ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

ถ้ามีสองบ้าน (บ้านเมียหลวงเมียน้อย) ก็อย่าอยู่บ้านเมียหลวงที่อุดรนานนักนะนายช่าง อย่าลืมแวะมาบ้านเมียน้อยที่พลังจิตนี่บ่อยๆด้วยละกัน ไม่อย่างนั้นคนทางนี้จะคิดถึงนะ

 

หลวงตาสมหมายกับหลวงตาไม

"ของหลวงตาไมมีรัศมีแสงออกมาเป็นเจ็ดสี"
หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไมในงานพุทธาภิเศกที่กรุงเทพท่านได้รับนิมนต์ไปด้วยกัน แล้วหลวงตาเข้าสมาธิอธิฐานจิตเห็นแสงจากหลวงตาไมมากองวัตถุมงคล ลูกศิษย์ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม

"สมัยนี้ที่สามารถเห็น ผี เห็นเทวดาพวกกายละเอียด ได้จริงๆมีไม่มากอุปทานกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เห็นได้จริงๆก็มีหลวงตาไมนี้ละ" หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไม ถึงเรื่องเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น

 

555555 พระอาจารย์ก็ว่าไป ผมรักเมียเท่ากันทุกคนครับ(ถ้ามี)

 

เอาอีก เอาอีก นายช่าง อยากจะฟังเรื่องราวหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติบัตดีปฏิบัติชอบ เพื่อเจริญศรัทธาและเพื่อจะได้เป็นเยี่ยงอย่างแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตาม

 

สาธุ อ่านแล้วปลื้มปิติ

สำหรับผม หลวงปู่ไมผมยกท่านเป็นครูบาอาจารย์องค์แรกเลยครับ ที่เมตตาสั่งสอนตักเตือนผมในเรื่องต่างๆ

ก่อนหน้านี้ผมเคยเปิดกระทู้หลวงปู่ แต่ไม่ได้อัพเดทอะไรมานานมากแล้ว 5555
http://palungjit.org/threads/หลวงปู่ไม-อินทสิริ-ลูกศิษย์พระอุปคุต-ทายาทธรรมหลวงปู่มั่น.310134/

 

จะหามาเรื่อยๆนะครับ เรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องภายในที่ไม่ได้เปิดเผยในวงกว้าง แต่ผมหน้ามึนเอามาเขียน ถ้าหลวงตารู้น่าจะโดนด่า 5555555

 

อ่อ ดีเลยครับ ผมก็เข้าไปอ่านอยู่นะครับ จริงๆหลวงตาไมนิ ผมไปหาก่อนหลวงตาสมหมายอีกนะครับ ตอนนั้นเรียน ปวส แล้วช่วงนั้นจิตอ่อนเห็นภาพหลอนไปหมด แม่เลยพาไปกราบท่านที่วัดหนองช้างคาว ให้ท่านรดน้ำมนต์ให้ มีของดีเยอะก็แบ่งๆบ้างนะครับ 5555

 

วัตถุมงคลของหลวงตาที่ช่างชิตเก็บไว้รวมกับของน้องชายครับ

 

มาติดตามด้วยครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวท่านเจ้าของกระทู้ ช่างชิตด้วยนะครับ

 

ขอบพระคุณจากใจจริงเลยครับ

 

หลวงตากับหมอหมี.....

