ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ช่างชิต, 21 ตุลาคม 2013.

  1. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    มีกิจกรรมให้ร่วมด้วยช่วยกันหน่อยนะครับ
    ใครอยากจะฟังเรื่องไหน โหวตเข้ามานะครับ

    ยู้หู้!!! มีใครอยู่ไหม 5555
     
  2. chaythoung

    chaythoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2008
    โพสต์:
    601
    ค่าพลัง:
    +2,665
    ยังอยู่ครับนายช่างชิต..
    เอานี้เลย..บารมีพระที่ปฏิบัตบรรลุธรรมต่างกันนั้นแตกต่างกัน
     
  3. rung847

    rung847 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +3,434
    อยากฟังทุกๆเรื่องครับ แต่สนใจอันนี้ก่อน การอธิฐานจิตวัตถุมงคล
     
  4. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ต้องรีบมาจัดตามคำขอเลยครับเดี้ยวจะลืม

    "พระบรรลุธรรมนั้นแตกต่างกัน"

    ชช "หลวงตาครับพระที่บรรลุ(อรหันต)แล้วนิไม่ใช่ทุกคนจะมีอภิญญาใช่ไหมครับ"

    ลต "ใช่แล้ว อยู่ที่บารมีของแต่ละท่านนะ บางท่านบรรลุโดยง่าย บางท่านบรรลุโดยยาก บางท่านบรรลุหมดกิเลสแต่ไม่ได้ญาณอะไรเลยก็มี บางท่านบรรลุแล้วได้วิชชา 3 บางท่านได้อภิญญา 6 หรือบางท่านก็ได้ทั้งหมดก็มีสุดแล้วแต่การสร้างบารมีสั่งสมกันมา(แล้วหลวงตาก็ว่าเป็นภาษาศัพท์พระอีกประโยคสองประโยค ช่างชิตจำไม่ได้ ขออภัยด้วยครับ) ดูอย่างพระพุทธเจ้าสิ บางองค์ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่จะมีเหมือนองค์ปัจจุบันนะ เป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกันแต่ก็บารมีไม่เท่ากัน

    ชช "อ่อ ไม่ใช่ใครบรรลุแล้วก็เหาะได้หมดใช่ไหมครับ"

    ลต "ไม่ใช่ ก็เหมือนออยเรียนช่างมาจากโรงเรียนนี้และอีกหลายๆคนก็จบช่างจากโรงเรียนนี้เหมือนกันที่เดียวกัน แต่ก็ชำนาญไม่เหมือนกัน"

    ชช "เหมือน ช่างก่อสร้าง ช่างกล ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า ใช่ไหมครับ จบช่างเหมือนกันแต่รู้ในสิ่งที่ถนัดไม่เหมือนกัน"

    ลต "ใช่แล้วพระอรหันต์เหมือนกันจะพิเศษในด้านไหนก็แล้วแต่บารมีที่ท่านสั่งสมกันมาแต่ชาติก่อนๆ"

    ชช "ครับหลวงตา"

    *ความรู้รอบตัวนำมาฝากครับ ผิดถูกประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย

    พระอรหันต แบ่งตามสถานะ มี 3 ประเภท
    พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้วได้ก่อตั้งศาสนาพุทธ สามารถโปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ตามได้
    พระปัจเจกพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ประกาศศาสนา ไม่มีสาวก เกิดขึ้นเฉพาะในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาเท่านั้น
    พระอรหันตสาวก คือสาวกผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ จากการปฏิบัติตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า
    พระอรหันต์ 2 คือ
    วิปัสสนยานิก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน แล้วได้ฌานในภายหลัง
    สมถยานิก ผู้มีสมถะเป็นญาณ ผู้เจริญสมถะกรรมฐาน จนได้ฌานก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาต่อ
    พระอรหันต์ 4 คือ
    สุกขวิปัสสก (ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) อย่างเดียว) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว
    เตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา 3 คือบุพเพนิวาสานุสสติญาณ (รู้ระลึกชาติได้) จุตูปปาตญาณ (รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย)อันเป็นที่เกิดจากการเข้าใจในกฎแห่งกรรมอย่างแท้จริงจึงรู้เหตุการณ์ที่จะเป็นไปได้ทั้งสิ้น อาสวักขยญาณ (รู้ทำอาสวะให้สิ้น) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนา และถือวัตรธุดงค์
    ฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา 6 คือทิพฺพจักขุ ตาทิพย์ (คือฤทธิที่สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ใกล้ไกลได้ มีพระอนุรุทธะ เป็นเอกทัคคะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านการมีตาทิพย์ คือสามารถมองเห็นโลกใบนี้ ราวกับ มองเม็ดมะขามป้อมบนฝ่ามือ) ทิพยโสต หูทิพย์อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ (โดยเฉพาะมโนมยิทธิการแยกร่างและจิต เป็นฤทธิที่แสดงได้เฉพาะพระอรหันต์ประเภทฉฬภิญโญเท่านั้น ) เจโตปริยญาณ (ทายใจผู้อื่นได้) บุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติได้ ) และอาสวักขยะญาณ (ญานที่ทำให้อาสวะสิ้นไป) อานิสงค์จากการปฏิบัติวิปัสสนาและเจริญสมาธิจนได้ฌานสมาปัตติ
    ปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4) คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ ได้แก่ อัตถปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในอรรถ ธัมมะปฏิสัมภิทาความแตกฉานในธรรม นิรุตติปฏิสัมภิทาความแตกฉานในภาษา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในปฏิภาณไหวพริบ
    พระอรหันต์ 5 คือ
    ปัญญาวิมุต
    อุภโตภาควิมุต
    เตวิชชะ
    ฉฬภิญญะ
    ปฏิสัมภิทัปปัตตะ
    พระอรรถกถาจารย์แสดงความหมายของพระอรหันต์ไว้ 5 นัย คือ

    ไกลจากกิเลส
    กำจัดกิเลสได้หมดสิ้น
    เป็นผู้หมดสังสารวัฏ คือ การเวียนว่ายตายเกิด
    เป็นผู้ควรแก่การบูชาพิเศษของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
    ไม่มีที่ลับในการทำบาป ไม่มีความชั่วเสียหายที่จะต้องปิดบัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2014
  5. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอบพระคุณครับ พรุ่งนี้จัดให้เลยตามคำขอ
    วันนี้ดูทรายสีเพลิงกำลังอิน 5555
     
  6. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    มาต่อกันครับตามสัญญา

    "การอธิฐานจิตวัตถุมงคล"

    ชช "หลวงตาครับเวลาหลวงตาไปอธิฐานจิตที่ไหนพอเข้าสมาธิ หลวงตารู้ไหมครับว่า พระที่มาร่วมพิธีด้วยองค์ไหนเก่งไม่เก่ง องค์ไหนจริงไม่จริง"

    ลต "เหอๆ ไม่รู้หรอก พอเข้าสมาธิก็ต้อง รู้ ที่วัตถมงคล รู้ แต่ตัวเจ้าของนี้ละคนอื่นไม่ไปรู้หรอก" หลวงตาพูดไปหัวเราะไป

    ช่างชิตดูก็รู้ว่าหลวงตาท่านไม่อยากไปพูดพาดพิงใคร ถ้าจะบอกว่าคนอื่นไม่ดี คนที่ได้ฟังก็จะหาว่ายกตัวเองเก่งกว่าอีกละ หลายคนหลายความเอาไปตีความหมายตามความพึ่งพอใจของตน สู้ตอบว่าไม่สู้สนใจใครดีกว่านอกจากตัวเอง

    ชช "หลวงตาครับแล้วเวลาอธิฐานจิตต้องมีคาถาไหมครับ"

    ลต "ก็มีบ้าง แต่สำคัญต้องระลึกรู้คุณครูบาอาจารย์ อย่าสำคัญว่าตนเองเก่งคนเดียว เหมือนสมัยพระพุทธเจ้า มีมานพหนุ่มเรียนวิชาเสกมะม่วงสามฤดูสำเร็จจากอาจารย์ผู้หนึ่งที่ไม่มีชื่อเสียง วันนึ่งได้เข้าเฝ้าพระราชาแล้วแสดงให้ดู พระราชาทึ่งสนพระทัยเลยถามว่า ไปเรียนมาจากใคร ใครเป็นครูบาอาจารย์ มานพหนุ่มอายไม่กล้าตอบว่าไปเรียนมากับอาจารย์ที่ไร้ชื่อเสียง ก็โกหกไปว่าไปเรียนมากับอาจารย์สำนึกอื่นที่มีชื่อเสียงไป พอมานพหนุ่มพูดแบบนั้น วิชาก็เสื่อม ทำไม่ได้อีก"

    ชช "ครับต้องมีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ใช่ไหมครับหลวงตา"

