กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    พอมีบ้างหลายเหตุการณ์ หลายตอน
    ใครผ่านกสิณมาได้ หรือใครมีแววทางด้านยารักษาโรค. ช่วยคนไม่หวังผล แล้วเมตตาผ่านเกณฑ์ รวมทั้งพวกที่ชอบทำดีแบบอยู่เบื้องหลัง
    มักจะได้ไปต่อ ทางสูตรยาแปลกๆ หรือ
    ทางวิชาเดินธาตุในดงได้เอง
    ซึ่งมีประโยชน์ มากในการนำไปสงเคราะห์
    สำหรับ บุคคลบางกลุ่ม นอกจากกำลังสมาธิสะสมที่ได้ และยังใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการต่อยอดต่อไป
    แต่ มักจะรู้กันเองว่าหลายเรื่อง มักพูดไม่ได้ แล้วก็รู้กันทั่วไปว่าอยากรู้อะไรให้ดูที่ ใจตัวเอง บางเรื่อง ท่านในดงทำให้ปรากฏ เพื่อให้รู้ว่าเรื่องแบบนี้ มันยังมีอยู่ บน โลกนะ(หลาย เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าใจหรือทำได้ ท่าน ในดงที่ มี connect กับทางบ้านเราจะมีอยู่ 3 ท่าน แต่ความจริงอยู่ในป่ามีเยอะมาก สามารถปรากฏตัวได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เพียงในนิมิต แต่หลายครั้งมักจะปรากฏ ให้เห็น ได้ ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน ถ้ามาตรฐาน ทาง ใจเราได้ประเด็นนี้สุดแล้วแต่ จะเข้าใจ เดี๋ยวท่านมาหาเอง ก็เหมือนครูบาอาจารย์ทางภพภูมินั่นแหละ ที่ท่านจะมาหาเอง และ สิ่งที่เราเป็นลักษณะนิสัยเรา ความสามารถในการทำได้ นำไปใช้ได้ของเรา จะเป็นตัวบอกเอง ว่า เป็นท่านใด เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และในทางระบบ ภพภูมิแล้วครูบาอาจารย์ท่านต่างๆ เป็นพันธมิตรกัน ถ้าผ่านท่านนู่นท่านนี้แล้ว ก็จะได้ พบเจอท่าน ในดงเอง และเหมือนท่านมักจะเอ็นดูสุนัขเป็นพิเศษ. ประมานนี้หละ ในภาพกว้างๆ ที่พอเล่าได้ ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    คลื่นความถี่ได้พอดี ครับ นำมาปรับใช้เวลาเข้านอนจะดีมากครับ บางทีสวดไม่กี่คำก็หลับแล้วครับ ถ้าง่วงก็ควรพักผ่อน ปล่อยหลับไปเลยครับ ตื่นมาร่างกายจะไม่รู้สึกเพลียครับ.
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ส่วนใหญ่ก็ไปเจอกันข้างนอกเจอตัวกันเป็นๆ
    คือมันเจอแล้วจบอ่ะ มันรู้ว่าอะไรเป็นอะไรไง
    หลายคนเขาก็มีพรสวรรค์ พอได้รับคำแนะนำได้รับการช่วยเหลือนิดหน่อยเขาก็ไปได้ของเขาเอง บางคนก็ได้แต่ยืนดูนั่งดู แล้วก็งงๆ เอาว่าในภาพรวมๆมันมีหลากหลายอารมณ์555
    บางคนก็เป็นแม่ชีสร้างบ้านอยู่ในวัดเลย รุ่นน้องบางคนก็บวชเป็นพระตอนนี้ยังไม่สึกเลย( กลุ่มนี้ฮานะ ส่วนตัวเคยเนียนๆเดินเข้าไปนั่งปะปนอยู่กับเขา คุยเล่นกันตั้งนาน กลุ่มนี้บอกว่ามารอคุณนพอยู่ คุณนพอ่ะต้องเป็นคนที่แบบอายุมากๆนุ่งขาวห่มขาว เพราะเขาสังเกต จากการเขียนบทความ555) สุดท้ายเรียกพี่นพหมดเลยฮาเลย 55 บางคน กลายเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิพระเกจิเลย ทั้งที่ส่วนตัวเป็นคนแนะนำให้ไปหาท่านทั้งนั้น กลายเป็นว่า คนกลุ่มนั้นทุกวันนี้สนิทกับท่านมากกว่าคนแนะนำอีก 555 ส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มของคนที่มีภาระทางโลกอยู่ ก็ดำรงชีวิตกันต่อไปแต่คงไม่ได้มาเน้นปฏิบัติอะไรมากมาย แต่หลายคนที่เขาสามารถทำอะไรพิเศษได้นะ แต่แสดงออกไม่ได้เพราะยังอยู่ร่วมกับสังคมอยู่ และส่วนมากจะมาให้ช่วยในเรื่องพิเศษมากกว่า55 ไม่ว่าญาติพี่น้อง คนที่เคารพ หรือใครอะไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้ทุกคนแล้วแต่เหตุและปัจจัยแห่งตน และต้องพึ่งพาอาศัยวิธีการทางด้านอื่นหลายๆส่วนร่วมกัน และก็ไม่ได้หมายความว่าเวลาไปวัดหรือเจอกันข้างนอก จะได้ช่วยกันทุกครั้งไป เพราะส่วนใหญ่เวลาเจอกัน มักจะเน้นคุยเรื่องฮา แซวกันมากกว่านะ บางคนก็เน้นไปคุยกับพระอาจารย์อย่างเดียวก็มี บางกลุ่มเขาก็ไปศาสตร์ทางด้านหนึ่งเลย ตามความเชื่อของเขา ประมาณนี้แหละไม่มีอะไรหรอก พอขำๆ
     
  4. volvo16738

    volvo16738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +234
    พอจ.ชื่อดังจังหวัดชัยภูมิ ตอนนี้ยังไปหาท่านได้ไหมครับ?
     
