เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    จิตยิ้มก็เห็นด้วยค่ะ....ในตอนแรก

    แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวว่า....มีพลังงานชนิดใหม่ที่ไม่ใช่ "ผลกรรม" คืออะไร?

    ท่าน sataniel เป็นผู้เลิศทางด้านศาสตร์พลังงานนี้ น่าจะเข้าใจสิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ได้ดีทีเดียวเลยล่ะค่ะ

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า มนุษย์ต้องรู้ว่า...ที่ว่างโล่ง ....จากที่ใกล้ตัวจนห่างออกไปในจักรวาลอันไพศาลนั้น ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยคลื่นความถี่ทางพลังงานอันหลากหลายลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ พลังงานเหล่านี้ที่ถูกกำนดสร้างไว้ด้วยแต่แรก และการสร้างใหม่ภายหลังการสร้างใหม่ของบรรดาแก่นแท้ที่ดำรงอยู่ในสนามพลังงานสากลจักรวาลพลังงานเหล่านี้ต่างมีพลังอำนาจในตนเองเพื่อสร้างใหม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ละสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในสนามพลังงานจักรวาลนั้น มิได้สร้างปัญหาให้เกิดการเสียสมดุลของระบบ เหมือนดั่งเช่นพลังงานใหม่ที่เป็นขยะพลังงานจำพวกผลกรรมด้านบวกและผลกรรมด้านลบ ที่มนุษย์สร้างขึ้นกันมาแต่อย่างใด

    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?

    เพราะตัวตนแก่นแท้ของสรรพสิ่งในสากลจักรวาล (คลื่นอนัตตาค่ะ) เป็นผู้สร้างพลังงานใหม่ขึ้นในสนามพลังงานสากลอันไพศาลนี้ สิ่งใหม่หรือพลังงานใหม่ที่เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนภายในแก่นแท้ของตนเอง ด้วยคุณสมบัติของแก่นแท้นั้น ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ

    การปรุงแต่งที่ว่านี้คือ การใส่รหัสการสั่นสะเทือนภายในแก่นแท้ของตนเองเข้าไปใหม่ ซึ่งผิดไปจากธรรมชาติเดิม นั่นเอง

    เช่น กรณีพระสุริยะเทพ หรือดวงอาทิตย์ ที่มีคุณสมบัติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนเองก็คือ มีแสงสว่างภายในตนเองที่สามารถเปล่งรังสีแสงมีความร้อนแรงแผ่ออกมาภายนอกได้รอบทุกทิศทาง

    ❤ วันดีคืนดี พระองค์เคยทรงหยุดพักส่องแสงหรือหยุดแผ่รังสีที่ร้อนแรงเสียดื้อ ๆหรือไม่?

    ❤ พระองค์มีการบเว้นไม่ส่องแสงให้ใครบางคน ไม่ให้ไออุ่น หรือความร้อนแรงแก่บางคน หรือเลือกที่รักมักที่ชังบ้างหรือไม่ ?

    ❤ พระองค์เคยใช้รังสีที่ร้อนแรงกลั่นแกล้งทำร้ายใครคนใดคนหนึ่ง อย่างจงใจบ้างหรือไม่?


    คำตอบที่ถูกต้อง " ไม่มี " คุณสมบัติตนเองอย่างไรก็แสดงคุณสมบัติของตนอยู่เช่นนั้น ไม่มีการปรุงแต่งด้วยการใส่รหัสใหม่เข้าไปในคลื่นการสั่นสะเทือนภายในแก่นแท้ของตนเลย มีแต่คลื่นการสั่นสะเทือนจากคุณสมบัติแท้จริงของตัวเอง นั่นคือไม่มีคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดอื่นใดสอดแทรกเข้าไปด้วยนั่นเอง

    ต่างจากมนุษย์โลก แม้จิตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้มีคุณสมบัติการสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่ด้านบวกด้านเดียวดังเช่นดวงอาทิตย์หรือพระสุริยะเทพ