    ลต "ใช่ เวลาอธิฐานจิตเราก็ต้องเชิญบารมีครูบาอาจารย์ให้ท่านช่วย บารมีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอรหันตเจ้า ให้ท่านมาช่วย แต่ก่อนจะเชิญบารมีของคนอื่นนั้น ตัวเองก็ต้องมีบารมีด้วย ถ้าตัวเองไม่สร้างมาเลย ไม่สั่งสมบารมีมาจะไปเชิญครูบาอาจารย์ท่านได้อย่างไร เราต้องสั่งสมความดีทำตัวเราให้ดีก่อน แล้วจึงขอบารมีท่านช่วย เหมือนพระพุทธเจ้าท่านชนะอุปสรรคต่างๆในบทสวด พาหุง ก็ล้วนเกิดจาก บารมีที่ท่านสั่งสมมาเป็นหลายร้อยๆชาติ ท่านเจอพญามารยกไพร่พลมาเป็นแสนเป็นล้าน ท่านก็นึกถึง ทานบารมีที่เคยทำมาแต่ชาติปางก่อน และเหตุเพราะ ทานบารมี ท่านมากล้นพญามารก็ทัพแตกในพริบตา (แล้วหลวงตาก็ว่ายาวไปยกตัวอย่างตาม เนื้อคาถาพาหุง ว่าพระพุทธเจ้าทำบารมีมาตั้งหลายอย่างมามากมายมหาศาลและแต่ละอย่างก็เอามาชนะสิ่งไม่ดีอุปสรรคต่างๆได้แบบไม่ยากเย็นเพราะบารมีที่ทำมามันเยอะจริงๆ บลาๆ หลวงตาว่าจนจบบท)"

    ชช "อ่อครับ เข้าใจแล้ว" ช่างชิตพนักหน้ารับพร้อมมือที่ยังนวดต่อไป

    ลต "อย่าไปยึดไปติดหลายเด้อ วัตถุมงคล มีวัตถุมงคลก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะช่วยเราได้ตลอดทุกอย่างทุกเวลา มันต้องดูที่เวรกรรมของเราด้วยและเรากับท่านผู้เป็นเจ้าของวัตถุมงคลมีบุญได้เคยทำร่วมกันมาไหม ถ้าไม่มีมาหรือหมดบุญต่อกัน ท่านก็ช่วยไม่ได้นะ ไม่มีอะไรเหนือกว่ากฏแห่งกรรม"

    ชช "อ้าวทำไมเป็นแบบนั้นละครับ" จริงๆก็รู้ตั้งนานแล้วละครับแต่ต้องมีประโยคคำถามต่อเพราะอยากให้หลวงตาอบรมสั่งสอนนานๆ อิอิ

    ลต "นับประสาอะไรกับเราขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังไม่ฝืนกฏแห่งกรรมเลย ท่านก็ช่วยเท่าที่ท่านช่วยได้ ครั้งหนึ่งท่านได้นิมิตเห็นมหาสงครามจะเกิดขึ้นกับญาติพี่น้องตระกูล ศากยะวงศ์ ของท่าน เหตุเพราะพระเจ้าวิฑูฑภะโกรธแค้นที่ศากยะวงศ์ดูถูกตน นำน้ำนมแม่วัวไปล้างที่นั่งที่ตนเคยนั่งไล่เสนียดจัญไรเพราะดูถูกตนว่าเป็น ลูกของจันทาน ทำให้พระเจ้าวิฑูฑภะโกรธมากและสาบานว่าจะฆ่าล้างโคตรศากยะวงศ์ให้หมด พระพุทธเจ้าท่านทราบก็ออกไปนั่งที่ต้นไม้ระหว่างทางที่ทัพของพระเจ้าวิฑูฑภะจะผ่าน พระเจ้าวิฑูฑภะเห็นพระพุทธเจ้าก็เกรงใจก็ยกทัพกลับไป แต่กลับไปแล้วไฟแค้นก็ยังไม่หมดลงไม่นานก็ยกไปใหม่ ก็เจอพระพุทธเจ้าก็ยกทัพกลับอีก ไฟแค้นก็ไม่ลดลงจนตัดสินใจยกไปครั้งที่สาม พระเจ้าวิฑูฑภะยกไปคราวนี้กลับไม่เจอพระพุทธเจ้า ก็เกิดมหาสงครามขึ้นและสุดท้ายศากยะวงศ์ก็โดนฆ่าล้างเผ่าพันธ์แทบจะสูญสิ้นจากแผ่นดิน เหตุที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ไปห้ามอีกในครั้งที่สามเพราะ ท่านเห็นแล้วว่าอดีตชาติ พระญาติของท่านได้ทำการไปวางยาเบื่อปลาตายทั้งแม่น้ำ มันเป็นกรรมรวมกันผูกกัน จึงทำให้ศากยะวงศ์ต้องเจอการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในชาตินี้ สองครั้งแรกท่านยังพอช่วยเขาได้จึงไปช่วย แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องเป็นไปตามกฏแห่งกรรมอยู่ดี ฝึกภาวนาตัวเองตามหลวงตาบอกละอย่าไปยึดไปตามมาก พระๆของๆ "