  5. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720

    ขอบคุณครับอจ.นพ
    ที่ถ่ายทอดเคล็ดลับทำให้นอนหลับง่าย
    "...คลื่นความถี่ได้พอดี ครับ นำมาปรับใช้เวลาเข้านอนจะดีมากครับ บางทีสวดไม่กี่คำก็หลับแล้ว"
     
  6. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720
    Test Test ส่ง4-5ครั้งไม่ผ่าน
    (ปิดเครื่องแล้วเข้าเวปใหม่ก็ไม่ผ่าน)
    จึงขอถ่ายรูปเก็บไว้
     
  7. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720
    1. :oops::oops::oops::oops::oops::oops::rolleyes::rolleyes::rolleyes:o_Oo_O
    2. (ปักหมุด 25) หน้า32 # 624
    3. https://palungjit.org/threads/88.637310/page-32#post-10777937
    4. บทความเรื่องพญานาคข้างล่างนี้น่าสนใจมาก
    5. ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณสุพรรณ์ ก้อนคำ (ผู้เขียน)
    6. เรื่อง "9 พญานาค 9 ปราสาทโบราณที่เก่าแก่ที่สุด!"

      การสร้างพญานาคในปราสาทโบราณที่เก่าแก่นั้น เป็นความเชื่ออย่างพราหมณ์

      เป็นศิลปะขอมที่สร้างขึ้นในยุคที่ขอมเรืองอำนาจ จึงเก่าแก่และทรงพลังในด้านการวางยุทธศาสตร์ด้านจิตวิญญาณสูงสุด เป็นศาสตร์ที่โลกตะลึง!

      แต่ละปราสาทได้รับการวางแผนจากปราชญ์โบราณ ที่แตกฉานด้านจิตวิญญาณที่ชัดเจนและทรงอิทธิพลที่สุด ดังนั้น ในทุกปราสาทที่ปรากฏอยู่ จึงมีอาถรรพ์ เวทย์มนต์ และพลังอำนาจ

      ส่วนพญานาคที่ปรากฏอยู่นั้น สร้างแทนองค์อนันตนาคราช ผู้เรืองอำนาจและพลานุภาพเหนือนาคราชทั้งหลาย เป็นนาคเทพ นาคสวรรค์ นาคบริวารของพระนารายณ์

      เมื่อได้ไปไหว้บูชา หรือทำพิธีใดพิธีหนึ่งในอาณาบริเวณ จึงเข้มขลังและทรงพลังอำนาจลี้ลับ ที่ยังอธิบายไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์โบราณ

      ความจริงแล้วพญานาคและปราสาทเก่าแก่มีมาก แต่ในที่นี้ขอเลือกที่โดดเด่น และคนส่วนใหญ่รู้จัก เพื่อให้สะดวกต่อการศึกษา และเดินทางไปเยือน ดังนี้
      = = = = = = = =

      1. พญานาค ณ ปราสาทเขาพนมรุ้ง

      ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิท บริเวณบ้านดอนหนองแหน ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ สร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18
      = = = = = = = =

      2. พญานาค ณ ปราสาทเมืองต่ำ

      ปราสาทเมืองต่ำอยู่ในกลุ่มปราสาทมรรคโค ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดปราสาทบูรพาราม ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัยจังหวัดบุรีรัมย์ สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16-17
      = = = = = = = =

      3. พญานาค ณ ปราสาทหินพิมาย

      ตั้งอยู่ในตัวเมืองอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 พุทธศตวรรษที่ 16
      = = = = = = = =

      4. พญานาค ณ ปราสาทหินพนมวัน
      ตั้งอยู่ที่บ้านมะค่า ตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญ ศักดิ์สิทธิ์ และมีพญานาคเก่าแก่
      = = = = = = = =

      5. พญานาค ณ อุทยานศรีเทพ

      อยู่ในบริเวณอุทยานศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีอายุไม่น้อยกว่า 1,000 ปี

      เจริญอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 11-17 ในอาณาจักรนี้มีหลายปราสาท แม้การสร้างพญานาคก็งดงาม เก่าแก่ และทรงพลังอำนาจ
      = = = = = = = =

      6. พญานาค ณ ปราสาทเมืองสิงห์

      ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อยทางทิศเหนือใน เขตตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ศิลปะการสร้างคล้ายคลึงกับศิลปะสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพุทธศตวรรษที่ 17
      = = = = = = = =

      7. พญานาค ณ ปราสาทตาเมือนธม

      ตั้งอยู่ในช่องเขาตาเมือน หรือช่องเขาตาเมียง เทือกเขาพนมดงรัก ในเขตบ้านหนองคันนาสามัคคี ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นศิลปะการสร้างอย่างสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อยู่ในกลุ่มปราสาทตาเมือน
      = = = = = = = =

      8. พญานาค ณ ปราสาทศรีขรภูมิ

      ตั้งอยู่ข้างวัดบ้านปราสาท บ้านปราสาท ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทหลังนี้เป็นปราสาทที่งดงามที่สุดในจังหวัดสุรินทร์