    แต่...มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถแสดงคุณสมบัติที่แท้จริงของแก่นแท้ตนเองออกมาให้ผู้อื่นประจักษ์ได้เลย เช่น
    ความรัก(ในพรหมวิหารสี่) ความเมตตา ความอดทน ความอดกลั้น และการให้อภัย ซึ่งเรียกเรียกว่า "คุณสมบัติด้านบวก" ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ของการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกนั่นเอง(พลังงานความรัก)

    มนุษย์จะต้องรู้ว่า ถ้าสามารถข้ามผ่านย่านความถี่ต่ำอันเป็นคลื่นความถี่ในการสั่นสะเทือนด้านลบของจิต ที่เรียกว่ากิเลสตัณหาได้เมื่อใด อารมณ์รู้สึกแรกที่เป็นด้านบวก อันเกิดจากการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ด้านบวกซึ่งมนุษย์จะได้รับรู้มันก็คือ ความปิติเบิกบานใจ นั่นเอง

    ความปีติเบิกบานใจ จะเกิดขึ้นในยามที่จิตว่างไปจากอารมณ์รู้สึกที่เป็นขยะทั้งปวง หรือยามที่จิตเป็นอิสระจากการครอบงำด้วยอำนาจกิเลสแห่งตัณหา สภาวะนี้ คือ สภาวะจิตในระดับปกติของมนุษย์อย่างแท้จริง

    ในชีวิตประจำวันมนุษย์น้อยรายที่จะมีโอกาสยกระดับจิตมาสู่สภาวะปกติ ที่เรียกว่าระดับปีติเบิกบาน แต่มีโอกาสค่อนข้างน้อยหรือไม่บ่อยนัก เนื่องจากมนุษ์ส่วนใหญ่มักจะทำจิตตนเองให้ไม่ค่อยว่างไปจาก การนึก การคิด และการรู้สึกในสิ่งที่เป็นขยะ ยังผลให้เข้าถึงความปิติเบิกบานไม่ได้

    เหตุที่เข้าถึงความปิติเบิกบานไม่ได้ เพราะจิตมีความวิตกกังวล ความอยาก ไม่อยาก ความเศร้าหมอง หดหู่ และอื่น ๆ อันเป็นเหตุไม่สงบแห่งจิตครอบงำอยู่นั่นเอง

    มนุษย์จะเข้าถึงการสั่นสะเทือนทางจิต ในระดับของความมีปีติเบิกบานได้ จะต้องกระทำที่จิตตนเอง 2 อย่าง คือ

    ดับกิเลสตัณหาที่เป็นอารมณ์หยาบ ๆ ในขณะนั้นให้สิ้น

    ❤ ทำจิตให้สงบหรือว่างไปจากทุกข์ทั้งปวง


    เมื่อทำสองอย่างประสบความสำเร็จแล้ว การยกระดับจิตที่สั่นสะเทือนด้านบวก เป็นคลื่นความถี่ที่สูงยิ่งขึ้นไปกว่านั้นก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที

    เพราะอุปสรรคตรงตอนนี้ ไม่เหลือแล้ว !

    ผู้ใดที่สามารถรักษาสภาวะจิตที่เป็นปีติเบิกบานเอาไว้ได้ การสั่นสะเทือนตนเองเป็นความเมตตา กรุณา หรือ มุฑิตา ก็จะกลายป็นเสมือนสั่นสะเทือนได้เองอัตโนมัติ

    ถ้ามนุษย์คนใด หมั่นบำเพ็ญเมตตา กระณา และมุฑิตาต่อเพื่อนมนุษย์ย่างสม่ำเสมอ จนจิตเกิดความชำนาญขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น เคยชิน

    ในที่สุดมนุษย์ผู้นั้นจะมีนิสัยในการแสดงออกทางอารมณ์ด้านบวกที่เป็นคุณสมบัติธรรมบาติเฉพาะตัวอันแสนวิเศษ คือ ความเป็นอุเบกขาห่งจิต นั่นเอง