หมอหมี เป็นหมอนวดจับเส้นครับที่มีลูกศิษย์หลวงตาจ้างให้มานวดคลายเส้นให้หลวงตา
จากที่ช่างชิตสัมผัสตอนแรกเห็น(ตอนนั้นบวชเป็นพระอยู่)หมอหมีจะไว้ผมยาวพกของขลังเต็มตัว และเป็นคนที่ชอบคุยมากกกกกกกกกกกกกก แรกๆช่างชิตก็ไม่รู้พอถึงเวลาจับเส้นหลวงตาช่างชิตก็คุยโต้ตอบกับหมอหมีเสมอ(เผอิญก็เป็นคนชอบถามพอดี 5555) ส่วนมากที่หมอหมีคุยจะเป็นเรื่อง "ภูมิธรรม" หลวงพ่อนั้นได้แบบนั้น หลวงปู่นี้ได้แบบนี้ องค์นี้ยังไม่ใช่ องค์นั้นยังดีไม่พอ คุยไปจับเส้นหลวงตาไป แต่ช่างชิตสังเกตุเวลาหมอหมีหันไปถามหลวงตาทีไรหลวงตาจะนิ่งไม่สนทนาโต้ตอบอะไร อย่างมากก็แค่ยิ้มหัวเราะ หลังจากนั้นมีโอกาสเจอหมอหมีบ่อยๆ หมอหมีจะชอบเล่าที่ตัวเองฝึกนั่งสมาธิแล้วไป ปราบผีในามธิตรงนั้นตรงนี้(ปล่อยสงปล่อยแสงเลยนะ 55555) แล้วก็เรื่องไปกราบครุบาอาจารย์หลายรูป(และตำหนิว่ารูปนั้นรูปนี้ไม่ถึงขั้นนั้นขั้นนี้) ช่างชิตก็ฟังไปบางเรื่องก็ได้ความรู้ใหม่ดี หลายๆเรื่อง แต่บางเรื่องก็............ไม่รู้สินะ อย่างเรื่อง มีคนมาให้หมอหมีสอนสมาธิตอนนี้ เล็บเป็นพระธาตุ!!! หรือตัวหมอหมีเองบอกว่าตัวเองนั้นผ่านไป 3 ขั้นแล้ว(โสดาบัน สกิทา อนาคา )เหลือแต่จะบรรลุ !!!! ซึ่งช่างชิตก็ฟังนะแต่ก็ไม่ได้ไปโต้ตอบอะไรกับหมอหมีมากมาย (หมอหมีก็มีเมีย แถมกลัวผี บรรลุอะไรจะกลัวผีมีเมีย ก็ งง) เราก็ฟังแล้วเก็บข้อข้องใจไว้เพราะมันขัดในความรู้สึกเยอะ มีวันหนึ่งได้นวดขาหลวงตาแบบส่วนตัวก็เลยถามเรื่องนี้ขึ้นมา "หลวงตาครับ ที่หมอหมีบอกว่าบลาๆๆๆๆ(หลายเรื่อง) มันหมายความว่าไงครับ" หลวงตาก็ยิ้ม แล้วท่านก็กล่าวว่า "คนเรามัวแต่พิจารณาแต่คนอื่น จริงๆต้องพิจารณาตัวเอง" แล้วท่านก็เงียบ ช่างชิตก็เลยคุยเรื่องอื่นผ่านไป แล้ววันหนึ่งก็มานวดหลวงตาพร้อมหมอหมี หมอหมีก็คุยเหมือนเดิม แล้วจู่ๆหลวงตาก็บอก"พอแล้ว ไม่ต้องนวดมีแต่คุยกัน" หน้าเสียเลยครับช่างชิต ตั้งแต่นั้นมาเวลามานวดหลวงตาแล้วเจอหมอหมีช่างชิตก็ยิ้มอย่างเดี้ยวไม่คุยโต้ตอบเลย วันนี้ไปอ่านเจอบทความหนึ่งเกี่ยวกับการเถียงทะเลาะกันเรื่อง ธรรมะแนวทางปฏิบัติ ประเด็นคือ "แต่ละสายแต่ละครูบาอาจารย์ล้วนมีวิธีการสอนไม่เหมือนกัน แต่มีจุดหมายเดียวกัน บางรูปสอนแบบนั้นบางรูปสอนแบบนี้ บางรูปอาจสอนผิดไปเลยก็ได้ ซึ่งการที่เราจะเจอครูบาอาจารย์ที่สอนถูกทางหรือสอนหลงทางนั้น เรื่องบุญกรรมร่วมกันก็มีส่วน และอีกอย่างคือ ผู้ปฏิบัติจริงจะไม่เอาธรรมะมาเถียงกันเพราะ อัตตาและทิฐิ" ก็คราวๆนะครับมันยาว พออ่านจบนั่งพิจารณาดูดีๆ เวลาหมอหมีพูดถึงภูมิธรรมหรือวิธีปฏิบัติอะไรต่างๆนาๆแล้วหลวงตาเฉยๆอาจเป็นแบบนี้ก็ได้ หลวงตาเลยไม่โต้ตอบอะไร .......นั่งคิดไปคิดมาเลยเล่าสู่กันฟังครับ

 

แฮ่แฮ่[Embarrass[Embarrass

 

คำว่า แฮ่แฮ่ [Embarrass[Embarrass นี้คือ.............................
(มีความหมาย มีเลศนัยแอบแฝงนะนี่คุณหญ้าแห้ง)
แต่ไม่รู้ว่านายช่างจะเข้าใจความหมายนี้หรือเปล่า

 

555555

ผมว่าผมจะพอเข้าใจอยู่นครับพระอาจารย์

 

อุ้ย หญ้าแห้งคิดดังไปรึนี่[Embarrass[Embarrass

 

พี่หญ้าแห้งไปกราบหลวงตานะครับ ถ้าไม่ได้วัตถุมงคลอะไร เดี้ยวผมจะแบ่งให้
แต่อยากให้ไปกราบท่าน ธรรมะหลวงตาสุดยอดครับ ^^

 

