สายใต้พระนางตรา ๑๐๐ ปี พระพุทธนิมิตร พ่อท่านพลับ ๒๕๐๔

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้จัดส่งkerry
    PEX14960000416216 ตาก
    ขอบคุณครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    7j.jpg
    หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง เกจิดังเมืองกรุง

    พระเครื่องเข้มขลังดีทาง "อยู่ยงคงกะพัน" "เมตตามหานิยม" อย่างโดดเด่น


    หลวงปู่ธูป” หรือ “พระราชธรรมวิจารณ์” เป็นพระยุคเก่าที่สมถะ มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายให้การอนุเคราะห์สาธุชนโดยเลือกชั้นวรรณะ เปี่ยมล้นด้วยพรหมวิหาร ให้การต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือนอย่างมีไมตรีจิต เป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิต และคฤหัสถ์โดยทั่วไป


    นับตั้งแต่สงครามอินโดจีนเรื่อยมา วัดสุนทรธรรมทาน หรือ วัดแคนางเลิ้ง หรือ วัดสนามกระบือ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ถือเป็นสถานที่ต้อนรับพระเกจิอาจารย์ที่อยู่ต่างจังหวัดมากมาย หลวงปู่ธูปจึงมีความสนิทคุ้นเคยและมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้ทางพุทธาคมคาถา กับพระผู้ทรงวิทยาคมในสมัยนั้นหลายรูปหลายนามยิ่งกว่านั้น ยังได้รับตำรับตำราจากพระคณาจารย์บางองค์เป็นการเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะวิชา “อยู่ยง” นั้นเป็นที่เล่าลือมาก



    ต่อมาในระยะหลังๆ พระเกจิอาจารย์มาเยือนวัดแคนางเลิ้งเพียงไม่กี่รูป เพราะชราภาพไม่สะดวกในการเดินทาง คงมีแต่หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงพ่อนอ วัดกลางและหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันคงเหลือแต่เพียงเรื่องราวของท่าน ที่ถูกนำมาถ่ายทอดเล่าขานสืบต่อกันมา



    หลวงปู่ธูป เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 9 ของวัดแคนางเลิ้งที่มีความเข้มขลังทางพุทธาอาคม เป็นเกจิร่วมยุคกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณมิตร หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม โดยเฉพาะหลวงปู่โต๊ะจะสนิทสนมกันมาก เมื่อวัดแคมีการปลุกเสกพระจะต้องนิมนต์หลวงปู่โต๊ะไปร่วมนั่งปรกทุกครั้ง สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่ยอมเปิดเผยวิทยาคุณด้านนี้ให้เป็นที่แพร่หลายมากนัก ผู้คนทั่วไปจึงไม่ค่อยมีโอกาสรับรู้ นอกจากผู้อยู่ใกล้ชิดและติดตาม



    ท่านเกิดในสกุล “วิชาเดช” เกิดวันจันทร์ที่ 11 เม.ย. 2441 ณ บ้าน ต.บางหลวงเอียง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ “เดช” มารดาชื่อ “ผ่อง” มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง อายุได้ 8 ปี ญาติผู้ใหญ่นำไปฝากให้เรียนอักษรสมัยที่วัดตะกู โดยมีพระอาจารย์เอม เจ้าอาวาสขณะนั้น เป็นครูสอนเรียนหนังสือไทยเบื้องต้น มีประถม ก.กา มูลบทบรรพกิจ หนังสือพระมาลัยและขอม เป็นพื้นฐานเบื้องต้น จากนั้นได้ย้ายมาศึกษาวิชามูลกัจจายน์ และเรียนหนังสือบาลีที่วัดศาลาปูน จ.พระนครศรีอยุธยา



    หลังจากเล่าเรียนจนแตกฉานแล้ว พี่ชายของท่านซึ่งอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯ คือ พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตร และท่านผู้หญิงแปลก ได้มารับท่านไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วย และได้ให้ความเมตตาและอุปการะเป็นอย่างดี โดยให้เข้าเรียนหนังสือต่อที่ ร.ร.วัดส้มเกลี้ยง (วัดราชผาติการาม) จนจบชั้นประถม 4 ในขณะที่เล่าเรียนได้มีโอกาสติดตาม พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตรเข้าเฝ้า และติดตามเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีต่างๆ และการเสด็จแปรพระราชฐานในต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง



    เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารได้สมัครเข้ารับราชการเป็นทหารรักษาวังอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการท่านเจ้าพระยาและท่านผู้หญิง ได้อุปถัมภ์ให้เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดสุนทรธรรมทาน เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2463 สมเด็จพระวันรัต (จ่าย) เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอริยมุนี (หว่าง) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพุทธบาล (เนตร) เจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “เขมสิริ”



    ได้อยู่จำพรรษาที่วัดแคนางเลิ้ง ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระครูพุทธบาลมาโดยลำดับ และยังได้ศึกษานักธรรมชั้นตรีในสำนักเรียนวัดเบญจมบพิตร เมื่อถึงกำหนดสอบธรรมสนามหลวง เกิดอาพาธกะทันหันจึงล้มเลิกการศึกษาทางด้านคันถธุระตั้งแต่นับนั้นและหันมาเอาดีทางสมถกรรมฐานและพุทธาคมคาถา



    ประมาณพรรษาที่ 3 ได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากรรมฐานชั้นสูงกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จนบรรลุฌานชั้นสูง สามารถแสดงอิทธิคุณต่างๆ ได้ ยิ่งกว่านั้น ยังได้ศึกษาเวทมนต์คาถา ซึ่งเป็นวิชาการแขนงหนึ่งที่พระเถระยุคเก่าต้องใฝ่หาเรียนรู้ไว้เพื่อประโยชน์ในงานพระศาสนาต่างๆ อาทิ การปลุกเสกวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยพระผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้ภาวนาปลุกเสก โดยได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากหลวงพ่อปานมาเต็มเปี่ยม จากนั้นจึงไปเรียนวิชากับหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ได้วิชาทำเชือกคาดเอวที่มีประสบการณ์ดัง "ไม่ไหม้ไฟ"

    หลวงปู่ธูปใช้เวลาศึกษาอยู่กับหลวงพ่อปานประมาณหนึ่งพรรษา จึงกลับคืนวัดสุนทรธรรมทาน และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทนพระครูพุทธบาล ที่ขอลาสิกขาบทในปี พ.ศ. 2470 และผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งจนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2471 ขณะมีอายุได้ 30 ปี พรรษา 8 นับเป็นพระหนุ่มที่มีพรรษาน้อยสุดที่ได้เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดในเขต จ.พระนครสมัยนั้น



    หลังจากรับตำแหน่งท่านก็ริเริ่มปฏิสังขรณ์และพัฒนาก่อสร้างอาคาร เสนาสนะต่างๆ เรื่อยมา โดยเริ่มลงมือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472-2500 ซึ่งเป็นปีที่ก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ค. 2533 เวลา 02.26 น. ท่านก็มรณภาพลงที่โรงพยาบาลพญาไท รวมสิริอายุ 92 ปี 3 เดือน 28 วัน พรรษา 70



    ด้านวัตถุมงคล ตลอดเวลาที่ท่านครองเพศพรหมจรรย์ ได้สร้างวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆมากมายหลายรุ่น จากการบันทึกของหนังสือวัดทราบว่าสร้างครั้งแรกในปีพ.ศ.2482 และจัดสร้างติดต่อกันมาจนถึงพ.ศ.2529 วัตถุมงคลที่ท่านสร้างเมื่อปีพ.ศ.2482 ได้สร้างร่วมกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นพระสมเด็จฐานสามชั้น พระรอด พระนางพญา และพิมพ์นางกวัก พระที่สร้างครั้งนี้เป็นพระเนื้อผง ผสมกับดินปูชนียสถาน และผงใบลาน ลงรักฉาบเนื้อ เนื้อในสีดอกเทา ด้านหลังจะเป็นรอยจารลึกลงไปในเนื้อทุกองค์



    เมื่อสร้างเสร็จท่านก็แจกจ่ายแก่ลูกศิษย์และผู้มาแสดงมุทิตาจิต ที่เหลือนอกนั้นนำไปบรรจุที่ใต้ฐานพระประธาน พระชุดนี้ปัจจุบันหาดูได้ยากสักหน่อย นอกจากนี้ท่านได้สร้างตะกรุด เชือกคาดเอว พระเนื้อผงรุ่นปี พ.ศ. 2504 เหรียญปี พ.ศ. 2513 และอื่นๆ อีกพอสมควร

    วัตถุมงคลวงปู่ธูปทุกชนิดมีพุทธคุณในด้าน “เมตตามหานิยมและความรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน” เป็นหลัก เรื่องคุ้มครองแคล้วคลาดก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ดำหลังพระประจำวันหลวงปู่ธูปวัดแคนางเลิ้ง 2521 ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry
    IMG_20220928_171331.jpg IMG_20220929_144300.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2022
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระปิดตาดิเรกลาภผสมเกษาหลวงปู่เล็กวัดทำนบ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง รุ่นนี้มวลสารดีประวัติการสร้างชัดเจนไม่ค่อยมีหลุดออกมาให้บูชา องค์นี้สภาพเก่าเก็บโดนตัวกินแมลงแทะ ไม่โดนบริเวณองค์พระ ลองหาอ่านประวัติการสร้างและประวัติหลวงปู่เล็กวัดทำนบได้ ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ เคอรี่(ปิดรายการ)
    IMG_20220930_234611.jpg IMG_20220930_234648.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2022
  4. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,962
    ค่าพลัง:
    +6,871
    ขอจองรายการนี้ครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    01.jpg
    หลวงปู่บุญชุบ ทินฺนโก ประวัติ โดยสังเขปนามเดิม ชื่อบุญชุบ นามสกุล สารสิงห์ บิดาชื่อนายบุตร มารดาชื่อ นางหอม เกิดเมื่อ วันพุธ ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2456 แรม 15 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ณ บ้านเลขที่ 51 ตำบลบ่อแร่ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท มีพี่น้องด้วยกัน 6 คนด้วยกัน ท่านเป็นคนที่ 2

    1. ชื่อ นายอ๋อ เสียชีวิตแล้ว
    2. ชื่อ บุญชุบ หลวงพ่อบุญชุบ ทินฺนโก
    3. ชื่อ นางเข็มทอง เสียชีวิตแล้ว
    4. ชื่อ นางถุงเงิน เสียชีวิตแล้ว
    5. ชื่อ นางบุญเทียม ยังมีชีวิตอยู่ อายุ 75 ปี
    6. ชื่อ นายประทวน เสียชีวิตแล้ว