    และความเป็นอุเบกขาแห่งจิตนี้แหละค่ะ เป็นปลายทางแห่งการพ้นทุกข์ เพราะเป็นอุบายสล้ดเวทนาออกจากความเป็นจริง ตถาคตจึงหลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ค่ะว่า....การรับรู้ของจิตของเรา มันว่างไปจากอัตตาตัวตนรูปลักษณ์ได้แล้ว จิตก็ย่อมไม่มีอะไรจะให้ยึดติดและจิตก็ไม่มีอะไรต้องปรุงแต่งกันอีกแล้ว เมื่อการยึดติดและการปรุงแต่งของจิตไม่มีเช่นนี้แล้ว เจ้าตัวกิเลสตัณหาอันไม่พึงประสงค์ทั้งหลายมันจะก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไรกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2019
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    การยกระดับจิต จิตยิ้มได้นำคำกล่าวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปบ้างแล้วนะคะทีผ่านมา

    ขั้นตอนการยกระดับจิต...แบบคร่าว ๆ ค่ะ

    หลัก ๆ การยกระดับจิต

    ❤ ยกระดับสติปัญญา
    ❤ พัฒนาจิตสำนึก
    ❤ มีมหาสติเป็นฐานของจิต นำกายกับจิตใจให้เข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน

    ยกระดับสติปัญญา คือการสร้างสติเพื่อการเปิดมิติแห่งการใช้ปัญญาภายในของตน เพื่อชำระจิตหยาบ

    การชำระจิตหยาบให้ได้ผลที่สุดก็คือ จะต้องชำระอารมณ์หยาบ ๆ ให้นิพพานไปทีละอย่าง

    การทำให้มันนิพพาน หมายถึง การดับอารมณ์หยาบ ๆ นั้นให้สิ้รจนมันไม่เหลืออารมณ์หยาบ ๆ นั้นเป็นคุณสมบัติของจิตหยาบอีกต่อไป(จิตหยาบ คือ วิญญาณในทางพุทธ) หมายถึงอารมณ์หยาบ ๆ ที่ดับไปแล้วนั้นจะไม่เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาใหม่อีกตลอดไป อันหมายถึงเป็นการดับอารมณ์หยาบ ๆ นั้นอย่างสิ้นเชิงแล้วนั่นเอง

    พัฒนาจิตสำนึก

    จิตสำนึกคือ โดยรวมแล้วคือ "จิตใจ"

    ใจเป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำ
    กระบวนการของใจเองที่สร้างอารมณ์ขึ้น
    จิตสำนึกมนุษย์ ก็คือ สมอง ที่มีจิตใจของแต่ละคนเป็นตัวควบคุมกระบวนการทำงานของสมอง นั่นเอง


    พฤติกรรมที่เกิดจากจิตสำนึก มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะเฉพาะ 6 ประการ คร่าว ๆ

    1. ไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึกหรือกิเลสตัณหาเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมนั้น

    2. ไม่ใช้ความอยากไม่อยากเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการคิดและการกระทำนั้น โดยจะทำเพราะรู้ดีว่าตนสมควรทำ มิใช่เพราะอยากทำ หรือไม่ทำเพราะไม่อยากทำ แต่ที่ไม่ทำก็เพราะรู้ดีว่ามันไม่สมควรกระทำต่างหาก

    3. เป็นผู้กำหนดจิตเพื่อการกำหนดคิด สู่การตัดสินใจ กระทำด้วยปัญญา โดยไม่ปล่อยให้จิตนึกเองคิดเอง และทำอย่างสะเปะสะปะ หรือเป็นไปตามอำเภอใจ

    4. เป็นพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของผู้อื่น คือ มีความถูกต้องเหมาะสมและดีงามเสมอ

    5. เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกหรือกระทำก่อประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

    6. เป็นพฤติกรรมที่มิได้เกิดจาการแสแสร้งแกล้งทำหรือฝืนใจทำ


    มีมหาสติเป็นฐานของจิต นำกายกับจิตใจให้เข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน

    คำว่า "มหาสติ" หมายถึง การที่มนุษย์สามารถทำจิตให้สงบบริสุทธิ์ และเป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง ไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ของตนเองโดยสิ้นเชิง ด้วยการรู้แจ้งในทุกสิ่งที่เผชิญ จนเกิดความเข้าใจได้ ยอมรับได้ และปฏิบัติได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2019
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    จิตจักรวาลดวงใหญ่ คือ จุดศูนย์กลางการสั่นสะเทือนของทุก ๆ สรรพสิ่งในทุกย่านความถี่หรือในทุก ๆ มิติของพลังงาน ก็คือจุดเริ่มต้นแห่งการเกิดขึ้นของทุก ๆ สรรพสิ่งตั้งแต่มิติของการเป็นอนัตตาไปจนถึงมิติของสรรพสิ่งที่มีอัตตา

