เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในที่สุดมะนาวต่างดุดท่านนี้ก็ออกมาโชว์ตัวแล้วครับท่าน..
เราเห็นอยู่ในมุมมืดมาตั้งนานแล้วแหล่ะ..
ยังแอบกลัวอยู่เลย.. อิอิ..: bat: : bat: : bat:

 

เมื่อเช้านี้เผอิญได้ฟังรายการวิทยุรายการนึง เค้าเล่าให้ฟังเรื่องนึงครับ
เรื่องเปโตรเดินบนทะเลสาบ ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ไหน..?


ในเหตุการณ์นั้น เปโตรเห็นพระเยซูคริสต์เสด็จเดินมาบนทะเล
เปโตรก็ถามว่า..หากท่านเป็นพระเยซูจริง ขอให้เราข้ามทะเลไปหาท่านได้โดยไม่จมน้ำ
พระเยซูบอกว่า

 

โทรไปสั่งซื้อแล้ว..ไมไม่มีขายล่ะ..จารย์

อยากได้...โอย...อยากได้ ใครมีขอซื้อหน่อยคร๊าบ...อ่านตัวอย่างบางตอนแล้วชอบมากๆ ..ขอบอก

 

สักพักภาพตัดเป็นไปเห็นหมาชื่อ ถังทองของตัวเองนอนนิ่งเหมือนป่วย รู้สึกประมาณว่ามันป่วยเพราะเรา เราเดินไปหามันพลันพูดกับมันว่า เจ้าคือเรา เราคือเจ้า เราต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่ง ๆ นั้น อีกไม่นานเราจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น แล้วก็ย้ำลงไปอีกว่า เราจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น (ไม่แน่ใจว่าใช้คำว่าจะ หรือ ขอ) กล่าวจบปุ๊ป ความรู้สึกเหมือนถูกครอบคลุมโดย กลุ่มพลังงานหนาแน่น สงบ และ ไม่มีอะไรเลย มันรู้สึกว่างเปล่า เลยตกใจกลัว ถอยออกมา เชื่อไหม พอตกใจ สวดชินบัญชรด้วย

พอคิดทบทวนความจำตอนอายุ 14 - 15 ปี มีปัญหาเกิดขึ้น คือพอหลับตาเหมือนมีความรู้สึกเหมือนที่ก๊อปมาข้างบน หลับตาปุ๊ปเป็นปั๊บ ทำให้นอนไม่ได้เลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนจะโดนผีอำ คล้าย ๆ แต่ไม่ใช่ เป็นอยู่นาน เรียกว่าแทบไม่ได้นอน ยกเว้นเพลียหนัก ๆ ตอนนั้นกลัวมาก ถามใคร ก็ไม่มีใครทำให้เข้าใจสักที เพราะตอบไม่เหมือนกัน หลังจากฝันครั้งนี้ เริ่มรู้ลาง ๆ แล้ว ว่ามันคืออะไร ทำให้นึกถึงคำพูดในหนังสือที่ว่า เธอไม่มีทางค้นพบตนเองได้จากการถามหาจากครูบา อาจารย์ที่ไหน แต่เธอสามารถค้นพบตัวเองได้จากภายในของตนเอง (รู้สึกว่าจะอยู่ในเล่ม อมตะจิตวิญญาณ)

ยิ่งฝัน ยิ่งสนุก แถมเอาไปอ้างอิงตอบคำถามตัวเองในเหตุการณ์ในอดีตได้อีก Oh Amazing !

 

ฟังออดิโอบู๊คไปก่อนค่ะ เสร็จสองเล่มแล้ว เข้าไปฟังใน www.novaanalai.com นะจ๊ะ

 

เริ่มเห็นทวนเข็มแล้วครับ..สลับไปมาได้แล้ว มองขึ้นเหนือภาพแล้วมองกลับลงมาใหม่..หรือมองทีปลายเท้า
คุณ Falkman เห็นสลับไปมาได้ด้วย Test ดูแล้วมีสัก 10 %ได้ครับที่เห็นแบบนี้
คงจะเป็นความสามารถพิเศษน่ะ เปลื่ยนความเชื่อได้เร็วมาก อัจฉริยะเลยล่ะ
รูปเดียวกันพอใส่น้ำหนักเงาเข้าไปจะมีถึงสองความหมาย

If you see this lady turning in clockwise you are using your right brain.
If you see it the other way, you are using left brain.
Some people do see both ways, but most people see it only one way.
If you try to see it the other way and if you do see, your almost a genius.
THIS IS NOT A JOKE. BOTH DIRECTIONS CAN BE SEEN.