    ชีวิตในวัยเด็ก ตอนอายุได้ 1 0 ขวบ คุณพ่อก็ได้ถึงแก่กรรม ได้ถูกผีที่ถูกเขาเรียนมาตอนกลางคืน 7 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ พ่อเสกหนังควายไปโดยไม่ได้เจตนาทำร้ายใคร แต่หนังควายกลับมา เข้าตัวโยมพ่อของท่านเองจนเสียชีวิต พอเสียได้ 2 ปี พี่อ๋อก็มาป่วยเป็นไข้จับสั่น พอใกล้จะหายก็ อยากจะกินแตงโม หลวงพ่อเป็นเด็กไม่รู้อะไรก็ไปหยิบมาให้พี่อ๋อกินไข้กำเริบ พี่อ๋อก็เสียชีวิตลงไป อยู่ต่อมาอีก 2 ปี หลวงพ่อได้อายุ 12 ขวบ คุณแม่ก็ได้ป่วยเป็นไข้เสียชีวิตลงไปอีก ในวันฌาปนกิจ พอถึงบ้านเห็นแต่บ้านไม่เห็นหน้าพ่อแม่ เห็นแต่พี่น้อง 5 คนเท่านั้น คุณแม่มาตายเมื่อ พ.ศ. 2466 ส่วนโยมพ่อมาตายตอนอาตมาอายุ 10 ขวบ คุณโยมพ่อเสียเดือนเมษายน พ.ศ. 2465 พอเอาโยมไป เผาแล้วตกเย็นขึ้นมา 5 พี่น้องรวมหัวกันร้องไห้เพราะคนเล็กร้องไห้หาแม่เลยพากันร้องไห้ไปตาม กันหมด โยมลุงโทนได้มาปลอบและได้มาเป็นเพื่อนอาตมาเองตั้งหม้อข้าวทำอาหารให้ พี่น้องทานกินแล้วพากันอาบน้ำน้องคนเล็กร้องไห้หาแม่จนหลับไป นึกถึงเรื่องอดีตมายามใดอดน้ำตา ใหลไม่ได้ พอโรงเรียนเปิดคุณโยมชื้นได้นำอาตมาและพี่น้องไปฝากอยู่วัดกับหลวงพ่อยอดแล้วมอบ ให้อาจารย์เป็นผู้อบรมสอนหนังสือตอนเย็นต่อศีล 10 ทุกวัน จบต่อคำสวดมนต์เย็น ทุก ๆ ตอน เช้า ต้องบิณฑบาตร เพราะตอนนั้นเป็นลูกศิษย์วัด ตอนนั้นเรียนหนังสือได้ชั้น ป.7 พออายุได้ 15 ปี ก็จะบวชเณรแต่บวชไม่ได้เพราะหลวงพ่อ ยอดป่วยไม่มีใครปฏิบัติต้มน้ำต้มข้าวถวาย จนกระทั่งท่านมรณะภาพไปในปี พ.ศ. 2470 ทางวัดเก็บศพ ไว้ 1 ปี

    บรรพชาเป็นสามเณร
    วัน ศุกร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2470 ณ วัดมุจรินทราวาส

    ตำบลบ่อแร่ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท พระอุปัชฌาย์ พระปลัดเคลือบปฺญญทีโป วัดพิกุลงาม ตำบลท่าหาด อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ได้บวชหน้าไฟให้หลวงพ่อยอด พออายุได้ 16 ปี แล้ว ก็เริ่มศึกษาพระธรรมเรียนนักธรรมตรี เมื่ออายุ 19 ปีสอบได้นักธรรมตรี อายุ 20 สอบได้นักธรรมโท

    อุปสมบท
    วัน พุธ แรม 13 ค่ำ เดือน 5 ปีจอ วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ณ. วัดมุจรินทราวาส ตำบลบ่อแร่ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท พระอุปัชฌาย์ พระปลัดเคลือบ ปัญฺญทีโป วัดพิกุลงาม ตำบลท่าหาด อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท พระกรรมวาจาจารย์ ชื่อ อาจารย์ต่อม ธมฺมวิริโย พระอนุสาวนาจารย์ ชื่อ อาจารย์ถม ปญฺจลาโภ ช่วงพรรษาที่ 1 ถึงพรรษาที่ 4 ก็ได้สอบนักธรรมชั้นเอกได้ที่ สำนักศาสนศึกษา วัดพิกุลงาม ตำบลท่าหาด อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ท่านบวชที่วัดมุจรินทราวาส (หนองจิก) แต่ไม่ได้จำพรรษาที่วัดหนอกจิก เพราะที่วัดหนอกจิกมีพระ 80 กว่ารูป ก็เลยย้ายไปจำพรรษาที่วัดท่าหาด สร้างศาลา หลวงพ่อได้ปรึกษากับโยมพี่สาวของหลวงน้าต่อม ให้ไปบิณฑบาตรไม้ยางใหญ่ มา 2 ต้น หลวงพี่ได้ซื้อเลื่อยมา 4 ปื้น มาขึ้นรูปเองออกพรรษาแล้วก็ปรึกษากับพระที่วัด ว่ายังไม่สึกจะอยู่ช่วยสร้างศาลาต่อ ให้เสร็จก่อนก็ช่วยกันเลื่อยไม้สร้างศาลาเสร็จได้ 2 หลัง แล้วขอบิณฑบาตรไม้อีก 4 ต้น พาพระในวัดช่วยกันเลื่อยไม้ จึงลงมือสร้างกุฏิอีก 4 หลัง พอดีหลวงน้าต่อม ที่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้ล้มป่วยลง ต้องพาไปรักษาที่จังหวัดอุทัยธานี จน 3 เดือนแล้วก็ยังไม่หาย จึงพากลับวัด และมรณะภาพในพรรษาและฌาปนกิจในเดือนต่อมา

    หนีการเป็นสมภาร (เจ้าอาวาส)

    ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2480 พวกมรรคทายก และญาติโยมปรึกษาหารือ กันว่าจะตั้งสมภาร บางกลุ่มก็จะให้อาจารย์บุญรอดเป็น อีกกลุ่มก็จะให้หลวงพ่อเป็นสมภาร พอหลวงพ่อรับจะเป็นสมภารแล้วตกตอนกลางคืนคว้าย่ามได้ก็หนีไปอยู่ที่วัดอัมพวัน อำเภอมโนรมย์ เสียครึ่งเดือน

    ญาติโยมจึงได้แต่งตั้งอาจารย์บุญรอดเป็นสมภาร หลวงพ่อก็สบายใจ กลับไปชาวบ้านโกรธกันเป็นการใหญ่ ที่หลวงพ่อไม่ยอมรับเป็นสมภาร ต่อมาญาติโยมได้นิมนต์มาอยู่ที่วัดโคกหมอน เนินสุทาราม และจำพรรษาได้ปีครึ่ง ท่านอาจารย์เอก ก็มีเรื่องทะเลาะกับลูกศิษย์ เจ้าคณะอำเภอได้เรียกประชุมพระทั้งทายก และทายิกา จะไล่อาจารย์เอกออกจากวัดในกลางพรรษา ตามพระทั้งหมดวัด หลวงพ่อเป็นพระที่พรรษาน้อยสุด ระหว่างการประชุม อาจารย์เอกท่านไม่พอใจหลวงพ่อจึงเอาระฆังขว้างแต่ไม่ถูกข้ามหัวไป ต่อหน้ากรรมการ 30 กว่าคน แต่พอออกพรรษาไม่รู้อาจารย์เอก หายไปไหน มีพระลูกบ้านชื่อพระจ๋าย อยากเป็นสมภารแต่ไม่มีความรู้ ชาวบ้านพร้อมด้วยศรัทธาได้ประชุมหารือกันในเดือนพฤศจิกายน โดยมีเจ้าคณะอำเภอวัดธรรมขันฑ์ มีพระลูกวัดบางส่วนเห็นว่าพระจ๋ายเหมาะสมเพราะท่านเป็น พระลูกบ้านเนินสุทธารามแต่ศรัทธาญาติโยมไม่เห็นด้วยและลงคะแนนให้หลวงพ่อชุบเป็นรักษาการณ์แทน หลวงพ่อไม่อยากรับแต่ขัดเจ้าคณะอำเภอ และญาติโยมไม่ได้จึงรับไว้ประมาณ 6 เดือน ก็ได้รับตราตั้งเป็นเจ้าอาวาสได้ 4 พรรษา สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น ตอนเดือนมีนาคม มีพระมหาสวัสดิ์ ได้เดินทางมาชวนเดินธุดงถ์ทางเหนือ หลวงพ่อก็มอบหมายให้พระสงัดดูแลวัด และนักเรียนอนุบาลอีก 500 เดินทางเวลา 09.49 น. หลวงพ่อก็ขึ้นรถมาที่วัดจวน พระมหาสวัสดิ์รออยู่ที่ท่ารถ หน้าวัดจวน พอฉันเพลแล้ว ก็ออกเดินทางด้วยเท้า เดินตามถนนสายเอเซีย กำลังสร้างทางตัดจากกรุงเทพ เชียงใหม่ – เชียงราย เดินทางมาถึงอำเภอ พยุหคีรี เวลา 18.00 น. วัดบางปราบ ก็ได้พัก 1 คืน รุ้งขึ้นเดินทางจากบางปราบถึงนครสวรรค์ เวลา 15.30 น. เข้าพักที่วัดโพธิ์ 1 คืน

    ออกเดินธุดงค์

    ตอนเช้าก็ออกบิณฒบาตร ฉันเช้ าก็ออกเดินทางมาจังหวัดพิจิต ถึงอำเภอบางมูลนาค ก็เข้ามาพักที่วัดไข่เน่า อำเภอบางมูลนาค จังหวัดพิจิต พักอยู่ 1 อาทิตย์ เท้าเป็นแผลพอรักษาเท้าหายดีแล้ว ก็จะเดินทางต่อ แต่หลวงพ่อละมูล วัดวังสำโรง จังหวัดพิจิตรนิมนต์ให้อยู่ต่อ เป็นพระคู่สวดอีก 15 วัน พวกญาติโยมจะมานิมนต์ให้หลวงพ่อเป็นเจ้าอาวาส จัดขบวน กลองยาว แห่มารับจะให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางมูลนาค หลวงพ่อก็หนีโดยเขียนจดหมายปลอมว่าจะเอาของไปให้น้อยชายที่เป็นทหาร จังหวัดลำปาง ก็หนีลงเรือ พายเรือเองประมาณ 30 นาที ถึงสถานีรถไฟ บางมูลนาค ตีตั๋วจะไปลำปาง ก็มาพักที่พิษณุโลก วัดสระแก้ว หลวงพ่อโสท่านก็ให้อยู่ด้วย 1 พรรษา เข้าพรรษาที่ 3 สอบเทียบ ม.3 ไปสอบที่จังหวัดนครสวรรค์ โรงเรียนประจำจังหวัด พอสอบได้แล้วก็เดินทางกลับบ้านที่ จังหวัดชัยนาท หนองจิก เข้าพักอยู่ 15 วัน แล้วเดินทางมาที่วัดสระแก้ว ต่อมาในกลางพรรษาได้ช่วยทำถนนเข้าวัด พอดีมีเหตุการณ์เครื่องบินตกที่วัดสระแก้ว เครื่องจะลงแต่ผิดพลาดทางเทคนิคบินไปเฉียวเกือบจะชนหอสวดมนต์ไปตกในสระน้ำ ที่วัดสระแก้ว คนตาย 2 คน หลวงพ่อลงไปช่วยเอาคนออกจากเครื่องบิน โดยว่ายน้ำลงไปช่วยเลยโดนน้ำมันเครื่องบิน ผิวหนังเลยอักเสบเป็นแผล ต้องเข้าโรงพยาบาล 1 คืน ฉี ดยาพอหายดีก็เตรียมตัวเดินทางมาที่จังหวัดลำปาง ได้ไต่ถามกับหลวงพ่อโสว่าวัดไหนดี ท่านจึงบอกให้ว่าวัดเกาะเพราะท่านเคยมารู้จักกับหลวงพ่อกริ่ม