    อาจหมายถึง เป็นผู้เริ่มต้น หรือ เป็นจุดเริ่มต้นก็ได้

    หรือจะกล่าวว่า รูปธรรมที่เป็นแก่นแท้ของความเป็น
    อนัตตา เพราะเป็นศูนย์รวมของแก่นแท้ของความเป็นอนัตตาซึ่งมีเพียงรูปธรรมเดียว

    ใครถือครองดวงจิตนั้น?

    คำว่าใคร...ที่หมายถึง รูปธรรมที่เป็นเปลือกนอกนะ! หรือคะ

    รูปธรรมที่เป็นเปลือกนอกอย่างเรา ๆ ไม่มีค่ะ เป็นเพียงแต่รูปธรรมทางพลังงาน คือ อนุภาคแก่นแท้ของคลื่นความถี่ในทุกย่านความถี่ ที่อุบัติมาด้วยตนเองจากสนามพลังงานสากลที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนัก และสนามพลังงานก็เต็มไปด้วยอนุภาคของคลื่นและคลื่นความถี่อิสระระดับ "อนัตตา" อยู่มากมาย

    หรือจะกล่าวว่า เป็นผู้สร้างพลังอำนาจให้แก่ทั้งระบบ นั่นเองค่ะ
     
  4. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ถ้าตนไม่พึ่งตนแล้วใครจะมาช่วยได้..

    การยกระดับจิตมันต้องปฏิบัติเองทั้งนั้นหาใช่ใครจะมายกระดับจิตให้..

    เปรียบเหมือนการเดินทางถ้าท่านไม่ออกก้าวเดินท่านจะถึงจุดหมายได้อย่างไร..

    เปรียบเหมือนการเดินทางผู้คอยแนะนำรออยู่แล้วในระหว่างทางและมีคนคอยพยุงในระหว่างทางเป็นระยะๆ..

    ไม่ใช่อยู่ๆจะยกระดับจิตได้เลยมันไม่ใช่หนังจีนนะที่ถ่ายทอดวิชาเพียงแค่แตะตัวก็เก่งเลย
     
  5. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    นั่งอยู่เฉยๆจะมีเงินทองหล่นมาจากฟ้าหรือเปล่าล่ะ...การยกระดับจิตก็เช่นเดียวกันอยู่ๆจะยกระดับจิตได้เองเลยก็หาไม่
     
  6. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ดูๆแล้วท่านจะเก่งกว่าศาสดานะ...ยิ่งนานวันยิ่งเละกันไปใหญ่
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    แล้วท่านสงบ จะกล่าวเรื่องนี้ว่าอย่างไรดีคะ

    นี้ค่ะ...จิตยิ้มหาข้อมูลมาให้พิจ่ารณา

    คิริมานนทสูตร

    (พระยาธรรมมิกราชสูตร)


    ---อานนฺท “ดูกรอานนท์ ธรรมนี้ชื่อว่าพระยาธรรมิกราช เพราะเป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย ข้อที่เราตถาคตได้ตรัสไว้แล้วในธรรมหมวดนี้คือได้ชี้นรก สวรรค์ พระนิพพาน กิเลสตัณหา โดยจะแจ้งสิ้นเชิง เมื่อผู้ใดได้ฟังแล้วปรารถนาสุขทุกข์ประการใด ก็จงเลือกประพฤติตามความปรารถนา"

    ---"พระสูตรที่ชื่อ
    พระยาธรรมิกราช" นี้ แปลว่า ธรรมที่เป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย หรือราชาแห่งธรรมทั้งปวง พระยาธรรมมิกราช คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ ผู้เกิดจากการตรัสรู้ด้วยตนเอง ไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิ์ที่เกิดจากผลบุญอานิสงค์ไม่

