ว เราชนะความอยาก ความโลภ แล้ว"
.
....67 ปี 47 พรรษา ถ้านับตามพรรษาสำหรับหลวงตาแล้วถือว่าเป็น พระมหาเถระ พระผู้ใหญ่ ถ้าท่านยึดติดใน ลาภ ยศ สรรเสริญ คงมีตำแหน่งใหญ่โต มีกุฏิหลังใหญ่ รถเบ้นซ์คันงาม และมีอะไรหลายอย่างเพื่อประดับบารมี
.
....หลายท่านที่เคยไปกราบหลวงตา เห็นกุฏิสไตร์โมเดิร์นกุฏิที่หลวงตาท่านพักในปัจจุบันก็คงแปลกใจในสไตร์การออกแบบ
.
.... ที่มาของกุฏินี้ก็เป็นลูกศิษย์ขอปราวณาสร้างถวายวัดอุทิศให้บรรพบุรุษและขออารธนาให้หลวงตามาพักเป็นสิริมงคล หลวงตาท่านก็เมตตาอนุญาตเพราะ ครอบครัวนี้อุปัฏฐากวัดตั้งแต่สมัยหลวงปู่
.
...แต่หลวงตาให้คอนเซปว่าต้อง "เล็ก ไม่ใหญ่ และไม่แพง ห้ามสิ้นเปลืองเด็ดขาด"
.
...เมื่อพี่เจ้าภาพรับไปแล้วก็ไปออกแบบ จากนั้นหลวงตาท่านก็ต้องประชุมสงฆ์แจ้งให้สงฆ์ทราบ ชี้อาณาเขตในการสร้างให้ชัด สงฆ์รับทราบไม่มีแย้งจึงสร้างได้ ไม่ใช่อยากสร้างก็สร้างตามอำเภอใจนะครับ
.
....พี่ที่เป็นเจ้าภาพสร้างก็คงออกแบบให้ร่วมสมัยหน่อยแต่ก็คงคอนเซปแห่งความเรียบง่าย กุฏิจึงมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้
.
....และถึงแม้ผู้สร้างจะสร้างมาแบบไหนอะไรยังไง จะเล็กจะใหญ่ จะดี จะสวย จะหรู ขนาดไหน จะติดตู้ติดเตียงมาให้พร้อมยังไงก็ตามแต่ ลองดูที่นอนหลวงตาสิครับ ที่นอน"พระมหาเถระผู้ใหญ่" ช่างสมถะสมเป็นบุรุษที่ปฏิบัติตามธรรมวินัยจริงๆ ส่วนเตียงก็เอาไว้วางของแทน.
.
....หลวงตาท่านนอนอย่างนี้จริงๆครับ ช่างชิตเห็นมาเป็น 10ๆปีแล้ว ปูที่นอนหลวงตาทีไร นึกถึงที่สมเด็จพระสังฆราชเจริญท่านได้บอกไว้ว่า "เป็นพระต้องจน" ก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ทุกที ยิ้มเพราะอะไรหรา ยิ้มเพราะคิดว่า "เราโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริงๆ"
.
....ก็ไม่มีอะไรมากครับ ช่างชิตเอาเล่าสู่พี่ๆน้องๆได้อ่านกัน ในวันอาทิตย์

 