    ชช "ครับหลวงตา" ช่างชิตยิ้มเล็กน้อยก่อนก้มหน้านวดต่อไป

    ...........ครับ เรื่องช่วงท้ายแม้พระพุทธเจ้าท่านรู้อยู่แล้วว่ายังไงพระญาติของท่านก็ต้องตาย แต่ท่านก็ไปช่วยถึงสองครั้งทั้งๆที่ท่านจะไม่ไปก็ได้เพราะเป็นกฏแห่งกรรมที่ไม่อาจฝืนแต่เพราะท่านช่วยได้อยู่ ท่านจึงช่วยอย่างน้อยก็ยืดเวลาของศากยะวงศ์ออกไปอีก นับจากที่พระเจ้าวิฑูฑภะยกไปครั้งแรกจนมาถึงครั้งที่สามที่เกิดสงครามสมมุติว่าเป็นเวลา 3-5 ปี ศากยะวงศ์ก็ยังมีเวลาใช้ชีวิตอยู่เพิ่มขึ้นซึ่งในระยะเวลานี้ ถ้าพากันทำความดีเรื่อยๆมากๆขึ้น ช่างชิตเชื่อว่าสิ่งดีๆอาจจะยังชลอกรรมที่จะมาล้างผลาญหรือทำให้เบาบางลงได้ แต่ถ้าพากันทำกรรมไม่ดีเพิ่มก็คงยิ่งเร่งกรรมต่างๆเข้ามาโดยเร็ว ฟังแล้วก็รู้สึกต้องปลงยอมรับกับทุกสิ่งที่จะตามมาอย่างหลวงตาว่าละครับ เรื่องกฏแห่งกรรมที่เราต้องเจอ ช่างชิตว่าถ้าเรามีบุญร่วมกับครูบาอาจารย์ท่านท่านก็ช่วยจากหนักเป็นเบาจากเบาเป็นไม่มีอะไร แต่ถ้าเราหมดบุญที่ร่วมกันมา ถึงเวลานั้นก็ให้เราเข้าใจว่าเพราะ กฏแห่งกรรม ไม่มีอะไรใหญ่เกินไปกว่านี้แล้ว ฉะนั้นหมั่นทำบุญทำทานเยอะๆนะครับ อย่าชล่าใจกันไป เรากินบุญเก่าหมดแล้ววันไหน วันนั้นเราอาจจะต้องเผชิญทุกอย่างเพียงลำพังก็เป็นได้ครับ...........


    *เอารูปอริยาบทสบายๆของหลวงตามาฝาก ท่านกำลังเอามือไปปิดผ้าม่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2014
  7. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    โอ้ ทรายสีเพลิงนี่เป็นธรรมะขั้นไหนหรือนายช่าง เป็นธรรมะที่นายช่างกำลังจะสำเร็จบรรลุคุณธรรมขั้นนี้อยู่หรือเปล่า:cool::cool::cool:
     
  8. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    สมแก่การรอคอยครับ อ่านแล้วอยากอ่านอีก อยากไปกราบหลวงตามากเลย
     
  9. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขั้น โลกียะ ครับ ก็คือ ยังวนๆเวียนๆในโลกนี้ไปก่อน 55555555

    ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า
     
  10. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ต้องจัดเลยครับผม อยากฟังเรื่องอะไรต่อบอกได้เลยนะครับ เดี้ยวช่างชิตจะลืมก่อน อิอิ
     
  11. นายน้ำ5

    นายน้ำ5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +7,287
    เอาเรื่องปลีกวิเวกมาอ่านบ้างครับช่างชิต
     
  12. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    เดี้ยวช่างชิตจัดให้นะครับ
     