    ---องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์จึงมิใช่พระเจ้าจักรพรรดิ์ทั่วไป และไม่สามารถเทียบกันได้เลย หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เคยสอนลูกศิษย์ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ คือผู้ที่มีบุญบารมีมากกว่าองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นผู้คุ้มครองปกป้องพระศาสนาและองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ เกิดจากฆราวาสผู้ตรัสรู้ธรรมด้วยตนเอง จึงเป็นการยากยิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในโลกนี้ เป็นผู้คุ้มครองปกป้องพระศาสนา และคุ้มครองโลกนี้

    ---องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พบเจอได้ยากแล้ว แต่การจะหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมมหาจักรพรรดิ์ พบเจอได้ยากยิ่งกว่า

    https://sites.google.com/site/dhammajak2500/prayadhammikaraj
     
  8. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เราจะบอกอะไรให้...คลื่นความถี่เสียงเป็นที่ตั้งของโทสะ หมายถึงท่านไปยึดเอาคลื่นเสียงมาเป็นตนมันก็สั่นสะเทือน

    ถ้ายังมีคลื่นความถี่อยู่มันก็ยังไม่พ้นอยู่ดีนั่นแหละ..

    ถ้ายังมีคลื่นความถี่อยู่มันก็ยังไม่พ้นอัตตา..
     
  9. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เราจะบอกอะไรให้...ตรงหน้าผากมีทั้งตาที่สามและที่ปล่อยจิตอันเป็นอกุศล

    ฝึกปฏิบัติสิค้นหาในกายนี้สิ...ถ้าจะยกระดับจิตให้ได้เร็วขึ้นมันต้องรู้ที่ปล่อยจิตหรืออารมณ์อันเป็นอกุศลด้วย..

     
  10. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    มีทางเข้าก็มีทางออก...ทางเข้ากับทางออกอยู่ติดกัน..

    ถ้ากันสิ่งต่างๆเข้าไม่ได้หรือทำไม่เป็นต้องรู้ทางออกมันถึงจะง่าย..
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ค่ะ ดินแดนสุญญตา คือ อณาบริเวณที่เป็นฉากดำนอกระบบเอกภพทั้งหมด สนามพลังงานที่จิตจักรวาลดวงเล็กและจิตจักรวาลดวงใหญ่ดำรงอยู่ จะเป็นสนามพลังงานคนละระบบกับสนามพลังงานในระบบเอกภพค่ะ

    สนามพลังงานนอกระบบเอกภพ หรือ แดนสุญญตา คือ ความว่างหรือความมีที่ไม่มี ซึ่งเป็นแดนที่มีอยู่จริงและดำรงอยู่จริงในสนามพลังงานสากลเช่นเดียวกัน

    ในพื้นที่ว่างโล่งที่มนุษย์เรียกว่า "อวกาศ" นั้น มิได้เป็นสถานที่ว่างเปล่า เป็นสนามพลังงานซึ่งเป็นระบบโครงข่ายขนาดใหญ่โยงใยถึงกันหมด โดยระบบใหญ่จะประกอบด้วยระบบย่อยวางทับซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบและแยบยล

    สะพานเชื่อมโยงการถ่ายทอดคลื่นการสั่นสะเทือนอันเป็นภาษาสากลจักรวาล ที่เรียกว่า "การสื่อสัมพันธ์" หากไม่มีสนามพลังงานปรากฎการณ์ที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นมิได้

    แต่มนุษย์จงรับรู้ไว้เถิดว่า มิมีที่ใดในสนามเอกภพนี้จนแม้แต่ในแดนสุญญตานอกระบบเอกภพหรอก ที่จะว่างเปล่าไปจากสนามพลังงานอย่างสิ้นเชิงหรือวางเปล่าจนไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย

    ค่ะ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า...