      ศิลปะการสร้างอย่างสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กลุ่มเดียวกันปราสาทตาเมือน
      = = = = = = = =

      9. พญานาค ณ ปราสาทสด๊อกก๊อกธม
      ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว

      สร้างในช่วงพุทธศวรรษที่ 15-16 หรือ คริสศตวรรษที่ 11 สมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในเขตตะวันออก
      = = = = = = = =

      9 พญานาคใน 9 ปราสาทนี้ เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสความเก่าแก่ ชอบศิลปะอย่างขอม อยากศึกษาการวางยุทธศาสตร์ด้านจิตวิญญาณ หรืออยากสัมผัสพลังลี้ลับที่ยังคงมีอยู่

      ผู้ใดเชื่อเรื่องพญานาคยิ่งไม่ควรพลาดเด็ดขาด ควรหาโอกาสเดินทางไปศึกษา จะได้เข้าใจ เข้าถึง และนำมาซึ่งแนวคิดหรือจิตวิญญาณที่งดงามในศิลปะของชาติที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วโลกใบนี้!
      = = = = = = = =

      #ด้วยไมตรีจิต
      #สุพรรณ์ ก้อนคำ

      9@Phonlee, 4 สิงหาคม 2018


     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ได้แต่โทรถามแอดมินเพจวัดก่อนเพื่อความชัว
     
  9. volvo16738

    volvo16738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอบคุณครับ :)
     
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720
    :oops::oops::oops::rolleyes::rolleyes:o_Oo_O
    (ปักหมุด26) หน้า33
    เลือกอ่าน บุรุษไร้เงา(อจ.นพ) 9@Phonlee(ถ้ามีเวลาน้อย)
    แต่ถ้าพอมีเวลาว่างอ่านทั้งหน้าจะยินดีครับ :):):)

    https://palungjit.org/threads/88.637310/page-33
     
  11. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720
    พระธาตุเสด็จบนพระเนื้อผงลพ.โสธรปี2509
    320792 - Copy.jpg

    320791 - Copy.jpg

    คำว่าพระธาตุเสด็จ ผมตีความมาจาก
    ตอนได้รับมาใหม่ๆเมื่อหลายปีหรือหลาย10ปี่ก่อน
    องค์พระผิวเรียบขาวนวลเหมือนองค์พระทำบุญตามวัดต่างๆ
    แต่หลังจากนั่นบางองค์มีการเปลี่ยนแปลงตามรูปที่เห็น
    ทั้งคล้ายพระธาตุสัณฐานเรียบหรือนูนเหมือนกรวดทราย)
     
  12. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720

    ความรู้เกี่ยวกับ พระบรมสารีริกธาตุ

    พระบรมสารีริกธาตุ เป็นธาตุพิเศษอันเกิดจากพระวรกายของพระพุทธเจ้าผู้ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระปัญญาธิคุณ ภายหลังการเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระบรมสารีริกธาตุจึงเป็นสิ่งมีคุณค่ายิ่งกว่าปูชนียวัตถุอื่นใดในโลกนี้ เพราะเป็นสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนา

    ความหมายและความสำคัญของพระบรมสารีริกธาตุ
    การใช้ศัพท์เรียกกระดูกหรือส่วนที่เกี่ยวเนื่องด้วยพระพุทธเจ้าที่ยังเหลือจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ จึงได้มีการบัญญัติศัพท์เรียกให้ชัดลงไปโดยเฉพาะว่า “พระบรมสารีริกธาตุ หมายถึง พระธาตุที่นับเนื่องหรือเป็นส่วนทางร่างกายหรือพระวรกายของพระองค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับธาตุของพระอริยสาวก และมิได้หมายถึงพระธาตูเจดีย์ หรือธาตุสถูป” นอกจากนั้น ชาวพุทธยังถือคติว่า การสร้างพุทธเจดีย์ก็เพื่อบูชาพระพุทธคุณ จึงพยายามแสวงหาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าแล้วสร้างสถูปหรือเจดีย์บรจุไว้เป็นที่สักการบูชา พระเจดีย์หรือพุทธเจดีย์ นิยมแบ่งเป็นชนิดต่างๆ ตามหน้าที่ของการสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ หรือวัตถุที่ใช้บรรจุไว้ในพระเจดีย์ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ปรินิพานไปแล้ว โดยได้แบ่งประเภทแห่งพระเจดีย์ไว้ 4 ประเภท คือ
    1. ธาตุเจดีย์ ได้แก่ เจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระธาตุของพระอรหันตสาวก เช่น ในประเทศไทยได้มีการสร้างพระเจดีย์สำคัญๆ เช่น พระปฐมเจดีย์ พระธาตุพนม พระธาตุดอยสุเทพ พระบรมบรรพต(ภูเขาทอง)
    2. บริโภคเจดีย์ ได้แก่ สิ่งที่เกี่ยวเนื่องด้วยพระพุทธเจ้า เช่น สังเวชนียสถาน 4 ตำบล และมีการเพิ่มเข้ามาอีกว่า สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฎิหาริย์ สถานที่บรรจุพระอังคาร สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ สถานที่บรรจุทะนานโลหิตที่ตวงพระธาตุ ตลอดจนนับการรับพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์ไปปลูกในสถานที่ต่างๆ เป็นบริโภคเจดีย์อีกด้วย และยังนับเครื่องบริขารของพระพุทธเจ้า มีบาตร จีวร บริขารพิเศษ มีธัมมกรก เสนาสนะ เตียง ตั่ง กุฏิ วิหาร เป็นต้น
    3. ธรรมเจดีย์ ได้แก่ การจารึกข้อพระธรรมไว้บูชา ในชั้นเดิมมักเลือกเอาข้อพระธรรมที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เช่น คาถาแสดงพระอริยสัจ 4 มาจารึกไว้บูชา ต่อเมื่อภายหลังมีการจารึกพระธรรมลงเป็นตัวอักษรแล้ว ก็นับพระไตรปิฎกเป็นธรรมเจดีย์เช่นเดียวกัน
    4. อุเทสิกเจดีย์ ได้แก่ สิ่งที่เราสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระรัตนตรัย โดยไม่มีการกำหนดรูปแบบอย่างชัดเจน อยู่นอกเหนือจากพุทธเจดีย์อย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสามข้อข้างต้นเช่น พระพุทธรูป พระผง พระเครื่อง พระพุทธบาท(จำลอง) ฯลฯ ทั้งนี้ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุจำลองด้วย แต่ชั้นเดิม ในอินเดียยังไม่มีคติการสร้างรูปเคารพ จึงทำเป็นเครื่องหมายแทนพระพุทธองค์ เป็นต้นว่า รูปม้าผูกเครื่องอานเปล่าแทนตอนเสด็จออกพระมหาภิเนษกรมณ์ รวมถึงประติมากรรมต่างๆ ที่สร้างด้วยถาวรวัตถุมีค่ามากบ้าง น้อยบ้าง เช่น ทำด้วยเงิน ทอง แก้วมณี ศิลา โลหะ ดิน และไม้ เป็นต้น

    พระบรมสารีริกธาตุจึงถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อชาวพุทเป็นอย่างมาก แม้ในการประพฤติปฏิบัติตามประเพณีต่างๆ มักจะนำพระบรมสารีริกธาตุเป็นสื่อนำการบำเพ็ญประเพณี เช่น ประเพณีขึ้นพระธาตุ ประเพณีแห่พระบรมสารีริกธาตุ เป็นต้น แม้ในการพระบรมศพก็มีการนำพระบรมสารีริกธาตุไปร่วมสมโภชด้วย ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชการที่ 2 ตอนหนึ่งว่า
    “ถึง ณ วันเสาร์ เดือน 6 ขึ้น 5 ค่ำ เชิญพระบรมสารีริกธาตุแต่ในพระบรมมหาราชวังตั้งกระบวนแห่ออกไปยังพระเมรุมาศ ประดิษฐานพระเบญจาทอง พระสงฆ์ราชาคณะฐานานุกรม เปรียญฝ่ายคามวาสี อรัญวาสี 80 รูป เจริญพระพุทธมนต์ มีหนัง จุดดอกไม้เพลิง เป็นการสมโภชพระบรมสารีริกธาตุวันหนึ่งคืนหนึ่ง...เวลาบ่ายทิ้งทานเวลาค่ำ จึงแห่พระบรมสารีริกธาตุกลับเข้ามาในพระบรมมหาราชวัง”

    เหตุเกิดพระบรมสารีริกธาตุ
    การเกิดของพระธาตุเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เพราะกระดูกที่เผาไฟหรือยังไม่เผาไฟก็ดี สามารถแปรเปลี่ยนเป็นผลึกรูปร่างต่างๆ สีสันสวยงาม คล้ายกรวด คล้ายแก้ว แม้กระทั่งผม เล็บ ฟัน ก็สามารถแปรเป็นพระธาตุได้เช่นตามคำอธิษฐานก่อนนิพพาน ในพระไตรปิฎกและอรรถกถาพระไตรปิฎก ตลอดทั้งตำราพระธาตุโบราณได้กล่าวถึงเหตุที่ทำให้เกิดพระบรมสารีริกธาตุว่า เป็นพุทธประสงค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่จะเสด็จดับขันธปรินิพพานซึ่งจะแตกต่างกันไปแต่ละพระองค์ โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
    1. พระพุทธเจ้าที่ทรงมีพระชนมายุยืนยาว สามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้มั่นคง พระบรมสารีริกธาตุจะมีลักษณะรวมกันเป็นแท่งเดียว ดุจทองธรรมชาติ
    2. พระพุทธเจ้าที่ทรงมีพระชนมายุไม่ยืนยาว เช่น พระโคดมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ซึ่งมีเวลาปฏิบัติพุทธกิจเพียง 45 ปี ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้า ได้ทรงอธิษฐานให้พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์แตกย่อยลงกระจายไปในที่ต่างๆ เพื่อที่พุทธศาสนิกชนจะได้นำไปเคารพสักการะ และเพื่อเป็นพุทธานุสติและธัมมานุสติ
    พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ได้ประดิษฐานอยู่บนมนุษยโลกชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนเมื่อพระพุทธศาสนาได้เสื่อมลง พระบรมสารีริกธาตุก็จะอันตรธานไป จึงเรียกว่า “ธาตุอันตรธาน” ซึ่งหมายถึงพระบรมสารีริกธาตุได้หายไป ไม่ปรากฏให้เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าสูญสิ้นไปจากโลก ดังพระพุทธดำรัสที่ตรัสกับพระอานนท์ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม”
    เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วผู้ประสงค์จะเห็นพระพุทธเจ้าขอให้อธิษฐานจิตบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนากล่าวคำอธิษฐานขอให้พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา ณ ภาชนะหรือสถานที่เหมาะสมซึ่งจัดเรียมเอาไว้ เมื่อทำความดีถึงขั้น พระบรมสารีริกธาตุก็จะเสด็จมาตามที่ปรารถนา