...หลายต่อหลายคนที่มาเห็น "ผล" ก็ล้วนแต่ตัดสินตามใจของตนโดยไม่ดู "เหตุ" ที่มาที่ไปก่อนจะมาเป็น "ผล" แบบที่เห็นในปัจจุบัน คนเหล่านี้มักคิดว่า "บวชแล้วสบาย"
.
....ครูบาอาจารย์ทุกท่านที่เดินตามรอยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ยุคก่อน เดินตามทางแห่งมรรค8ของพระพุทธเจ้า เดินตามวิถีแห่ง "สัมมาทิฐิ" ไม่มีองค์ไหนหรอกครับที่บวชมาแล้ว นั่งกิน นอนกิน ดูหนัง ฟังเพลง อยู่สุขสบายแล้ว "สำเร็จมรรคผลนิพพาน" หรือ มีลาภสักการะมีลูกศิษย์มากมาย ทุกองค์ล้วนประพฤติปฏิบัติฝากเป็นฝากตายมาแล้วทั้งสิ้น
.
....พระที่บวชมาเพื่อ ละ จริงๆ ถ้าเดินตามเส้นทาง "สัมมาทิฐิ" ก็จะต้องลำบาก อดทน ต่อสู้กับกิเลส มาแบบสุดๆแล้วละครับ ท่านจึงกล้ามาเทศน์มาบอกมาสอนเรา
.
....แต่ถ้าเป็นทาง "มิจฉาทิฐิ" อันนี้ไม่รู้นะ. พูดเก่งๆ จิตวิทยาดี อ่านหาข้อมูลมากๆ. เทศน์ให้โดนใจคน ลาภสักการะก็อาจวิ่งหาแบบมั่งมีศรีสุขก็ได้นะ 55555++ แบบนี้บวชน่าสบาย แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องทุกข์ตอนรับผลของกรรมอยู่ดี
.
....ประวัติการปฏิบัติของหลวงตายังไม่เป็นที่เปิดเผยเท่าไรเพราะท่านไม่ค่อยเล่าให้ใครฟัง แต่จากที่ช่างชิตได้รับฟังมาไม่ว่าจะเป็นหลวงตาบอกเองหรือพระอุปัฏฐากที่เมตาเล่าให้ฟัง ก็ต้องบอกว่า "ก่อนจะมาเป็นหลวงตาสมหมายในวันนี้". ท่านปฏิบัติแบบเอาชีวิตเข้าแลกสู้กับกิเลสมาอย่างโชกโชนแล้วครับ เคยเขียนไปบ้างละหาอ่านเอา
.
....ทุกวันนี้แม้หลวงตาจะเป็นครูบาอาจารย์แล้ว แต่การปฏิบัติ ไม่ละความเพียร ก็ยังเป็นสิ่งที่ท่านยังปฏิบัติสม่ำเสมอมาโดยตลอด ทุกวันก่อนจำวัด ท่านจะทำวัตรเย็นแล้วนั่งสมาธิ ประมาณตีสามท่านก็ตื่นมาไหว้พระแล้วนั่งสมาธิจนเช้า
.
.....หลายคนถามรู้ได้ไง ไปนอนเฝ้าหลวงตาหรา ก็บอกว่าใช่ ไปนอนเฝ้ามาหลายรอบละ และทุกรอบที่หลวงตาท่านตื่นมาปฏิบัติช่วงตีสาม ช่างชิตจะสะดุดตื่น ครั้นจะลุกมานั่งด้วยกับหลวงตา กิเลสก็ข่มหนังตาเหลือเกิน เลยนอนให้นิ่งที่สุด ไม่กวนท่านดีกว่า 55555++
.
....และเมื่อไม่ได้ไปกิจนิมนต์ไหน ไม่มีใครมากวนไม่ได้รับญาติโยม ท่านก็จะเดินจงกรมประจำ ล่าสุดที่ไปกราบหลวตา ช่างชิตกวาดตาดมาเสร็จ เดินกลับมากุฏิหลวงตาก็มานั่งรอหลวงตา พระเณรแยกย้ายกลับไปทรงน้ำ บรรยากาศเงียบสงัด ช่างชิตก็นึกว่าหลวงตายังไม่กลับจากกวาดตาด
.
...นั่งอยู่นานไม่เห็นท่านมา เลยจะเดินหาก็ไปเห็นหลวงตากำลังเดินจงกรมอยู่ จึงรีบแอบเพื่อไม่รบกวนท่าน แล้วจึงสวมบทบาทปาปารัชซี่ เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกและนำมาฝากพี่ๆน้องๆทุกท่านครับ หลวงตาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง ท่านจึงเลิกมาฉันยา สรงน้ำ นำพระเณรญาติโยมทำวัตรเย็น

 