  13. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอประกาศข่าวหน่อยนะครับ หลวงปู่บุญเกิด พระอริยะเภระแห่งวงการกรรมฐาน อาจารย์ของหลวงปู่ไม ได้ละสังขารแล้วนะครับ ล่าสุดสดๆร้อนๆ องค์หลวงตาสมหมายก็ไปกราบคารวะสรีระหลวงปู่ท่านแล้วครับ หลวงปู่บุญเกิดท่านเคยจารตะกรุดให้ช่างชิตครั้งหนึ่ง รู้ข่าวแล้วใจหายครับ กรรมอันใดที่ลูกหลานเคยล่วงเกินหลวงปู่ขอให้หลวงปู่อโหสิให้ลูกหลาน ขอนอบน้อมหลวงปู่สู่แดนนิพพาน สาธุ

    #ภาพจากลูกศิษย์ของหลวงตาท่านนึ่งในเฟส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. ช้างป่า

    ช้างป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    511
    ค่าพลัง:
    +16,480

    น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเกล้าครับผม


    นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
     
  15. ช้างป่า

    ช้างป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    511
    ค่าพลัง:
    +16,480
    ขอนำภาพมาให้ชมสักใบนะครับ ^___^

    เมื่อวันจันทร์ ที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๗

    มีงานบุญ ยกยอดพระบรมธาตุเจดีย์

    ณ วัดใหม่บ้านตาล อ. สว่างแดนดิน จ. สกลนคร

    โดยมี....

    [ [ [ พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปญฺโญ ] ] ]

    เป็นประธานในการดำเนินงานก่อสร้าง



    ท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้เป็นผู้สืบสาแหรกร่มธรรม

    จากบูรพาจารย์ใหญ่เช่น...

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร แห่งวัดถ้ำผาปล่อง


    และ ที่วัดสันติธรรมนี้เอง องค์หลวงปู่คำบ่อ ท่านได้ไปช่วยหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    สร้างพระอุโบสถ หลังจากถูกช่างหลอกหลายครั้งหลายคราว จึงไม่เสร็จสักที
    ท่านเล่าว่าสมัยนั้นที่วัดสันติธรรมพระเณรมาใหม่ เห็นว่า หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    ท่านเป็นพระที่ใจดีเลยไม่ค่อยเคร่งครัด เท่าที่ควร

    แต่พอพระอาจารย์คำบ่อ(หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปญฺโญ)
    เข้าไปที่วัดสันติธรรม พระเณรทั้งหลายแตกออกไปเลย
    (ท่านบอกว่าแต่ก่อนท่านดุเอาเรื่องเลย พระเณรญาติโยมเกรงท่านมาก)
    และพอหลวงปู่คำบ่อ ท่านไปพักที่วัดสันติธรรม จึงได้จัดระเบียบใหม่
    แล้วจึงได้ขออาสา หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สร้างโบสถจนสำเร็จอย่างที่เห็นจนปัจจุบันนี้

    และพอแม่ครูอาจารย์อีกหลายรูปครับผม


    สามารถอ่านต่อได้จาก.....

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11968


    [​IMG]


    ไฟไม่เบื่อเชื้อ

    ให้พิจารณาอย่าให้อารมณ์แก้ปัญหา เอาอารมณ์เข้าแก้คือเอาเชื้อเพลิงโยนเข้ากองไฟยิ่งไหม้หนัก จึงต้องหาวิธีลดละ ปล่อยวาง ไม่โยนเชื้อเข้าไป ไฟมันก็ดับเองเย็นลงเอง ให้มีปัญญาวิธีแก้ความโกรธ หลง ราคะ โทสะ มีสติกลั่นกรอง มันร้อนเพราะมีเชื้ออยู่ เชื้อไฟเหมือนถ่านนะ ถ้าเราวางปล่อยไป ความร้อนจะลดลง

    คติธรรมในหลวงปู่คำบ่อ ฐิตปญฺโญ
     
  16. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    สาธุครับผม
     
  17. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    มาต่อครับ ทิ้งนานไม่ได้ลืมแน่ๆ

    "ปลีกวิเวก"

    ชช "หลวงตาครับ ทำไมหลวงปู่จันทร์เรียนท่านถึงไม่รับกิจนิมนต์ละครับ"