    relics001 - Copy.jpg


    การแบ่งพระบรมสารีริกธุาต

    เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรู ผู้เป็นพุทธบริษัทได้ทราบข่าวการปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ถึงกับวิสัญญีภาพ(สลบ) หลังจากคลายทุกขเวทนาก็มีดำที่จะขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุจากกษัตริย์เมืองกุสินารา พร้อมกันนั้นก็จัดเตรียมกองทัพไว้ด้วย หากไม่ได้พระบรมสารีริกธาตุแต่โดยดี นอกจากนี้ยังมีกษัตริย์จากเมืองต่างๆ ที่ได้ทราบข่าวการปรินิพพานของพระพุทธองค์ต่างก็ขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งยกทัพติดตามมาเช่นกัน รวม 6 เมือง และมีพราหมณ์อีก 1 เมือง ได้แก่
    1. พระเจ้าอชาตศัตรู เมืองราชคฤห์
    2. กษัตริย์ศากยราช เมืองกบิลพัสดุ์
    3. กษัตริย์ลิจฉวี เมืองเวสาลี
    4. กษัตริย์ถูลิยะ เมืองอัลลกัปปะ
    5. กษัตยริย์โกลิยะ เมืองรามคาม
    6. กษัตริย์มัลละ เมืองปาวา
    7. มหาพราหมณ์ เมืองเวฎฐทีปกะ
    โดยกองทัพทั้ง 7 ได้ตั้งค่ายล้อมเมืองกุสินาราไว้ ร้องประกาศให้รีบแบ่งพระบรมสารีริกธาตุแต่โดยดี มิเช่นนั้นจะเกิดสงครามแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ ฝ่ายกษัตริย์เมืองกุสินาราก็ไม่ทรงยินยอม จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น
    ขณะนั้พราหมณ์ผู้หนึ่งนามว่า “โทณะ” ซึ่งเป็นอาจารย์ของกษัตริย์เหล่านั้นได้ยินการโต้เถียงรุนแรงขึ้น จึงได้ออกไประงับเหตุทะเลาะวิวาทดังกล่าว และประกาศว่าจะแบ่งปันพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วนให้เท่าๆ กัน จะได้อัญเชิญไปบรรจุในสถูปทุกๆ พระนคร เป็นที่กราบไหว้บูชาของมหาชน กษัตริย์ทั้งหลายได้ฟังดังนั้น ต่างเห็นดีด้วยกับวิธีการดังกล่าว
    บรรดากษัตริย์ทั้งหลายพอได้ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารีริกธาตุก็ต่างร่ำไห้รำพันต่างๆ นาๆ ฝ่ายโทณพราหมณ์เห็นบรรดากษัตริย์ต่างๆ กำลังเศร้าโศกเสียใจ จึงได้แอบหยิบเอาพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาด้านบนซ่อนไว้ในผ้าโพกศรีษะ แล้วดำเนินการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุโดยใช้ทะนานตวงได้ทั้งหมด 16 ทะนาน แบ่งให้พระนครทั้ง 8 ได้นครละ 2 ทะนาน
    องค์อัมรินทราธิราชทอดพระเนตรเห็นโทณพราหมณ์แอบซ่อนพระเขี้ยวแก้วเอาไว้ ทั้งๆ ที่ตนเองไม่สามารถจำทำสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเพื่อเป็นที่สักการะบูชาอันเหมาะสมได้ จึงลงมานำเอาพระเขี้ยวแก้วนั้นไปบรรจุในพระโกศทอง แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานในพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ ฝ่ายโทณพราหมณ์เมื่อคลำหาพระเขี้ยวแก้วก็ไม่พบ จึงได้ขอทะนานสำหรับตวงพระบรมสารีริกธาตุไปก่อสถูปบรรจุไว้สักการะ

    ต่อมากษัตริย์เมืองโมริยะได้สดับข่าวพระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว จึงส่งราชทูตมาขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุบ้าง แต่พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกแบ่งไปยังนครต่างๆ หมดแล้ว จึงได้นำพระอังคาร (เถ้า) กลับสู่พระนคร สร้างสถูปบรรจุเป็นสถานที่สักการะบูชา

    relic_distribution.jpg



    ขอขอบคุณ แหล่งที่มามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    วิทยาเขตขอนแก่น
    https://kk.mcu.ac.th/relics/intro.html#:~:text=พระบรมสารีริกธาตุ
     
  13. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720
    เช้าวันนี้ยังอยู่ในช่วงบรรยากาศของวันเข้าพรรษา
    เป็นอะไรที่แสนจะบังเอิญอีกครั้ง
    ความจริงเมื่อวาน(ปักหมุด26)หน้า33 จะเป็นหน้า32
    แต่ผมข้ามไปเพราะเห็นว่าเรื่อง
    "เจดีย์พระธาตุพนมล้มลงเมื่อปี2518 ในคืนที่ผมฝันปริศนา"
    กับเรื่อง"ผ่านไป 27ปีก่อนวันเข้าพรรษา1วัน
    ผมและครอบครัว3คนเห็นเงาพระธาตุพนมบนท้องฟ้า"
    (อยู่หน้า32 ลำดับ#635)ที่ผมข้ามไปเพราะไม่ต้องการลงซ้ำอีก
    แต่วันนี้เหมือนเป็นไฟน์บังคับที่ผมต้องตัดสินใจ
    ดึงมาเพื่อสะดวกต่อท่านที่ไม่เคยอ่าน
    https://palungjit.org/threads/A1.612040/
    เพราะข่าวจากผจก.ออนไลน์(8/6/2565)
    ร่วมด้วยเพจนครพนมบ้านเฮาลงภาพเงาพระธาตุพนม
    มีรายละเอียดบางประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
    คือประเด็นที่1.ที่ว่าก่อนถ่ายรูปจะไม่เห็นเงาพระธาตุ
    และประเด็นที่2.ถ่ายรูปแล้วจึงเห็นเงาพระธาตุจากรูป
    (ตามเหตุผลที่ว่าไว้ในเนื้อหาข่าว)