"ไปหาของขลังของอะไรมา ระวังเขาจะใส่คาถาหมากินความคึด ทำอะไรแล้วไม่เจริญ"
"คาถาอาคมบางบทมันร้อน เอาไว้ใช้แสดงฤทธิ์แสดงเดช แต่มันไม่เจริญเรียนแล้วไม่เจริญ อย่างพวกคาถาเสกผ้าเป็นนกกระยาง หลวงปู่...(ขออภัยลืมชื่อ )....ท่านก็สอนว่า "อย่าเอาไปเลยลูกหลานเอ้ย หลวงปู่ไม่สอนใคร ของมันร้อนมันไม่เจริญหรอก"
.
#หลวงตาสอนช่างชิตเมื่อวาน
*****หลวงปู่ที่หลวงตากล่าวถึง ท่านเป็นพระสมัยก่อนสมัยหลวงตาเป็นเด็ก มีคาถาอาคมสูงมาก เสกผ้าเป็นนกกระยางก็ได้ แสดงฤทธิ์ได้

 

.....มีประสบการณ์เรื่องราวดีๆมาแชร์พี่ๆน้องๆ ช่างชิตฟังแล้วรู้สึกประทับใจมาก เลยขอลงเช้าในวันนี้เลยละกัน
.
....เรื่องมีอยู่ว่า มีน้องรักของช่างชิตคนหนึ่งที่นับถือหลวงตาอย่างสุดหัวใจ ฝากเนื้อฝากตัวขอเป็นศิษย์กับหลวงตาทั้งครอบครัว ถ้าหลวงตาเข้ามากรุงเทพยามไหน มีโอกาสไปได้ น้องเขาจะต้องมากราบเอาผลไม้ที่สวนมาถวายเป็นประจำแม้ไปหาถึงอุดรน้องเขาก็ไป
.
....และไม่ว่าจะมีเรื่องราวหรืออุปสรรคอะไร น้องจะมีหลวงตาเป็นแรงกำลังใจบวกกับคำสอนของหลวงตาไว้เตือนสติตัวเองเสมอ แขวนพระหลวงตาติดตัวตลอดเวลา
.
....ด้วยความที่แฟนน้องเขาเป็นคนชอบดูดวงแต่น้องกับไม่ชอบเอาซะเลย มีอยู่วันหนึ่ง แฟนพาไปดูดวง น้องก็ต้องไปด้วยอย่างขัดเสียไม่ได้ แต่พอไปถึงหมอดูทักทันที
.
"เดินเข้ามาเห็นมีพระบารมีสูงมากๆอยู่ต่างจังหวัดเมตตาคุ้มครองดูแลรักษาอยู่นะ"
.
....ในใจน้องคิดถึงหลวงตาทันที น้องบอกว่าแม้จะไม่ชอบไม่เชื่อหมอดูเป็นทุนเดิม แต่เพราะประโยคที่ไม่ได้มีการเตี้ยมกันมาของหมอดูที่ทัก ก็ยังความปิติเกิดขึ้นในใจเสมอ ทุกครั้งที่นึกถึง
.
....ครับ ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง ใครที่มากราบหลวงตา ไม่ว่ายากดีมีจน พึ่งมากราบหรือจะเคยมากราบนานแล้ว หลวงตาท่านก็เมตตาเสมอกันหมด ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
.
...บางคนมาไม่กี่ครั้งหลวงตาท่านก็เอ็นดูนานๆไม่เห็นหน้า ท่านก็ถามหาถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบอยู่ตลอด ช่างชิตเองได้ยินก็รู้สึกถึงความห่วงใยที่หลวงตามีต่อลูกศิษย์ลูกหาจริงๆ
.
#น้องบอกหมอดูแม่นใช้ได้เรื่องอื่นๆที่ทักก็ถูก80%
#ภาพหลวงตาไปเยี่ยมโยมที่ป่วยจริงๆเขาห้ามถ่ายรูปนะครับแต่ช่างชิตนิสัยไม่ดี55555

 