    นิพพาน คือ พ้นโลก หรือ เหนือไปจากโลก คงจะทำให้เห็นภาพได้

    และ

    นิพพานไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่..นิพพานคือ ความว่าง

    ก็คงจะมองภาพออกใช่ไหมคะ

    ส่วนคลื่นการสั่นสะทือนนั้น ถ้าจะนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพิจารณา
    14012019090939-1.jpg

    1d94223f1ab6187a0b654a71283ce4ce.jpg

    images.png

    ความสั่นสะเทือนที่เป็นคุณสมบัติของแก่นแท้ คือ การสั่นสะเทือนที่ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ คือ เป็นคลื่นความถี่อิสระ ไร้พันธนาการใด ๆ เป็นคลื่นอนัตตาที่เป็นพลังงานบริสุทธิ์ นะค่ะ

    หากอายนิพพานนั้นมิได้สั่นสะเทือน หรือ มิได้มีคลื่นความถี่ใด ๆ เลย ก็จะเป็นความว่างเปล่าแน่แท้ เพราะมิมีอะไรเลย แต่สภาวะที่พ้นทุกข์เป็นคลื่นการสั่นสะเทือนที่สูงมาก เหมือนหยุดนิ่ง เหมือนไม่ได้สั่นสะเทือน แต่แท้จริงแล้วก็คลื่นพลังงานที่ความมีที่เหมือนไม่มี คือ ความว่าง นั่นเองค่ะ (พอมองภาพออกไหมคะ) ล้ามากแล้วค่ะ จิตไม่ทำงานแล้ว ตั้งแต่บ่ายโมง เดี๋ยวจะเอาคำตอบชัดเจนรอก่อนค่ะ พักไว้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2019
  12. Luenvyshine

    Luenvyshine ชีวิตที่ถูกคุมด้วยเวลา คือ วงจรชีวิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +41
    เราเข้าใจที่คุณจิตยิ้มอธิบายนะคะ แต่เราจะไม่มาเล่าให้ใครๆในโลกหรือมนุษย์หรือใครๆรับรู้ๆค่ะ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเราค่ะ

    ธรรมชาติ หรือจักรวาลที่คุณจิตยิ้มว่าไว้นั้น กำลังปรับสมดุลตนเองอยู่ ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่ได้แตกต่างกับคำว่า "ปรับเปลี่ยนให้สมดุล" ค่ะ สำหรับมนุษย์ใช้คำว่า "ภัยพิบัติ" แต่จักรวาลธรรมชาติ เค้าเรียก "ปรับสมดุล"

    ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมันค่ะ ให้มันเป็นไปตามบุญกรรมของแต่ละคนค่ะ ให้มันเป็นไปตามจิตวิญญาณของแต่ละคนค่ะ

    ไม่จำเป็นต้องเตรียมพร้อมหรือมาเล่าเรื่องนี้ให้ใครๆรู้หรอกค่ะ เพราะมันก็มีโอกาสเกิดขึ้นจริง แต่อนาคตของเวลา ของการทำนายก็เปลี่ยนแปลงได้นะคะ ถ้ามีตัวแปรทำให้ชะตากรรมของโลก ของจักรวาลเปลี่ยนไปค่ะ

    เวลาคือตัวเร่ง และทำลาย และสร้าง ใหม่ตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ
     
  13. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ที่สุดแห่งทุกข์เป็นไฉน?...

    คำตถาคตก็ได้สอนไว้ครบถ้วนอยู่แล้ว คือ..

    วิญญาณดับภพชาติก็ดับ..

    เมื่อเห็นสักว่าเห็น เมื่อได้ยินสักว่าได้ยิน
    "สักว่า"

    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (เมื่อวิญญาณดับภพชาติก็ดับ)แล้วทำไมไม่ชี้ตรงไปที่วิญญาณเลยล่ะ...จะมาศึกษาอ้อมโลกอยู่ทำไม

    สัพเพ ธรรมมา อนัตตา...แล้วทำไมไม่ชี้ตรงไปที่อนัตตาเลยล่ะ..จะมาเรียนรู้อ้อมโลกอยู่ทำไม..
     
  14. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ดูมันขัดแย้งกันนะ..

    ความว่างมันย่อมไม่มีอะไรตั้งอยู่ได้แม้การสั่นสะเทือนใดๆก็ไม่อาจตั้งอยู่ได้..