 

OH DEAR, THE ABOVE IS THE ANSWER FOR MY DREAM LAST NIGHT. WHAT'S THE WONDERFUL WORLD !(deejai) (deejai)

 

โทรสั่งซื้อหนังสือ และ CD เพลงชุดมนตราอนาลัยได้ที่
081-806-1333
02-758-0997
หนังสือมีขายเป็นชุดพร้อมกล่อง ชุดละ 2,600.- ค่าส่งต่างหาก
CD จำหน่ายแผ่นละ 190.-
มีจำนวนจำกัดค่ะ

 

Congratulations

ขอแสดงความยินดีกับคนที่รอคอยซื้อหนังสือครับ
คราวนี้อย่าประมาทนะครับ เพราะของดีมักหายาก

 

ได้ข่าวว่าหนังสือเหลือ 4 ชุดเอง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าครับ
คงต้องจัดพิมพ์ใหม่เร็วๆนี้ล่ะครับ

(good)

 

คุณสามารถค้นพบความมหัศจรรย์ในตัวคุณเองได้เสมอ คุณสามารถค้นพบธรรมชาติที่อยู่ในตัวของคุณ หนังสือชุดนี้เปรียบได้กับลูกกุญแจ ไขเข้าไปในปริศนาของตัวตนที่แท้จริงของคุณ ใครหนอจะโฃคดีได้ 4 ชุดที่เหลือนี้ไปเชยชมก่อนใคร เข้าใจว่าคุณนักเขียนคงกำลังสั่งพิมพ์ล็อตใหม่อยู่แน่ ๆ เฝ้ารออยู่ค่ะ

 

เป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณคือการเปลื่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ จากจุดยืนของเธอ สู่การค้นพบโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่อยู่ในภาวะจิตของเธอ มันจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงโครงสร้างและแบบแผนอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง

ถ้าได้อ่านจะวางไม่ลงครับ ยิ่งอ่านไปความสงสัยก็หายไปเรื่อยๆ พอเข้ามาคุยในห้องวิทย์ก็รู้สึกเหมือนอ่านจบหมดทุกเล่มเลย ตอนนี้กำลังอ่านโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ (ภาคปลาย) สนุกมากๆครับ ใกล้จบแล้วยืมคุณขจรวรรณมาอ่าน แล้วจะเอาไปคืนกับมืออาทิตย์นี้ล่ะครับ ขอบคุณมาก :-

 

วันนี้เพื่อนโทรมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังค่ะ..

วันก่อนเพื่อนคนนี้โทรมาชวนขจรวรรณไปร่วมพิธีบวงสรวงพระพรหมที่หล่อขึ้นมาใหม่ที่วัด จ.สิงห์บุรี แต่เราไปด้วยไม่ได้เพราะติดงาน เค้าเล่าให้ฟังว่าเช้าวันที่จะเดินทางไปไม่ทราบทำไมมีเหตุการณ์มากมายจนทำให้เค้ารู้สึกไม่อยากจะเดินทางไป แต่เพื่อนก็โทรมาตามหลายครั้งจนเค้าต้องออกเดินทางไป แต่ตัดสินใจเดินทางด้วยรถทัวร์ไปเพราะสดวกดี ระหว่างที่อยู่ในพิธีจิตเค้าก็นิ่งมาก แต่พอเสร็จพิธีแล้วจิตของเค้ากลับร้อนรนจะต้องเดินทางกลับบ้านให้ได้ แม้ว่าพิธีกรจะประกาศตลอดเวลาว่าให้อยู่ก่อนย้ำแล้วย้ำอีกเค้าก็ไม่ฟัง แล้วก็มารอรถทัวร์ที่ศาลาหน้าวัด เค้าบอกว่าเมื่อรถทัวร์คันแรกมาถึงเค้าก็ไม่สนใจเลยว่าจะมีที่นั่งหรือไม่เค้าตัดสินใจขึ้นรถกลับบ้านทันที เพราะเค้ารู้สึกว่าเค้าร้อนรนมากคือนั่งไม่ติดที่เลย หลังจากที่เค้าเดินทางออกจากศาลานั้นแล้วไม่นาน เพื่อนที่ยังอยู่ที่วัดก็โทรเข้ามือถือเค้าถามว่าเดินทางออกไปรึยัง? เพื่อนเค้าเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่เค้าเดินทางออกมาแล้วเพียงเสี้ยววินาทีนึง ปรากฏว่ามีรถกระบะตัดหน้ารถสิบล้อพ่วงแล้วรถพ่วงก็เสียหลักเข้าไปชนศาลาที่เค้ารอรถทัวร์อยู่ มีผู้เสียชีวิต 3 คน ที่เหลือบาดเจ็บอีกประมาณ 7 - 8 คน เค้าก็รู้สึกตกใจมากไม่คิดว่าเพียงเสี้ยววินาทีจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ และเค้าเองก็แปลกในมากว่าโดยปกติแล้วจิตเค้าจะนิ่งมากและก็ฝึกสติอยู่เสมอไม่น่าจะมีอาการร้อนรนถึงเพียงนี้