    แล้วก็เดินทางเวลา 9 โมงเช้า มาพักที่สถานีห้วยไร่ จ.แพร่ ก็หาที่พักปักกลด พอดีเจอต้นไม่ใหญ่มาก ขนาดพลูรากสูงใหญ่ทั่วหัว หลวงพ่อก็อธิฐานสิ่งศักดิ์สิทธ์ รุกขเทวดา ขอพักผ่อน 1 คืน ฝากพระแม่ธรณีด้วย คาถา แม่ธรณีเจ้าเอย อยู่แล้วหรือยัง ข้าพเจ้าจะขอฝากฝังตัวลูกบ้างด้วย สังขารัง โลกังกะวิทู แม่ธรณีเจ้าเอย อยู่แล้วหรือยัง ข้าพเจ้าจะขอเชิญแม่ธรณีมาเป็นประชาสัมพันธ์ ข่าวสารไปถึงคุณปู คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือเทวะทั้งหลายที่อารักขามนุษย์อยู่ก็ดีใน โลกนี้ บัดนี้ข้าพเจ้าได้เดินทางไปแสวงซึ่งทางปฏิบัติ ข้าพเจ้าจะขอพักที่ใต้ต้นรุกขชาติ ที่มีผู้อารักขาต้นไม้นี้อยู่ ฉนั้นอาตมาจึงขอฝากตัวกับรุกขเทวดาผู้รักษาต้นไม้นี้ด้วย อยู่แล้วหรือยัง ถ้าอยู่แล้วขอให้ข้าพเจ้าปลอดภัย ที่อารุกขเทวดา ที่รักษาข้าพเจ้าอยู่ด้วย แม่ธรณีเจ้าเอย อยู่แล้วหรือยัง ข้าพเจ้าจะขอฝากฝังตัวข้าพเจ้าที่มาพักอยู่ตรงนี้ ขอให้อารักขาข้าพเจ้า กว้างและวงกลมประมาณ 4 เมตร ที่สัพสัตว์ทั้งหลายที่มีเท้าก็ดี ไม่มีเท้าก็ดีขอให้ต่างคนต่างไป ทางใครทางมัน ที่ข้าพเจ้าได้เดินทางมานี้ มาขอเพิ่งใบบุญแม่ธรณี จงรักษาข้าพเจ้าด้วย สังขาตัง โลกังกะวิทู แล้วก็เอาดินมาใส่ที่หัว ประมาณ 3 ทุ่ม ก็มีเสือโคล่ง ลายพาดกรอนแม่กับลูก อยู่ห่างประมาณ 20 เมตร ขว้างทางไว้กว่าเสือจะไปก็ประมาณ 4 -5 ชั่วโมง พอเสือไปซักพักใหญ่ ก็เดินทางไปเจองูเหลือมยาว 4 เมตร ตัวโตมากกำลังวัดน้ำกินปลาอยู่ เดินทางอีกที่ 7 โมงเช้า ถึงสถานีที่ห้วยไร่ ก็ปักกลดหาที่พักห่างจากสถานี 1 กิโล นายสถานีถวายอาหารเช้า 1 มื้อ พอฉันเสร็จแล้วก็ให้พร แล้วจึงลาออกเดินทาง ผ่านสถานี
    เด่นชัยไปบ้านปิ่นก็มืดพอดี

    ค้างคืนที่บ้านปิ่น 1 คืน ปักกรดพักห่างจากหมู่บ้าน 20 เมตร ต้อนประมาณ ตี 2 นั่งสวดมนต์ก็ได้ยินเสียงใบไม้ดังเหมือนมีคนหรือสัตว์เดินเหยียบ เดินใกล้เข้ามาก็รู้ว่าเป็นเสือมาขู่คำราม แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายอะไร รุ้งขึ้นนายสถานีก็นำอาหารมาถวายเป็นข้าวเหนียว ฉั นเสร็จแล้วจึงลาเดินทางไปถึงสถานีบางป๋วย ก็ค่ำแล้ว ก็จะหาที่พักที่ปลอดภัยเพราะแถวนั้นมีช้างลากไม้เยอะมาก พัก 1 คืน รุ้งขึ้นเถ้าแก่โรงเลื่อยถวายอาหารเช้า 1 มื้อ ฉัตรเสร็จแล้วเดินทางต่อมาตามทางรถไฟก็ถึงสถานีแม่ทะ ก็ปักกลดพัก 1 คืน ก็ได้เจอโยมคน 1 ชื่อว่า แม่ตุด ได้นิมนต์หลวงพ่อไปพักอยู่บนดอยม่วงคำ พักอยู่ 2 คืน โยมแม่ตุดก็จะนิมนต์หลวงพ่ออยู่ที่ดอยม่วงคำ แต่หลวงพ่อก็ปฏิเสธ แล้วก็ลาเดินทางเข้ามาวัดเกาะถึงประมาณ 18.00 น. เข้ามาหาหลวงพ่อกริ่ม และหลวงพ่อเอม สนทนาธรรมกันพอสมควร หลวงพ่อบอกว่าจะมาขอเรียนประเพณีทางเหนือก็ได้พักในโบสถ์กับอาจารย์ จุม ซักพักหนึ่ง แล้วก็ไปพักจำพรรษาอยู่ที่ วัดดำรงค์ธรรม

    มาอยู่ลำปาง

    ตอนกลางวันก็มาเรียนกรรมฐาน กับหลวงพ่อกริ่ม และหลวงพ่อเอม พอตอนกลางคืนก็เรียน มัธยม ทางลัด ม.4 – ม.6 ไปสอน ม.6 ได้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ช่วงนั้นอยู่ระหว่างสงคราม พอออกพรรษาแล้วจึงมาพักที่วัดเกาะเป็นช่วงที่หลวงพ่อกริ่มชราภาพมาก และป่วยท้องเสียมากเพราะอาหารเป็นพิษ แล้วก็มรณะภาพในเดือนมกราคม 2487 ตั้งศพไว้ประมาณ 1 ปี หลวงพ่ออยู่วัดเกาะตอนนั้นเกิดสงคราม พวกทหารญี่ปุ่นก็เข้ามาที่วัดเกาะ ยึดเอาอุโบสถเป็นคลังเก็บอาหาร หลวงพ่อเคยทำอาหารให้กับทหารญี่ปุ่นกิน พวกที่กินอาหารแล้วติดใจมาก แต่ก็ต้องโดนหัวหน้าทหารทำโทษเพราะว่าช่วงสงครามทหารญี่ปุ่นจะกินข้าวของคนไทยไม่ได้กลัวโดนยาพิษ ช่วงนั้นอดอยากมาก ทหารญี่ปุ่นได้เอาธรรมมาสไปทำเชื่อไฟหุ้งข้าว พอสงครามเลิก หลวงพ่อรื้อศาลาใช้เวลา 7 วัน แล้วก็สร้างศาลามาใหม่ มีพระที่วัดช่วยกันและพวกญาติโยมด้วยใช้เวลา 1 ปี จึงเสร็จ จนถึงปัจจุบันนี้ หลวงพ่อก็ส่งเสริมกิจการงานของสงฆ์โดยตลอดจัดให้มีการบวชเณร ภาคฤดูร้อน บวชพระเฉลิมพระเกียรติแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดเป็นโรงเรียนสอนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และมีการบวชพระภิกษุ บวชชีพราหม์ ตลอดทั้งปี หลวงพ่อเอม เมตติโก อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่สอง วัดเกาะวาลุการาม ท่านเป็นคนจังหวัดอุทัยธานี ได้เดินธุดงค์ คู่ไปกับหลวงพ่อกริ่ม ที่ประเทศอินเดียและพม่า เดินไปสวดมนต์บนดอยสุเทพ 2 องค์กับหลวงพ่อกริ่มตลอดคืนในวันวิสาฆบูชาท่านเป็นพระที่เมตตาสูงมาก การปกครองดีมาก ท่านมรณะภาพด้วยโรคเบาหวานในปี พ.ศ. 2495 หลวงปู่ชุบจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 3

    ได้เป็นพระอุปฌาย์ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลสวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อ พ.ศ. 2502
    ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยใจคออย่างไร ทำคุณให้วัดเกาะวาลุการามอย่างไร เป็นที่นับถือนิยมรักใคร่ใกล้ชิดขึ้นสู่หาของศรัทธาญาติโยมมากน้อยเพียงใด ผู้เขียนเห็นว่ายังไม่จำเป็นอ้างความดี และการวางตัวปฏิบัติของท่านจะนำมาเขียนไว้ที่นี้ จึงขอยุติไว้ก่อน จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรเพราะท่านทั้งหลายก็คงได้ทราบได้เห็น ความเป็นอยู่ของท่านทุกวันนี้ไม่มากก็น้อย ในด้านการปลูกสร้างบูรณะวัดก็จะเห็นอาคารวัตถุเกิดขึ้นจำนวนมาก เป็นต้นว่า หอฉัน กุฏิสงฆ์ ห้องน้ำ เพื่อรับรองแขกมาพักและเยี่ยมเยือนสิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างขึ้นด้วยอิฐ เสริมเหล็กปูนอย่างถาวรแข็งแรงทั้งสิ้น