    ว่างก็คือว่าง...ถ้ายังสั่นสะเทือนอยู่ก็ไม่ใช่ความว่าง
     
  15. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เราจะบอกอะไรให้...จิตจักรวาลสอนไม่ถึงนิพพาน จิตจักวาลสอนถึงเพียงแค่อรูปพรหม..
     
  16. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ความรู้ใดๆที่ได้มาแม้จะเป็นจากการปฏิบัติของตนเองถ้านำมาเทียบเคียงกับตำราพระไตรปิฏกแล้วมีความแตกต่างหรือขัดแย้งกัน...

    ความรู้นั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์..
     
  17. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ท้องฟ้าสวดี..

    IMG20190911171058.jpg IMG20190911171030.jpg
     
  18. เพื่อนผู้รอนาน

    เพื่อนผู้รอนาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +824
    ภายนอกไม่มี..ที่สิ้นสุด.
    แล้วจะไปหาที่สุดสิ้น.
    ย่อมเป็นไปไม่ได้..
    แต่ที่เป็นไปได้.
    คือ..สิ้นสุดภายใน.
    คือ.สุดสิ้นภายใน.จิตใจ..
    ของตัวเราเอง..
     
  19. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    งั้นคุณจิตยิ้มลองถาม จจว. ของคุณนั่นแหละว่าที่เขาพูดถึงอยู่ในกาลอวกาศ(สภาวะว่างโหวงแบบอวกาศลอยละลิ่ว) หรือ สภาวะว่างสูญไม่มีโหวงเหวงมีแต่หว่าเหว้และไม่ได้อยู่รวมกับสภาวะธรรมอื่นๆ หากเป็นแบบหลังให้ลองถามด้วยว่ารู้มาจากใคร และหากเป็นแบบหลังจริงไม่ควรเรียก "จิตจักรวาล"(เพราไม่ได้อยู่ในจักรวาล) ควรเรียก จิตนอกจักรวาลจะดีกว่านะครับ และหากเป็นสุญตาแบบหลังก็ไม่ควรเรียกว่ส "อวกาศใดๆเพราะไม่ใช่ต้องเรียกว่านอกอวกาศไปอีก" ไม่งั้นคุยกับใครเขาจะไม่รู้เรื่องเพราะภาษาของคุณเอง


    อ่อและนิพพาน = the one เป็นหนึ่งเดียวเนื้อเดียว (มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1) หากปรากฏการณ์ทางวิทย์เช่นความสูญก่อนเกิดโลกและจักรวาล ที่ว่างไม่มีอะไรกับ ว่างหลังโดนระเบิดซูเปอร์โนว่า มันจะ "ว่างในลักษณะเดียวกันไหม?" ให้ลองคิดดูนะครับ การกำหนดจิตที่ผิดไปนิดเดียว ผล ย่อมต่างกันคนละโยชน์ พระปัจเจกอยู่ภูเขาคันธมาฐ ส่วนสาวกอยู่ไหน ? นิพพานจริง แต่นิพพานแล้วไปสูญอย่างงั้นมันดีอะป่าว?(หากกรณีที่คุณยกมามันคือนิพพานจริงๆไม่ใช่อวกาศโหวงเหวงละก็นะ)

    ถ้าว่างแบบไม่มีอะไรเลยก็ขอให้คุณจิตยิ้ม โชคดีนะครับ "นิพพานบรมสุขอย่างยิ่ง" นั่นไม่ใช่นิพพานของพุทธศาสนานะฮับถ้าต้องการจะไปละก็นะ

    ปล.ถ้าคุณคุยเก่งแปลเก่งให้ลองถามเขาดูว่าเขารู้มาจากใครความรู้นี้ และหากรู้เองลองถามเขาดูว่าเหงาไหมทำไมไม่บรมสุข แล้วทำไมไม่ออกมานะฮับ
     
  20. เพื่อนผู้รอนาน

    เพื่อนผู้รอนาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +824
    ผู้ที่หาทางพ้นทุกข์.
    หาทางภายนอก.
    หาเท่าไหร่.ก็หาไม่เจอ.
    ผู้ที่หาทางพ้นทุกข์เจอ.
    คือ.ผู้ที่หา..ทางภายใน.
    .....ภายใน....ใจจิต....
     

แชร์หน้านี้

Loading...