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ขจรวรรณตระหนักถึงความสำคัญของประสาทสัมผัสภายในและสติสัมปะชัญญะอย่างมาก เพราะเพื่อนคนนี้เค้าฝึกสมาธิตามแนวของสติปัฏฐาน 4 อย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาหลายปีมาแล้วค่ะ:boo:

 

ตอนแรกยังไม่เข้าใจดีเท่าไร แต่เมื่อคืนสามารถรู้ได้เลย ว่าที่ฝันหลายเรื่องน่ะมันฝันพร้อมกันหมดเลย แต่คราวนี้ดีใจเพราะจดบันทึกได้หลายเรื่องดี มีฉากหนึ่งเป็นหน้าใครไม่รู้ผมแสกกลาง ยิ้มให้ อีกฉากหนึ่งคุยกับใครไม่รู้แต่ได้ยินว่าคุณนักเขียนจะกลับมาที่ห้องทุกวันไม่ได้ขาดเลย ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนเป็นต้นไป ยังไงก็ขอจดจ่อเพิ่มพลังให้กับความฝัน ฝันจะได้เป็นจริง

 

พี่นักเขียนกำลังทำ e- book ทั้งหมด 10 เล่มให้อ่านกันอยู่น่ะครับ
ว่าไปแล้วเหมือนเป็นความรู้จากอนาคตน่ะครับ เมื่อถึงเวลาจะเป็นเรื่องที่ใครๆก็พูดถึงและเข้าใจง่ายอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดครับ..

 

ความเชื่อกับศรัทธา

ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีผู้อ่านที่จดหมายเข้ามาถามคำถามคล้ายๆกันคือ เรื่องของความเชื่อ ความศรัทธา โดยถามว่า ความเชื่อกับความศรัทธาต่างกันอย่างไร และจะทราบได้อย่างไรว่า อะไรคือความเชื่อที่ผิด และอะไรคิือความเชื่อที่ถูก หรือ อะไรคือความศรัทธาที่ทำให้สัมฤทธิ์ผลในแง่ลบ และอะไรคือความศรัทธาที่ทำให้สัมฤทธิ์ผลในแง่บวก

เราสร้างสรรค์ชีวิตหรือโลกแห่งความเป็นจริงของเราด้วยความเชื่อและศรัทธาด้วยกันทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเชื่อว่ามีจริง เป็นจริงและเชื่อว่าเป็นไปได้ ย่อมมีจริง เป็นจริงและเป็นไปได้ให้เรารู้เห็น-สัมผัส-และพิสูจน์ความเชื่อของตนเองเสมอๆ

ในทางตรงกันข้าม บุคคลที่เชื่อว่าสิ่งเดียวกันนั้น ไม่มีจริง ไม่เป็นจริงและเป็นไปไม่ได้ ก็มักจะไม่เคยรู้เห็นและไม่สัมผัสสิ่งเหล่านั้นเลย เพราะสิ่งที่คล้องจองกับความเชื่อของเราเท่านั้นย่อมถูกดึงดูดเข้ามาหาเรา ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล

ท่านอาจารย์อนาลัยจึงกล่าวว่า ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรามักจะพร้อมใจกันโกหกเราอย่างน่ารักเพื่อเอาใจเรา เราเชื่ออะไร เราก็ดึงดูดสิ่งนั้นๆเข้ามาสู่ประสบการณ์ชีวิต แล้วประสาทสัมผัสทั้งห้าก็รับรู้ตามนั้น ทำให้เรามักเชื่อหนักเข้าไปอีก