"พระหนุ่มองค์นี้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ"
*เมื่อมีคนถามว่า ทำไมต้องนิมนต์ พระอาจารย์องค์นี้(หมายถึงหลวงตาเมื่อ20กว่าปีก่อน)มางานมุทิตาหลวงปู่ทุกปี
.
"ไปหาสมหมาย สมหมายดี"
*เมื่อศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ถามหลวงปู่ว่าถ้าสิ้นหลวงปู่ เขาจะไปรับใช้ครูบาอาจารย์รูปใด
.
ภาพหลวงปู่คูณและหลวงตาเข้าเยี่ยมคาราวะหลวงปู่หลอด น้อมกราบ หลวงปู่หลอด ปโมทิโต หลวงปู่คูณ สุเมโธ หลวงตาสมหมาย อัตตมโน ครับ
.
#ขอบคุณภาพมงคลจากกัลยาณมิตรศิษย์หลวงตาสายหลวงปู่หลอดครับ

 

....หลวงตาสอนเรื่อง สติ ธรรมะก่อนนอนครับ

 

...ภาพเก่าเล่าความคลาสสิก หลวงตาในงานเทหล่อพระประธาน จำไม่ได้ว่าของวัดไหนครับ

 

"การชักผ้าบังสุกุล ก็มีเหตุนะ สมัยพุทธกาลคนตายเขาก็เอาผ้าพันเอาไว้ก่อนจะเอาไปฝัง พอพระไปเจอก็ไปชักเอาผ้านั้นจะเอามาใช้ตัดเย็บเป็นจีวร คราวนี้จิตของคนตายยังหวงผ้า พอพระเอาผ้าไป จิตที่มันหวงมันแค้นก็ทำให้ศพที่ตายไปแล้วลุกเดินตามพระไป"
"ตามไปเรื่อยๆจนพระเข้าไปในเขตพระพุทธวิหาร(น่าจะเป็นวัด) ศพจึงล้มลงเพราะจิตไม่สามารถเข้าไปในเขตนั้นได้ นี้ละเขาถึงพากันเรียกว่า ผีหลอก 555(หลวงตาหัวเราะนะไม่ใช่ช่างชิต) พระพุทธเจ้าท่านจึงบัญญัติให้ก่อนที่พระสงฆ์จะชักผ้าบุงสกุลต้องรอให้ ศพเน่าเปรื่อยหรือมีแมลงมากัดแทะผ้าเสียก่อนค่อยทำการชักผ้าได้”
.
..หลวงตาสอนเรื่องเหตุของบัญญัติต่างๆในครั้งพุทธกาล

 

สวัสดีครับช่างชิต....ยังติตามอยู่นะครับ(ส่วนตัวไม่มีเฟสบุ๊คเลยติดตามในเว็บพลังจิตนี่ละครับ) ขอบคุณช่างชิตที่ยังนำเรื่องของหลวงตามาให้ได้อ่านมากครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ มีงานบุญอย่าลืมแจ้งข่าวด้วยนะครับ

 

รอติดตามด้วยครับ

 

.....”พระสงฆ์นิ ที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้พรากของเขียวอย่างพวกต้นไม้นี้ละ เพราะสมัยพุทธกาล พระไปตัดต้นไม้แล้วตัดโดนแขนของลูกรุกขเทวดา(ประมาณว่าตัดกิ่งไม้แล้วแขนของลูกรุกขเทวดาที่สิงก็ขาดด้วย ช่างชิตคิดว่านะ) รุกขเทวดาเขาก็มาฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไม่ให้สงฆ์พรากของเขียว แบบนี้ก็มีนะ”
.....
...หลวงตาสอนเรื่องเหตุของบัญญัติต่างๆในครั้งพุทธกาล
#ขอบคุณรูปสวยๆจากพี่สัญญาครับ

 

ขอบพระคุณทุกท่านครับที่มาเม้นทักทายกัน ดีใจมาก 55555

 

ลงรูปหลวงตา เมื่อไหร่จะลงเสียงเทศน์หลวงตาบ้างคะ