    นอกจากนี้ก็มีกุฏิกรรมฐานเป็นไม้อีกหลายหลัง ซึ่งล้วนแต่เป็นคุณประโยชน์ให้แก่วัดวาอารามอย่างมาก ความอัดแอของวัดอันมีพระภิกษุสามเณรก็ยังล้นหลามอยู่เสมอไม่พอกับจำนวน ต้องไปอาศัยพักในศาลาการเปรียญบ้างในโบสถ์บ้างท่านจึงดำเนินการสร้างกุฎิสงฆ์ หลังใหญ่ 2 ชั้น และเขื่อนป้องกันศาสนสมบัติอย่างมั่นคง ยาวตลอดแนวฝั่งเขตวัดซึ่งกำลังทำการก่อสร้างอยู่ยังไม่เสร็จเพราะการเงิน ท่านจึงบอกบุญแก่ศรัทธาศาสนิกชนช่วยกันค้ำจุนสมทบทุนตามกำลังศรัทธาให้การก่อสร้างสิ่งถาวรนี้ ได้สำเร็จไว้เป็นอนุสรณ์ในบวรพุทธศาสนา มั่นคงสืบต่อลูกหลานเยาวชนรุ่นหลังเป็นพลังได้ยึด เป็นที่พึ่งหลักธรรมประจำชาติไทยในอนาคตกาลยืนนานสืบไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ท่านเป็นพระที่แม้แต่หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสำนักสุสานไตรลักษณ์ยังให้ความนับถือ จนหลวงพ่อเกษม เขมโก ต้องบอกกับทุกคนว่า "อยากได้เลขให้ไปเอาที่วัดเกาะ" นัยว่า ท่านเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
    เหรียญหลวงพ่อบุญชุบวัดเกาะ 80 ปี
    ให้บูชา
    100 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&tหรือเคอรี่
    IMG_20221001_002210.jpg IMG_20221001_002145.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง
    PEX114100000162 ป้อมปราบศรัตรูพ่าย
    ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญชนะจนอายุยืน หลวงปู่เล็กวัดทำนบ
    ออกวัดลาดบัวขาว ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221002_014849.jpg
    IMG_20221002_014815.jpg IMG_20221002_014758.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2022
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระครูนนทสิทธิการ (ประสิทธิ์) เจ้าอาวาสวัดไทรน้อย ม.๑ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังทาง "ตะกรุด" มาตั้งแต่บวชเรียนใหม่ๆ ที่ใช้ได้ผลทางแคล้วคลาดปลอดภัย เผย...การปลุกเสกของให้ "ขลัง" ได้ผู้ปลุกเสกต้องมีบุญบารมีด้วย อย่างไรก็ตามควรเลือก "ธรรมะ" จะดีกว่า เพราะช่วยบ่มเพาะจิตใจได้...ต่อไปนี้เป็นคำให้สัมภาษณ์ที่ หลวงพ่อประสิทธิ์ ให้ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" ได้บันทึกไว้
    หลวงพ่อคิดอย่างไรถึงได้บวชเป็นพระครับ?
    -สมัยนั้นโยมพ่อให้บวชก็ต้องบวช ครั้งแรกที่อาตมาบวชตั้งใจจะบวชเพียงพรรษาเดียวเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา พอเวลาผ่านไปก็มีความรู้สึกว่า จิตใจสบาย ไม่ร้อนรุ่มอะไร เลยจำพรรษามาเรื่อยๆ แต่ที่อาตมาเกิดติดใจในการบวชครั้งนี้ก็พราะอาตมาได้ฝึกนั่งกรรมฐาน แต่ถ้าหากใครไม่ได้นั่งกรรมฐาน จะบวชอยู่ได้ไม่นาน
    การนั่งกรรมฐานเป็นอย่างไรครับ?
    -ก็เป็นการนั่งภาวนาไปเรื่อยๆ หายใจเข้าออกภาวนา "พุทโธ" ในใจ หายใจออกก็ "พุทโธ" ในใจ ปล่อยให้ทุกอย่างเงียบสงัดที่สุด ก็จะทำให้จิตใจสงบดี ไม่ทำให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน เมื่อนั่งเรื่อยๆ ไปมีความรู้สึกว่า จิตใจมันชอบเลยเป็นสาเหตุที่อาตมาไม่สึก

    หลวงพ่อไปเรียนวิชาคาถาอาคมจากที่ไหนครับ?
    -ระหว่างที่อาตมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทธาโภชน์ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาคาถาอาคาจากสมุดข่อยต่างๆ และเมื่อมีปัญหาบางอย่างที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ จึงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทุกปัญหาจาก พระอาจารย์อ่อน และ พระอาจารย์เทียม ซึ่งพระอาจารย์อ่อนได้แนะนำเกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลว่า ทุกคนย่อมทำได้ แต่ทำแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิด เพราะเป็นคนไม่มีตัวตน ถือเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง อาตมามีความตั้งใจจริงที่จะเรียนวิชาดังกล่าว
    เมื่อหลวงพ่อตัดสินใจที่จะเรียนพระอาจารย์อ่อนว่าอย่างไรบ้างครับ?
    -พระอาจารย์อ่อนไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่อาตมาได้บอกกับท่านว่า ถ้าทำแล้วใช้ไม่ได้จะเลิก จากนั้นจะเรียนวิชาต่างๆ โดยได้จุดธูปเทียนอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปว่า "ข้าพเจ้าจะเรียนวิชาต่างๆ เหล่านี้ จะเรียนได้หรือไม่ ขอให้เกิดนิมิตกับตัวข้าพเจ้าด้วย" จะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ คืนนั้นอาตมาได้มีนิมิตเห็นว่า เรียนได้ของดีอยู่ในตัวแล้ว พอตื่นขึ้นมาจึงได้คิดว่าตนเองเรียนได้
    แล้วหลวงพ่อเริ่มสร้างวัตถุมงคลเมื่อไรครับ?
    -พอดีพรรษาในปีนั้น พระจะต้องไปทิ้งบาตรตามบ้านญาติโยม เรียกว่า ธุดงค์ หรือเรียกได้อีกแบบหนึ่งว่า ฉันเอกามื้อเดียวในบาตร ซึ่งวัดสุทธาโภชน์ได้จัดขึ้นมาเป็นประเพณีทุกปี อาตมาจึงได้เริ่มฉันข้าวบูดกับถั่วงา เป็นเวลาประมาณ ๗ วัน ระหว่างนั้นทำให้ร่างกายเดินไม่ค่อยจะไหว แต่ด้วยแรงศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนวิชานี้ให้ได้ อาตมาจึงมุ่งมั่นเรียน วิชาการทำตะกรุดดอกใหญ่



    ทำไมถึงคิดทำ "ตะกรุด" ขึ้นมาครับ?
    -ที่อาตมาคิดทำตะกรุด เนื่องจากสมัยนั้นต้องเดินทางไปอยู่ปริวาสกรรมกับพระอาจารย์ที่เขาช่องพราน จังหวัดราชบุรี สถานที่แห่งนี้สมัยนั้นเป็นถิ่นที่ทุรกันดาร และมีโจรผู้ร้ายเป็นจำนวนมาก ตรงนี้เองที่อาตมาคิดทำตะกรุดขึ้นมา เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำตะกรุดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงพ่อทำตะกรุดต้องจารอักขระเองด้วยหรือเปล่าครับ?
    -อาตมาทำตะกรุดครั้งแรกได้ไปทำที่อุโบสถ แต่ด้วยเป็นคนกลัวผีจึงได้ชวนพระอีกรูปหนึ่งไปเป็นเพื่อนกันด้วย ขณะที่พระเพื่อนบอกว่า หากทำเสร็จแล้วต้องให้ตะกรุด ๑ ดอกเป็นของตอบแทน จำได้ว่ากว่าจะทำตะกรุดเสร็จต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณตี ๓ อาตมาก็ทำตะกรุดเสร็จ จึงแบ่งให้เพื่อนไป ๑ ดอกตามสัญญา ต่อมาพระเพื่อนรูปนี้ได้ลาสิกขาออกไป และได้กลายเป็นนักเลง เที่ยวขโมยของสารพัด ถูกชาวบ้านยิงบ้างถูกฟันบ้าง ก็ไม่เป็นอะไร เพื่อนจึงมั่นใจว่าที่แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้นี้ต้องมาจาก
    ตะกรุดดอกนี้ ประสบการณ์นี้จึงเป็นที่กล่าวขวัญว่า ตะกรุดของอาตมาสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ ทำให้ญาติโยมที่รู้ข่าวต่างเดินทางมาขอตะกรุดกันไม่ขาดสาย
    หลังจากหลวงพ่อทำตะกรุดในครั้งแรกได้ผลจึงได้ทำของออกมาอีกใช่ไหมครับ?
    -เพราะอาตมาทำตะกรุดออกมาครั้งแรกแล้วใช้ได้ผล จึงได้ทำตะกรุดต่อมาตามคำอธิษฐานก่อนหน้าที่จะเรียนรู้วิชาคาถาอาคมนั่นแหละ ปัจจุบันอาตมาจึงได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง เพื่อเอาไว้ให้ลูกศิษย์ได้นำไปบูชา ภายในงานประจำปีของวัดไทรน้อย ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในเดือนอ้าย ข้างขึ้นของทุกปี
    ตะกรุดที่หลวงพ่อทำเรียกว่าอะไรครับ?
    -มีตะกรุดหลายอย่างหลายแบบ อาทิ ตะกรุดโทนเดี่ยว ตะกรุดโทนคู่ ตะกรุดโทน ๒ ชั้นดอกเล็กและดอกใหญ่ ตะกรุดหนังเสือดอกเล็กและดอกใหญ่ ตะกรุดทองแดง ตะกรุดไม้ไผ่ตัน ตะกรุดทองแดง ลงรักปิดทองดอกยาวและดอกสั้น ทั้งหมดนี้ตะกรุดดอกเล็กหรือดอกใหญ่จะมีความแตกต่างกันที่ยันต์ และตะกรุดเหล่านี้หากเขียนอักขระเรียบร้อยแล้วม้วนได้เลยโดยไม่ต้องปลุกเสก
    ตะกรุดโทนใช้ให้ได้ดีนั้น มีพุทธคุณทางไหนครับ?
    -ตะกรุดทุกแบบเหมือนกันในการทำ แต่จะมีความแตกต่างกันในการนำไปใช้ เพราะตะกรุดโทนมีไว้แล้วสามารถป้องกันในเรื่องของปืนผาหน้าไม้ได้ รวมทั้งใช้ดีไปในทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดก็ได้เช่นกัน ส่วนถ้าเป็นตะกรุดเมตตาจะเน้นไปทางเมตตาค้าขาย แต่ทุกวันนี้อาตมามีอายุมากขึ้นแล้ว สามารถทำได้เท่าที่มีกำลัง ตอนนี้จึงทำตะกรุดได้เพียงวันละ ๒-๓ ดอกเท่านั้น
    ปัจจุบันหลวงพ่อยังจารอักขระยันต์ตะกรุดด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ?
    -ทุกวันนี้อาตมาอายุมากขึ้นแล้ว จะมีลูกศิษย์มาช่วยในการทำตะกรุดให้บ้าง แต่ส่วนใหญ่การจารอักขระอาตมาจะทำเองทุกครั้ง และปลุกเสกคนเดียว เพราะการทำวัตถุมงคลในครั้งแรกได้ผล ครั้งต่อไปก็จะได้ผลเหมือนกัน แต่ถ้าครั้งแรกทำวัตถุมงคลออกมาไม่ดี ต่อให้เสก ๓ คืน ๓ วัน หรือให้ปลุกเสกเป็นไตรมาสก็ไม่ได้ผล จะได้ผลหรือไม่ได้ผลอยู่ที่ตัวบุคคล ไม่อย่างนั้นใครนึกอยากจะทำวัตถุมงคลออกมาก็ทำกันได้ พระอาจารย์ เกจิอาจารย์คงเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว


    วัตถุมงคลที่เป็นเหรียญหลวงพ่อสร้างครั้งแรกเมื่อไรครับ?
    -อาตมาสร้างเหรียญรุ่นแรก ผูกพัทธสีมา ปี ๒๕๐๐ เป็น เหรียญพระอธิการเผื่อน อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรน้อยรูปแรก แต่ถ้าเป็นตัวอาตมาเอง เป็นปี ๒๕๐๘ รุ่นฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดไทรน้อย
    วัตถุมงคลที่เป็นเหรียญ กับตะกรุด มีพุทธคุณเหมือนกันไหมครับ?
    -ไม่เหมือนกัน ทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันไป แต่ตะกรุดจะดีกว่า เนื่องจากตะกรุดจะลงอักขระมากกว่าเหรียญ เพราะเหรียญมีเนื้อที่จำกัดในการลงอักขระ ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าการลงอักขระมีความสำคัญมากที่สุดในการทำเครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคล ถือเป็นตัวกำกับคาถาว่าจะขลังหรือไม่ขลัง
    การทำวัตถุมงคลออกมาให้ได้ผลนั้น ขึ้นอยู่กับอะไรครับ?
    -การทำวัตถุมงคลนอกจากขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลแล้ว บุญบารมีของแต่คนที่สร้างวัตถุมงคลก็สำคัญ มิใช่สักแต่ว่ามีคาถาก็ว่ากันไปนั้นไม่ได้ ของที่ทำออกมาเมื่อนำเอาไปใช้ก็จะไม่ได้ผล เหมือนเมื่อครั้งที่ ท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี ได้ให้ กำนันภพ ที่มีชื่อเสียงด้านการปลุกเสกย่านวัดหน้าไม้ จังหวัดปทุมธานี สมัยเป็นหนุ่มเคยมาบวชที่วัดโมลี จึงได้บอกกับท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลีว่า จะปลุกเสกเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ทราบว่าท่านเจ้าคุณอยากจะให้ทำอะไร ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นผ้ายันต์สัก ๕,๐๐๐ ผืนก็พอ จากนั้นกำนันภพก็ได้ปลุกเสกผ้ายันต์และวัตถุมงคลของวัดหน้าไม้ด้วยการเสก ๓ วัน ๓ คืนไม่ออกจากโบสถ์
    หลังจากปลุกเสกวัตถุมงคลเรียบร้อยแล้วเป็นอย่างไรครับ?
    -กำนันภพได้มีหนังสือไปถึงท่านเจ้าคุณฯ วัดโมลี ให้มารับผ้ายันต์ที่ปลุกเสกเสร็จแล้ว ท่านเจ้าคุณฯ จึงได้ให้เด็กหนุ่ม ๒ คน มารับผ้ายันต์ชุดนี้ไป ระหว่างเดินทางกลับนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองจึงคิดที่อยากจะลองของ ได้ดึงผ้ายันต์ออกมาประมาณ ๕ ผืน แล้วทดลองยิงกับต้นไม้ ผลปรากฏว่าต้นไม้ทะลุเลยแสดงว่าไม่เหนียว เด็กหนุ่มทั้งสองก็ไม่ยอมบอกใครว่า ผ้ายันต์ที่ปลุกเสกมานี้ใช้ไม่ได้ผล
    ทำไมผ้ายันต์ถึงไม่เหนียวครับ?
    -ก็อาตมาบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า การจะปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังนั้นไม่ใช่จะทำกันง่ายๆ แต่ผู้ปลุกเสกจะต้องมีบุญวาสนา เป็นคนที่มีบุญบารมีพอสมควร จึงจะทำให้การปลุกเสกวัตถุมงคลเหล่านี้ได้ผล ในอดีตเราสามารถเห็นได้จาก หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ถึงแม้จะมีลูกศิษย์สืบทอดวิชาคาถาอาคมจากพระอาจารย์เกจิต่างๆ ก็ไม่ได้ผล หากตัวบุคคลนั้นไม่มีบุญบารมีมากพอ
    มีอีกเรื่องหนึ่งที่อาตมาอยากจะเล่าให้ฟัง มีนายทหารผู้หนึ่งกินเหล้าแล้วไปเกะกะพ่อค้าแม่ค้าในตลาด พวกพ่อค้าแม่ค้าใช้มีดฟันไปที่นายทหารคนนี้ไม่เข้า อีกคนแทงด้วยฉมวกก็ไม่เข้า เขาไม่ได้แขวนพระ ไม่มีตะกรุดไม่มีเครื่องรางใดๆ เลยอยู่ในตัว มีเพื่อนของนายทหารผู้นี้ถามว่า มีอะไรดีถึงฟันแทงไม่เข้า นายทหารผู้นี้ก็ไม่ยอมบอก
    แล้วเพราะเหตุใดที่นายทหารผู้นี้ถึงถูกฟันไม่เข้าครับ?
    -ในตอนหลังนายทหารผู้นี้บอกว่า ที่เขาถูกยิงไม่เข้า ก็เพราะว่าเขามี "คด" ซึ่งเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง เป็นหินเหมือนทองคำ มีความยาวประมาณ ๒ นิ้ว คนที่จะอานุภาพปลุกเสกวัตถุมงคลให้ได้ผลจะต้องมี "คด" ที่อยู่ในตัวคนตั้งแต่เกิด ถือเป็นเรื่องธรรมชาติให้มา คนที่มี "คด" อยู่ในตัวจะรู้ได้ด้วยตัวเอง เพราะจะมีนิมิตมาบอก แต่เจ้าตัวจะบอกหรือไม่บอกคนอื่นหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนใดที่ไม่มี "คด" ในตัวจะไปปลุกเสกวัตถุมงคลให้มีความเข้มขลังก็ไม่ได้
    "คด" ที่ว่านี้จะอยู่ในส่วนไหนของมนุษย์ครับ?
    -อาตมาก็บอกไม่ได้ว่า "คด" ที่อยู่ในตัวคนจะอยู่ในตำแหน่งใดของร่างกาย สมัยก่อนเมื่อคนที่มี "คด" อยู่ในตัวตายไป จะมีผู้คนคอยเก็บ "คด" ที่อยู่ในตัว เมื่อตอนเก็บเชิงตะกอน เพราะเมื่อมีการเผาศพ "คด" ไฟจะไม่สามารถเผา "คด" ได้เลย คนที่ไปเก็บ "คด" มาจะพบว่า "คด" ที่ว่านี้เป็นก้อนหิน เขาจะเอาไปเลี่ยมทองแขวนคอ ถ้าถามคนสมัยใหม่เขาก็จะไม่เชื่อกับเรื่องแบบนี้ เขาจะหาว่าโกหกถือเป็นเรื่องเหลวไหล หากอาตมาไม่เคยเห็นมากับตาก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน
    หลวงพ่อจริงๆ แล้ววัตถุมงคลสามารถลองได้ไหมครับ?
    -ก็ลองกันได้เหมือนกัน แต่บางคนไปลองแล้วปากเบี้ยวก็มี สาเหตุเป็นเพราะอะไรอาตมาก็ไม่ทราบได้ ทั้งนี้และทั้งนั้นอาตมาว่า คนเราจะลองอะไรก็ต้องให้รู้จักเวล่ำเวลา ลองด้วยความศรัทธาไม่ได้ลองด้วยความดูหมิ่น หากจะลองแบบขอไปทีความขลังก็จะไม่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องแปลกที่เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่หาคำตอบไม่ได้
    วัตถุมงคล หรือเครื่องรางของขลังใช้ไปนานๆ เสื่อมได้ไหมครับ?
    -หัวหน้าการไฟฟ้าอำเภอไทรน้อยคนหนึ่ง ได้มาขอตะกรุดของอาตมาไปเมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเขายังเป็นนักเรียนช่างกล กระทั่งปัจจุบันเขาก็ยังใช้อยู่ มีลูกศิษย์บางคนใช้มานานกว่า
    ๓๐ ปีแล้วเขาก็ยังใช้แขวนติดตัว ดังนั้น เครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคลไม่ว่าจะเป็นของเก่าของใหม่มีความขลังเหมือนกันไม่มีอะไรแตกต่าง และไม่เสื่อมแต่ประการใด
    ญาติโยมนำวัตถุมงคลไปใช้แล้ว มีข้อห้ามอะไรไหมครับ?
    -หลักการนำเครื่องรางฯ หรือวัตถุมงคลไปใช้ มีอยู่เพียงหลักการเดียวต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ไปต้มตุ๋นหลอกลวงใคร เป็นคนมีศีลมีธรรมก็ใช้ได้แล้ว
    และที่สำคัญอย่าไปด่าพ่อล่อแม่เขา หรือกินเหล้าเมาทำตัวเกเรอันธพาล หากทำตัวไม่ดี ความขลังก็จะกลายเป็นความเสื่อมได้ทันที
    ถ้าหากวัตถุมงคลเหล่านี้ไปอยู่กับโจรก็ไม่ดีซิครับ?
    -เรื่องแบบนี้บอกไม่ได้ หากพวกโจรบางคนมันมีบุญบารมีที่ดีในอดีตชาติ เมื่อมาอยู่ชาตินี้แล้วทำชั่ว แต่มีเครื่องรางฯ คุ้มครองความปลอดให้ก็มีโอกาสรอดได้เช่นกัน อย่าลืมว่าโจรทุกยุคทุกสมัยก็จะต้องหาของดีติดตัวเสมอ แต่อาตมาจะให้ข้อเตือนใจว่า แม้วันนี้คนทำความชั่วแล้วได้ดี แต่เมื่อวันใดหมดบุญบารมีที่สะสมเอาไว้ในชาติที่แล้ว เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า กลุ่มโจรเหล่านี้ไม่เคยมีใครตายดีสักคนเดียว ไม่ตายด้วยระเบิดก็ตายด้วยเอ็ม ๑๖
    ระหว่างของขลังกับธรรมะมีความเหมือน
    หรือแตกต่างกันอย่างไรครับ?
    -เป็นคนละเรื่องกัน และมีความแตกต่างกัน เพราะของขลังเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ เป็นเรื่องลี้ลับที่พิสูจน์ให้เห็นด้วยการปฏิบัติป้องกันภัย และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ส่วนธรรมะเป็นการศึกษาจากตำรา นั่งสมาธิ หรือพระสงฆ์เทศนาสั่งสอนญาติโยมด้วยหลักธรรมะ และผู้ที่จะเข้าถึงธรรมะได้ก็สามารถเข้าถึงได้ทั้งสองทาง ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์ หรือธรรมะ
    ญาติโยมควรเลือกไสยศาสตร์หรือธรรมะดีล่ะครับ?
    -อาตมาว่าเลือกธรรมะจะดีกว่า เพราะจะได้ช่วยบ่มเพาะจิตใจ เพราะไสยศาสตร์บ่มเพาะจิตใจไม่ได้ ไสยศาสตร์มีไว้ติดตัว ที่ญาติโยมส่วนใหญ่หันมาพึ่งไสยศาสตร์กันมาก ก็เพราะว่าโลกเราถึงคราววิบัติ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ถูกปล้น หรือถูกลอบวางระเบิด ยิ่งสงครามด้วยแล้ว ทุกคนจะต้องหาเครื่องรางฯ ไว้ติดตัวป้องกันอันตรายต่างๆ นั่นเอง
    เรื่องไสยศาสตร์สอนให้คนงมงายได้ไหมครับ
    -จะเป็นเรื่องงมงายหรือไม่นั้น อาตมาว่าอยู่ที่ตัวคนมากกว่า ถ้าคนเราเชื่ออย่างมีปัญญาว่าสิ่งเหล่านี้ใช้คุ้มครอง มีแล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับตัวเองจึงไม่งมงาย กลุ่มคนเหล่านี้ก็เหมือนเดินอยู่บนสายกลาง แต่หากบางคนเชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา เชื่อแบบไม่มีเหตุไม่มีผล คนพวกนี้ก็ถือว่าเป็นคนงมงาย
    เรื่อง-กวี สกาวไพร, สุทธิคุณ กองทอง
    ภาพ-นัทพล ทิพย์วาทีอมร ประวัติหลวงพ่อประสิทธิ์
    หลวงพ่อประสิทธิ์ อายุ ๗๗ ปี พรรษา ๕๔ ชื่อเดิม ประสิทธิ์ พุ่มน้อย เกิดวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๘ ที่หมู่บ้านคลองมอญ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นบุตร นายมาก-นางทวี พุ่มน้อย อาชีพเกษตรกร
    ในวัยเด็กท่านได้ย้ายตามบิดามารดาไปอยู่ที่คลองมอญ แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และเรียนจบการศึกษาชั้นประถม ๔ ที่โรงเรียนวัดสุทธาโภชน์ เมื่ออายุ ๑๕ ปี จึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดสุทธาโภชน์เป็นเวลา ๓ ปี ต่อมาอายุ ๑๘ ปี จึงได้ลาสิกขามาช่วยบิดามารดาทำนากระทั่ง อายุครบอายุเกณฑ์ทหาร ได้เข้ารับราชการทหาร ณ กรมขนส่งทหารบกสะพานแดง บางซื่อ เป็นเวลา ๒ ปี
    หลังจากพ้นภารกิจทหารเกณฑ์ มีอายุ ๒๓ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสุทธาโภชน์ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๙๑ โดยมี พระอธิการโพธิ์ วัดราษฎร์บำรุง เขตหนองจอก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสังข์ วัดสุทธาโภชน์ เป็นพระคู่สวด
    พ.ศ.๒๔๙๓ สอบได้นักธรรมชั้นเอก จึงได้รับมอบหมายให้เป็นครูสอนปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร พร้อมทั้งได้ศึกษาตำราวิชาต่างๆ จากสมุดข่อยจากวัดสุทธาโภชน์ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ก่อนหน้านี้
    หลวงพ่อประสิทธิ์ได้มาศึกษาบาลีไวยากรณ์ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยจำพรรษาที่วัดตรีทศเทพ เป็นเวลา ๔ พรรษา แต่ยังไม่บรรลุผล เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙ พระอธิการเผื่อน เจ้าอาวาสวัดไทรน้อยรูปแรกในขณะนั้นได้มรณภาพลง ทางมัคนายกได้นิมนต์ให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๒ และเมื่อเห็นวัดไทรน้อยอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๙ พร้อมทั้งได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดไทรน้อย เมื่อออกพรรษาในปีเดียวกัน จึงได้จัดงานฝังลูกนิมิตอุโบสถหลังเก่า
    พ.ศ.๒๕๐๐ ได้สร้างหอปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญ กุฏิ และพ.ศ.๒๕๐๒ อุโบสถชำรุด จึงสั่งรื้อ แล้วได้สร้างอุโบสถหลังใหม่โดยใช้เวลาสร้างประมาณ ๕ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๗ จึงได้จัดงานฝังลูกนิมิต ได้กราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถหลังใหม่
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อประสิทธิ์วัดไทรน้อยปี 2521 กะไหล่เงินสภาพสวยเดิมหายากให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry(ปิดรายการ)