    ลต "ท่านเบื่อโลก ถ้าได้ออกแล้วก็ต้องไปไม่หยุดไม่หย่อนธาตุขันต์ก็จะเสื่อมเร็วไปตามการใช้งาน ดูหลวงตาไมสิแบบนั้นละท่านโปรดโลกช่วยโลก ไม่ได้พักผ่อนใครให้ท่านช่วยอะไรท่านก็ช่วยหมด สังขารก็เสื่อมก็ต้องเข้าโรงพยาบาลแบบออยไปเยี่ยมมาละ"

    ชช "หลวงปู่ท่านไม่โปรดช่วยญาติโยมหรอครับ"

    ลต "โปรดสิ ก็ช่วยในแนวทางของท่าน หลวงปู่จันทร์เรียนท่านก็อยู่วัดไม่ไปไหนส่วนหนึ่งเพราะญาติโยมจะมาหาท่านก็มาได้เลยไม่ต้องคิดว่าท่านจะไม่อยู่ ใครจะมาหาก็มาท่านก็โปรดญาติโยมที่วัดนั้นละ"

    ชช "อ่อ ครับ หลวงตาตอนหลวงปู่อ่อนสา(ศิษย์หลวงปู่มั่น ญาติลูกพี่ลูกน้องหลวงตามหาบัว ต้องบอกว่าท่านไม่ธรรมดาจริงๆครับ ใครอยากทราบก็ลองพิมพ์ชื่อหลวงปู่แล้วหาใน กูเกิ้ล ได้เลย)อยู่หลวงตาไปกราบท่านบ่อยไหมครับ"

    ลต "ก็บ่อยอยู่ พาญาติโยมไปสวดมนต์ ไปคารวะท่านประจำแต่ไม่เคยไปจำวัดอยู่กับท่านนานๆ"

    ชช "ออยไม่เคยรู้จักท่านเลย เสียดายจนท่านละสังขารถึงได้มารู้จักท่าน"

    ลต "ท่านปลีกวิเวก ไม่ชอบวุ่นวายกับทางโลก ท่านก็เข้าไปอยู่กับหลวงปู่มั่นช่วงหนึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นเหมือนกับครูบาอาจารย์ละ แต่หลวงปู่อ่อนสาท่านคุ้นเคยกันดีนะกับหลวงปู่เรา(หมายถึงหลวงปู่บุญจันทร์)ไปมาหาสู่กันประจำ แต่คนนอกไม่ค่อยมีใครรู้จักท่านหรอก ตอนหลวงตาพาญาติโยมไปกราบท่านท่านยังแข็งแรงอยู่ คนยังไม่ค่อยรู้จักท่านเลย เพราะท่านก็อยู่แต่วัดไม่ค่อยรับกิจนิมนต์ไปไหน ยิ่งตอนหลังท่านป่วยเป็นอัมพาตด้วย อยู่แต่วัดคนเลยไม่รู้จักท่าน"

    ชช "หลวงตาก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ รับกิจนิมนต์เยอะเหมือนกัน"

    ลต "ตอนนี้หลวงตาก็ปวดที่ก้น กระดูกมันทับเส้นนั่งนานๆก็จะปวด ไปไหนมาไหนก็นั่งนานๆลำบากอยู่ หมอก็บอกต้องนวดคลายเส้น" หลวงตาพูดพลางเอามือนวดที่ก้นแถวๆสะโพก

    ชช "เดี้ยวนวดให้ครับหลวงตา" ช่างชิตไม่รอช้าที่จะนวดถวายครูบาอจารย์ให้หายจากภัยของสังขารที่มาตามกาลเวลาและจากที่ท่านออกโปรดญาติโยมไม่หยุดหย่อน

    ...........เคยได้อ่านโอวาทของหลวงปู่ขาวอยู่บทหนึ่งท่านกล่าวว่า "สังขารมันไม่รักดี มันไม่ได้รักเรา แม้เราจะถนุถนอมมันยังไงมันก็เสื่อมก็พัง ทำดีกับมันเท่าไรก็ไม่พอ อาบน้ำทุกวัน ไม่อาบสามสี่วันก็เหม็นก็สกปรก อย่างนี้ละที่บอกว่า ร่างกายสังขารมันไม่รักดี" จำได้ไม่หมดเขียนถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่ความหมายประมาณนี้ละครับ ช่างชิตคิดว่าที่พ่อแม่ครุบาอาจารย์บางรูปท่านไม่รับกิจนิมนต์พร่ำเพรื่อท่านชอบปลีกวิเวกของท่าน เพราะท่านต้องการภาวนาและธาตุขันต์ท่านคงไม่ได้แข็งแรงอะไรมากมาย ท่านก็ต้องถนอมเพื่อโปรดญาติโยมให้นานที่สุดตามแนวทางวิถีของท่านละครับ