    ซึ่งทั้ง2ประเด็นนี้ต่างกับที่ผม3คนเห็นเงาพระธาตุพนม
    ในช่วงเย็นๆก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน

    คือ 1. ครอบครัวเรา3คนเห็นเงาพระธาตุก่อน...จึงถ่ายรูป
    และ 2.ถ่ายหลายรูปแล้วในรูปไม่เห็นเงาพระธาตุ...แม้แต่รูปเดียว
    ทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและเป็นบุญตาที่ได้เห็นเงาพระธาตุพนม

    *แต่หลังจากได้อ่านเนื้อข่าวในผจก.ออนไลน์
    และภาพถ่ายเงาพระธาตุจากเพจนครพนมบ้านเฮา

    ผมกลับรู้สึกปลื้มปิติดีใจอย่างยิ่ง
    และต้องขอบคุณเนื้อข่าวนั่นเป็นบวกต่อกระทู้ผมเรื่องเงาพระธาตุ
    **เพราะผมไม่มีรูปถ่ายเงาพระธาตุเป็นหลักฐานมายืนยัน**
    แต่มีรูปท้องฟ้ายังสว่างซึ่งทางวัดยังไม่ได้เปิดไฟ(ตามรูป)
    ต้องขออภัยถ้าไปขัดแย้งกับสายวิทย์หรือนักวิชาการบางท่าน
    ที่บอกว่าเงาพระธาตุบนท้องฟ้าเกิดจากแสงไฟ เคสนั่นอาจจะใช่
    แต่เงาพระธาตุที่ผมและครอบครัว3คนเห็นพร้อมกัน
    "ไม่ได้เกิดจากแสงไฟแน่นอน"(ตามรูปถ่ายที่ผมส่งให้ดู)

    ผมจึงขอสรุปอีกครั้งสั้นๆว่า...
    เงาพระธาตุสีเทาอ่อนรูปทรงลักษณะตั้งตรงที่เรา3คนเห็น
    "มาจากบุญญาภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระธาตุพนม"
    **เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงตามคำเล่าลือ โดยไม่มีข้อสงสัยใด**
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2024
  14. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720
    สุดอัศจรรย์ ภาพสะท้อน “องค์พระธาตุพนม” ปรากฏการณ์พิเศษในวันพระที่ผ่านมา
    เผยแพร่: 28 ส.ค. 2565 13:37 ปรับปรุง: 28 ส.ค. 2565 13:37
    โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    สุดอัศจรรย์ ภาพสะท้อน “องค์พระธาตุพนม” ในวันพระที่ผ่านมา เป็นปรากฏการณ์สุดพิเศษที่ชาวเน็ตให้ความสนใจอย่างมาก

    284491_0 - Copy - Copy.jpg

    เพจ “นครพนม บ้านเฮา” เผยภาพสุดอัศจรรย์ ปรากฏการณ์ภาพสะท้อนของ “องค์พระธาตุพนม” ที่ จ.นครพนม โดยเป็นภาพสะท้อนขององค์พระธาตุพนมด้านบนท้องฟ้า ซึ่งทางเพจให้ข้อมูลว่าเป็นปรากฎการณ์ภาพสะท้อนองค์พระธาตุพนม ในวันพระใหญ่ บุณเดือน ๙ ห่อข้าวประดับดิน ณ วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

    ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าไปแสดงความคิดเห็นด้วยว่า “ต้องฝากถามท่านเจ้าของภาพ ว่าจริงๆ ตอนมองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นภาพของพระธาตุหัวกลับด้านบน ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ก็น่าจะเป็นผลจากแสงจากตัวพระธาตุ สะท้อนเข้ามาที่เลนส์ของกล้อง ทำให้เกิดภาพหัวกลับขึ้น และถ่ายได้จังหวะที่สวยงามพอดี”

    ต่อมา แอดมินเพจ “นครพนม บ้านเฮา” ได้แสดงความเห็นตอบว่า “มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นครับ ส่วนตัวผมก็คิดว่าเป็นการหักเหของแสงอะไรสักอย่างของเลนส์มือถือ (ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่มีความรู้) แล้วก็เกิดภาพสะท้อนขึ้นมาตามรูป ก็เอามาเพิ่มสีแสงนิดหน่อยให้ชัดขึ้น เรื่องความเชื่ออันนี้ก็นานาจิตตัง ก็ประมาณนี้ครับอาจารย์”ทั้งนี้ “พระธาตุพนม” ประดิษฐานอยู่ภายใน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระธาตุศักดิ์สิทธิ์สำคัญยิ่งแห่งถิ่นอีสาน เป็นพระธาตุประจำวันเกิดวันอาทิตย์ตามคติความเชื่อทางภาคอีสานที่เชื่อว่า ณ ที่แห่งใดซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุหลัก บริเวณใกล้เคียงก็จะมีพระธาตุบริวารเกิดขึ้นรายล้อมพระบรมธาตุองค์หลัก ซึ่งพระธาตุพนมถือเป็นพระบรมธาตุองค์หลักนั่นเอง