    IMG_20221002_020509.jpg IMG_20221002_020536.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2022
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญหลวงพ่อประสิทธิ์วัดไทรน้อยปี 2528ให้บูชา 200บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry

    IMG_20221002_020710.jpg IMG_20221002_020635.jpg
     
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,962
    ค่าพลัง:
    +6,871
    ขอจองครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    200px-พระครูนิทัศนพลลธรรม.jpg

    เหรียญหลวงปู่ต่อวัดเขาแก้วอำเภอพยุหะคีรีจังหวัดนครสวรรค์ สิทธิ์ในสายหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพหลวงพ่อกันวดเขาแก้ว ท่านมรณภาพอายุร่วม 100 ปี วัตถุมงคลท่านไม่ได้สร้างเยอะ
    เหรียญหลวงปู่ต่อวัดเขาแก้วให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบflashหรือ j&tหรือเคอรี่
    IMG_20221002_032733.jpg IMG_20221002_032816.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1A-1-610x696.jpg
    "พระครูวิจารณ์ธรรมคุณ" หรือที่ชาวบ้านมักเรียกขานว่า "หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต" ด้วยเป็นนามที่คุ้นเคยต่อการเรียกขานของบรรดาศิษยานุศิษย์ รวมทั้งผู้ใกล้ชิดที่เลื่อมใสศรัทธาชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วท้องทุ่งเมืองสมุทรปราการถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคล ที่สามารถพลิกผันสถานการณ์อันเลวร้าย ให้กลับกลายเป็นดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ปัจจุบัน หลวงพ่อชาญ สิริอายุ 98 ปี พรรษา 78 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแห่งวัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอบางบ่อ อัตโนประวัติหลวงพ่อชาญ มีนามเดิมว่า ชาญ รอดทอง เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2457 ที่ ต.เกาะไร อ. บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ชีวิตในวัยเด็กเป็นคนที่เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน ชอบเข้าวัดฟังธรรม เรียนจบชั้น ป.5 จากโรงเรียนอภัยพิทยาคาร (วัดแก้วพิจิตร) จ.ปราจีนบุรี แล้วออกมาช่วยบิดามารดาทำนา เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2476 มีพระอธิการบุญเหลือ โสภโณ วัดเทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า อิณมุตโต หลังอุปสมบทได้อยู่จำพรรษาที่วัดคลองสวน ต่อมาย้ายมาอยู่ที่วัดนิยมยาตรา จำพรรษาอยู่ 32 พรรษา ระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่อำเภอบ้านโพธิ์ ได้มีโอกาสศึกษาวิชากัมมัฏฐานจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังยุคอินโดจีน 2 ท่าน คือ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก และ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี หลวงพ่อชาญ ได้เรียนวิชากัมมัฏฐาน 40 กอง จากหลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา หลวงพ่อชาญ เล่าว่า "การเรียนกัมมัฏฐาน เป็นวิธีฝึกจิตให้เกิดสมาธิ เมื่อมีสมาธิก็เกิดปัญญา และมองได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย สรุป คือ ไม่มีอะไรเลย เพื่อให้ปลงและหลุดพ้น" ในบรรดาพระอาจารย์ของหลวงพ่อชาญทั้งหมด หลวงพ่อเหลือ ถือเป็นปฐมอาจารย์ก็ว่าได้ หลวงพ่อเหลือ เป็นพระที่ใฝ่รู้ศึกษาค้นคว้าทางพระเวทวิทยาคมด้านมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด และยาแผนโบราณ หลังศึกษาอยู่กับหลวงพ่อเหลือจนวิชาแกร่งกล้าแล้ว จึงได้ออกธุดงค์จนพบกับหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จ.สมุทรปราการ และได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ในครั้งนี้ท่านได้พบกับสหธรรมิก คนสำคัญท่านหนึ่ง คือ หลวงพ่อนก วัดสังกะสี จ.สมุทรปราการ หลวงพ่อชาญ ศึกษาวิชาพื้นฐานสมถกรรมฐาน และการตั้งธาตุหนุนธาตุประจุในวัตถุมงคล ซึ่งวิชานี้หลวงพ่อเหลือได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อปาน ทำให้ได้ตกทอดมาอยู่กับหลวงพ่อชาญ สำหรับการตั้งธาตุหนุนนั้น ลูกศิษย์ในสายของหลวงพ่อเหลือ ทราบกันดีว่าเป็นหัวใจหลักของการปลุกเสกวัตถุมงคล ผลงานด้านการดูแลศาสนสมบัติ หลวงพ่อชาญ ได้จัดสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ มากมาย ทั้งศาลาการเปรียญ กุฏิทรงไทย ซุ้มประตู โรงเรียนพระปริยัติธรรม และเมรุไร้ควัน จนได้รับการยกเป็นวัดพัฒนาดีเด่นในปี พ.ศ.2547 ด้านการศึกษา ได้จัดให้มีการสร้างโรงเรียนประถมวัดบางบ่อ พร้อมทั้งสนับสนุนโรงเรียนทุกโรงเรียนที่อยู่ในเขตปกครอง ด้วยทุนทรัพย์ที่ชาวบ้านในย่านนั้นให้การบริจาคไว้ ซึ่งท่านได้จัดตั้งกองทุนเอาไว้ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสได้รับการศึกษา รวมทั้งพระภิกษุ-สามเณรด้วย ท่านได้ส่งพระภิกษุ-สามเณรที่สนใจใฝ่การศึกษาเหล่านั้น ไปรับการศึกษาในกรุงเทพฯ บางรายประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม โดยอาศัยปัจจัยจากกองทุนการศึกษาที่ท่านจัดตั้งขึ้น ลำดับการปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2510 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางบ่อ พ.ศ.2513 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอบางบ่อ พ.ศ.2541 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอบางบ่อ จนถึงปัจจุบัน ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2510 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูวิจารณ์ธรรมคุณ พ.ศ.2551 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระมงคลวรากร การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อชาญนั้น นานครั้งถึงจะจัดสร้างสักครั้งหนึ่ง เช่น พระเหรียญและพระผง 80 ปี เหรียญนั่งเสือ เสือหล่อ เสือไม้แกะจากไม้งิ้วดำ ไม้พะยูง และอื่นๆ เป็นต้น แต่ส่วนมากญาติโยมจะมาขอสร้างท่านก็เมตตาอนุญาตให้จัดสร้าง หลวงพ่อชาญ เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นพระแท้ ที่น่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ชื่อเสียงโด่งดังมานาน เป็นที่กล่าวขานในหมู่ศิษย์ชาวบางบ่อ และชาวปากน้ำถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ และจริยวัตร ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลสำคัญทั่วประเทศ สำหรับวัตถุมงคลของท่านที่มีประสบการณ์และกล่าวขานกันถึงพุทธคุณ ได้แก่ เหรียญนั่งเสือ ปี พ.ศ.2550 ถือได้ว่าเป็นเหรียญยอดนิยมในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังมีวัตถุมงคลดังอีกหลายรุ่น อาทิ เหรียญหล่อโบราณเนื้อเงิน, พระกริ่ง รุ่นมงคลวรากร, เหรียญโปร่งฟ้าหลวงพ่อชาญ, พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อชาญ เป็นต้น แม้ปัจจุบัน หลวงพ่อชาญ จะมีวัยเกือยร้อยปีแล้ว แต่สุขภาพร่างกายของท่านยังคล่องแคล่ว แข็งแรง เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมและพลังจิตของท่าน ทำให้หลวงพ่อชาญได้รับการยกย่องว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของจังหวัดสมุทร ปราการอีกรูปหนึ่ง

    พระผงหลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ สมุทรปราการ เนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ พิมพ์กลม ขนาด3เซนติเมตร ปี๒๕๕๑ หลังยันต์แปดทิศ ทาทอง ผสมเกษาพุทธภิเษก ณ พระอุโบสถวัดบางบ่อ อธิษฐานจิตโดยพระคณาจารย์ดั้งนี้ 1ลพ.ชาญ วัดบางบ่อ สป. 2ลป.กาหลง เขี้ยวแก้ว วัดเขาแหลม สก.3ลป.เจือ วัดกลางบางแก้ว4ลพ.ฟู วัดบางสมัคร ฉช.5ลพ.นิด วัดศีรษะทอง นฐ.6ลพ.จง วัดมงคลโคธาราม สป.7พระครูสมนึก วัดสุคันธาวาส สป.8หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม นฐ.และพระอาจารย์สมใจ วัดบางบ่อ สป. มวลสารประกอบด้วย 1กระเบื้องหลังคาเก่าพระอุโบสถ 2ไม้มงคล๑๐๘ 3เกสรดอกไม้๑๐๘ 4ว่าน๑๐๘ 5ผงคัมภีร์โบราณ 6ขี้ธูปจากวัดต่างๆ 7จีวรเก่าหลวงพ่อชาญ 8ปูนเสมาเก่า 9ผงพระเก่าจำนวนมาก และผงอิฐเจดีย์เก่า รุ่นเดียวกับที่มีประสบการณ์ ขับรถชนกับรถเทรนเลอร์ครับ
    Pic_499061_4.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงหลังยันต์แปดทิศหลวงปู่ชาญวัดบางบ่อองค์นี้มีเกศาด้านหน้าครับเลี่ยมเดิมจากวัดให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่ครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20221003_014229.jpg IMG_20221003_014246.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2022
  14. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,962
    ค่าพลัง:
    +6,871
    ขอจองครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1664738060452.jpg
    พระครูนิวาสธรรมโกวิทประเทือง อินทวิโร
    เจ้าอาวาสต่อจากหลวงพ่อน้อย ท่านเกิด
    วันอาทิตย์ที่1มกราคมพศ.2481
    ท่านอุปสมบทเมื่อ14พฤษภาคม2502 โดยมีหลวงพ่อน้อย เตชปญโญเป็น
    อุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฉะอ้อน ส้งสิทธิ์
    ฐิตมนตีเป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระครู
    นิพันธสีลคุณเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    หลังจำพรรษาที่วัดหนองโพ1พรรษา
    ไปศึกษาต่อที่วัดนครสวรรค์7พรรษาและ
    ไปเข้าเรียนต่อที่วัดมหาธาตุ กทมเป็นเวลา5ปีกลับมาเป็นครูสอนที่วัดนครสวรรค์อีก3พรรษา
    ชาวบ้านนิมนต์ท่านมาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองโพเมื่อปีพศ.2518
    หลวงพ่อน้อยเล็งเห็นว่าท่านในอนาคตต้องเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองโพท่านจึงได้รับท่านเป็นศิษย์อบรมสรรพวิชาต่างๆซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเดิมให้แก่หลวงพ่อประเทืองจนหมดสิ้น
    ต่อมาเมื่อหลวงพ่อน้อยได้ละสังขารเมื่อปลายปีพศ.2533 หลวงพ่อประเทืองจึงรับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากหลวงพ่อน้อยโดยมติของชาวบ้านกรรมการวัดและเจ้าคณะอำเภอเป็นเอกฉ้นท์
    และเรื่องที่จะเล่าให้รู้นี้เป็นเรื่องที่เล่ากันมา ผู้บันทึกไม่ได้พบด้วยตัวเอง
    เรื่องมีอยู่ว่าช่วงที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสมีช่วงหนึ่งมีเพลงที่ติดปากเพลงหนึ่งคือเพลง ประเทือง ได้มีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินผ่านหน้ากุฎิเห็นท่านยืนอยู่ด้วยความคึกคนองได้ร้องเพลงนี้ขึ้นมีคำร้องว่า
    อุ้ย อุ้ยนั่นประเทืองนี่หว่า พร้อมทั้งยักเอวยักก้นเหมือนกระเทยผ่านท่าน
    แล้วเป็นที่เหลือเชื่อวัยรุ่นคนนั้นก็ได้เดินยักก้นอ้อนแอ้นไปแบบนั้นไม่คืนมาอย่างเก่าปกติ
    จนเป็นที่กล่าวขวัญก้นทั่วไป พ่อแม่ของ
    วันรุ่นร้อนอกร้อนใจรวมทั้งวัยรุ่นผู้นั้นต้องนำธูปแพเทียนแพพวงมาลัยมาที่วัดกราบขอขมาหลวงพ่อประเทือง
    ท่านยิ้มๆแล้วรับขมาพร้อมกับกล่าวว่า
    มันเป็นกรรมเก่าของท่าน
    ปรากฏว่าหลังจากกราบขมาท่านลงจากกุฏิอาการของวัยรุ่นได้หายไปปกติเป็นที่ อ้ศจรรย์
    เรื่องเล่าสู่กันฟังนี้จะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้แต่คิดเป็นเรื่องสอนได้หลายอย่าง
    ขอความสว้สดีมีแด่ทุกท่าน.
    พ.ศ.2518 ชาวบ้านไม่ละความพยายาม ได้ไปนิมนต์ท่านอีกครั้ง ด้วยความจริงใจของชาวบ้าน
    จึงยอมรับนิมนต์มาจำพรรษา ณ วัดหนองโพธิ์ พระมหาประเทืองได้คอยรับใช้ใกล้ชิด
    ช่วยแบ่งเบาภาระงานของหลวงพ่อน้อย ในทุกด้านตลอดมา หลวงพ่อน้อย
    ได้มีเมตตารับพระมหาประเทืองเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาอาคม เมตตามหานิยมต่างๆ
    ตามที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากหลวงพ่อเดิม ทุกประการ

    พ.ศ.2520 พระมหาประเทือง ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์
    พ.ศ.2524 เป็นเจ้าคณะตำบลหนองโพธิ์ เขต1 พ.ศ.2526 เป็นพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ.2527 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอกที่ พระครูนิวาสธรรมโกวิท
    พ.ศ.2533 หลวงพ่อน้อย ได้มรณภาพลง ทำให้พระครูนิวาสธรรมโกวิท (หลวงพ่อประเทือง)
    ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์

    ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี ชาวบ้านมักกล่าวขวัญ พระครูนิวาสธรรมโกวิท หรือหลวงพ่อประเทือง อินทวีโร
    เป็นศิษย์ของหลวงพ่อน้อย สายหลวงพ่อเดิมอย่างแท้จริง

    พระครูนิวาสธรรมโกวิท เป็นพระเถระที่ชาวบ้านหนองโพธิ์ ให้ความเลื่อมใสศรัทธา
    ข้อเสนอแนะที่ผ่านการพิจารณาจากหลวงพ่อประเทือง ชาวบ้านหนองโพธิ์
    จะยึดถือและปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจแฝประวัติ พระอริยสงฆ์ สายตรง วัดหนองโพธิ์

    วัดหนองโพธิ์ รุ่นที่1. หลวงพ่อเดิม (พระครูนิวาสธรรมขันธ์)

    วัดหนองโพธิ์ รุ่นที่2. หลวงพ่อน้อย เตชปุญฺโญ (พระครูนิพนธ์ธรรมคุต) =>
    ผู้สร้างเหรียญ หลวงพ่อเดิม ย้อนยุค ๒๔๗๐ เป็น ๒๕๓๐

    วัดหนองโพธิ์ รุ่นที่3. หลวงพ่อประเทือง (พระครูนิวาสธรรมโกวิท) =>
    ผู้ช่วยสร้างเหรียญย้อนยุค


    หลวงพ่อประเทือง อินทวีโร วัดหนองโพธิ์ ศิษย์หลวงพ่อน้อย
    "หลวงพ่อประเทือง อินทวีโร" หรือ "พระครูนิวาสธรรมโกวิท"
    อดีตเจ้าคณะตำบลหนองโพธิ์ เขต 1
    และเจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

    เป็นพระสงฆ์ที่เพียบพร้อมด้วยจริยาวัตรที่งดงาม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย
    มักน้อย ถือสันโดษ มีเมตตาธรรมสูง จนเป็นที่เลื่อมใสอยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
    ชาวนครสวรรค์มาโดยตลอด

    อัตโนประวัติ เกิดในสกุล สังข์ทิพย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2481
    ณ บ้านเลขที่ 232 หมู่ 1 ต.หนองโพธิ์ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
    ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม

    เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดหนองโพธิ์ (นิวาสานุสรณ์) แล้วออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพจน
    เมื่ออายุผ่านวัยเกณฑ์ทหาร ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2502 ณ พัทธสีมา วัดหนองโพธิ์
    โดยมีพระครูนิพนธ์ธรรมคุต (หลวงพ่อน้อย) เจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูนิพัทธสีลคุณ
    เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ฉอ้อน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา อินทวีโร
    อยู่จำพรรษาวัดหนองโพธิ์ 1 พรรษา และสอบได้นักธรรมชั้นตรี

    พ.ศ.2503 ย้ายไปศึกษาพระธรรมวินัยต่อที่วัดนครสวรรค์ สอบได้นักธรรมชั้นโท-เอก ตามลำดับ
    และสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค

    พ.ศ.2510 ได้เข้าไปเรียนต่อที่วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ ประจำอยู่ที่คณะ 24 เป็นเวลา 5 พรรษา
    สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค

    พ.ศ.2515 ย้ายกลับมาเป็นครูสอนนักธรรมและบาลีที่วัดนครสวรรค์

    ช่วงปี พ.ศ.2517 พระครูนิพนธ์ธรรมคุต (หลวงพ่อน้อย เตชปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์
    ไม่มีพระคอยช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในวัดคณะ กรรมการวัดและชาวบ้านหนองโพธิ์
    เล็งเห็นว่าพระมหาประเทืองเป็นพระที่มีความเหมาะสม
    ควรที่จะสืบทอดเป็นผู้บริหารดูแลวัดหนองโพธิ์ต่อไป จึงได้นิมนต์ท่านมาเป็นรองเจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์
    แต่ท่านปฏิเสธยังไม่รับนิมนต์จากชาวบ้านในครั้งนั้น