     
  18. นายน้ำ5

    นายน้ำ5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +7,287
    ต่อครับช่างชิต "ความหลงสำคัญตนเองผิดๆ"
     
  19. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    คำเตือน!!!
    เรื่องที่จะเขียนเล่าต่อไปนี้ไม่มีเจตนาจะกล่าวโจมตีใคร แต่ช่างชิต
    "จงใจ" ถามหลวงตาซึ่งสถานะหลวงตาในคำถามนี้สำหรับช่างชิตคือ ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ
    มีประสบการณ์จริง ปฏิบัติจริง เห็นจริง มีครูบาอาจารย์แนวทางที่ชัดเจน(หลวงตานับตามสายหลวงปู่มั่น ถือเป็น รุ่น สาม)เป็นสายที่ยอมรับและประจักษ์แก่คนทั่วโลก สังคมทุกวันนี้หรือที่ผ่านมาในเรื่อง พระพุทธศาสนา ก็มีคนบางกลุ่มเอาไปตีความตามความเข้าใจหรือบิดพริ้วไปตามความต้องการของตัวเองเป็นจำนวนไม่น้อยและก็มีคนจำนวนหนึ่งให้การยอมรับ ช่างชิตมองว่าในหลายๆส่วนมันขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงถามกับหลวงตาเป็นการส่วนตัว ท่านไม่ได้มาเทศน์เป็นสาธารณะ และที่เขียนลงก็เป็นช่างชิตที่เขียนเอง หลวงตาไม่ได้สั่งหรือบอกให้ทำ ฉะนั้นถ้าใครอ่านแล้วไม่พอใจก็ขอให้มากล่าวโทษ ท้วงติงช่างชิตแต่เพียงผู้เดียวนะครับ ส่วนใครอ่านแล้ว คิด วิเคราะห์ แยกแยะ มองด้วยเหตุด้วยผล ได้ ก็ถือว่าได้ประโยชน์ไม่ หลงทาง ออกจากคำสอนของพระพุทธเจ้า

    "ความหลงสำคัญตนเองแบบผิดๆ"


    ชช "หลวงตาครับ พระ ย..ต.. บวชในสายธรรมยุตใช่ไหมครับ"

    ลต "ใช่ แต่ก่อนจะบวชท่านเป็นผ้าขาว(โยมถือศีล 8)มานานแล้ว ก็มีลูกศิษย์อยู่ส่วนหนึ่ง"

    ชช "อ่อ คือแสดงว่ามีคนตามมีลูกศิษย์ตั้งแต่ก่อนบวชแล้วใช่ไหมครับ"

    ลต "ใช่ พอบวชท่านก็ไปตามทางของท่าน ไม่ได้อยู่อุปถากครุบาอาจารย์เหมือนสายธรรมยุติที่สืบทอดกันมา แต่บวชธรรมยุต"

    ชช "สุดท้ายก็มีเรื่องตามข่าวจนได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนนับถืออยู่นะครับ"

    ลต "ก็มีนั้นละ ก็หลงกันไป หลงว่า อาจารย์ที่ตัวเองนับถือเป็นแบบนั้นแบบนี้ ไปคิดเองเออเองว่าท่านสำเร็จแล้วอย่างนั้นอย่างนี้ แต่คนเป็นอาจารย์นั้นละ "รู้ดี" ว่าตัวเองเป็นแบบไหนถึงตรงไหน แต่พอลูกศิษย์ลูกหาอวยยอกันมากๆเข้าก็เลยตามเลย กลายเป็นหลงเจ้าของไปอีก พอหลงไปแล้วก็พลาดขาดสติพ่ายแพ้แก่ กิเลส จนเป็นข่าวแบบนั้นแบบนี้"

    ชช "ก็คล้ายๆ เหมือนพระ ม...ซ....อ ใช่ไหมครับ แต่ดีที่ท่านยังรู้ตัวสึกก่อน"

    ลต "คนไปอ่านที่ท่านเขียนก็ไปเข้าใจไปเองว่าท่านเป็นแบบนั้นแบบนี้ ไปคาดหวังกันเอง ท่านก็ไม่เคยบอกใช่ไหมว่าท่านเป็นอรหันต์หรือเป็นอะไร ลูกศิษย์ลูกหาละไปตีความตามอยากให้เป็นของเจ้าของ"