เรามักไม่ได้ตระหนักว่า พลังอำนาจที่ทำให้สิ่งต่างๆมีจริง เป็นจริง และเป็นไปได้ และพลังอำนาจที่ทำให้สิ่งต่างๆ ไม่มีจริง ไม่เป็นจริงและเป็นไปไม่ได้ เป็นพลังอำนาจเดียวกัน ซึ่งได้แก่ พลังอำนาจของความเชื่อ

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวย้ำถึงธรรมชาติแห่งความเป็นจริงข้อนี้เสมอๆในหนังสือทุกเล่ม เพื่อตอกย้ำให้เราทุกคนตระหนักได้ว่า พลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราเป็นไปได้-และ-เป็นไปไม่ได้-ตามปรารถนานั้น อยู่ภายในตัวตนของเรา ไม่ได้อยู่ภายนอก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆที่เราไม่สามารถจะควบคุมได้

ศรัทธา-หมายถึงความเชื่อถือ ความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นความเชื่อที่ปราศจากความหวั่นไหว เชื่อถืออย่างมั่นคง หมดใจ หมดเปลือก หมดความข้องใจ ปราศจากข้อสงสัย และปราศจากความกลัว หากความเชื่อใดๆ เป็นความเชื่ออย่างหมดใจ ปราศจากข้อสงสัย และความกลัว ความเชื่อนั้นๆก็คือความศรัทธา

ความเชื่อที่แท้จริงหรือศรัทธา เป็นภาวะจิตที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ก่อให้เกิดการดึงดูด การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และยังผลให้เกิดการแปลงสภาพ อันได้แก่การดึงดูดสิ่งต่างๆที่คล้องจองกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อนั้นๆมาสู่สถานการณ์ในปัจจุบัน ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนของอนุภาค พลังงาน ของประจุแม่เหล็กไฟฟ้าหรือหน่วยย่อยของจิตวิญญาณ ซึ่งเราทุกคนสามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก และในที่สุดสิ่งเหล่านั้นก็แปลงสภาพจากพลังงาน ของประจุแม่เหล็กไฟฟ้าหรือหน่วยย่อยของจิตวิญญาณมาเป็นสสาร เป็นบุคคลตัวตน วัตถุสิ่งของและประสบการณ์ต่างๆที่ปรากฏในชีวิตของเรา

หากความเชื่อหนึ่งๆเป็นเพียงความเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง ความเชื่อนั้นๆไม่ใช่ศรัทธา เพราะมันปราศจากความมั่นคง ปราศจากความเลื่อมใส ปราศจากพลัง และคละเคล้าด้วยความกลัว มันไม่สามารถดึงดูดสิ่งต่างๆที่คล้องจองเข้ามาหาเราได้ เพราะความเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง ก่อให้เกิดอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ไม่แน่นอน เปลี่ยนไป-เปลี่ยนมาง่าย หรือแตกแขนงเป็นความคิดอื่นๆหลายสาย ขาดการจดจ่อที่แน่วแน่

เราสามารถสัมผัสหรือวัดภาวะจิต หรือวัดความเชื่อหรือความศรัทธาได้จากความรู้สึกของตนเอง ความรู้สึกที่รุนแรงทำให้เราแต่ละคนตระหนักได้ถึงความมั่นคงของความเชื่อ และในขณะเดียวกันก็ทำให้เราตระหนักได้ถึงความไม่มั่นคงของความเชื่อด้วยเช่นกัน

เมื่อเรามีความเชื่อหรือศรัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างหมดใจ เราจะตระหนักได้ถึงความมั่นคง ไม่ว่าใครจะพูดหรือแสดงความไม่เห็นด้วยกับสิ่งนั้น เราจะปราศจากความหวั่นไหว ปราศจากความโกรธ ปราศจากความกลัวและปราศจากการต่อต้านทั้งปวง เพราะไม่ว่าผู้อื่นจะวินิจฉัยหรือแสดงความคิดเห็นแตกต่างเพียงใด เขาก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่เราเชื่อถือนั้นได้แม้แต่น้อยนิด

ในทางตรงกันข้าม หากเรามีความเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง เมื่อผู้อื่นพูดหรือแสดงความไม่เห็นด้วยกับสิ่งนั้น เราจะรู้สึกหวั่นไหว โกรธ กลัวหรือเกิดความรู้สึกต่อต้าน เพราะคำวินิจฉัยหรือความคิดเห็นที่แตกต่างเหล่านั้น ทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจ ขาดความมั่นคงยิ่งไปกว่าเดิม กล่าวได้ว่าคำพูดหริือความคิดเห็นเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจริง

เมื่อท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงจากความเชื่อของตนเอง เราควรตระหนักว่า ความเชื่อที่ท่านกล่าวถึงนี้หมายถึงความเชื่ออย่างแท้จริง ท่านไม่ได้หมายถึงความเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง ความเชื่อที่แท้จริงหรือศรัทธา แตกต่างกับความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งโดยสิ้นเชิง เพราะความเชื่อหรือศรัทธาที่แท้จริง คือ พลังอำนาจสูงสุดที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเชื่อ-เป็นไปได้หรือสัมฤทธิ์ผล แต่ความเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง-ปราศจากพลังอำนาจ มันอาจผลักดันเราไปได้เพียงครึ่งทางหรือบางส่วน แต่แล้วก็อ่อนกำลัง หรือเปลี่ยนทิศทางไปโดยสิ้นเชิง ทำให้สิ่งที่เราเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่งนั้น-เป็นไปไม่ได้ หรือไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลได้ดังปรารถนา

ปัจจัยหลักที่ทำให้สิ่งที่เราปรารถนา สัมฤทธิ์ผลได้ดังปรารถนาคือ ความเชื่อในแง่บวก
ปัจจัยหลักที่ทำให้สิ่งที่เราไม่ปรารถนา ไม่สัมฤทธิ์ผล คือ ความเชื่อในแง่บวก

ปัจจัยหลักที่ทำให้สิ่งที่เราปรารถนา ไม่สัมฤทธิ์ผลได้ดังปรารถนาคือ ความเชื่อในแง่ลบ
ปัจจัยหลักที่ทำให้สิ่งที่เราไม่ปรารถนา สัมฤทธิ์ผล คือ ความเชื่อในแง่ลบ

เมื่อท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า
อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน และ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ มีต้นกำเนิดมาจากภาวะจิต

เราควรจะตระหนักได้ว่า สิ่งเลวร้ายต่างๆในประสบการณ์ชีวิต ไม่ได้เกิดขึ้นก่อนที่เราจะรู้สึกไม่ดี ในทางตรงกันข้าม เราจะรู้สึกไม่ดีก่อนหน้าที่ประสบการณ์ชีวิตที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น

เราทุกคนมีส่วนดึงดูด สร้างสรรค์ ก่อเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ตั้งแต่สภาพลมฟ้าอากาศ สภาพแวดล้อม และสถานการณ์ทั้งหลายในชีวิต สภาวะแวดล้อมทางกายภาพเป็นภาพสะท้อนภาวะจิตของเรา สภาวะแวดล้อมในบ้านเป็นภาพสะท้อนภาวะจิตของเจ้าของบ้าน สภาพสังคมเป็นภาพสะท้อนภาวะจิตของกลุ่มชน สภาพบ้านเมืองเป็นภาพสะท้อนของประชาชน และประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราก็รับรู้หรือเผชิญกับประสบการณ์ที่ถูกดึงดูด สร้างสรรค์ ก่อเกิด ด้วยภาวะจิตของเราเองอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่ในทางกลับกัน(rose)

 

จากคำนิยามคำว่าศรัทธาที่พี่นักเขียนเขียนมา ดูแล้วตัวเองคงมีความศรัทธาต่อตัวเองไม่ค่อยมาก ช่วงนี้เวลาได้งานมา มักจะมีความรู้สึกในใจว่า ต้องมาทำเรื่องนี้รู้สึกมันยุ่งยากจัง คงจะยาก คงจะนาน ก็เลยทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับงานหน่อยๆ

ดูท่าแล้วคงต้องเพิ่มแรงศรัทธาที่มีต่อตัวเองให้มากขึ้นแล้วล่ะ การทำงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้เหมือนว่าสู้กับกำลังใจตัวเองไปด้วยเลย ถ้าจะถามว่ามันยุ่งยากเหมือนที่ชอบคิดมั๊ย มันก็ทำงานที่คล้ายๆ กันมานี้ผ่านมาพอสมควรแล้วเหมือนกันจนน่าจะจับหลักอะไรได้

โพสข้อความนี้เหมือนพูดกับตัวเองเลย

 

พี่นักเขียน กับ คุณ Mead ค่ะ

กำลังสร้าง Pyramid ค่ะ(rose)