    ขอขอบคุณแหล่งที่มา
    https://mgronline.com/travel/detail/9650000082470


    เพจ "นครพนมบ้านเฮา"
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    สวัสดีครับ เห็น คุณ 9 พูดถึงเรื่องพระธาตุ นึกออกพอดีว่าพอมีเรื่องเล่าบ้างครับ คำว่า พระธาตุ ตามประสบการ์รเท่าที่เคยเห็นก็จะมีสัณฐาน ที่แตกต่างกันออกไป แต่น้อยมากที่จะเห็นเป็นสัณฐานเป็นวงกลม และมักจะไม่มีแรงดึงดูดภายในตัวเองส่วนสีก็มักจะไม่ค่อยสดครับ ส่วนถ้าเป็นสัณฐานของพระสรีระนั้น มักจะเป็นวงกลม มีสีสันสวยงาม และก็จะมีแรงดึงดูดในตัวเอง ถ้าเราไม้จิ้มฟันไปลองเขี่ยๆดูก็จะทราบได้เอง และขนาดก็มีตั้งแต่เล็กมากจนประมาณหัวเข็มหมุด หัวไม้ขีด(สองขนาดนี้ส่วนตัวเคยมี นานมาแล้วตั้งแต่สมัยเริ่มนั่งสมาธิใหม่ๆ เคยลงในเวบนี้นานแล้ว แต่ถ้าเป็นของ ลพ.ที่เคารพท่านละสังขารไปแล้วหลายปี ที่เป็นท่านที่แนะเรื่องเจริญสติกับแนะเรื่องสมาธิรวมทั้งระบบภพภูมิ เส้นผมท่านเปลี่ยนเป็นสัณฐานวงกลมขนาดเท่าลูกแก้วได้ครับ มีเป็นถาดเลยครับ หลวงพี่ใกล้ชิดท่านปลงผมเองกับมือ ภาพที่วัดตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ครับ ตอนนั้นเสด็จมา ครั้งแรก ๗ สีจากเดิมมีสีแดงสีเดียว ถ้าจำไปผิดขอมาจากชมรมพระธาตุที่ กรุงเทพฯ ทางชมรมจะให้พระธาตุ ๑ องค์และพระสรีระสีแดงจำนวนหนึ่งมา ต่อมามี สีทองและสีออกคล้ายๆมะม่วงม่าเหมี่ยว และสีใส มาเพิ่ม ต่อมาพระธาตุถึงเริ่มมีพระธาตุเสด็จมาเพิ่ม และก็ได้พระธาตุจากหลานของอดีตสมเด็จพระฯ องค์ก่อนล่าสุด มาอีก ๑o องค์ ในจำนวนนี้ มีสีดำด้วย อยู่ไปซักพัก ก็มีมาเพิ่มเหมือนก๊อปปี๊ เท่ากันทั้งขนาดและสี ยกเว้นสีดำสีเดียวที่เหมือนเดิม ส่วนของพระสรีระ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะแจกไปจำนวน ๗ คน ส่วนพระธาตุที่เพิ่มมา และพระสรีระอีกบางส่วน นำไปบรรจุไว้ในเศียร พระหลวงปู่ใหญ่ ที่ อ.ปักธงชัย น่าจะหกเจ็ดปีได้มั่งจำไม่ค่อยได้ครับ) ส่วนเรื่องปรอทธาตุ ก็พอมีประสบการ์ณ ตอนนั้นฝึกจนเห็นมีนิมิตปรอท สองส่วน แต่ถูกพระเกจิฯท่านหนึ่งท่านพูดย้ำถึงสามครั้งว่า ห้ามไปยุงเกี่ยวหรือให้เลิกฝึกไปเลย ส่วนตัวก็เลยเชื่อตามท่าน แต่ก็ลองใช้หลักการนั้น มาลองเรียกพระธาตุแทน ก็มีเสด็จมาองค์เดียว สีใส ขนาดเล็กกว่าหัวไม้ขีดประมาณสามเท่า และก็ไม่ได้สนใจเรื่องทำนองนี้อีกเลยครับ ส่วนเรื่อง เหล็กไหล ส่วนตัวเคยมีของ ลพ.หวล แต่ว่าให้เค้าไปหมดแล้วครับ จะพอมีประสบกาณ์ กรณีเหล็กไหลแบบที่ เชิญมา เคยปะชะดะ กับท่านที่มาเหล่านั้น สุดแท้ไม่มีอะไรสู้ได้ แพ้ราบคาบ ๕๕ สุดท้ายทางนั้น ทักส่วนตัวมาว่า สวัดดีเพื่อน ตอนนั้นก็ยังงงๆอยู่ ๕๕ และที่เคยได้ยินคือเรื่องปรอทเสด็จ ส่วนนี้พระเกจิที่ยังมีชีวิตอยู่เล่าให้ฟังว่า เวลาไปไหนจะไปเป็นกลุ่ม เหมือนผึ้งบินนั่นหละครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะพระธาตุ พระสรีระ ปรอท เหล็กไหล นั้น ในวงการ ท่านจะเรียกว่า "ภูตอากาศ" ครับ เคยได้สัณฐานเล็กๆ สีใสจำนวนหนึ่งจากรุ่นน้อง เค้าบอกว่าเป็นของพระโพธิฯ แต่ส่วนตัวพบว่า ไม่มีอะไรเปลียนแปลงครับ
    และก็ยังไม่มีประสบการ์ณ ในกรณีเสด็จมาบนพระเครื่องเลยครับ ไม่งั้นคงได้มีเรื่องมาโม้ให้ฟังแน่นอน
    เอาจริงๆนะครับ ปัจจุบัน ส่วนตัวเฉยๆครับ กับเรื่องนี้
    เพราะคิดว่า บุคคลที่ มีประสบการ์ณตรงๆจริงๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะเล่าหรือพูดให้คนทั่วไปฟังไปทำไม เพราะว่ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้เป็นทางการ แต่ด้วยเหตุที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ถึงได้มีประสบการ์ณ เกี่ยวกับการเสด็จของวัตถุ
    ย้ำว่าวัตถุนะครับ ตย.เช่น ยางลบหาย เดินไปเดินมาพบว่ามาปรากฏเป็นฝ่ามือเราเอง ย้ำว่า ตย.นะครับ ด้วยความสงสัย เลยถามพระเกจิฯ ท่านบอกว่า ครูบาร์อาจารย์ ท่านทำให้ดูว่า โลกนี้ยังมีอะไรแบบนี้อยู่ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ส่วนตัวจะทำได้ และตอนนี้พูดให้ฟังยังไงสวนตัวก็ไม่เข้าใจ ความหมายก็คือ แค่ฟังไว้เฉยๆนั้นหละครับ ท้ายนี้มองว่าเข้าพรรษาปีนี้ ค่อนข้างเริ่มต้นด้วยอากาศที่เย็นสบายดี เลยกลางปีแล้ว โรคร้ายแรงโควิดที่เคยเป็นกันคงน่าจะเกือบหมดไปแล้ว(พูดไว้สามปีก่อน)
    ยังไง ก็ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทุกคน
    ** อย่าลืมออกกำลังกายไว้ให้สม่ำเสมอนะครับ เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรงที่สุด และก็พยายามเพิ่มความเร็วในการเดินด้วยครับ เพื่อยืดอายุร่างกายของเราเอง อย่าปล่อยให้ตัวเอง มีน้ำหนักเกินมารตฐานนะครับ เพราะเดี๋ยวโรคภัยไข้เจ๊บจะถามหาเอาได้ง่ายครับ
    พยายามมองโลกในแง่ดี รู้จักการปล่อยวางเรื่องราวในอดีต ไม่เป็นคนหยุมหยิม คิดเล็ก คิดน้อย รู้จักการเติบโตการพัฒนาคุณภาพทางจิตให้เจริญขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าคิดไม่ออก ก็ให้มองย้อนดูว่า นิสัยต่างๆ ในภาพรวมของเราถ้าเทียบกับในอดีตที่ผ่านมาเราดีขึ้นไหมนั้นหละครับ
    ปล.ถ้าใจเราดีแม้ภายนอกเราไม่ดี
    แต่ใจของเราก็ยังดีอยู่
    แต่ถ้าใจเราไม่ดี แม้ภายนอกเราจะดีแค่ไหน
    ใจเราก็ยังไม่ดีครับ
    การเสาะแสวงหาครูบาร์อาจารย์ยังเป็นเรื่องภายนอก
    การสร้างสะสมบุญเพื่อหนุนขึ้นที่สูงวันข้างหน้า
    บุคคลที่จะยกพัฒนาระดับจิตตนเอง คือบุคคล
    ที่เอาตัวเราเองเป็นครูบาร์อาจารย์ตนเองนั้นหละครับ
    วันนี้จิตเกิดกี่เรื่อง เป็นกุศลไหม หรือเป็นอกุศ คอยพร่ำสอนคอยเตือนตนเอง ตัวจิตก็จะพัฒนาได้เร็ว มีความละเอียดมากยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ส่งผลให้มีโอกาสสูงในการไปถึงที่หมายในวันข้างหน้าครับ
    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     
  16. ง่าวต๋าย