สองสามวันมานี้ ช่างชิต อินกับคำสอนของ พุทธนิกาย เซน มากๆเลยครับ แต่มันมีเหตุให้สงสัยเยอะมาก
สุดท้ายทนไม่ไหวก็โทรหาหลวงตา "หลวงตาครับที่หลวงปู่ชา(เพราะทางนั้นที่คุยกันบอกหลวงปู่ชาก็เอาแนวคิดนี้มาใช้)บอกให้ ว่าง ไม่ยึดติดอะไรมันเป็นยังไงครับ มันเป็นคำสอนของ เซน ถูกต้องไหมครับ"
"มันก็เป็นคนสอนของพุทธศาสนาทั้งหมดละ ที่กล่าวมาถูกต้องแล้ว มันเป็นคำเทศน์คำสอน แต่มันเป็นผล ก่อนจะมีผลมันต้องมีเหตุของการ ว่าง ก่อนอยู่เฉยๆให้ ว่าง คนเรามันยังรับรู้จากอายตนะอยู่มัน ว่าง มัน นิ่ง ไม่ได้ต้องฝึก"
"หลวงตาครับ เขาบอกว่าพวกเรา(หมายถึงสายพระป่า)เคร่งเกินไปครับ จริงๆไม่ต้องไปนั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิเยอะแบบนั้นก็ได้"
"ใครจะพูดเขาก็พูดได้หมดละ การสวดมนต์ก็เพื่อเป็นการฝึกให้เราไม่ส่งจิตออกไม่วอกแวก การ เดิน นอน นั่ง ยืน มันเป็นอาการของกาย จิตไม่มีอาการแบบนี้ แต่กายกับจิตมันสัมผัสกัน ต้องทำให้รู้ทำให้มีสติ มีปัญญา ระลึกรู้ สติปัญญา คือ อาวุธที่จะฟันฝ่ากิเลสไปเจอ ความว่าง ไม่มีสติปัญญาอยู่เฉยๆมันจะว่างเลย มันทำเลยไม่ได้ สมมุติ เราบอกว่านอนมีความสุข ก็ลองนอนดูทั้งวันไม่เปลี่ยนอริยาบทสิ มันจะสุขไหม หรือ มันจะทุกข์ มันต้องฝึกถึงจะรู้ เหมือนทหารก่อนจะเก่งก่อนจะรบจริง ก็ต้องฝึกหนักก่อนให้มี ความอดทน ให้รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ ให้รู้ว่าพอไปเจอของจริงมันจะประมาณนี้หรือยากกว่านี้ แต่ไม่ฝึกเลยรู้แต่ ทฤษฎี แล้วไปรบเลยมันจะไปแกร่งได้ไง เหมือนเรารู้แล้วว่าหลักการของ พุทธศาสนาเป็นแบบนี้ แต่ไม่ฝึกเลยมันจะไป ว่าง มันจะได้เลยได้ยังไง ต้องทำถึงจะรู้เองว่า ว่าง มันว่างยังไง ถ้ากำลัง สติ เรายังไม่แข้งแกร่งพอมันจะไปถึงไหม ไม่เชื่อหลวงตาก็ลองทำดูสิ ปล่อยวางเลยไม่ทำอะไร"
"ก็.........ไม่น่าจะได้ครับ"
"นั้นละ ท่านฝึก เดินจงกรม นั่งสมาธิ ยืน นอน พิจารณาร่างกายตัวเองในอริยาบต่างๆ เราทำให้รู้ ทำให้จิตมันรู้ว่าความทุกข์ของกายเป็นยังไง พอมันรู้มันก็จะเข้าใจว่าจริงๆ มันต้องปล่อยวาง ถึงจะไม่ยึดติดกับทุกข์ที่เกิดทางกาย นั้นละเราถึงจะเข้าใจว่า ว่างเปล่า มันเป็นยังไง ทำตามที่หลวงตาบอกนะแล้วจะรู้เองเห็นเอง"

......................ทุกคำพูดอาจไม่เหมือนหลวงตาพูดกับช่างชิตทั้งหมดเพราะมันยาวก็จำได้ไม่หมด แต่ 90 % ความหมายแบบนี้แน่นอน ช่างชิตเอามาลงอาจมีคนข้องใจแบบช่างชิตก็ได้ กราบหลวงตา ครูบาอาจารย์ของศิษย์ มั่นใจว่าถ้าวันหนึ่งละทางโลกเลือกทางปฏิบัติจริงๆ คงไม่หลงทางแน่นอน เพราะเรามีครุบาอาจารย์ที่ดี สาธุ..................

 

เขียนอีกนะนายช่าง จะคอยติดตามอ่านตลอด ได้เนื้อหาสาระความรู้ดีมาก
และจะลองฝึกหัดปฏิบัติทำตาม ที่ครูบาอาจารย์สอนสั่ง อนุโมทนา สาธุ

 

พิธีอธิฐานจิตสร้างรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ณ วัดป่าสุทธาวาส
หลวงตานั่งองค์ที่สามนับจากซ้ายไปขวาครับ

 

อยากมีโอกาสได้กราบท่านครับ อยากได้ฟังธรรมจากท่าน
ผมอธิฐานขอให้มีโอกาสได้กราบท่าน หวังว่าคงได้พบเจอท่านนะครับ สาธุ

ผมยังติดตามอ่านช่างชิตเรื่อยๆ นะครับ เข้ามาดูแทบจะทุกวันเลย