    ชช "สงสัยท่านเขียนหนังสือดีเทศน์ดี คนอ่านคนฟังท่านมากคงถูกจริตละครับ และอย่างพระ ย...ต ดูแล้วคงเทศน์ถูกใจคนไม่งั้นคนไม่ตามกันจนทุกวันนี้ใช่ไหมครับหลวงตา"

    ลต "ทฤษฏีกับทำจริงมันต่างกันเด้อออย"


    ชช "ครับ หลวงตาเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อ..ศ..ฤ...ไหมครับ ที่เอาพุทธวจนะมาสอน"

    ลต "เคย มีคนเอาเทปที่ท่านเทศน์มาให้หลวงตาฟังอยู่"

    ชช "หลวงตาว่าไงบ้างครับฟังแล้ว"

    ลต "แรกๆท่านก็ว่าตามพุทธะวจนะละแต่พอช่วงหลังท่านใส่ "ความเป็นตัวเองเข้าไปด้วย" "

    ชช "หมายถึงความคิดเห็นส่วนตัวใช่ไหมครับ"

    ลต "ใช่ จริงๆตำราเป็นแนวทางนะแต่ถ้าจะ รู้จริง เห็นจริง ต้องวาง ครูบาอาจารย์ท่านสอนถ้าจะทำต้อง "วางตำรา" แล้วทำจริงจึงจะเห็นจะรู้เอง เขียนใครก็เขียนได้ พูดใครก็พูดได้ละเพราะมันเป็นทฤษฏี แต่ทำจริงมันยากกว่าเยอะ จริงๆท่านเขียนท่านพูดท่านก็รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นยังไง แต่คนที่เข้าหาลูกศิษย์ลูกหานี้ส่วนใหญ่ ไปสำคัญหลงว่าท่านเป็นแบบนั้นแบบนี้ สุดท้ายก็เลยตามเลยไปเพราะ ลาภ ยศ คำสรรเสริญบ้าง เพราะยึดมั่นถือมั่นตัวเองบ้าง ก็ดูเอาเองเถอะถ้าทำจริงได้จริงจะมีอะไรให้มาพ่ายแพ้กิเลส มันไม่มีแล้ว"

    ชช "อ่อครับ แล้วก็ลัทธิ.......นั้นอีกที่สอนให้คนยึดติดกับสวรรค์ยึดติดกับ วัตถุสิ่งของ สิ่งตอบแทน มันขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้านิครับที่ท่านสอนให้ ละ ให้วาง เจ้าลัทธิก็ยังเข้าใจว่าตัวเองเป็นนั้นเป็นนี้มากลับชาติมาเกิด ออยเคยฟังเขาเทศน์สอน ตำหนิกระทั้งพระพุทธเจ้า งึดหลาย!!(อุทาน..ทับศัพท์)คนส่วนหนึ่งก็พากันหลงเข้าใจว่าเป็นพุทธศาสนาอีก ถ้าแตกเป็นศาสนาใหม่ออยจะไม่ว่าเลย จะบอกจะสอนอะไรมันก็เรื่องของเขา"

    ลต "ขนาดท่านยังหลงเข้าใจของท่านแบบนั้นได้ คนอื่นเขาก็หลงตามท่านได้ไม่ยากหรอก"

    ...........ครับ ก็คิดตามเอาเองเถอะ ศาสนาพุทธ ในยุคนี้มี พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น ศาสดา ท่านมาประกาศ มาสอนให้เราไดรู้ ท่านก็บอกแล้วก่อนจะนิพพานว่า
    "พระธรรมคำสอนของท่านนั้นถือว่าเป็นที่สุด" ถ้าเราเองบอกตัวเองว่าเป็นพุทธ แต่ไม่เอาคำสอนท่านเป็นหลัก เราก็เป็นพุทธตามบัตรประชาชนเท่านั้นละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2014
  20. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    เรื่องครบรึยังครับ สารภาพครับว่าติดกระทู้ช่างชิตมาก เป็นกระทู้ที่ผมเข้าบ่อยที่สุดแล้วครับ แต่ไม่ค่อยได้โพสต์ ที่โพสต์เพราะเป็นกำลังใจให้ครับ จะได้ทราบว่ามีคนติดตาม
    ถ้าเงียบๆ เดี๋ยวช่างชิตจะน้อยใจว่าไม่มีใครอ่าน 555
     

แชร์หน้านี้

Loading...