    ง่าวต๋าย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +150
    พูดถึงเรื่องเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ นู๋เกือบแย่แน๊ะ :D
    ซวยแบบไม่น่าเชื่อ 555
     
  17. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,886
    ค่าพลัง:
    +4,720

    "ส่วนของพระสรีระ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะแจกไปจำนวน ๗ คน"
    326687 - Copy.jpg

    ยังจำได้ว่า...อาจารย์นพแจ้งว่ามีพอแจกได้แค่7คน
    9เป็นคนสุดท้ายที่โชคดีเข้ามากระทู้นี้คนที่7ในวันนั่น
    นับเป็นบุญตาบุญใจเสริมชะตาชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น

    (หมายเหตุ) เช้านี้จึงได้อัญเชิญพระสรีระธาตุมาบันทึกภาพ
    สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากที่เปิดดูเมื่อครั้งรับมาคือ
    จำนวนเท่าเดิมองค์ใหญ่ขนาดและสีไม่เปลี่ยนแปลง
    ส่วนบริวาร 4 องค์เดิมมีขนาดจิ๋วๆเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด
    มักหลบอยู่ใต้ประธานองค์ใหญ่(บางครั้งนึกว่าหายไป)
    เช้านี้ตาแรกที่เห็นบริวารทัั้ง4องค์
    สัณฐานใหญ่ขึ้นชัดเจนประมาณเล็กกว่าหัวเข็มหมุดเล็กน้อย
    พอขยับผอบจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2024

แชร์หน้านี้

Loading...