    พ.ศ.2518 ชาวบ้านไม่ละความพยายาม ได้ไปนิมนต์ท่านอีกครั้ง ด้วยความจริงใจของชาวบ้าน
    จึงยอมรับนิมนต์มาจำพรรษา ณ วัดหนองโพธิ์ พระมหาประเทืองได้คอยรับใช้ใกล้ชิด
    ช่วยแบ่งเบาภาระงานของหลวงพ่อน้อย ในทุกด้านตลอดมา หลวงพ่อน้อย
    ได้มีเมตตารับพระมหาประเทืองเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาอาคม เมตตามหานิยมต่างๆ
    ตามที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากหลวงพ่อเดิม ทุกประการ

    พ.ศ.2520 พระมหาประเทือง ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์
    พ.ศ.2524 เป็นเจ้าคณะตำบลหนองโพธิ์ เขต1 พ.ศ.2526 เป็นพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ.2527 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอกที่ พระครูนิวาสธรรมโกวิท
    พ.ศ.2533 หลวงพ่อน้อย ได้มรณภาพลง ทำให้พระครูนิวาสธรรมโกวิท (หลวงพ่อประเทือง)
    ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์

    ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี ชาวบ้านมักกล่าวขวัญ พระครูนิวาสธรรมโกวิท หรือหลวงพ่อประเทือง อินทวีโร
    เป็นศิษย์ของหลวงพ่อน้อย สายหลวงพ่อเดิมอย่างแท้จริง

    พระครูนิวาสธรรมโกวิท เป็นพระเถระที่ชาวบ้านหนองโพธิ์ ให้ความเลื่อมใสศรัทธา
    ข้อเสนอแนะที่ผ่านการพิจารณาจากหลวงพ่อประเทือง ชาวบ้านหนองโพธิ์
    จะยึดถือและปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจและศรัทธาเป็นยิ่งนัก

    ท่านได้บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ และสถานที่สำคัญของวัดมาโดยตลอด อาทิ สร้างโรงครัวใหม่ 1 หลัง
    ซ่อมอุโบสถหลังเก่า ซ่อมแซมกำแพงเจดีย์ 3 องค์ เทพื้นคอนกรีตรอบอุโบสถ
    และเทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กรอบศาลา บูรณะสระบัว ติดกระจกศาลาประชาสามัคคี
    สร้างรูปปั้นช้างหลวงพ่อเดิม สร้างห้องสุขา 8 แห่ง สร้างรั้วคอนกรีตเสริม
    เหล็กรอบวัด และเป็นประธานจัดตั้งมูลนิธิหลวงพ่อเดิม
    เพื่อส่งเสริมการศึกษาบุตร-ธิดา ของชาวบ้านหนองโพธิ์ด้วย

    ด้วยสังขารไม่เที่ยง หลวงพ่อประเทือง อินทวีโร (พระครูนิวาสธรรมโกวิท)
    เกิดอาพาธอาการหายใจไม่สะดวกเฉียบ พลันได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์ จ.นครสวรรค์
    และได้มรณภาพลงด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือดรุน แรง เมื่อเวลา 05.15 น.
    วันที่ 17 ธันวาคม 2550 สิริอายุ 69 ปี 11 เดือน 17 วัน พรรษา 48

    นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เป็นอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ หีบเพลิงพระราชทาน
    เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ
    วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2552 เวลา 16.00 น.
    ณ จิตกาธาน (เมรุชั่วคราว) วัดหนองโพธิ์ โดยมีพระธรรมรัตนดิลก
    วัดสุทัศนเทพวราราม รองเจ้าคณะภาค 4 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
    และนายศุภกิจ บุญฤทธิพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อมหาประเทืองวัดหนองโพออกวัดหนองรั้ว เป็นเหรียญรูปเหมือนของท่านรุ่นแรกองค์นี้ท่านโรงเหล็กจารอักขระยันต์บนเหรียญด้านหน้าให้ด้วยครับ
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)
    IMG_20221003_023539.jpg IMG_20221003_023453.jpg IMG_20221003_024107.jpg IMG_20221003_024037.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2022
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1664768537093.jpg 1664768540472.jpg

    #พระราชอุทัยกวี(พุฒ สุทตฺโต ) กับ พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)วัดท่าซุง (คัดลอกจากหนังสือ อนุสรณ์งานสมโภชสมณศักดิ์ พระราชพรหมยาน )
    “พระราชอุทัยกวี เจ้าคณะจังหวัดอุทัย วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม วัดทุ่งแก้ว องค์นี้บรรดาญาติโยมทั้งหลาย อาตมามีความเคารพเหมือนพ่อเลยนะ พอท่านรู้ความจริงสมัยที่เค้าไปฟ้องร้อง ว่ามันไม่เป็นความจริงอันนี้ต่อมาท่านเห็น แสดงออกชัดว่า มีความดีทุกอย่าง เป็นผู้ใหญ่ทุกอย่าง เมตตาปราณีทุกอย่าง ตรงไปตรงมาหายาก. เป็นพระที่อาตมากราบ กราบด้วยเต็มกำลัง เต็มที่ เต็มกำลังใจ”
    หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต' หรือ 'พระราชอุทัยกวี' อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีและ เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (ทุ่งแก้ว) อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง แม้ชื่อเสียงของท่านจะไม่โด่งดังเหมือนพระเกจิอาจารย์ รูปอื่นๆ
    พระราชอุทัยกวี มีนามเดิมว่า พุฒ แจ้งอิ่ม เกิดเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2439 ณ บ้านหนองเต่า ต.ทุ่งใหญ่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2458 ณ วัดทุ่งแก้ว โดยมีพระสุนทรมุนี (ใจ คังคสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า สุทัตโต
    หลวงพ่อพุฒให้ความสนใจด้านวิทยาคม ได้ศึกษาจากผู้มีวิทยาคุณอีกจำนวนมาก อาทิ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) วัดเขาแก้ว, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี, หลวงพ่อสิน วัดหนองเต่า, หลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง, หลวงพ่อจิ๋ว วัดโนนเหล็ก, พระวิบูลวชิรธรรม (สว่าง) วัดท่าพุทรา, หลวงพ่อจ้อย วัดอมฤตวารี และพระอุดมธรรมภาณ (สม) วัดทัพทัน เป็นต้น
    วันที่ 24 เมษายน 2533 หลวงพ่อพุฒได้มรณภาพอย่างสงบ ภายในกุฏิสุนทรประมุข สิริอายุ 95 พรรษา 75 ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลด้วยครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงปู่พุฒวัดมณีสถิตย์อุทัยธานีสวยเดิมให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบแฟลชหรือ j&t หรือเคอรี่

    IMG_20221003_104848.jpg IMG_20221003_104902.jpg IMG_20221003_104834.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2022
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1664824648901.jpg
    ประวัติโดยย่อของหลวงพ่อวิชัย(ทึม)ผาสุโกเจ้าอาวาสวัดเขาสว่างวงษ์ ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรีผู้สืบทอดวิชาฝังเข็มทอง"จตุราวุธ"แห่งถําวัวแดง จ.เลย หนึ่งเดียวในประเทศไทย หลวงพ่อวิชัยท่านเป็นชาวบ้านหมี่โดยกําเนิด ตอนที่ท่านเป็นฆราวาสท่านเป็นคนจริงคนหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะบวชเพราะเบื่อในชีวิตฆราวาส ท่านเคยเดินทางไปกราบหลวงพ่อพรหม ถาวโรที่วัดช่องแคเพื่อขอของดีป้องกันตัว ซึ่งหลวงพ่อพรหมก็ให้ความเมตตาต่อท่าน ก่อนที่ท่านจะกลับหลวงพ่อพรหมได้เรียกท่านให้เข้าไปหาและเอามือลูบหัวท่านแล้วบอกกับท่านว่าให้บวชซะถ้าไม่บวชเอ็งก็ติดคุก และมอบตําราคาถาอาคมให้กับท่านมาเล่มหนึ่งซึ่งหลวงพ่อวิชัยท่านบอกว่าเป็นตําราด้านคงกระพันมหาอุดซึ่งหลวงพ่อวิชัยท่านก็เก็บรักษาไว้อย่างดี หลังจากนั้นคําพูดของหลวงพ่อพรหมก็เป็นจริง หลวงพ่อวิชัยท่านต้องคดียิงคู่อริท่านต่อสู้คดีอยู่ 3เดือน จึงหลุดพ้นคดี หลวงพ่อวิชัยท่านบวชเมื่ออายุ 23 ปี ณ.อุโบสถวัดเขาวงกฏ เมื่อครั้งอดีตกาลวัดเขาวงกฏเปรียบเหมือนตักศิลา ด้านวิปัสนากัมฐาน โดยมีเกจิอาจารย์ที่เป็นเลิศด้านวิปัสนากัมฐาน นามว่าหลวงปู่เพา พุทธสโร เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อวิชัยท่านจึงได้รําเรียนวิปัสนากัมฐานจากวัดเขาวงกฏโดยมีหลวงปู่บกเจ้าอาวาสที่สืบทอดต่อๆมาให้ความเมตตาอบรมสั่งสอนจนสําเร็จ หลังจากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงปู่บกพระอุปฌาย์ออกธุดงค์หาสถานที่สงบเพื่อฝึกฝนสมาธิ และเสาะหาเกจิอาจารย์ที่มีวิชาเพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ท่านเดินธุดงค์จนถึง หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตจ.เลยติดรอยต่อกับประเทศลาว ท่านได้พบกับอาจารย์สําลีซึ่งเป็นฆราวาสที่เก่งกล้าด้านสรรพวิชาไสยเวทย์ท่านหนึ่งอายุประมาณ 90ปี ท่าน จึงเข้าไปขอฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชา ซึ่งอาจารย์สําลีท่านก็เมตตารับเป็นลูกศิษย์โดยพาหลวงพ่อวิชัยไปที่ถําวัวแดงเพื่อให้หลวงพ่อวิชัยได้ฝึกสมาธิและรําเรียนสรรพวิชาไสย์เวทย์ โดยที่อาจารย์สําลีท่านได้ขนตําราทั้งหมดที่มีอยู่มาให้หลวงพ่อวิชัยรําเรียน จนสำเร็จ
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อวิชัย ผาสุโกอาจารย์ทึม บ้านหมี่จังหวัดลพบุรี
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry (ปิดรายการ)

    IMG_20221004_023140.jpg
    IMG_20221004_023154.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2022
  18. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,985
    ค่าพลัง:
    +5,394
    ขอจองครับ
     
  19. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,985
    ค่าพลัง:
    +5,394
    ขอจองครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...